นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ร้อยใจมังกร #10
ปักษิณ
...สายชล เจ้าหนุ่มนักเลงรักลูกชายเจ้าของโรงยาฝิ่น รีบผละมือออกจากไหล่ซ้ายของสาวน้อยกฤษณา​ที่​เขายึดกุมไว้​โดยอัตโนมัติ อ้าปากค้าง "เออ..ข้าเอง....

ตอน : บทที่ 10

สายชลเจ้าหนุ่มนักเลงรักลูกชายเจ้าของโรงยาฝิ่น รีบผละมือออกจากไหล่ซ้ายของสาวน้อยกฤษณา​ที่​เขายึดกุมไว้​โดยอัตโนมัติ อ้าปากค้าง

"เออ..ข้าเอง..ไอ้เล่แห่งสะพานเหล็ก" ชายเจ้าของเรือตกกุ้งพูดทำท่าอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี

"เอ้อ..เอ้อ..พี่เล่มา​ได้ยังไงนี่?" สายชลหรือเสี่ยน้อยพูดตะกุกตะกัก ​เพราะยังไม่หายตกตะลึงจากการขัดจังหวะ​โดย​ที่​เขาไม่เคย​ได้คาดคิดมาก่อน

"ก็​ที่นี่โรงยาฝิ่นไม่ใช่หรือวะ ทำไมคนอย่างข้า​จะมาไม่​ได้ล่ะ?"

"พี่เล่เล่นมากะทันหัน ​โดยไม่บอกข้าให้รู้ล่วงหน้า ข้า​จะ​ได้ให้คน​ไปคอยรับรองพี่​ที่หน้าโรงยาให้สมเกียรติ" สายชลฝืนยิ้มในขณะ​ที่ตอบ

"บอกล่วงหน้า ข้าก็ไม่​ได้มาเห็นของดีนะซีวะ จริงไหมล่ะเสี่ยน้อย?"

"งั้นรอประเดี๋ยว ข้า​จะเรียกพวกเด็กๆ​ให้มาคอยรับรองพี่เล่เอง" สายชลทำท่า​จะก้าวเดินออก​ไปนอกห้อง

"ไม่​ต้อง ข้ามาธุระเรื่อง​สาวน้อยกฤษณาคนนี้" เล่พูด​พร้อม​กับชี้มือ​ไปยังหญิงสาว​ซึ่ง​กำลังเสียขวัญยืนตัวสั่นงันงกหน้าตาซีดเผือด ​โดยมีร่างของบุญธรรมหนุ่มเพลงยาวยืนโอบไหล่ปลอบอยู่​ข้างๆ​

"นี่พี่เล่มาเกี่ยว​กับราชการงานเมืองหรือ?" สายชลเสถามเรื่อง​ธุระเกี่ยว​กับการมาของนายเล่แทน

"ข้าบอกแล้ว​ไงว่า ข้ามา​เพื่อขอตัวคุณหนูกฤษณาคืน" เล่ยืนยันคำพูด

"มาขอรับตัวคืน?"

"ใช่..มีสิ่งใดขัดข้องหรือไงวะ?"

"งั้นก็เชิญสิพี่เล่ ข้าไม่​ได้กักขังเธอไว้นี่"

"ไม่​ได้กักขังแล้ว​​ที่เห็นตำตาอยู่​เนี่ย ​เขาเรียกว่าอะไร​ล่ะหือ?"

"เอ้อ..ข้าเพียง​แต่พาตัวคุณหนูเธอมาพูดปรับ​ความเข้าใจกันเท่านั้น​เอง ไม่มีอะไร​หรอก"

"พูดปรับ​ความเข้าใจในสถาน​ที่เช่นนี้ไม่ดีแน่ เอ็งก็น่า​จะรู้ดีนี่"

"พี่มา​กับเสด็จในกรมฯท่านหรือ?" สายชลแกล้งพูดจาเฉไฉ​โดยมุ่ง​ไป​ที่ประเด็นสำคัญ ​เพราะ​ความเกรงกลัวอาญาแผ่นดิน ​เนื่องจาก​เขารู้สึกข้องใจในการ​ที่เล่พรวดพราดเข้ามาพบหญิงสาว​และตัว​เขาเอง​กำลังอยู่​ในลักษณะ​ที่ไม่ค่อยชอบมาพากลเช่นนี้

"​ถ้าเสด็จในกรมฯเสด็จมาด้วย หัวเอ็งคง​จะหลุดจากบ่า​ไปก่อน​ที่​จะมาลอยหน้าเจรจาถาม​ความ​กับข้าแล้ว​ล่ะ..ไอ้เสี่ยน้อยสายชลเอ๋ย" เล่พูด​พร้อม​กับพนมมือ​ทั้งสองประกบยกดาบในมือขึ้น​เหนือหัว

คำพูดของคนชื่อเล่แห่งสะพานเหล็กทำ​เอานายสายชลผู้ถูกเรียกว่าเสี่ยน้อยลูกชายยี่เฮียแห่งวงการโรงยาฝิ่น ​ซึ่ง​เป็นหนึ่ง​ในเครือข่าย "อั้งยี่" ถึง​กับทรุดกายคุกเข่าลง​กับพื้นเบื้องหน้า ชายหนุ่มนักเลงรักประเภทหักด้ามพร้าด้วยเข่าหรือชนิด​ที่หัก​เอาด้วย​กำลังยกมือไหว้เล่ปลกๆ​

ในจดหมายเหตุของไทย​ใช้คำเรียกอั้งยี่ต่างกันตามสมัย ​โดยชื่อของสมาคม​ที่ตั้งในเมืองจีน​แต่เดิมเรียกว่า "เทียนตี้หวย" แปลว่า "ฟ้า ดิน มนุษย์" หรือเรียก​โดยย่ออีกอย่างหนึ่ง​ตามภาษาจีนฮกเกี้ยนว่า "ซาฮะ" แปลว่า องค์สาม ​เป็นนามของอั้งยี่ทุกพวก ครั้นอั้งยี่แยกกัน​เป็นหลายกงสี จึงมีชื่อกงสีเรียกต่างกัน เช่น งี่หิน ปูนเ​ถ้าก๋ง งี่ฮก ตั้งกงสี ชิวลิกือ ​เป็นต้น คำว่าอั้งยี่ แปลว่า "หนังสือแดง" จึง​เป็น​แต่เพียงชื่อกงสีอันหนึ่ง​เท่านั้น​

มีชื่อเรียกสำหรับตัวนายอีก​ส่วนหนึ่ง​ ผู้​ที่​เป็นหัวหน้าอั้งยี่ในท้องถิ่น​โดยรวมกันทุกกงสี เรียกตามภาษาฮกเกี้ยนว่า "ตั้วกอ" ตามภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า "ตั้วเฮีย" แปลว่าพี่ใหญ่ ผู้​เป็นหัวหน้ากงสีเรียกว่า "ยี่กอ" หรือ "ยี่เฮีย" แปลว่าพี่​ที่สอง ตัวนายรองลงมาเรียกว่า "ซากอ" หรือ "ซาเฮีย" แปลว่าพี่​ที่สาม ในจดหมายเหตุของไทยเดิมเรียกพวก​ที่เข้าสมาคมเทียนตี้หวย​ทั้งหมดว่า "ตั้วเฮีย" ​ต่อมาจนกระทั่งถึงรัชกาล​ที่ 5 จึงเปลี่ยนคำว่า "ตั้วเฮีย" มาเรียกว่า "อั้งยี่" ​ทั้งหมด

​ซึ่งขุนจำนงสัจจานนท์บิดาของเสี่ยน้อยหรือนายสายชลก็​คือหัวหน้ากงสีผู้หนึ่ง​ในนาม "ยี่เฮีย" นั่นเอง ​โดย​เขา​ได้ควบคุมกงสีบาง​ส่วนอยู่​ในเขต​พระนคร​และธนบุรี จึงนับ​ได้ว่าอำนาจ​และอิทธิพลของ​เขานั้น​มีอยู่​ไม่น้อยเลย​ทีเดียว

"ขอพี่เล่​ได้โปรดเถิด ข้ากราบขอโทษสำหรับ​ความผิดของข้า​ที่​ได้กระทำ​ไปในครั้งนี้ด้วย​จะ​ได้ไหม ขออย่า​ได้ถือสาหา​ความเลย​นะพี่เล่?"

"เอ็งแน่ใจแล้ว​นะว่า​จะไม่ทำผิดซ้ำอีก?"

"ข้าแน่ใจ!" สายชลเอ่ยเสียงยืนยันอย่างหนักแน่น "ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้เรื่อง​นี้ล่วงรู้​ไปถึงหูเตี่ยของข้า​และเสด็จในกรมฯเท่านั้น​ก็พอ ​ได้ไหมจ๊ะ​พี่เล่ นึกว่าเมตตาข้าเถิดนะ?"

​ความจริงแล้ว​คนชื่อพี่เล่​ที่กล่าวถึงผู้นี้ก็​คือ อดีตนายเล่นักเลงโตย่านนางเลิ้ง​และย่านสะพานเหล็ก มหาดเล็กคนสนิทของเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ​โดยบุคคลผู้นี้​ต่อมารับราชการสนอง​พระเดช​พระคุณ​เป็นมหาดเล็กของเสด็จในกรมฯ ​และ​เป็นหนึ่ง​ในจำนวนเจ็ดทหารเสือ​ที่โด่งดังของท่านด้วย

มีเกร็ดประวัติเล่ากันเกี่ยว​กับเรื่อง​นายเล่ผู้นี้​ต่อมาว่า เสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์โปรดนิยม​แต่ง​พระองค์​เป็นชาวบ้านนักเลง เสด็จ​ไปตามโรงยาฝิ่น โรงขายสุรา โรงบ่อนต่างๆ​​ทั้งฝั่ง​พระนคร​และธนบุรี ​โดยมีนายเล่ นักเลงโตย่านนางเลิ้ง​และสะพานเหล็ก​ซึ่งมีบริวารพวกอันธพาลมาก ​แต่สมัครรับ​ใช้เสด็จในกรมฯติดตาม​ไปด้วยเสมอ ​ต่อมาเจ้าพี่เจ้าน้องทรงทราบเรื่อง​จึงกราบบังคมทูลฟ้อง​พระบรมชนกนาถ ว่าเสด็จในกรมฯทรงประพฤติตน​เป็น "กุ๊ย" นอนโรงยาฝิ่น ​และเข้าบ่อน

​พระบรมชนกนาถจึงทรงปลอม​พระองค์​เป็นราษฎรเสด็จรถม้า​พระ​ที่นั่งคันเล็กๆ​​ไปจอดอยู่​แถวบ่อนต้นมะขามย่านนางเลิ้ง แล้ว​ก็เสด็จ​พระราชดำเนิน​ไปตรวจตามโรงยาฝิ่น ตามบ่อน​และร้านจำหน่ายสุรา พอถึงหน้าโรงยาฝิ่น ก็​พอดีเสด็จในกรมฯเสด็จออกมา​พร้อมนายเล่ นักเลงโต​พอดี ในหลวงทรงชี้​พระหัตถ์ตรัสว่า

"นั่นแน่ อาภากรประพฤติตนอย่างนี้จริงๆ​"

แล้ว​โปรดรับสั่งให้ตามเสด็จ​ไป​ที่รถ เสด็จในกรมฯกราบลงถวายบังคมแทบ​พระบาท​ ​พระบรมราชชนกกริ้วตรัสว่า​เอาต่างๆ​ ​แต่​เมื่อเสด็จในกรมฯกราบทูลว่า ​ที่ท่านทำดังนี้ก็​เพื่อ​จะ​ได้รู้เรื่อง​ราวต่างๆ​ อัน​เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง​และราชบัลลังก์ ​เพราะในโรงยาฝิ่นก็ดี ในบ่อนก็ดี ในร้านจำหน่ายสุราก็ดี มัก​จะมีพวกคนพาล โจรผู้ร้ายมั่วสุมชุมนุมกันอยู่​ ​เพราะฉะนั้น​ หากมีเรื่อง​คิดขบถ คิดการร้าย ​ซึ่งในสมัยก่อนมักมีจีนอั้งยี่ก่อกวน​ความสงบอยู่​เสมอๆ​ หรือ​จะ​ไปลักขโมยปล้น​ที่ไหน ก็​จะ​ได้ระงับเหตุหรือปราบปราม​ได้ทันท่วงที

​พระบรมชนกนาถจึงทรงออกอุทานว่า

"อ้อ...​อย่างนั้น​เองหรือ"

แล้ว​ทรงลูบ​พระปฤษฎางค์ หายกริ้ว ​ส่วนนายเล่นั้น​ ​ต่อมาเสด็จในกรมฯโปรด​เอาตัว​ไปรับราชการทหารเรือ ​เป็นว่า​ที่นายเรือตรี คอยรับ​ใช้ติดตามเสด็จในกรมตลอดมา

"ก็ใน​เมื่อเอ็งแน่ใจเช่นนั้น​ ขอให้เอ็งจงถามคุณหนูกฤษณา​เขาเองดีกว่า ว่า​เขา​จะยินยอมยกโทษให้เอ็งหรือเปล่า ​เพราะ​เขา​คือเจ้าทุกข์​ที่​ได้รับ​ความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสในครั้งนี้"

นายเล่ยอดนักเลงโตแห่งสะพานเหล็กเจรจาออกตัว ​ทั้งนี้​ทั้งนั้น​ก็​โดยหวัง​ที่​จะอบรมสั่งสอนให้เจ้าหนุ่มนักรักคนพาลหลาบจำ ​และรู้จักแยกแยะว่าอะไร​ดีอะไร​ชั่ว ฝ่ายสายชล​เมื่อ​ได้ยินดังนั้น​ก็หันหน้ากลับ​ไปทางหญิงสาวผู้​ที่​ต้องมารับเคราะห์กรรมจากการกระทำของ​เขา พลางเอ่ยปากวิงวอนสาวเจ้าทุกข์ด้วยสายตาละห้อย

"กฤษณาจ๋า กรุณายกโทษให้พี่สายชลคนโฉดชั่วเขลาคนนี้สักครั้ง​จะ​ได้ไหมจ๊ะ​?"

"จำ​ได้ไหมว่า​เมื่อตะกี้นี้ ​ใครกัน​ที่ฉันเพียรอ้อนวอนร้องขอให้ปล่อยฉัน​ไป แล้ว​ฉัน​จะไม่​เอาเรื่อง​​เอาราวอะไร​เลย​​ได้หรือเปล่าล่ะ?"

"เอ้อ..จำ​ได้จ้ะ​แม่คุณแม่ทูนหัว ​แต่ตอนนั้น​พี่มันหน้ามืดตามัว ​เอา​แต่โง่เขลาเบาปัญญา พี่ยอมรับแล้ว​ว่า​เป็น​ความผิดของพี่เองแหละ​จ้ะ​"

"แล้ว​ก็จำ​ได้ไหมว่า​ใครกัน ​ที่บอก​กับฉันว่ามันสายเกิน​ไปเสียแล้ว​?"

"โถ..น้องกฤษณา พี่ก็ขอยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว​ยังไงล่ะจ๊ะ​"

"พี่​จะ​ไป​ไปขอขมา​เพื่อยืนยัน​กับคุณพ่อ​และคุณแม่ของกฤษณา​ได้ไหมล่ะว่า พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง ​และ​จะไม่​ไปตอแย​กับฉันอีกในภายหน้า?"

"​ได้จ้ะ​..พี่ยินยอมทุกอย่าง​ที่น้องกฤษณาขอ" สายชลรีบระล่ำระลักตอบ​โดยไม่​ต้องคิด

"มีอะไร​​ที่​จะรับประกัน​ได้ล่ะว่าพี่​จะไม่กระทำเรื่อง​เลวร้ายอย่างนี้อีก?"

"ก็​ได้..อ้า..ข้าขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์​และต่อหน้าทุกๆ​คนใน​ที่นี้ว่า ​จะไม่กระทำการใดเยี่ยงนี้อีกในภายภาคหน้า หากข้าผิดคำพูด​เมื่อใด ก็ขอให้​ต้องจบชีวิตลงด้วยคมหอกคมดาบ อย่าให้ตายดีเลย​" หนุ่มคนพาลนักเลงรักนั่งลงพนมมือ​พร้อม​กับยกขึ้น​ท่วมหัว จากนั้น​ชายหนุ่มก็ก้มกราบลงบนพื้นต่อหน้าหญิงสาว พลางหัน​ไปถามกฤษณาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ​ทว่ามีเพียงสายตาเท่านั้น​​ที่ยังคงวี่แววแห่ง​ความทุกข์​ที่​กำลังเกาะกินใจอยู่​ตลอดเวลา

"พอใจน้องกฤษณาหรือยังล่ะจ๊ะ​ทีนี้ อดีต​ที่ผ่านแล้ว​มา..วานขอน้องคนดีอย่าถือสา​เอา​ความผิด​กับพี่เลย​นะจ๊ะ​?"

"ตกลงน้องยอมยกโทษให้ ​แต่พี่อย่าลืมทำตามคำสัญญาก็แล้ว​กัน"

"ขอบใจมากจ้ะ​น้องกฤษณา พี่เล่ช่วย​เป็นพยานให้ข้าด้วยนะ?" ประโยคหลัง​เขาหันหน้ามาทางเล่

​แต่ก่อน​ที่เล่​จะทันเอ่ยโต้ตอบประการใด เสียงก้อนดิน​ที่ถูกขว้างมาจากคูน้ำภายนอกด้วยฝีมือของหนุ่มลากรถเจ๊กตันเต็งกุยก็ดังขึ้น​อย่างแรง

โครม!

มีเสียงเอะอะต่อสู้กันตามมา สักครู่ครั้นเงียบเสียงลง ก็มีเสียงคนวิ่งกรูกันขึ้น​มาบนเรือน ผู้​ที่ถูกฉุดกระชากลากตัวเข้าประตูมาก็​คือตันเต็งกุยนั่นเอง ​เขาถูกรุมซ้อมอย่างสะบักสะบอม ​ใครคนหนึ่ง​ผลักร่างของ​เขาล้มลงต่อหน้าเสี่ยน้อยสายชล​และเล่​กับสองสหาย สมาชิก​ที่เข้ามาใหม่มีราวห้าหกคนท่าทาง​เอาเรื่อง​ อาวุธในมือเตรียม​พร้อม ​ทั้งหมดต่างเดินเข้ามาออรวมกันจนเต็มห้อง

"พวกเราพบไอ้หมอนี่หลบอยู่​ในร่องคูน้ำข้างทาง มันทำท่าสู้จึงลากตัวมันเข้ามาด้วย เสี่ยน้อย​เป็นอะไร​หรือเปล่า เห็นไอ้ลอยนอนสลบไสลอยู่​บนม้าโยกข้างนอก อ้าว..แล้ว​พวกนี้​เป็น​ใคร?" เจ้าคนพูดเร็วปรื๋อด้วยภาษาจีนแต้จิ๋ว​พร้อม​กับมองหน้าคน​ทั้งสามอยู่​ล่อกแล่ก​ไปมา

"อั๊วไม่​เป็นไรหรอก คนพวกนี้​เป็น​เพื่อนของอั๊วเอง ว่า​แต่ไอ้หางเปียนี่มัน​ใครกันล่ะ?"

"พวกเราจับมาไม่รู้เหมือนกันว่ามัน​เป็น​ใคร ทำไมถึง​ต้องทำท่าทางต่อสู้​กับพวกเราด้วยก็ไม่รู้?"

"น่า​จะ​เป็นพวกแอบมาสูบฝิ่นนะ" สายชลตั้งข้อสังเกต

"เฮ้ย!..ลื้อลง​ไปในคูน้ำทำไมวะ?" เจ้าคนแรก​ที่รายงานเสี่ยน้อยตะคอกถามตันเต็งกุยด้วยเสียงดัง​เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว

"อั๊วมา​กับพวกนี้" เต็งกุยบุ้ยปากชี้​ไป​ที่เล่​กับพวกสองสหาย

"มันมา​กับพี่เล่หรือเปล่า?" สายชลหันมาถามเล่

"ใช่ ​เขามา​กับข้าเองแหละ​"

"ปล่อย​เขา!" สายชลออกคำสั่ง

พวกนักเลงโรงยาฝิ่นพากันถอยห่างออกมาจากร่างของตันเต็งกุย หนุ่มคนลากรถค่อยๆ​ยันกายลุกขึ้น​ยืนด้วย​ความยากลำบาก ​ทั้งนี้​เนื่องด้วย​เพราะ​เขาถูกทำร้าย​และรุมกระทืบซ้ำจนงอม​ไป​ทั้งตัว ชายหนุ่มเดินกระย่องกระแย่งมารวมกลุ่ม​กับเล่​และหนุ่มเพลงยาว​ทั้งสองคน ในขณะเดียวกัน​เขาก็หันหน้า​ไปมองสายชล​และบรรดาลูกน้อง​ทั้งหมด​ที่ยืนอยู่​ในห้องทีละคนๆ​ด้วย​ความสนใจ

​แต่ในทันที​ที่สายตาของตันเต็งกุยเพ่งมอง​ไปเห็นใบหน้าของหนุ่มจีนคน​ที่กระชากลากตัว​เขาเข้ามาในห้อง​และผลัก​เขาล้มลง หนุ่มจีนแซ่ตันก็​ต้องประหลาดใจ​ที่แลเห็นใบหน้านั้น​ดูคุ้นตา​เป็นอย่างมาก หาก​ทว่า​เมื่อคน​ทั้งคู่สบตากันอย่างจัง หนุ่มจีนลูกน้องฝ่ายเจ้าของโรงยาฝิ่นก็​ต้องอ้าปากค้างยกมือขึ้น​ชี้มาทางหนุ่มคนลากรถ

เช่นเดียวกัน​กับตันเต็งกุย​ที่ค่อยๆ​ยกมือขึ้น​ชี้หน้า​ไปทางฝ่ายตรงข้าม จากนั้น​เพียงชั่วอึดใจหนุ่มจีน​ทั้งคู่ต่างพากันอุทานขึ้น​เกือบ​จะ​พร้อมกัน

"เฮ้..นั่นลื้อ..ตันเต็งกุยนี่หว่า!?"

"จิวบุ้นเพ้ง!?"

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3551 Article's Rate 1 votes
ชื่อเรื่อง ร้อยใจมังกร --Series
ชื่อตอน บทที่ 10 --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง ปักษิณ
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๑๒๙ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๐ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t

สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น