![]() |
![]() |
sony diver![]() |
ตอน : 1
.วันนี้วันที่ 14 กุมภา... เวลาตอนนี้ตี 1...
...
เรื่องเล่าของแม่บ้านประจำหอจะเป็นจริงหรือเปล่า ที่วิญญาณของนางน้อย ที่ผูกคอตายในวันวาเลนไทน์ตอนตี 1 เมื่อ 5 ปีก่อนในห้องน้ำรวมของหอ จะออกมาอาละวาดหลอกหลอนคนในหอ จนไม่มีใครกล้าออกจากห้องหลังเที่ยงคืน...
บางคนเล่าว่า นางน้อยจะเดินไปร้องไห้ไปตลอดทางเดินหอ... บางคนบอกว่ามาร้องไห้แล้วก็เคาะประตูห้องเรียกให้ช่วย...
" ช่วยยยย น้อยยยยย ด้วยยยย.... "
เสียงเธอโหยหวนชวนให้ขนลุก... มันน่ากลัวจนหลายคนบนชั้นนี้ต้องย้ายไปอยู่ชั้นอื่น หรือไม่ก็ย้ายออกไปเลย...
...
มันทำให้ฉันตัวสั่นไปหมด... รีบเปิดน้ำจากฝักบัวล้างสบู่ที่ถูตัวให้หมดๆ จะได้รีบกลับห้อง...
หวังว่านางน้อยคงยังไม่ออกอาละวาดตอนนี้...
...
มันเสร็จแล้ว... หยึย หยึย... ฉันรีบเช็ดตัวลวกๆอย่างรวดเร็ว ขนมันก็ยังลุกไม่ยอมหยุด... นุ่งผ้าเช็ดตัวเสร็จ... ฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้...
" ฮือ... ฮือ... ช่วยน้อยยยด้วยยยย... ฮือ... ฮือ... "
มันทำเอาฉันฉี่แทบราด ขาสั่นดิกๆจนยืนแทบไม่อยู่...
ฉันหลับตาปี๋ ท่องนโมเสียงสั่น นึกถึงหลวงพ่อ ขอให้หลวงพ่อคุ้มครอง... จนซักพัก... เสียงของนางน้อยก็หายไป...
ฉันค่อยๆลืมตา โดยหรี่ตามาก่อนทีละนิด... เพื่อให้แน่ใจ...
หมอกหนาที่พื้นห้องน้ำหายไปหมด...
เงียบ...
ได้ยินเพียงเสียงหยดน้ำ ที่หยดลงมาจากฝักบัวที่บิดเกลียวปิดไม่สนิท... ดังติ๋ง...... ติ๋ง..... ติ๋ง....... .. ... กับเสียงลมหายใจหอบสั่นด้วยความตกใจสุดสุดของตัวเอง...
ฉันต้องรวบรวมสติอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องน้ำ... แต่ยังไม่ทันที่มือจะจับที่ลูกบิดประตู... ฉันก็เห็นเงารางๆที่สะท้อนกับพื้นเปียกน้ำหน้าห้อง ซึ่งมองเห็นได้เพราะบานประตูห้องน้ำจะสูง ไม่ได้ยาวลงไปติดพื้นตามแบบห้องน้ำสมัยใหม่ ที่เว้นช่องให้ลมระบาย...
ภาพสะท้อนที่เห็นเป็นภาพของผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินผ่านไป... เท้าลอย... ไม่ติดพื้น...
มันทำให้ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว... รู้สึกเหมือนขนหัวตั้งชัน...
ฉันอยู่ในห้องน้ำต่อไปอีกไม่ได้แล้ว... สุดท้ายฉันรวบรวมสติอีกครั้ง เปิดประตูออกจากห้องน้ำ หลับตาแล้ววิ่ง... อาศัยเพียงแค่ความเคยชิน ที่จำได้ว่าต้องเดินกี่ก้าวเลี้ยวตรงไหน... หรี่ตาพอให้เห็นรางๆ...
เหลือเพียงแค่ก้าว ก็จะพ้นห้องน้ำแล้ว...
แต่ฉันก็ก้าวพลาด... เพราะพื้นห้องน้ำมันลื่น... มันทำให้ฉันล้มลงนอนหงายหัวฟาดพื้น...
ภาพที่เห็นคือ...
ผู้หญิงใส่ชุดนอนผ้าพริ้วบางสีขาว ผมยาว หน้าขาวซีด ขอบตาคล้ำ กับริมฝีปากสีดำ กำลังกางแขนเกาะเพดานราวกับเป็นจิ้งจก อยู่ด้านบนตรงหน้าฉันพอดี...
เธอหันหน้ามามองฉัน ตาเขียวปัด สะแหยะยิ้มที่มุมปาก แล้วก็ทิ้งตัวลงมาทับตัวฉัน ซึ่งนอนหงายอยู่ที่พื้น....
" กรี๊ดดดดดด..... "
เสียงกรี๊ดดังลั่นจนโรงหนังแทบแตก ตอนฉากที่นางน้อยหล่นมาจากเพดานลงมาทับตัวนางเอก...
" โอยยยย.....กัว.... กูกัว.... ไอป๋อง มึงช่วยกูด้วย... "
ไอยักษ์ กอดไอป๋องซึ่งเป็นเพื่อนซี้เอาไว้แน่น จนไอป๋องหายใจแทบไม่ออก...
" ออย... มึงป่อยกู... ไอเชี้ยยักษ์... กูก็กัว... แต่กูหายใจไม่ออก... มึงเข้าใจมั้ย... โอย...ไปกอดไอขำๆนู้นไป... "
ขำๆนั่งถัดมาจากไอยักษ์ นั่งดูหน้าตาเฉย เหมือนไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไรตรงไหน ในเวลาที่คนอื่นแทบช็อค...
ถัดขำๆมาเป็นไอโหลยกับไอโท่ย ซึ่งกอดกันกลมดิกจนแทบจะกลืนเป็นก้อนเดียวกัน ครางหงิงๆออกมาเบาๆ...
ขำๆถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโรงหนังมา ทั้งๆที่หนังยังไม่จบ...
" เฮ้ยยยย... ไอเชี้ยขำๆ มึงจะไปไหน... มานั่งก่อน... เก้าอี้มันว่างๆแล้วกูเสียว... "
ไอยักษ์รีบเรียกขำๆให้กลับมานั่งที่เดิม... แต่ขำๆก็ไม่ได้สนใจฟัง เดินออกไปเหมือนไม่สนใจ...
...
แดดจ้าหน้าโรงหนังยามบ่าย ทำให้ขำๆทำตาหยีหน้าย่น เพราะตาคงยังปรับตัวไม่ทัน หลังจากนั่งในโรงหนังมืดๆมานาน...
" ยังไม่บ่ายสองเลย... ดูยังไม่ทันได้ครึ่งเรื่อง... "
ขำๆยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทั้งตาหยีๆ แล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเอง...
วันนี้เซ็งโคตรรรรรร สุดๆ... กะจะมานั่งดูหนังคนเดียว ให้สบายใจ... ดั้นนน... มีไอพวกแก๊งหญิงหลงตามมารังควาญ... น่าเบื่อที่สุด... ขำๆยังบ่นไม่เลิก...
แก๊งหญิงหลง... ชื่อที่ไอยักษ์,ไอป๋อง,ไอโหลย และไอโท่ย ตั้งขึ้นเป็นการแก้เคล็ดให้กับตัวเอง ที่ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมาจนอายุ14 เรียนม.3แล้ว หลีหญิงยังไม่เคยติดซักคน... ก็จาติดได้ยังงายหละ...
ดูสาระรูปมานสิ...
ไอยักษ์... ตัวมันใหญ่ ทั้งอ้วนทั้งสูง เหมือนควายผสมช้าง... หน้าตาเหมือนยักษ์ผสมหมีแพนด้า พวกในห้องเรียนเลยเรียกมันว่าไอยักษ์ ชอบทำตัวนักเลง แกล้งเพื่อน โดยเฉพาะขำๆไอยักษ์จะชอบแกล้งเป็นพิเศษ... มันเป็นหัวหน้าแก๊งหญิงหลง...
แม้มันจะนักเลง แต่ก็ติงต๊อง เอ๋อๆ ละก็กลัวผีสุดๆ...
แต่มันก็ดันชอบดูหนังผี...
...
ไอป๋อง... จอมวางแผนชั่วร้าย เป็นมือขวาของไอยักษ์... จริงๆมันหน้าตาดีนะ แต่มันผอมหน่อย... ดูแล้วมันน่าจะเกิดจากการผสมกันระหว่างขนมกูลิโกะกับต้นกุ้ยช่ายขาว... ถ้ามันไม่ผอม มันคงดังเป็นดาราไปแล้วหละ... ประโยคที่มันชอบมากคือ... โอ้พระเจ้าจอร์จ... มันเยี่ยมมาก...
มุกเก่าแล้ว แต่มันก็พูดได้ทุกวัน... ไม่รู้จักเบื่อซะที...
ไอโหลย กับไอโท่ย ดูๆเหมือนมันเป็นประเภทแฝดผีสิง... อยู่เซอร์ๆมกๆ ชอบทำอะไรเหมือนกัน ตัดผมก็ทรงเดียวกัน และขลุกกันอยู่สองคนได้ทั้งวัน... จนไม่รู้มันจะมาเข้าแก๊งทามมาย... แม้มันสองคนจะมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ไอยักษ์ก็ชอบชวนมันสองคนไปไหนมาไหนด้วย... แม้จะรำคาญ ที่เวลามันอยู่กันสองคนชอบทำอะไรหลุดๆชวนอ้วก... ละก็ทำเรื่องโหลยโท่ยได้ทุกวัน... ไอยักษ์เลยเรียกมันว่า ไอโหลย กับไอโท่ย...
จริงๆไอโหลยชื่ออวยพร ไอโท่ยชื่อคมกริบ... แต่มันไปไหนด้วยกันจนติดกันเป็นกาละแม เพื่อนๆก็ต้องเรียกมันคู่กัน เป็นไอ้อวยกะไอ้คม... พอหลังๆเพื่อนๆเหนื่อย เพราะมันยาว เลยย่อเหลือไอ้อวยคม... ซึ่งมันบอกมันรับไม่ได้... สยอง... กลัวผวน... มันเลยมีความสุขกับชื่อ ไอโหลยโท่ยมากกว่า... โหลยโท่ยจึงเป็นชื่อของมันสองคนตั้งแต่นั้นมา...
แก๊งหญิงหลง เป็นแก๊งป่วนประจำห้องเรียน... มันไม่ได้นักเลงหัวไม้อันธพาลอะไรหรอก... มันก็แค่พวกติงต๊องชอบแกล้งเพื่อนๆแค่นั้นเอง...
ขำๆซึ่งเป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด เลยโดนพวกแก๊งหญิงหลงแกล้งเป็นประจำ... คงอิจฉาที่ขำๆเป็นคนหล่อ หน้าตาดี หน้าสวย ผิวเนียนเหมือนผู้หญิง หุ่นดี... ซึ่งจริงๆสาวๆชอบขำๆตั้งหลายคน แต่เพราะขำๆเป็นคนเงียบๆ ไม่พูด และก็มีบุคลิกแปลกๆ ไม่ชอบสังคม ชอบเก็บตัว ไม่ชอบเข้ากลุ่ม เพื่อนๆเลยไม่ค่อยมีใครกล้ามาสุงสิงกับขำๆมากนัก...
และขำๆก็เป็นคนแปลกจริงๆ...
...
ขำๆมีอะไร... ที่คนอื่นไม่มี...
...
ออกจากโรงหนัง ขำๆก็เดินโต๋เต๋ดูนู่นดูนี่ไปเรื่อย...
ร้านเสื้อผ้า... อืมมม... เสื้อสวยๆตั้งหลายตัว แต่ขำๆไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่หรอก แม้จะยืนมองๆเหมือนหมายปองมันในใจ... ร้านเกม เห็นเด็กยืนมุงๆกันอยู่สองสามคน กำลังเล่นเกมที่ทางร้านเค้าต่อเครื่องไว้ให้เล่นฟรีๆ... จนขำมาถึงร้านหนังสือประจำ ที่ขำๆมาทุกวัน...
...
ขำหยุดยืนมองอยู่หน้าร้านพักนึง...
...
แฮรี่พ็อตเตอร์... วางอยู่หน้าร้าน...
ขำยืนมองหน้าปกอยู่นาน อมยิ้มที่มุมปากเบาๆ... หยิบมันขึ้นมาเปิดๆ แล้วก็วางไว้ที่เดิม...
" อืมมม.... ถ้าเราเป็นแฮรี่พอตเตอร์ก็คงดีเนาะ จะได้เสกไอแก๊งหญิงหลงให้เป็นหนูให้หมด... "
ขำๆรู้สึกเหมือนตัวเองใส่แว่น แล้วก็หน้าเหมือนแฮรี่ขึ้นมาทันที...
" โอม.... มะลึกกึ๊กกึ๋ย โอโดรซิมบัสติมัท... สไบสะเตรียงตรึม มะนะจังงัง... "
เอ... คาถาแฮรี่ พอตเตอร์ทำไมมันออกเขมรๆยังไงไม่รู้...
ภาพไอยักษ์กับพวกกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ตัวพวกมันจะค่อยๆเล็กลงเล็กลง แล้วค่อยๆเปลี่ยนร่างจนกลายเป็นหนู เกิดในจินตนาการขึ้นมาทันที...
อาาาา..มันสะใจจัง...
ขำๆยิ้มอย่างมีความสุข... ก่อนจะกลับออกมาจากโลกของจินตนาการ...
เดินถัดไปอีกหน่อย ขำๆก็เป็นหนังสือเล่มโปรด...
มันเป็นหนังสือรวมปรากฏการณ์มนุษย์ต่างดาว เล่มหนาเตอะ ราคาแพง... ซึ่งขำไม่มีปัญญาจะซื้อมันหรอก ได้แต่เข้ามาร้านหนังสือแล้วก็เปิดอ่านมันทุกวัน... ปล่อยจินตนาการ....
ล่องไปตามตัวอักษร...
...
วันนึง... หวังว่ามนุษย์ต่างดาวคงเอายานมาลงจอดหลังบ้าน แล้วก็รับไปเที่ยวดาวต่างๆ เหมือนในหนัง...
อืมมมม... คงมีความสุขดี...
ขำๆจินตนาการเห็นตัวเอง กำลังเดินขึ้นยานอวกาศไปอย่างช้าๆ... ท่ามกลางหมอกควันหนาและเย็น กับแสงสว่างจ้า ขาวโพลนไปจนเกือบไม่เห็นบรรยากาศรอบข้าง... เห็นแค่มนุษย์ต่างดาวที่หัวโตๆ ตัวผอมๆ ตาสีดำดวงใหญ่ กับปากจู๋รูจมูกนิดนึง...
เค้าก้มหัวให้นิดนึง เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้ขึ้นยาน...
รู้สึกเป็นเกียรติจัง...
...
เอี๊ยดดดด...
เสียงรถสองแถว เบรคจนรถหยุดนิ่งสนิท ที่หน้าปากซอยทางเข้าบ้าน...
บ้านขำๆอยู่ในซอย... ซึ่งต้องลงตรงถนนใหญ่ แล้วเดินเข้าไป... ซอยบ้านขำๆไม่ค่อยมีบ้านคนมากนัก มีแต่ก็ห่างเป็นระยะๆ แทรกด้วยป่าละเมาะเป็นช่วงๆ... พอถึงช่วงที่ข้างทางเริ่มเป็นป่า พงหญ้ารก ก็ได้ยินเสียงแสกๆเบาๆมาจากข้างทาง มันทำให้ขำๆหยุด แล้วก็หันไปมอง...
มันเป็นงูเขียว...
งูเขียว ตัวเขียวอื๋อ หน้าตาติงต๊อง ตาแป๋ว แจ๋วแหวว โผล่หน้ามาจากข้างทาง... มันทำหัวงอกๆแงกๆสั่นไปมาเหมือนพยายามเอาหัวมุดก้านหญ้าออกมา... พอออกมาก็หันมาหยุดมองขำๆ... ซึ่งก็หยุดมองมันเหมือนกัน...
" มองไรวะ ไอ้งูต๊อง... "
ขำๆพึมพำคนเดียวอีก...
มันไม่ได้สนใจที่ขำพูดหรอก เพราะพูดในใจ มันไม่ได้ยิน... ถึงได้ยินมันก็คงฟังไม่รู้เรื่องหรอก เพราะมันเป็นงู... อิ อิ..
มันคงเห็นว่าขำๆหยุด ยืนอยู่เฉยๆ คงไม่ทำอะไรมัน... มันก็เลยเลื้อยข้ามถนนไปอย่างซาบายอารมณ์สมหมาย...
มันเกือบจะถึงกลางถนนแล้วหละ...
แล้วก็มีรถสองแถว เลี้ยวพ้นโค้งมา ตรงๆๆๆๆๆ มาจนใกล้จะถึงตรงที่ขำๆยืน... มันเป็นรถที่ทุกคนงานพม่ากลับจากทำงานสร้างศาลาวัดในซอย...
ไองูต๊องมันคงเลื้อยไม่ทันแล้วหละ... มันเลื้อยช้าาาา โคตรรรรร... อืด...
" เร้ว... แฉ... แฉ... ไป้... ไป้... " (เอ.... แฉแฉนี่มันไล่หมานี่หว่า... อืมมม... ชั่งมันเถอะ ใช้ได้เหมือนกัน)
ขำๆออกเสียงไล่มันให้เลื้อยเร็วๆ...
มันคงไม่มีประโยชน์แล้ว... รถคงทับมันแบนแต๊ดแต๋ เป็นปลาแผ่นฟิชโช่แน่ๆ ขำๆจึงตัดสินใจออกไปยืนกางแขนที่ตรงกลางถนน ตรงหน้างูนั่น...
" เฮ้ยยย.... ปี้นนนนน..... เอี้ยดดดด .... "
เสียงคนขับรถ ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ แล้วก็หักพวงมาลัยจนรถเอียงกะเท่เร่... รถหลบขำๆไปอย่างหวุดหวิด เฉียดไปนิดเดียว ก่อนจะเลยลงไปกุกกักกุกกัก ที่ไหล่ทางจนรถสะดุ้งไปทั้งคัน ตามมาด้วยเสียงหวีดของพวกคนงานพม่าที่นั่งมาเต็มรถ... เสียงหลงระงม...
" ว้ายยยย.... วี๊ดดดด ... กรี๊ด!... กรี๊ด!... "
คนงานสาวๆพม่าหกคะเมนตีลังกาขาชี้ฟ้ากันเป็นแถวๆ...
" อาเด็กบ้า... บ้า บ้า บ้า... ทูเล่... อาทูเล่... "
เสียงตะโกนต่อว่าแบบเสียงพม่าพูดไทยเหน่อๆไล่หลังแถมมาอีก หลังจากรถกลับมาวิ่งบนถนนอีกครั้ง หลังจากเสียหลักขลุกขลักไม่เป็นท่าข้างทาง...
เจ้างูเขียวหน้าต๊อง ผงกหัวขึ้นมามอง แบบทำหน้างงๆ ว่าเอ้ะ เกิดอารายขึ้น... เค้าทามอารายกานเนี่ย...
พอเห็นไม่มีอะไร เหตุการณ์สงบ... มันก็เลื้อยต่อจนข้ามถนนไปลงอีกฝั่งนึงสำเร็จ...
...
ขำๆช่วยงูสำเร็จ... แต่ทำเอาคนเกือบตายไปทั้งคันรถ...
" ไม่รุเหรื่อง... "
ขำๆยังพึมพำว่างูไม่เลิก หันไปค้อนให้งูอีก ก่อนจะเดินต่อ...
เลยแถวถนน ที่ขำๆพึ่งทำวีรกรรมไว้มาหน่อยก็จะเป็นวัด เลยวัดมาอีกหน่อยก็จะถึงบ้านของขำๆ ซึ่งอยู่สุดซอย หลังเดียวโดดๆ...
บ้านขำๆเป็นบ้านไม้เก่าๆสองชั้นธรรมดาๆ แบบบ้านคนแถวชนบททั่วไป... ต้นไม้ใหญ่ขึ้นร่มรื่น...
หลังบ้านขำๆไป ก็ไม่มีบ้านคนอีก เป็นป่าละเมาะ ที่ทอดยาวไปจนถึงตีนเขาด้านหลัง กับบึงกว้างขนาดสนามบอล ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านขำไปไม่ไกล... ขำๆชอบไปนั่งเล่นที่ริมบึงตอนเย็นๆเป็นประจำ...
" อ่าว... ไหนบอกไปดูหนังไง... ทำไมกลับป่านนี้หละ... หนังเลิกแล้วรึ... "
พ่อขำๆนั่งให้อาหารไก่แจ้อยู่หน้าบ้านหันมาทักขำๆ...
ขำๆทำหน้าเซ็งๆก่อนจะตอบ...
" ไปเจอพวกไอยักษ์อีก... เบื่อมันจะตายอยู่แล้ว... เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับชีวิตขำๆซะที... เซ็ง... "
" ลูกก็ต้องหัดเข้มแข็งบ้างสิ... ลูกเอาแต่เงียบๆนิ่มๆ เพื่อนมันก็ยิ่งรังแกสิ... "
" ลองเตะมันดูซักป้าบสิ... เดี๋ยววันหลังมันก็ไม่กล้ามายุ่งแล้ว... หรือจะให้พ่อไปจัดการเอง... "
พ่อขำๆวางถาดที่ใส่อาหารไก่ลงแล้วลุกขึ้นทำหน้าจริงจัง... หน่าน... ดุเหมือนกัน...
มันทำให้ขำๆยิ่งทำหน้าเซ็งลงไปอีก ก่อนจะถอนหายใจ...
" ชั่งมันเถอะ... "
แล้วก็เดินเข้าบ้านไป... เดินเข้าไปในครัว...
แม่กำลังทอดปลาทู หอมฉุยไปถึงหน้าบ้าน...
" กลับมาแล้วเหรอขำๆ... หิวหรือยังหละ... "
" ยังคับ "
" แม่จะให้ช่วยอะไรมั้ย... "
แม่หยุดคิดนิดนึง...
" ถ้างั้นมาช่วยแม่ปอกกุ้งแล้วกัน เมื่อเช้าลุงชลเค้ามาเยี่ยม หลานแกจับกุ้งแม่น้ำตัวเขื่องมาฝาก...แกเลยแบ่งมาให้ เนี่ยเดี๋ยวแม่จะทำต้มยำ... "
ลุงชลแกเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดหน้าบ้านนั่นแหละ แกสนิทกับที่บ้าน แวะมาเยี่ยมบ่อย...
ปอกกุ้งไป แม่ก็เอาปลาทูที่สุกได้ที่ใส่จาน แล้วก็เตรียมทำต้มยำกุ้งต่อ...
แล้วแม่ก็พูดขึ้นมา...
" ลุงชล แกบอกว่าลูกชอบไปนั่งเล่นในวัด แถวๆต้นตะเคียนข้างเมรุ... "
" มันมีอะไรน่าสนใจมากนักเหรอ... บอกแม่ได้มั้ย... "
ขำๆนิ่งไปซักพัก...
" ก็... มันเย็นดี... ร่มดี... "
" ต้นตะเคียนเนี่ยนะ... แล้วก็ข้างเมรุ... "
ดูแม่ขำๆจะไม่ค่อยเชื่อ กับเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่... หันมามองหน้าขำๆ...
ขำก็หลบตาไม่ตอบอะไร...
" บอกความจริงๆแม่ได้มั้ย... ว่าลูกไปทำอะไร... "
ขำหันไปมองหน้าแม่อีกครั้ง... แล้วก็หลบตาแม่อีก...
" มันสบายดี ลมมันก็เย็นสบาย ไปนั่งแถวนั้นแล้วมันสบายใจดี... แค่นั้นแหละแม่... ไม่มีอะไรจริงๆ... "
แม่เอากุ้งใส่หม้อ... เอาทัพพีคนๆ แล้วก็หันมาบอกขำๆ...
" ลุงชลเค้าเค้าบอกว่า เห็นลูกพูดคนเดียว... "
แม่เอาเครื่องปรุงใส่ แล้วก็เอาทัพพีคนอีก... แล้วก็หันมามองหน้าขำๆ...
" ทีนี้ลูกจะตอบแม่ว่าไง... "
ขำๆถึงกับอึ้งไป หันมามองหน้าแม่...
คิดว่าจะตอบแม่ยังไงดี...
...
เมื่อวันที่ : ๐๕ มี.ค. ๒๕๔๘, ๑๖.๑๓ น.
พี่โซนี่แอบมาเขียนเรื่องใหม่นี่เอง
อ่านตอนแรกน่ากัวมากเลย
แทบช็อคไปกับนางเอกหนังแหน่ะ
ยังไงก้อยังรอจีนอยู่นะค่ะ