นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ร้อยใจมังกร #11
ปักษิณ
...ตันเต็งกุย รู้สึกแปลกใจ​เป็นอย่างมาก ด้วย​เขาไม่นึกมาก่อนเลย​ว่า​จะ​ต้องมาพบ​กับ​เพื่อนร่วมสาบานในลักษณะเช่นนี้ จิวบุ้นเพ้งไม่​ได้ไว้ผมหางเปียเหมือนเดิม...

ตอน : บทที่ 11

ตันเต็งกุยรู้สึกแปลกใจ​เป็นอย่างมาก ด้วย​เขาไม่นึกมาก่อนเลย​ว่า​จะ​ต้องมาพบ​กับ​เพื่อนร่วมสาบานในลักษณะเช่นนี้ จิวบุ้นเพ้งไม่​ได้ไว้ผมหางเปียเหมือนเดิม ​เขาตัดผมสั้นติดหนังหัวเหมือนโกนเช่นเดียว​กับหนุ่มจีนใหม่หรือหนุ่มซิงตึ๊ง​โดยทั่ว​ไปในกรุงสยาม ท่าทางของบุ้นเพ้งทะมัดทะแมงดูแข็งแรงกว่าเดิม มีกล้ามขึ้น​​เป็นมัดๆ​ ในหน้าเกลี้ยงเกลา ​และประการสำคัญ​ที่เต็งกุยสังเกตเห็นอีกอย่างหนึ่ง​ก็​คือ การวางตัวในฐานะหัวหน้าของคนในกลุ่ม​ที่ยืนอยู่​ ​เขายืนเด่น​เป็นสง่าดูเหมือนว่าราศีของคน​ที่​สามารถบดบัง​เขา​ได้​จะมีเพียงคน​ที่มีนามว่าเสี่ยน้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น​

หนุ่มจีน​ทั้งคู่ต่างโผร่างเข้าหากัน เอ่ยพูดจาทักทายกันราว​กับคน​ที่ไม่​ได้พบกันมา​เป็นแรมปี หนุ่มจิวบุ้นเพ้งพินิจดูใบหน้า​ที่มีรอยฟกช้ำดำเขียวของ​เพื่อนร่วมสาบานด้วยสีหน้า​ที่แสดงถึง​ความรู้สึกผิด​ที่​เขา​ได้ทำรุนแรงเกิน​ไป นี่​ถ้าหากว่าเกิด​เอากันถึงตาย​เขามิ​ต้องรู้สึกผิด​ไปตลอดชีวิตเลย​หรือนี่ ​เขาก้มหน้าลงเอื้อมมือบีบไหล่ของตันเต็งกุย​พร้อม​กับเอ่ยด้วยเสียงเครือว่า

"อั๊ว​ต้องขอโทษลื้อเต็งกุย ​ที่อั๊วไม่เคยคิดว่า​จะ​เป็นลื้อผู้​เป็น​เพื่อนร่วมตายของอั๊วเอง"

"อั๊วเองก็ไม่นึกว่า​จะมาพบ​กับลื้อ​ที่นี่เช่นกัน" ตันเต็งกุยเอ่ยขึ้น​บ้าง

"ยกโทษให้อั๊ว​ได้ไหมเต็งกุย ต่อ​ไปอั๊ว​จะขอแก้ตัวใหม่ ​โดย​จะขอดูแลลื้ออย่างดี​ไปจนตลอดชีวิต"

"เฮ้..ไม่​เอาน่าบุ้นเพ้ง อั๊วดูแลตัวเอง​ได้ เพียง​แต่อั๊วไม่ค่อยถนัดเรื่อง​ตีรันฟันแทงเหมือนลื้อเท่านั้น​ งานอื่นๆ​อั๊วทำเอง​ได้ทุกอย่าง ขอลื้อจงอย่ากังวล​ไปหน่อย​เลย​"

"​ไปยังไงมายังไงลื้อถึง​ได้มา​ที่นี่​ได้ล่ะเต็งกุย?"

"คุณหนูกฤษณาคนนี้ เธอ​เป็นนายหญิงของอั๊วเอง อั๊วรับผิดชอบลากรถให้เธอนั่ง เธอถูกเอ้อ..คนของเสี่ยน้อยคนนี้ฉุดมา​ที่นี่ อั๊ว​กับคนพวกนี้จึงพากันตามมา​เพื่อขอ​เอาตัวเธอคืน ก็เท่านั้น​เองแหละ​"

"ใช่แล้ว​..บุ้นเพ้ง แล้ว​อั๊วก็​กำลัง​จะพาตัวเธอ​ไปส่งคืนให้จนถึง​ที่เลย​ทีเดียว" เสี่ยน้อยสายชลพูดเสริมขึ้น​เบาๆ​​เพื่อให้จิวบุ้นเพ้งคลายกังวล​และเข้าใจถึงสถานการณ์​ได้ดีขึ้น​

จิวบุ้นเพ้งพยักหน้ารับทราบ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกมี​ความไม่พอใจ​ที่เจ้าสัวน้อยของ​เขากระทำการหักหาญน้ำใจสตรีเพศเช่นนี้ ​แต่​เขาก็อดกลั้น​ความรู้สึกเหล่านั้น​ไว้​แต่เพียงภายใน ​เขาขออนุญาตสายชลพาตันเต็งกุยออก​ไปคุยกัน​เป็นการ​ส่วนตัว​เพื่อถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคน​ที่ไม่​ได้พบกัน​เป็นเวลานาน ​โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยว​กับเหตุการณ์​ที่เพิ่งเกิดขึ้น​หยกๆ​ในครั้งนี้ ​เมื่อ​ทั้งคู่ก้าวเดินออกมานอกห้อง​และเดินผ่านระเบียงบ้านลงมาแล้ว​ จึงปรับทุกข์กันด้วยเสียงแผ่วเบาด้วยเกรงว่า​จะมีผู้อื่น​ได้ยิน ​ซึ่งอาจทำให้เล็ดลอดเข้า​ไปถึงหูบุคคล​ที่สาม​ได้

"ลื้อมาอยู่​​ที่นี่​ได้อย่างไรวะบุ้นเพ้ง?" ตันเต็งกุยเอ่ยถามขึ้น​ก่อน

"เรื่อง​มันยาวว่ะ เริ่มต้นตั้งแต่อยู่​เมืองจีนอั๊วหลบหนีคดีมา ตอน​ที่พบ​กับลื้อบนเรือนั่นแหละ​ ​ต่อมาก่อนลงจากเรือขึ้น​บกก็มีคนพาอั๊วหลบสายตาคน จากนั้น​​เขาก็พาอั๊วหนี​ไปอยู่​​กับตั้วเฮีย​ที่นครชัยศรี"

"​ใคร​คือตั้วเฮียรึ?"

"เอ้อ..ตั้วเฮียก็​คือตัวหัวหน้าบรรดากงสี​ที่​เป็นอั้งยี่​ทั้งหมดในแถบถิ่นนี้ ​เป็น​ที่เคารพ​และยำเกรงของพวกยี่เฮีย​และซาเฮีย​ที่​เป็นหัวหน้ารองๆ​กันลงมาในวงการอั้งยี่ต่างๆ​นะสิ ลื้อมาอยู่​เมืองสยามตั้งนานแล้ว​ยังไม่รู้เรื่อง​นี้อีกหรือวะเต็งกุย?"

"อั๊วมาถึงก็เริ่มทำงานลากรถเพียงอย่างเดียว จึงเลย​ยังไม่เคยรู้ถึงเรื่อง​ราวอะไร​ต่างๆ​พวกนี้หรอก"

"​เมื่อลื้อรู้ก็ดีแล้ว​ จงรู้ไว้เถิดว่าในปัจจุบันวงการอั้งยี่นั้น​กว้างขวาง​และเข้มแข็งยิ่งนักในสยามประเทศแห่งนี้ ทางการ​เขาพยายามปราบปราม​และลดทอนอำนาจด้วยวิธีต่างๆ​นาๆ​ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้อ่อนแอลงมากกว่า​แต่ก่อน ​แต่ก็ยัง​เป็น​ที่นับถือในหมู่คนจีนทั่ว​ไปอยู่​ดี"

"แล้ว​ลื้อ​ไปทำงานหน้า​ที่อะไร​ให้ตั้วเฮีย​ที่นครชัยศรีล่ะบุ้นเพ้ง?"

"​คืออั๊วมีหน้า​ที่​ไปคอยตรวจสอบผลประโยชน์ของสมาคมอัน​เป็นราย​ได้หลักของตั้วเฮีย​เขานะสิ ​เพราะอั๊ว​เป็นบุคคล​ที่ตั้วเฮียไว้วางใจมาก​ที่สุด"

"อ้าว..แล้ว​ลื้อมาอยู่​​ที่โรงยาฝิ่นคลองบางหลวงนี้​ได้อย่างไรล่ะ?"

"ก็อย่าง​ที่อั๊วเล่าให้ลื้อฟังนั่นแหละ​ ว่าอั๊วมาคอยตรวจสอบผลประโยชน์ของตั้วเฮีย​เขาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง"

"ผลประโยชน์​ที่โรงยาฝิ่นเนี่ยนะ?"

"ใช่แล้ว​เต็งกุย ผลประโยชน์จำพวกโรงยาฝิ่น​และบ่อนต่างๆ​เหล่านี้มีมากมาย​เกินกว่า​ที่เราคิดกันเสียอีก"

"​เป็นสิ่ง​ที่อั๊วไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย​ในชีวิตจริงๆ​"

"นอกจากนี้ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย​ที่ทำกำไรมหาศาลอื่นๆ​อีกตั้งหลายอย่าง ​แต่ว่าลื้ออย่ารู้​ไปเลย​นะ เปลืองสมองเปล่าๆ​ สู้​เอาปัญญา​ไปคิดอย่างอื่น​จะดีกว่า"

"อ้อ..นี่ลื้อ​เป็นพวกผู้มีอิทธิพล​และนักเลงคนหนึ่ง​เหมือนกัน..ว่าอย่างนั้น​เถอะ ใช่ไหม?"

"ก็ทำนองนั้น​ หน้า​ที่ของอั๊วก็​คือทำตามคำสั่งตั้วเฮีย​แต่เพียงผู้เดียว"

"แล้ว​​ที่ลื้อพาพวกมารุมซ้อมอั๊วเนี่ย มันเกี่ยวกันด้วยรึ?"

"เปล่าน่อ..ถึง​แม้​จะไม่เกี่ยว​โดยตรง ​แต่​เมื่ออั๊วมาอยู่​ในสถาน​ที่​ซึ่งอยู่​ใน​ความรับผิดชอบของตั้วเฮีย​และของอั๊ว ฉะนั้น​อั๊วจึง​ต้องพยายามทำให้เหตุการณ์กลับคืน​เป็นปกติสู่​ความสงบเรียบร้อย​​โดยเร็ว​ที่สุด"

"ถึง​กับลงไม้ลงมือจนอั๊วบอบช้ำมากขนาดนี้เลย​เชียวหรือ?"

"ก็อั๊วบอกแล้ว​ไง ว่าอั๊วขอโทษ​และยอมรับผิดทุกอย่าง มันไม่​ได้ตั้งใจจริงๆ​ เหตุการณ์เฉพาะหน้ามันบังคับพา​ไปเองหรอกนะเต็งกุย อย่าถือโทษโกรธเ​คืองอั๊วต่อ​ไปเลย​ไอ้​เพื่อนรัก"

"แล้ว​นี่ลื้อ​จะทำอย่างไรต่อ​ไปล่ะบุ้นเพ้ง?"

"ก็ซาเฮีย เอ๊ย..เสี่ยน้อย​เขารับปากว่า​จะพาแม่สาวน้อยนายหญิงของลื้อ​ไปส่ง​โดยปลอดภัยแล้ว​ไม่ใช่หรือ อั๊วคิดว่าทุกอย่างคง​จะจบเรียบร้อย​ลงด้วยดีอย่างแน่นอน"

"ลื้อเชื่อว่า เสี่ยน้อย​เขา​จะทำตามคำพูดของ​เขาอย่างนั้น​จริงๆ​หรือ?"

"อ๋อ..แน่สิ ต่อหน้าอั๊ว​และต่อหน้าคน​ที่​เขาบอกว่า​เป็น​เพื่อนของ​เขา​ที่มาด้วยกัน​กับลื้อ ​เขาย่อมไม่กล้าบิดพลิ้วหรอก เชื่ออั๊วเถอะ"

"ยังงั้นอั๊วก็ค่อยสบายใจหน่อย​ ว่า​แต่ลื้อ​จะอยู่​​ที่นี่อีกนานไหม?" ตันเต็งกุยพูดพลางจ้องหน้า​เพื่อนร่วมสาบาน

"อั๊ว​กำลังสะสางบัญชีอยู่​ คิดว่าพรุ่งนี้คง​จะเสร็จเรียบร้อย​ มะรืนนี้อั๊วก็คง​จะเดินทางกลับ​ไปนครชัยศรีแล้ว​ล่ะ ลื้อสงสัยอะไร​หรือ?"

"เปล่าหรอก อั๊วเพียงอยากรู้เท่านั้น​เอง ​เอาไว้เผื่อวันข้างหน้า หากเกิดว่าอั๊วมีธุระปะปัง​จะ​ได้​ไปหาลื้อถูกยังไงล่ะ"

"อั๊วขอถามอะไร​ลื้อหน่อย​​ได้ไหมวะเต็งกุย?"

"ถามอะไร​หรือ?"

"​ที่ลื้อทำงานลากรถอยู่​ทุกวันเนี่ย ลื้อมี​ความ​เป็นอยู่​สุขสบายดีหรือเปล่า?"

"ก็สบายดีตามอัตภาพแหละ​ว่ะบุ้นเพ้ง ไม่ลำบากยากแค้นสิ่งใด เ​ถ้าแก่เนี้ยของอั๊ว​เขาก็เมตตาให้​ที่อยู่​อาศัยภายในบริเวณบ้านของ​เขา ​และ​เขาก็ยังให้คนมาสอนภาษาไทยอั๊วทุกวัน จนคิดว่าตอนนี้พอ​ที่​จะพูด​กับคนสยามรู้เรื่อง​เกือบทุกอย่างแล้ว​ด้วย พูดตาม​ความจริงก็​คืออั๊วไม่​ได้เดือดร้อนอะไร​"

"​คืออั๊วอยาก​จะชวนลื้อ​ไปอยู่​ด้วยกัน​ที่นครชัยศรี ลื้อสนใจไหมวะ?"

"อั๊วไม่เก่งทางนักเลงหมัดมวย ลื้อไม่กลัวอั๊วทำลื้อขายหน้าหรือยังไงกันหือ?"

"มันไม่​ได้เกี่ยว​กับเรื่อง​นักเลงหรือเรื่อง​หมัดๆ​มวยๆ​เสีย​ทั้งหมดหรอกนะ ยังมีงานอื่นๆ​ให้ลื้อทำอีกตั้งเยอะแยะ​ไป รับรองว่าลื้อ​จะสบายกว่าการ​ที่​ต้องหลังขดหลังแข็งวิ่งลากรถกระเตงๆ​ทุกวันจนน่องโป่งมากเชียวละ​เพื่อนเอ๋ย"

"คนอย่างอั๊ว​ความรู้น้อย ​จะ​ไปทำอะไร​​ได้วะ นอกจากงานจับกังเท่านั้น​"

"มีสิ อั๊วรับรองว่ามีงานอื่นอีก​เป็นพะเรอเกวียนให้ลื้อทำ ว่า​แต่ลื้อ​จะสนใจหรือเปล่าเท่านั้น​"

"ไหนลองบอกอั๊วมาทีหรือ ว่างาน​ที่​จะให้อั๊ว​ไปทำเนี่ยมัน​คืองานอะไร​?"

"​คือยังงี้..ตั้วเฮียของอั๊ว​เขารับงานจากท่านข้าหลวงเทศาภิบาลของทางมณฑลนครชัยศรี ให้หาคนงานจีน​ไปเพิ่มอีก ​เพื่อช่วยงานก่อสร้างองค์​พระปฐมเจดีย์​ที่ยังไม่แล้ว​เสร็จ อยาก​ได้หัวหน้าคุมคนงานจีน​ที่สื่อภาษากัน​ได้รู้เรื่อง​ งานนี้​เป็นงานหลวง​ที่ยิ่งใหญ่​และสำคัญมากทีเดียว เข้าใจหรือยังล่ะทีนี้"

"ลื้อ​จะให้อั๊ว​ไปทำหน้า​ที่อะไร​กันล่ะบุ้นเพ้ง?"

"ก็หัวหน้าคุมคนงานฝ่ายคนจีนนะสิวะ ​เขามีแม่กองช่างหลวงคนไทย​ที่ชำนาญพิเศษคอยควบคุมอีกที เพียงลื้อสื่อ​ความหมาย​และพูดคุยกันรู้เรื่อง​เข้าใจดี ในการ​ที่​จะมอบหมายสั่งงานให้คนงาน​และช่างชาวจีนทำ..ก็เท่านั้น​เอง พอ​จะทำ​ได้ไหม?"

"ลื้อคิดว่า คนอย่างอั๊วเนี่ย ​จะทำงานอย่างนี้​ได้หรือ?"

"อ๋อ..แน่นอน ​ถ้าลื้อมี​ความพยายาม​และตั้งใจจริงพอ​ที่​จะไม่ย่อท้อ ไม่ว่ามัน​จะยากลำบากสักเพียงไหนก็ตามที"

"มีรายละเอียดอื่นๆ​​ที่อั๊ว​จะ​ต้องรู้อีกไหม เช่นงานช่างอะไร​ต่างๆ​พวกเนี้ย?"

"ก็มีมากเหมือนกันนะ ​เพราะงานซ่อม​พระเจดีย์ใหม่องค์นี้ให้สวยงาม​ต้องเปลืองแรง เงินทอง ​และเวลา​เป็นอันมาก อิฐ​และปูน​ที่เผาส่งให้ก็ไม่ทัน ​ต้องเกลี้ยกล่อมพวกมอญทำอิฐ ให้มาตั้งบ้านเรือนใกล้ๆ​องค์​พระปฐมเจดีย์​เพื่อ​จะให้ทำอิฐ​ได้สะดวก​"

"แล้ว​​เขา​ต้องการคนงาน​และช่างชาวจีนด้วยหรือ?"

"​คืออย่างนี้ ​เมื่อทำอิฐ​ได้แล้ว​ ​ส่วนปูนก็​ต้องจ้างชาวจีนเผาส่ง ​เมื่อช่างก่ออิฐถือปูน​ที่​เป็นคนไทยมีไม่พอ ก็​ต้องจ้างช่างชาวจีนเข้าผสมด้วย เฉพาะแรงงานนอกจาก​ได้​ที่เมืองนครชัยศรีแล้ว​ ​เขายัง​ได้​ไปเกณฑ์คนถึงเมืองอื่นๆ​มาช่วยอีกด้วยนะ"

"มากมาย​ถึงขนาดนั้น​เลย​เชียว?"

"ใช่..​เขาเกณฑ์คนมาจากสมุทรสงคราม สมุทรสาคร ราชบุรี ​และพนัสนิคม ​เพราะ​เขาเร่งรีบงานนี้มาก ​โดยจำกัดให้มีจำนวนแรงงานผลัดเปลี่ยนกันถึง 4 ผลัด ผลัดละ 200 คนต่อเดือนเลย​ทีเดียว"

"อั๊วยอมรับแล้ว​ล่ะว่า งานนี้​เป็นงานหลวง​ที่สำคัญ​และยิ่งใหญ่จริงๆ​" ตันเต็งกุยพยักหน้าหงึกๆ​

"เฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้​เขา​กำลังเร่งก่อสร้างระเบียงชั้นนอกเพิ่มขึ้น​อีกชั้นหนึ่ง​ จึง​ต้อง​ใช้ช่างชาวจีนเพิ่ม ล่าสุด​ได้ข่าวว่า​พระเจ้าแผ่นดินเมืองสยามทรงสั่งซื้อกระเบื้องเคลือบสีเหลืองทองมาจากเมืองจีน สำหรับมาหุ้มองค์​พระปฐมเจดีย์​ทั้งองค์ ​เพื่อ​ความคงทน​และสวยงามอีกด้วยนะ" จิวบุ้นเพ้งพูดเสริมขึ้น​ด้วยแววตา​เป็นประกาย ​เมื่อ​เขาเอ่ยถึงกระเบื้องเคลือบสีเหลืองทองจากเมืองจีน

"หุ้ม​พระเจดีย์​ทั้งองค์เลย​หรือ?"

"ถูก​ต้อง..หุ้ม​ทั้งองค์ ​ซึ่งใหญ่โตมาก คิดว่ากว่า​จะเสร็จก็คง​จะกินเวลานานโขอยู่​ทีเดียว"

"เรื่อง​อย่างนี้อั๊วไม่ค่อยเข้าใจหรอก ​แต่คิดว่า​เมื่ออั๊ว​ได้​ไปเห็นด้วยตาของตัวเองแล้ว​ก็คงพอ​จะเข้าใจ​และทำ​ได้ ลื้อคิดว่าอย่างนั้น​ไหมบุ้นเพ้ง?"

"ใช่..ในโลกนี้ไม่มีอะไร​​ที่​จะยากเกิน​ความ​สามารถของคนเรา​ไป​ได้หรอก เพียง​แต่ขอให้มี​ความมานะ อดทน ​และ​ความเพียรพยายามอย่าง​ที่สุดเท่านั้น​"

"ตกลงลื้อ​จะให้อั๊ว​ไปรับงานนี้​เมื่อไหร่ล่ะ?"

"ก็ทันที​ที่ลื้อสะดวก​นั่นแหละ​"

"อั๊วคง​จะ​ต้อง​ไปบอกลาเ​ถ้าแก่เนี้ยของอั๊วก่อน ​เมื่อเสร็จธุระแล้ว​อั๊ว​จะรีบกลับมาหาลื้อ​ที่นี่อีกที"

"อย่าลืมว่าอั๊วมีเวลาอยู่​​ที่นี่อีกเพียงวันเดียว ​คือพรุ่งนี้เท่านั้น​ มะรืนนี้อั๊วก็​ต้องเดินทางกลับ​ไปนครชัยศรีแล้ว​นะ"

"ลื้อบอก​ที่อยู่​ของลื้อให้อั๊วรู้สิ แล้ว​อั๊ว​จะตาม​ไปหาลื้อ​ที่นครชัยศรีเองก็​ได้ คง​จะหาไม่ยากนักหรอกใช่ไหมล่ะ?"

"ก็​ได้ อั๊ว​จะรอลื้อจนถึงมะรืนนี้ตอนสายๆ​ ​ถ้าหากลื้อไม่​สามารถมา​ได้ทัน ก็ให้ตาม​ไปพบ​กับอั๊ว​ที่โน่นเลย​ก็แล้ว​กัน"

"ตกลง ขอบใจมาก​เพื่อนรัก ​ที่แนะนำสิ่งดีๆ​สำหรับอนาคตให้อั๊ว​ได้ตัดสินใจ"

"เรามัน​เพื่อนร่วมสาบานกัน จำไม่​ได้หรือเต็งกุย​เพื่อนรัก อั๊วยินดี​ที่​จะช่วยลื้อทุกอย่างเท่า​ที่อั๊ว​จะทำ​ได้"

"อั๊ว​จะไม่มีวันลืมบุญคุณของลื้ออย่างแน่นอน" หนุ่มคนลากรถเจ๊กยืนยันหนักแน่น

"​แต่เอ้อ..ตอนนี้อั๊วว่าพวกเราสองคนควร​ที่​จะเข้า​ไปสมทบ​กับพวก​เขาข้างในห้องกันก่อนเถอะ ​เพราะเรา​ได้ออกมาช้างนอกกันนานเต็มทีแล้ว​" จิวบุ้นเพ้งพูด​พร้อม​กับเบือนหน้ากลับ​ไปมองทางประตูทางเข้าเรือนทรงปั้นหยาหลังน้อยอีกครั้ง

"เอ้อ..นั่นดูเหมือนว่าพวก​เขาเตรียมตัว​ที่​จะออกเดินทางกันแล้ว​ล่ะ"

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3554 Article's Rate 1 votes
ชื่อเรื่อง ร้อยใจมังกร --Series
ชื่อตอน บทที่ 11 --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง ปักษิณ
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๑๒๐ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๐ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t

สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น