![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
ตอน : เที่ยวมายอร์ก้า (ตอนสอง) ดอกอัลมอนด์บานหน้าหนาว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
สวัสดีค่ะ
เริ่มต้นด้วยภาพต้นส้ม แต่จะเล่าเรื่องต้นอัลมอนด์ค่ะ
เกาะมายอร์ก้านี้มีสิ่งที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งคือ ต้นอัลมอนด์ค่ะ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วเกาะ โดยเฉพาะเส้นทางบางแห่งซึ่งจะมีการปลูกต้นไม้นี้หนาแน่น เป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว เส้นทางที่สวยงามที่สุดเส้นทางหนึ่งเพื่อจะดูต้นอัลมอนด์ และต้นส้มต้นมะนาว ก็คือ จากเมืองพาลม่า (Palma) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ ไปยังเมืองวาลเดมอซซ่า (Valldemossa) แล้วต่อด้วยเมืองไดย่า (Deia) ก่อนจะไปยังเมืองโซลเย่ (Soller) แล้วก็ขับขึ้นลงเขา ก่อนจะกลับพาลม่าโดยถนนหลวง แม่บ้านเองก็ได้ไปตามเส้นทางนี้แหละค่ะ โอย ตอนขึ้นเขาลงเขาที่คดเคี้ยวน่าดูค่ะ เล่นเอาปวดหัวเลย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เขาว่ากันว่าในปี คศ. 1962 นั้น เกาะมายอร์ก้ามีต้นอัลมอนด์อยู่ราวๆครึ่งเกาะ หรือประมาณหกล้านต้น ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวเกาะทีเดียวค่ะ และต้นถั่วอัลมอนด์นี้ก็จะออกดอกเบิกบานตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ไปจนตลอดกุมภาพันธ์ หรือเผลอๆก็ถึงเดือนมีนาคมด้วย ดอกอัลมอนด์ให้กลิ่นหอมปนขมค่ะ ส่วนเมล็ดมีทั้งแบบรสธรรมดา (ดอกสีขาวเกสรชมพู) และรสขม (ดอกสีชมพู) ในอดีตถือเป็นเมล็ดพืชเพื่อการค้าไปทั่วโลกเชียวนะคะ (แต่ข้างล่างนี้เป็นภาพต้นมะนาวนะคะ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แต่ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายว่า อัลมอนด์ได้ลดความสำคัญในระดับโลกาภิวัตน์ไปแล้ว เหลือเพียงเป็นต้นไม้สัญญลักษณ์ของเกาะ เพราะไม่อาจให้ผลิตได้มากและเร็วเท่าผลไม้อื่น (เช่น ส้มสีทอง มะนาวเหลือง) เมล็ดอัลมอนด์หวานก็เลยกลายมาเป็นสินค้าสำหรับขายนักท่องเที่ยว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ส่วนต้นและดอกในยามที่เบ่งบานเต็มที่ก็กลายเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชม ถ่ายรูป เช่ารถขับ แล้วก็ไปเยี่ยมตามเมืองเส้นทางสายอัลมอนด์ เป็นการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว การโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อุตสาหกรรมขนมหวาน ปั๊มน้ำมัน รถเช่า รถบัส รถไฟไปค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ผลิตภัณฑ์ที่นิยมทำจากเมล็ดอัลมอนด์อย่างแรก ก็คือ เมล็ดอัลมอนด์คั่วโรยเกลือนิดๆสิคะ เมล็ดของที่นี่แปลกกว่า ของอเมริกาหน่อยคือ เม็ดจะกลมกว่า เรียวน้อยกว่า และสีออกนวลอ่อนๆค่ะ อย่างที่สองก็คือไปทำเป็นขนมเค้กใส่อัลมอนด์ป่นผสมในเนื้อเค้ก แล้วก็ประดับด้วยเม็ดอัลมอนด์ อร่อยดีทีเดียว อย่างที่สามเหมือนกับตังเมบ้านเรา แต่แข็งกรอบกว่า คือ เอาไปกวนกับน้ำตาลนมให้ข้นเหนียวกรอบ และผสมอัลมอนด์ทั้งเม็ดหรือบดหยาบๆค่ะ นอกจากนั้น ตัวดอกไม้ก็สกัดเอาน้ำมันไปทำเครื่องสำอางค์เครื่องหอมได้อีกด้วยค่ะ หรือเอาไปผสมชาสมุนไพรดอกเก๊กฮวยฝรั่งได้ด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตบท้ายด้วยภาพต้นอินทผลัมที่ให้ผลเต็มคอต้น (แต่เขาบอกว่าต้นที่ทานไม่อร่อยเพราะอยู่ติดทะเล) แม่บ้านก็เพิ่งเคยเห็นต้นนี่แหละค่ะ
ฉบับหน้าจะมาเล่าเรื่องอาหารการกินที่มายอร์ก้านะคะ เตรียมพุงไว้ให้ดีค่ะ
แม่บ้านผู้รักดอกไม้ (และอาหารอร่อย)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อวันที่ : ๒๘ ก.พ. ๒๕๔๘, ๑๙.๑๐ น.
โอ๊ย เห็นรูปภาพแล้วสวยมากเลย เราจะมีโอกาสไปกับเขาบ้างไหมเนี่ย
แล้วอัลมอลต์นี่ก็ของชอบมากๆ ไปกินไอติมทีไร ต้องซื้อเพิ่มทุกทีเห็นแล้ว หิวเลย
โอ้โฮ ป้าจะเป็นแฟนพันธ์แท้แล้ว มาเปิดอ่านคนแรกเลย
ก็ยังได้นะค่ะ เคยอ่านแต่ที่คุณเขียนเนื้อเรื่องยาวๆ พอมาเติมภาพลงไปด้วย
ทำให้รู้สึกว่าได้อ่านน้อยไปนิดนึง
รู้สึกว่าตัวเองเรื่องมากอย่างไงไม่รู้ แต่บอกด้วยความรัก
แล้วจะคอยอ่านตอนต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ