![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
..."เมื่อคืน นอนไม่หลับหรือลูก ท่าทางอิดโรยยังกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างนั้นแหละ?" คุณหญิงเจือ ประดิษฐานาเวศน์เอ่ยถามธิดาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเจอ...
ตอน : บทที่ 6
"เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือลูก ท่าทางอิดโรยยังกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างนั้นแหละ?" คุณหญิงเจือ ประดิษฐานาเวศน์เอ่ยถามธิดาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเจอหน้ากันบนโต๊ะอาหารในตอนเช้า"มันรู้สึกเวียนหัวเท่านั้นแหละค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ประเดี๋ยวก็คงจะหายเอง เพราะเมื่อคืนนอนหลับๆตื่นๆ..คุณแม่อย่าห่วงไปเลยค่ะ"
"มีอะไรทำให้ต้องคิดมากหรือกังวลล่ะลูก ถึงได้นอนไม่ค่อยหลับ จะให้แม่ช่วยอะไรก็บอกมาได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ไม่มีอะไรจริงๆค่ะคุณแม่"
"อย่างนั้นก็แล้วไป ว่าแต่วันนี้จะไปเรียนในวังไหวไหมล่ะจ๊ะลูก จะหยุดสักวันก็ได้นะ แม่จะได้ส่งแม่ลำเจียกล่วงหน้าไปเรียนขออนุญาตคุณท้าวท่านให้" คุณหญิงเจือหมายถึงคุณท้าวคนสอนการบ้านการเรือนและมารยาทกุลสตรีให้หญิงสาวที่อยู่ในวัง โดยเธอจะให้บ่าวคนรับใช้นำหนังสือไปเรียนท่านว่ากฤษณาป่วยไม่สามารถมาเรียนได้ตามปกติ
"ไปได้ค่ะคุณแม่ บอกแล้วยังไงล่ะว่าหนูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย หนูนั่งรถเจ๊กไปไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร ขอบคุณมากค่ะคุณแม่ที่เป็นห่วง" กล่าวจบหญิงสาวก็ชายตาไปทางป้าเนื่องแม่ครัวเอกของบ้านเพื่อลอบสังเกตดูกิริยาท่าทาง ซึ่งปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงกิริยาผิดปกติแต่อย่างใดให้เห็น
"ในเมื่อลูกยืนยันว่าไปได้ก็แล้วไป เพราะว่าตัวของลูกย่อมรู้ตัวเองได้ดีกว่าใครทั้งหมด จริงไหมล่ะจ๊ะ"
"ค่ะคุณแม่ ลูกสบายดี"
"งั้นก็ตามใจลูกเถิดจ้ะ"
"ขอบคุณค่ะคุณแม่"
"เอ้อ..วันนี้นายตันเต็งกุยคนลากรถเจ๊กเขามารอรับบริการตั้งแต่เช้าแล้วรู้หรือเปล่า?"
"แต่หนูยังไม่ได้ไปเดี๋ยวนี้นี่คะ"
"นายคนนี้เขารับบริการบ้านเราเพียงบ้านเดียวเท่านั้น ไม่ได้ไปที่อื่นอีกเหมือนเจ๊กลากรถคนอื่นเขา นี่เขาก็พาแม่เนื่องไปตลาดสดมารอบหนึ่งแล้ว"
"อย่างนั้นหรือคะ?"
"จ้ะ อีกเกือบชั่วโมงหนึ่งกว่าหนูจะออกเดินทางไปในวังไม่ใช่หรือ?"
"ค่ะ"
"แม่ว่าตอนนี้นะ ทางที่ดีลูกควรจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเข้าเถอะ จะได้ไปถึงวังแต่เนิ่นๆ"
"ค่ะ..คุณแม่"
"เออ..นี่ลูกกฤษณาจ๊ะ?" คุณหญิงเจือเอ่ยร้องเรียกลูกสาวเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้
"มีอะไรอีกหรือคะคุณแม่?" กฤษณาหันหน้ากลับมาหามารดาอีกครั้งหนึ่ง
"คือว่า..เอ้อ..บ่ายวันนี้บ้านเราจะมีแขกมาเยี่ยม ลูกน่าจะกลับมาทันพบกับแขกของเรานะจ๊ะ"
"คุณแม่หรือคุณพ่อก็คอยรับแขกอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ ไม่เห็นจะต้องรอหนูเลยนี่คะ"
"แต่แขกรายนี้เป็นแขกคนสำคัญที่หนูเองก็เคยรู้จักชื่อเสียงของเขาดี แม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตากันก็ตาม ญาติผู้ใหญ่ของเขาอยากจะพาเจ้าตัวมาพบหน้ารู้จักมักจี่กับหนูนะจ๊ะ เราควรจะพบรู้จักกันไว้เผื่อในวันข้างหน้า"
"ใครกันคะ คุณแม่?"
"แม่ยังไม่บอกดีกว่า เอาไว้เมื่อลูกพบกับเขาแล้วหนูก็จะรู้เองแหละจ้ะ อย่าลืมรีบกลับมาให้ทันนะจ๊ะลูกแม่"
"ก็ได้ค่ะ หนูจะให้นายกุ่ยรีบกลับมาส่งหนูทันทีที่เลิกเรียน แล้วพบกันนะคะคุณแม่"
"โชคดีลูก ตั้งใจเล่าเรียนนะจ๊ะ?"
"ค่ะคุณแม่"
และในวันเดียวกันเมื่อขณะที่ตันเต็งกุยลากรถเจ๊กพาหญิงสาวแล่นผ่านย่านบางลำพูนั้น กฤษณาพยายามสอดส่ายสายตามองหาสองหนุ่มหน้าทะเล้นที่เพียรเดินตามเธออยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมองไม่เห็นวี่แวว กระทั่งรถแล่นถึงสนามหลวงหรือทุ่งพระเมรุเรื่อยไปจนอ้อมไปทางท้ายพระบรมมหาราชวังจนถึงประตูวิเศษไชยศรีก็ยังไร้เงาของชายหนุ่มทั้งสอง ทำให้กฤษณารู้สึกผิดหวังและค่อนข้างจะหงุดหงิดในอารมณ์พิกล
ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวข้ามธรณีประตูวิเศษไชยศรีเข้าไปภายในวังนั้น เธอหันมาสั่งตันเต็งกุยบุรุษลากรถประจำตัวของเธอด้วยสีหน้าเครียดๆ
"นายกุ่ย..นายจะรับปากว่าจะไม่ปากโป้งและรักษาความลับของฉันได้ไหม?"
"ปากโป้งคืออารายคัก?"
"เอ่อ..ก็ไม่ปากพล่อยหรือพูดมากให้คนอื่นได้รับรู้ยังไงล่ะจ๊ะ"
"ฮ้อ..ไม่พูดมาก..อั๊วเข้าใจเลี้ยว"
"เมื่อเข้าใจก็ดีแล้ว ฉันอยากจะถามนายกุ่ยว่า ที่ลากรถมาวันนี้นายเห็นหนุ่มสองคนที่ฝากเพลงยาวไปให้ฉันเมื่อวานบ้างหรือเปล่าหือ?"
"ยังไม่เห็นเลยคัก"
"ถ้าพวกเขาแอบมาหานายกุ่ยตอนที่ฉันอยู่ในวังแล้วล่ะก้อ นายกุ่ยช่วยเอาหนังสือของฉันฉบับนี้ให้เขาด้วยได้ไหมจ๊ะ?" พูดพลางหญิงสาวก็ล้วงเอาซองกระดาษที่รีดพับไว้เรียบร้อยยื่นส่งให้สารถีรถเจ๊ก
"ล่ายคัก" หนุ่มคนลากรถเจ๊กรับคำ
"โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าให้ใครเห็นอย่างเด็ดขาดเลยรู้หรือเปล่า เข้าใจไหม?"
"ม่ายให้คายเห็ง..เข้าจายคัก"
"ดีมาก รอฉันอยู่ที่นี่ เอ้า..นี่ขนมของป้าเนื่องแม่ครัวที่บ้านเขาฝากมาให้นายกุ่ยกินแก้หิวระหว่างที่คอยฉันอยู่นอกวัง เอาไปสิ ฉันจะต้องรีบเข้าไปข้างในวังก่อนนะจ๊ะ?"
"เชิงคัก ขอกคุงคัก"
หญิงสาวรีบกุลีกุจอก้าวเท้าข้ามธรณีประตูวิเศษไชยศรีเข้าไปภายในเขตพระบรมมหาราชวังหรือวังหลวงอย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน
คล้อยหลังจากที่กฤษณาลับกายหายเข้าไปภายในเขตพระราชฐานเพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น พลันร่างของสองหนุ่มที่เคยแอบติดสอยห้อยตามรถเจ๊กมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนก็ปรากฏขึ้นจนทำเอาเจ้าหนุ่มคนลากรถชาวจีนถึงกับสะดุ้งสุดตัว
"ไอ้หย่า..ตกใจหมก อั๊วนึกว่าผีโผล่มาเสียอีก พวกลื้อสองคงเล่งมาเงียบๆแบบนี้ ทำเอาอั๊วใจคอหายหมก"
"แหม..ลื้อนี่ช่างเป็นคนขวัญอ่อนจริงๆเลยนะ..อากุ่ย" หมานเอ่ยทักทายกึ่งสรรพยอกหนุ่มจีนใหม่คนลากรถเจ๊กด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น พร้อมกันนั้นก็หันหน้ามาพยักพเยิดกับบุญธรรมหรือเจ้าหนุ่มถึกเพื่อนรักเกลอแก้ว "ไอ้ถึก มึงเห็นด้วยเหมือนกันกับกูไหมวะ?"
"เออกูเห็นด้วย..ว่าอากุ่ยมันท่าจะขวัญอ่อนจริงๆอย่างมึงว่านั่นแหละว่ะ"
"อั๊วเพียงแค่ตกใจเท่านั้นเอง ขวังอ่องอารายกังคัก?" ตันเต็งกุ่ยหรือที่พวกเขาเรียกว่าอากุ่ยปฏิเสธพลางส่ายหน้าและทำไม้ทำมือประกอบกิริยาวุ่นวาย
"เมื่อลื้อว่าไม่ได้ขวัญอ่อนก็แล้วไป แต่คนไทยเขาชอบบอกว่าคนที่ขี้ตกใจเป็นคนขวัญอ่อนกันทั้งนั้น สาเหตุที่วันนี้พวกเราสองคนแอบโผล่มาให้ลื้อเห็นกะทันหันนั้นก็เพราะว่า พวกเราไม่อยากให้คุณหนูกฤษณาเธอเห็นเท่านั้นแหละ รู้ไหมล่ะ?"
"อ้าว..ทำไมถึงไม่อยากให้เธอเห็งล่ะคัก?"
"เรื่องนั้นอั๊วว่าลื้ออย่ารู้จะดีกว่า..เอ้อ..แต่พวกเราอยากจะรู้ว่า วันนี้ตั้งแต่ออกจากบ้านมาถึงที่วังหลวงเนี่ย คุณหนูกฤษณาเธอถามไถ่ถึงพวกเราสองคนบ้างหรือเปล่า หือ..อากุ่ย?"
"เอ่อ..ถามคัก!"
"เธอถามว่าอย่างไรหรือ?" หนุ่มบุญธรรมหรือนายถึกเอ่ยถามสวนมาอย่างเร็วปรื๋อ พร้อมทั้งแสดงท่าทีกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้หนุ่มมะขามข้อเดียวเพื่อนเกลอกระแอมเบาๆและพูดเปรยๆสำเนียงทำนองกระเซ้าขึ้นมาว่า
"อะแฮ้ม..อยากรู้จนตัวสั่นเชียวนะเพื่อนกู?"
"มึงอย่าเพิ่งสอดได้ไหมไอ้หมาน?" บุญธรรมหันหน้ามาปรามเพื่อนด้วยสีหน้าดุเชิงตำหนิ
"คุงหลูกิกซาหนา.." หนุ่มจีนใหม่พูดเสียงยานคางเพื่อหวังที่จะให้ผู้ฟังเข้าใจ "เขาถางผงว่าเห็นพวกคุงสองคงบ้างไหม?"
"ลื้อบอกเธอว่าอย่างไรล่ะ อากุ่ย?" บุญธรรมซัก
"อั๊วบอกไปตามจริงว่าไม่เห็ง เพราะอั๊วไม่เห็งลื้อสองคงจริงๆ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาจนถึงที่นี่"
"แล้วเธอบอกอะไรลื้ออีกวะ อากุ่ย?"
"เธอฝากกะหลากหลังสือให้ลื้อว่ะ?"
"กระดาษหนังสืออะไรไหนขอดูหน่อยซิ?" บุญธรรมกรากเข้าประชิดจนถึงตัวเจ้าหนุ่มคนลากรถเจ๊กอย่างลืมตัว พลางเอามือจับไหล่เขย่าเบาๆ
"เป็นเอามากว่ะเพื่อนกู อากุ่ยลื้อรีบเอาให้เขาเร็วๆเข้าหน่อยเถอะวะ เดี๋ยวมันจะเป็นลมเป็นแล้งไปเพราะความดีใจ"
"เอ้า..นี่ไง..คุงหลูเธอฝากให้ลื้อ" พูดจบตันเต็งกุยก็รีบล้วงเอาเพลงยาวออกจากชายพกยื่นส่งให้แต่โดยดี กระนั้นก็ยังไม่วายเหลียวมองไปรอบๆบริเวณด้วยความหวาดระแวง ด้วยกลัวว่าจะมีใครอื่นมาเห็นเข้า ทั้งนี้ก็เพราะเขาได้ให้สัญญาไว้แล้วกับหญิงสาวเจ้าของจดหมายซึ่งเป็นนายสาวของเขาโดยตรงในขณะนั้น
"ขอบใจมากอากุ่ย เอ้านี่..ขนมอร่อยๆทั้งนั้น อั๊วตบรางวัลให้ลื้อเป็นสินน้ำใจ" บุญธรรมเอื้อมมืออันสั่นเทาไปรับเพลงยาวของสาวเจ้าจากมือสารถีจีนหนุ่มด้วยความดีใจ ที่เขาสามารถทำให้บุตรีของพระยาประดิษฐานาเวศน์ผู้สูงส่งในสายตาของคนทั่วไปอุตส่าห์เขียนเพลงยาวตอบหนุ่มชาวบ้านธรรมดาอย่างนายบุญธรรมแห่งบ้านบางลำพูคนต้อยต่ำผู้นี้ได้ เขารีบยัดเพลงยาวฉบับจิ๋วเข้าไว้ในไถ้ซุกยังชายพกอย่างมิดชิด แววตาของเจ้าหนุ่มฉายแสงแห่งความปลื้มปีติ เขาอมยิ้มอยู่คนเดียวโดยกะว่าจะเอาไว้อ่านเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว
สิ่งของที่เป็นรางวัลสำหรับเจ๊กลากรถคราวนี้ก็คือ ขนมตะโก้แห้วและส้มเขียวหวานบรรจุอยู่ในชะลอมใบเขื่อง ซึ่งตันเต็งกุยยิ้มรับจนแก้มปริขณะที่เอื้อมมือออกไปรับ สารถีหนุ่มจากโพ้นทะเลรีบแก้ชะลอมล้วงหยิบเอาขนมออกเคี้ยวตุ้ยๆอย่างมีความสุข
โดยหารู้ไม่ว่าห่างออกไปเพียงอีกไม่กี่วามีชายหนุ่มฉกรรจ์สามคนแต่งกายรัดกุมทะมัดทะแมง กำลังแอบยืนมองพฤติกรรมของตันเต็งกุยและไอ้หนุ่มเพลงยาวทั้งสองอยู่อย่างไม่วางตา...