![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
...ณ ประตู หน้าบ้าน "ประดิษฐานาเวศน์" กฤษณาเหลียวหน้าไปมาล่อกแล่กก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปรับแผ่นกระดาษที่ตันเต็งกุยหนุ่มอาตี๋คนลากรถซึ่งเป็นเจ๊ก...
ตอน : บทที่ 5
ณ ประตูหน้าบ้าน "ประดิษฐานาเวศน์" กฤษณาเหลียวหน้าไปมาล่อกแล่กก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปรับแผ่นกระดาษที่ตันเต็งกุยหนุ่มอาตี๋คนลากรถซึ่งเป็นเจ๊กหางเปียยื่นส่งให้เธอหลังจากที่เธอได้ก้าวลงจากรถลากแล้ว ครั้นจะไม่รับก็ใช่ที่ อยากรู้ก็อยากรู้ อายก็อาย เพราะหนุ่มจีนเพิ่งมารับใช้ลากรถรับส่งให้เธอไปยังวังหลวงได้เพียงวันแรกเท่านั้นเอง หากแต่ด้วยความอยากรู้เป็นกำลังถึงสิ่งที่อยู่ภายในก็เอาชนะใจเธอได้ในที่สุด หญิงสาวค่อยๆบรรจงคลี่ออกอ่านด้วยอารมณ์หงุดหงิดกฤษณายืนอ่านข้อความบนแผ่นกระดาษอยู่ข้างรถเจ๊กที่หน้าประตูบ้านนั้นเอง มองเพียงปราดเดียวหญิงสาวก็รู้ว่าเป็นเพลงยาวอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอเคยได้อ่านเพลงยาวของบรรดาเพื่อนๆของเธอที่ถูกหนุ่มคนรักส่งเพลงยาวเอามาให้เธออ่านที่โรงเรียนบ้าง ของพวกบ่าวไพร่พวกสาวรับใช้ในบ้านที่มีหนุ่มๆเขียนมาจีบบ้าง นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายส่งเพลงยาวมาจีบเธอถึงหน้าบ้านของตัวเองโดยไม่คาดฝันมาก่อน ทำเอาใบหน้าของกฤษณาถึงกับร้อนผ่าวด้วยอารมณ์ที่ยากจะบอกให้ใครรู้ได้ หญิงสาวอ่านพอคร่าวๆแล้วเธอก็รีบพับเก็บยัดเข้าในอกเสื้อหันหลังทำท่าจะเดินเข้าบ้าน
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตกตะลึงเมื่อเหลียวหน้าหันไปเห็นคุณหญิงเจือมารดาของเธอยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ทางเข้าประตูบ้านโดยมีป้าเนื่องหญิงแม่ครัววัยกลางคนยืนอยู่ข้างๆ ชะรอยว่าป้าเนื่องอาจจะเห็นสารถีหางเปียยื่นแผ่นกระดาษเพลงยาวส่งให้หญิงสาว หล่อนจึงได้เรียกคุณหญิงผู้เป็นนายซึ่งบังเอิญยืนอยู่ไม่ไกลให้มาดูพฤติกรรมอันไม่ชอบมาพากลของหนุ่มรถเจ๊กก็อาจเป็นได้ แวบเดียวแห่งความคิดหญิงสาวก็เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะต้อนรับสถานการณ์ซึ่งกำลังจะบังเกิดขึ้นเบื้องหน้า ทว่าเมื่อสำรวมจิตใจได้แล้ว กฤษณาจึงเดินเข้าบ้านด้วยกิริยาอันแน่วนิ่งมั่นคง เธอพยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อก้าวมายืนตรงหน้าผู้เป็นมารดาหญิงสาวก็ก้มหน้าพร้อมกับย่อกายลงกระพุ่มมือไหว้ด้วยท่าทางอันอ่อนช้อยตามที่ได้ฝึกฝนมาอย่างเคยชินพลางเอ่ยถามขึ้นก่อนเพื่อหวังที่จะกลบเกลื่อน
"คุณแม่กำลังจะออกไปข้างนอกหรือคะ?"
"เปล่า..แม่กำลังจะออกมารับลูก ก็บังเอิญเห็นพ่อกุ่ยคนลากรถเจ๊กส่งอะไรอย่างหนึ่งให้ลูก มันคืออะไรหรือจ๊ะ?"
"เอ๊ะ..คุณแม่รู้ได้อย่างไรคะว่าหนูจะกลับมาตอนนี้?"
"อ้อ..แม่เนื่องเขาเห็นรถเจ๊กแล่นมาแต่ไกล จึงร้องบอกแม่ว่าคุณหนูกฤษณาถ้าจะกลับมาแล้ว แม่ก็เลยรีบเดินออกมาดู สงสัยอะไรหรือจ๊ะลูก?"
"หนูเพียงแต่แปลกใจเท่านั้นเองแหละค่ะคุณแม่ ไม่มีสิ่งใดดอก"
"แต่หนูยังไม่ได้ตอบแม่เลยนะจ๊ะว่าเจ๊กลากรถส่งกระดาษอะไรให้ลูก?"
"อ๋อ..หนูทำตกเองแหละค่ะ แล้วนายกุ่ยเขาเห็นเข้าพอดี ก็เลยเก็บขึ้นมาส่งให้ก็เท่านั้นเองค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไร"
"อ้อ อย่างนั้นก็แล้วไป แม่นึกว่าเป็นพวกเพลงยาวหรืออะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรนั่นเสียอีก เมื่อไม่มีอะไรที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ลูกสาวของแม่ก็แล้วไป ไป๊..เข้าบ้านกันเถอะลูก"
"ค่ะ คุณแม่" หญิงสาวรับคำถอนหายใจอย่างโลกอก เธอคิดในใจว่าต่อไปนี้จะต้องระมัดระวังมิให้คนในบ้านได้รู้เห็นพฤติกรรมส่วนตัวของเธอเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มที่เข้ามาติดพันเธอก็มีอยู่ด้วยกันสองสามคน หากกฤษณาก็ไม่ได้ให้ความสนใจใครคนใดเป็นพิเศษ จะมีอยู่คนหนึ่งที่น่าหนักใจก็คือ รายของนายสายชลลูกชายขุนจำนงสัจจานนท์ที่คอยแวะเวียนมาตามตื้อเธออยู่บ่อยๆ ถึงขนาดขุนจำนงฯเคยส่งแม่สื่อแม่ชักมาทาบทามที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อหญิงสาวทราบเรื่องจากผู้ใหญ่เธอก็รีบบอกปัดปฏิเสธไปโดยไม่แยแส อ้างว่ายังไม่พร้อมที่จะออกไปมีเหย้ามีเรือน
ขุนจำนงสัจจานนท์จึงได้เอ่ยเตือนบุตรชายว่า ในเมื่อสาวเขาไม่ทอดไมตรีมาให้ก็ให้ลืมมันไปเสียเถิด เพราะยังมีหญิงสาวลูกผู้ดีคนอื่นๆอีกถมไปที่สนใจจะเป็นสะใภ้ของขุนจำนงฯ หากด้วยความที่เป็นหนุ่มเลือดร้อนเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก หนุ่มสายชลผู้กว้างขวางในวงสังคมนักเลงย่านนางเลิ้ง จึงเป็นเดือดเป็นแค้นที่ไม่สามารถพิชิตน้ำใจสาวกฤษณาคนงามได้ด้วยวิถีทางตามขนบธรรมเนียมประเพณี เขาคิดว่าเมื่อไม่ด้วยเล่ห์ก็อาจจะต้องหักหาญเอาด้วยกลวิธีที่แยบยล หรืออาจจะรุนแรงด้วยการลงไม้ลงมือฉุดคร่าถ้าจำเป็นจริงๆ อย่างที่เขาได้เคยปฏิบัติกับสาวอื่นๆในละแวกใกล้เคียงมาแล้วจนเป็นที่ยำเกรงของชาวบ้านร้านตลาดที่ได้ยินชื่อของเจ้าพ่อสายชล นักเลงหัวไม้ลูกชายขุนจำนงสัจจานนท์เจ้าของโรงยาฝิ่น
ภายหลังจากรับประทานอาหารเย็น เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วหญิงสาวก็รีบล้วงเอากระดาษเพลงยาวที่เธออ่านค้างอยู่เพียงคร่าวๆตั้งแต่ตอนบ่ายขึ้นมาคลี่ออกอ่านใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วยดวงใจที่เต้นระทึก
กฤษณาล้มตัวลงบนฟูกนอนคว่ำหน้ามือซ้ายเท้าคางขณะที่มือขวาจับทาบอยู่กับแผ่นกระดาษ สายตาของเธอไล่ไปตามตัวอักษรทีละบรรทัดอย่างใจจดใจจ่อ อารมณ์และความรู้สึกค่อยๆซึมซับคล้อยไปตามสำนวนกลอน
ถึงน้องกฤษณา...
..กฤษณายาใจรู้ไหมหนอ
ว่ายังมีหนึ่งชายเฝ้าหมายรอ
อยากใคร่ขอรักน้องปองรำพึง
ทุกทุกยามตามน้องเฝ้ามองเหม่อ
เฝ้าละเมอเพ้อฝันรำพันถึง
ไม่เห็นหน้าพาใจใฝ่คำนึง
ภาพน้องยังฝังตรึงซึ้งทรวงใน
ตัวพี่นี้มีใจมอบให้น้อง
วันเราสองลองรักสมัครใคร่
ร่วมแบ่งปันความรักปักฤทัย
หมดหัวใจดวงนี้..พี่รักเธอ
แม้นรักชอบตอบถ้อยหน่อยได้ไหม
อย่าปล่อยให้พี่หงอยเฝ้าคอยเก้อ
เพียงคำเดียวจากใจได้ไหมเออ
ว่ารักเธอ "รักพี่" เท่านี้เอง
พี่จะรอความหวังฟังคำตอบ
โปรดจงมอบสารถีที่ลากเก๋ง
พี่จะติดตามต้อยคอยยาวเพลง
รอบรรเลงตอบถ้อยเป็นร้อยกรอง
แม้นหากพี่มีมนต์อยากดลใจ
ให้ทรามวัยนงเยาว์ไร้เจ้าของ
ไร้ผึ้งภู่หมู่ภมรว่อนบินจอง
วอนเนื้อทองปองสมัครรักพี่เอย...
จากพี่บุญธรรม บางลำพู..
ชายที่เฝ้าเพียรตามน้องอยู่ทุกวัน
กฤษณากระพริบตาถี่ยิบดวงใจคิดครวญคำนึงถึงใบหน้าของสองหนุ่มหน้าทะเล้นที่เดินตามรถเจ๊กของเธอมาตั้งแต่บางลำพูจนกระทั่งถึงพระบรมมหาราชวัง ณ ประตูวิเศษไชยศรี คนที่ชื่อบุญธรรมน่าจะเป็นหนุ่มหน้าตาคมสันรูปร่างสูงโปร่งกว่าอีกคนหนึ่งที่ล่ำเตี้ยเหมือนมะขามข้อเดียว หากทว่าเมื่อเธอกลับออกมาทางประตูวิเศษไชยศรีอีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวคาดว่าจะเจอพวกเขาคอยดักรออยู่ กลับปรากฏว่าหนุ่มทั้งคู่พากันหายหน้าไม่เห็นแม้เงา
หญิงสาวแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่รู้ว่าหนุ่มที่ชื่อบุญธรรมนั้นรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอได้อย่างไรกัน หรือว่าอาจจะมีใครสักคนที่รู้จักเธอเป็นอย่างดีบอกความจริงแก่เขา น่าจะเป็นคนรับใช้ในบ้านหรือคนละแวกบ้านของเธอเอง คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นใครกันแน่ที่ปากโป้งเผลอบอกชื่อเสียงเรียงนามของเธอให้คนแปลกหน้าได้รับรู้
แต่ช่างเถอะในเมื่อเขารู้จักเธอเพียงฝ่ายเดียวแล้วเธอจะมัวไปแคร์เขาอยู่ไย ทำเฉยเสียก็สิ้นเรื่อง เราเป็นสตรีจะไปทอดสะพานให้บุรุษที่ไม่รู้จักมักจี่ก็ใช่ที่ จะเป็นที่ครหาได้ ใครเขารู้ก็จะหาว่าใจง่ายเพียงเขาเขียนเพลงยาวมาให้เพียงแผ่นเดียวก็หลงใหลใฝ่ฝันตอบกลับเขาไปเสียแล้วหรือ
เธอยิ่งคิดก็ให้รู้สึกเคืองชายหนุ่มชาวจีนหน้าซื่อที่ลากรถเจ๊กให้เธอนั่งอยู่ครามครัน ไปรู้จักชอบพอกับหนุ่มสองคนนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงขนาดยอมรับเป็นคนส่งสาส์นให้เธออย่างหน้าชื่นตาบาน ในวันพรุ่งนี้จำจะต้องซักไซ้ไล่เลียงและขนาบให้รู้สึกตัวเสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร มิฉะนั้นจะเคยตัวถึงอาจจะทำให้เธอเสียชื่อเสียงได้ง่ายๆ
แต่เอ๊ะ..นายกุ่ยหนุ่มจีนที่ลากรถนั่นมีชื่อเต็มว่าอะไรนะ อ๋อ..จำได้แล้ว เขาชื่อนายเต็งกุยแซ่ตันเป็นคนของคุณนายลิ้มกิมหงเถ้าแก่เนี้ยที่สามีเขาที่ชื่อเจ้าสัวลิ้มกวงย้ง ซึ่งเจ้าสัวคนนี้เป็นคนสนิทของพระยาประดิษฐานาเวศน์ผู้เป็นบิดาของเธอนั่นเอง โดยเจ้าสัวลิ้มกวงย้งนั้นยังได้มีหุ้นส่วนในการทำการค้าเดินเรือค้าขายร่วมกับคุณพ่อของเธออีกด้วย
หวนคิดไปคิดมาก็ทำให้เธอยากที่จะข่มใจไม่ให้คิดถึงเรื่องเพลงยาวลงไปได้ง่ายๆเลย เผลอตัวแผล็บเดียวไม่รู้ว่าอะไรหรือมีสิ่งใดดลใจให้เธอหยิบเอากระดาษเพลงยาวแผ่นนั้นออกมาอ่านซ้ำอีกถึงสองครั้งสองครา จนเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะนึกตำหนิตนเองที่ไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงใบหน้าคนสันของเจ้าหนุ่มเจ้าของเพลงยาวคนนั้นได้
แม้นรักชอบตอบถ้อยหน่อยได้ไหม
อย่าปล่อยให้พี่หงอยเฝ้าคอยเก้อ
เพียงคำเดียวจากใจได้ไหมเออ
ว่ารักเธอ "รักพี่" เท่านี้เอง
พี่จะรอความหวังฟังคำตอบ
โปรดจงมอบสารถีที่ลากเก๋ง
พี่จะติดตามต้อยคอยยาวเพลง
รอบรรเลงตอบถ้อยเป็นร้อยกรอง...
ร่ำๆที่เธอคิดและเอื้อมมือไปหยิบสมุดออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือเปิดสมุดออกมาเพื่อจะเขียนเพลงยาวตอบ หากแต่ในที่สุดเธอก็หักห้ามใจตนเองได้ในที่สุด ว่าไม่ควรที่จะรีบตอบกลับไปให้ชายหนุ่มได้ใจ จำจะต้องสงวนดูท่าทีของเขาให้ถ่องแท้ไปสักพักหนึ่งก่อนจะดีกว่า คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็หยิบสมุดเก็บยัดเข้าลิ้นชักไว้ดังเดิม
กฤษณานอนลืมตาโพลงความคิดคำนึงของหญิงสาวใคร่ครวญหวนวกวนไปมาอยู่แต่เรื่องเพลงยาวและเจ้าของคนเขียน จนไม่สามารถที่จะข่มตาให้หลับลงได้ง่ายๆเลย ในที่สุดเมื่ออดรนทนไม่ได้ก็ทำให้เธอจำใจเอื้อมมือไปบิดเร่งแสงตะเกียงเพื่อให้เพิ่มความสว่างขึ้น หยิบเอาเพลงยาวขึ้นมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง
..กฤษณายาใจรู้ไหมหนอ
ว่ายังมีหนึ่งชายเฝ้าหมายรอ
อยากใคร่ขอรักน้องปองรำพึง
ทุกทุกยามตามน้องเฝ้ามองเหม่อ
เฝ้าละเมอเพ้อฝันรำพันถึง
ไม่เห็นหน้าพาใจใฝ่คำนึง
ภาพน้องยังฝังตรึงซึ้งทรวงใน...
ก่อนที่จะดับไฟเข้านอน หญิงสาวสวดมนตร์ไหว้พระ พยายามเรียกเอาสติกลับคืนมา กว่าจะข่มใจได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญอย่างที่ไม่เคยรู้สึกหรือเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิตตั้งแต่จำความได้ หญิงสาวคิดว่านี่หรือคืออานุภาพของความรักที่เริ่มเกาะกินใจ มันคอยกวนใจให้เธอไม่รู้จักรับผิดชอบชั่วดี อำนาจของความรักนั้นช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน นี่เพียงเธอได้รับแค่เพลงยาวบอกรักโดยไม่เคยได้พูดกันแม้แต่คำเดียวยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ หากว่าเมื่อรู้จักคุ้นเคยสนิทชิดชอบกันมิยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ..