![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...ดอกเอเดลไวส์แห่งเทือกเขาอัลไพน์ มาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่า สูงศักด์ (edel) และ ขาว (weiss)...
ตอน : เอเดลไวส์ (ตอนหนึ่ง)
เพื่อนๆที่รักคะอ่านคอลัมน์นี้แล้วอย่าลืมฮัมเพลง Edelweiss จากหนังเรื่อง The Sound of Music ประกอบไปด้วยนะคะ
แม่บ้านรู้สึกอยากเขียนเรื่องดอกไม้นี้เป็นพิเศษ ก็เลยไปค้นเว็บไซต์เอามาสรุปให้อ่านกันเพลินๆค่ะ หากเพื่อนๆต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://www.edelweissgrowers.com/index.html
เขาว่ากันว่า ดอกหรือต้นเอเดลไวส์นี้มีความสวยงามที่สุดและเป็นที่แสวงหามากที่สุดในโลกทีเดียว และปัจจุบันเจอมากในเขตหนาว แต่ดั้งเดิมนั้นมาจากทุ่งหญ้าของรัสเซีย (ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของทวีปเอเชียนั่นเอง แล้วก็อากาศน่าจะหนาวด้วย) ค่ะ โดยมีรูปลักษณ์แตกต่างกันไปกว่ามากกว่าสามสิบแบบ เอเดลไวส์เป็นต้นไม้เล็กที่ทนทานกับสภาพอากาศที่โหดร้าย เนื่องจากมีรากที่เหนียว และใบที่นุ่มเหมือนกำมะหยี่เป็นสิ่งป้องกันความแห้งแล้ง ลมกรรโชก และแสงแดดอันจัดจ้าได้อย่างไม่กลัวเกรง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ดอกเอเดลไวส์แห่งเทือกเขาอัลไพน์ มาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่า สูงศักด์ (edel) และ ขาว (weiss) โดยมักจะเกิดและเติบโตในพื้นที่สูงประมาณ 1700 ถึง 2700 เมตรจากระดับน้ำทะเล เอเดลไวส์ชอบดินร่วนเบาเป็นหินปูน ซึ่งไม่มีน้ำขังและหน้าดินหันไปทางทิศใต้ โดยจะเติบโตเป็นเหมือนพื้นพรมความสูงประมาณ 8 ถึง 20 ซม
เอเดลไวส์เป็นไม้ยืนต้นอายุสั้น ซึ่งมักจะตายหลังจากมีการเก็บหรือตัดดอกติดต่อกันหลายๆฤดูกาลก็จะหยุดเติบโตและตายไปในที่สุดจากที่ที่เคยอยู่ เพราะไม่สามารถขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดได้
ดอกเอเดลไวส์ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ดอกไม้เมฆ (Cloud Flowers)" อาจเพราะความงามเหมือนฝันและความสูงในแถบที่เกิดก็ได้ ดอกที่เห็นในกรอบนี้ เขาเก็บและคัดเลือกมาอย่างดีก่อนเอามาใส่กรอบขายนักท่องเที่ยวค่ะ สนนราคาเท่าไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เป็นที่นิยมและมีคนต้องการซื้ออยู่เสมอ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ความที่เป็นเหมือนอัญมณีแห่งเทือกเขาแอลป์และเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเรื่องเล่าปรัมปรามาสอดรับมากมาย รวมทั้งบทกลอน บทเพลงและนิทาน เพลงที่ดังที่สุดซึ่งพวกเราปัจจุบันน่าจะยังรู้จักกันดี เป็นเพลงที่ชื่อเดียวกับดอกไม้ซึ่งร้องโดยจูลี่ แอนดรูว์ในหนังเรื่อง "The Sound of Music" เป็นหนังเพลงที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองถึงห้าตัวในปี ค.ศ. 1965 หลังแม่บ้านเกิดหลายปีเหมือนกันค่ะ
มีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับดอกไม้นี้เหมือนกัน กล่าวคือ ต้นเอเดลไวส์ไม่ได้ออกดอกเป็นสีขาวเหมือนเกล็ดหิมะ เหมือนกับที่บทเพลงร้อง สิ่งที่พวกเราเห็นเป็นกลีบสีขาวเหมือนหิมะเกาะมีขนเล็กละเอียดเหมือนกำมะหยี่นั้น หาใช่กลีบดอกไม้ไม่ แต่เป็นใบที่ปรับตัวเกิดเป็นขนกำมะหยี่ปกคลุมใบสีเขียวค่ะ ดอกที่แท้จริงก็คือดอกสีเหลืองเนื้อเหมือนฝุ่นผงอันละเอียดที่อยู่ตรงกลางนั่นแหละค่ะ คิดว่าพวกเราคงเห็นจากรูปชัดเจนดี
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ลักษณะอันพิเศษของ ดาวเด่นแห่งพฤกษชาติ(Botanical Star) นี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก และกลายเป็นสัญญลักษณ์หรือภาพลักษณ์ของความพิเศษไม่เหมือนใคร ความบริสุทธิ์สะอาด ความรักอันอมตะ และ ความงดงามอันยิ่งใหญ่ของขุนเขา โดยเฉพาะในเรื่องเล่าหรือการแสดงพื้นบ้าน
ใครที่มาเที่ยวยุโรปคงได้เห็นของที่ระลึกมากมายที่มีดอกเอเดลไวส์เป็นตัวเอก ทั้งโปสการ์ด ของที่ระลึก ของใช้ในบ้านในครัว ชาวบ้านแห่งเทือกเขาอัลไพน์ก็ได้อาศัยดอกเอเดลไวส์ที่ตากแห้งแล้วนี่แหละค่ะไปประดิษฐ์ทำอะไรต่างๆสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและอุตสาหกรรมพื้้นบ้าน
คราวหน้าจะมาว่าต่อเรื่องสรรพคุณทางยาและความรักของต้นเอเดลไวส์ค่ะ
แม่บ้าน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อวันที่ : ๐๘ ม.ค. ๒๕๔๘, ๑๕.๕๑ น.
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ต้องไปเปิดหนังเรื่อง The Sound of Music ดูอีกสักรอบ
หลังจากที่ดูมาแล้วไม่รู้กี่รอบ รู้สึกคิดถึง จูลี่ แอนดรูว์ ขึ้นมาทันที ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นอมตะ มากเพราะดูกี่รอบไม่เคยเบื่อ เอแต่เด็กรุ่นหลังเขาจะคิดเหมือนเราไหมนะ
แต่ตอนนี้คงต้องไปกินยาลดไข้แล้วนอนก่อน เพราะปวดหัวมากๆ เลยเป็นไข้มาสองสามวันแล้ว ขอเก็บดอกเอเดลไวส์ ไว้ชื่นใจยามหลับก่อนแล้วกันนิ