นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๐๘ มีนาคม ๒๕๕๕
เรือนมายา #4
SONG-982
...โรงแรมนี้​เป็นตึกฝรั่งใหม่เอี่ยม​ที่มีเครื่องอำนวย​ความสะดวก​ครบบริบูรณ์ ​และดูออก​จะมากเกิน​ไปตรง​ที่ มีห้องหับสำหรับชมการแสดง มี​ส่วนสำหรับให้นั่งจิบสุรายาเมา กระทั่งมีหญิงงามเมือง​แต่งตัวอร่ามตา นั่งรอท่าอยู่​อย่างเปิดเผย...

ตอน : บทที่ ๓

เรือนชายน้ำของบ้านเจ้าคุณอเนกคุณากร ​เป็นเรือนแฝดปลูกบนแพลูกบวบ มีฝาขัดแตะกั้นไว้สองด้าน ไม่มีหน้าต่าง​แต่มีไม้ไผ่สาน​เป็นตารางห่างๆ​ พอให้​เป็นช่องระบายลม ด้าน​ที่เปิดโล่งนั้น​หันออกยังลำคลองสายใหญ่ ​ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอด​ทั้งปี

หน้าแพยังกั้นทุ่นบอกอาณาเขต ปลูก​ทั้งบัวขาว​และบัวแดง กินพื้น​ที่​ไปถึงกลางธารน้ำ บนแพมีตั่งใหญ่ตั้งไว้โดดๆ​ สำหรับประกอบการกิจสารพัด

พอเห็นว่าผู้​เป็นบิดาติดธุระ​จะ​ต้อง​ไปสะสาง อุ่นเรือนจึงชวนให้ทรงธรรมมาหัดดนตรี​กับตน ​ที่เรือนแพแสนสบายหลังนี้

สำหรับชายหนุ่ม ​เมื่อเห็นว่าในอาภรณ์สตรี อุ่นเรือนยิ่งสวยงามจับใจ ​เขาก็ยิ่งหมายมั่นว่า ​จะ​ต้อง​ได้ผูกสมัครรัก​ใคร่ ร่วมหอลงโลง อยู่​กินฉันสามีภรรยา​กับเธอให้จง​ได้

ขณะ​ที่อุ่นเรือนนั้น​ก็มอบใจให้​กับทรงธรรมตั้งแต่แรก ​ที่ชวนมาพักอยู่​ด้วยกัน​ที่เรือนนี้ ก็​เพราะอยากให้เห็นว่าตนนั้น​มีฐานะ​และรูปโฉมงดงาม เหมาะสม​กับ​เขาเพียงไร

"​ต้องสอนใกล้ชิดขนาดนี้เชียวหรือคะ​พี่ธรรม์"

อุ่นเรือนแกล้งเอียงอาย​ไปอย่างนั้น​ ​เพราะก็พอใจ​กับสัมผัสของชายหนุ่ม ​ที่อ้อมโอบประคองมือ ให้หัดกดหัดดีดสาย​จะเข้ตัวใหญ่

"ใช่ซีจ๊ะ​ ไม่จับมือสอน​จะ​เป็น​เมื่อไร หรือว่าแม่อุ่นรังเกียจพี่"

พูดจบ​เขาก็ถือโอกาส เคลียจมูกลงตรงข้างแก้มของหญิงสาว

อุ่นเรือนหลบเลี่ยงพอ​เป็นพิธี ​แต่ก็ไม่​ได้ว่ากล่าว​เขาอย่างไร ยังดี​ที่ก่อน​จะเกิดการเลย​เถิด​ไปมากกว่านั้น​ เจ้าคุณบิดาก็มากระแอมกระไอให้​ได้ยิน

ทรงธรรม์ดีดตัวออกจากหญิงสาว​ได้ทันที ขณะ​ที่เธอหัน​ไปค้อนให้บิดา

"เจ้าคุณพ่อละก็ อุ่น​กำลังให้พี่ธรรม์​เขาสอน​จะเข้ ไม่เห็นหรือคะ​"

"ให้แม่สายมาสอนให้ก็​ได้กระมัง หรือ​จะให้แม่ครูของท่านเทววงศ์ พ่อ​จะ​ได้​ไปเรียนเชิญ"

ผู้​เป็นบิดาตอบคำอย่างรู้ทัน เขม้นมองทรงธรรมอย่างไม่พอใจ

"ขอรับท่านเจ้าคุณ เรา​กำลังหัด​จะเข้กันอยู่​"

"ไม่​ต้องพูด ข้าเห็นอยู่​​กับตา! ยังคิด​จะแก้ตัวอีกหรือไร"

"พี่ธรรม์​เขายังไม่​ได้แก้ตัวอะไร​เลย​นะคะ​เจ้าคุณพ่อ แล้ว​ก็​เป็นอุ่นเอง​ที่ขอร้อง...​"

"ข้าให้ไอ้วงศ์​ไปติดต่อ​ที่พักไว้ให้แล้ว​ เรื่อง​เสื้อผ้าก็สั่งให้จัดหา ​ไปเสียตอนนี้เลย​ ตรงข้ามวังบูรพา ไอ้วงศ์มันเตรียมรถรออยู่​"

ผู้มากวัยไม่ฟังคำบุตรี หัน​ไปพูด​กับทรงธรรมล้วนๆ​ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ​ แสดงให้เห็นเจตนา​ได้ชัดๆ​ แล้ว​เจ้าคุณก็เดินนำกลับ​ไป

พอลับตัวบิดา​ไปแล้ว​ อุ่นเรือนก็โมโหใหญ่ ​แม้ทรงธรรม​จะพยายามประคองสองแขนให้เริ่มหัด​จะเข้ต่อ​ไป เธอก็สะบัดออก

"ไม่หัดมันละ"

"​เอาน่า แม่อุ่น​จะโมโห​ไปไย มีลูกสาวสวยขนาดนี้ เจ้าคุณท่านก็ห่วงก็หวง​เป็นธรรมดา"

ชายหนุ่มพยายามโอ้โลม ​แต่ดูเหมือน​จะไม่​ได้ผลนัก

"ก็ดูซิ เจ้าคุณพ่อจับตา จ้องจับผิดอยู่​อย่างนี้ ​จะมีอารมณ์หัด​ได้ยังไงล่ะ"

อุ่นเรือนเลย​พลอยใส่อารมณ์​เอา​กับ​เขา

"เบื่อชะมัดเลย​ กลับมาถึงเรือน แทน​ที่​จะ​ได้ทำอะไร​ๆ​ ​ได้ตามใจ"

เธอขยับมาทรุดตัวแช่ขา​กับสายน้ำตรงมุมหนึ่ง​ ​โดยมีทรงธรรมตามมาติดๆ​

"แม่อุ่น ถามจริงๆ​ แม่อุ่นไม่พอใจพี่หรือเปล่า"

"พุทโธ่! พี่ธรรม์ ไม่อย่างนั้น​ข้า​จะชวนพี่มาทำไม...​ ก็​เพราะอยากให้เรา​ได้อยู่​ใกล้ๆ​ กัน"

ออก​จะกระดากใจอยู่​เหมือนกัน ​แต่อุ่นเรือน​เป็นคน​ที่มั่นใจในตัวเองเกินกว่าสตรีสมัยเดียวกันอยู่​มาก จึงกล้าเอ่ยออก​ไปตรงๆ​ ​โดยยังไม่หัน​ไปสบตา​กับคน​ที่พูดด้วย

ทรงธรรม​ได้ฟังก็ยิ้มกว้าง สมใจนัก​ที่หญิงสาวประกาศเจตนาแจ่มแจ้งขนาดนี้

"ก็​ถ้า​จะลำบากแม่อุ่นสักนิด แล้ว​เรายัง​จะ​ได้เจอกันต่อ​ไปเล่า...​"

"พี่ธรรม์​จะพูดว่ากระไร"

หญิงสาวหันกลับมาทันที

"​ที่พัก​ที่เจ้าคุณจัดหาไว้ให้นั่นอย่างไร แม่อุ่นก็ลอบออก​ไป เราพบกัน​ที่นั่น ไกลหูไกลตา อยาก​จะทำอะไร​ๆ​ ก็ย่อม​ได้​ทั้งนั้น​"

"จริงสิ อย่างเจ้าคุณพ่อ ​จะให้พี่​ไปพัก​ที่ซอมซ่อก็คง​จะไม่ แถวนั้น​ใกล้เยาวราช ราชวงศ์ ของกินอร่อยๆ​ เยอะแยะ ​แต่ก็ใกล้สำเพ็ง ข้ากลัว​แต่พี่ธรรม์​จะ...​"

ไม่ทัน​จะ​ได้แสดง​ความห่วงใยหรือหึงหวง ก็มีอีกเสียงมากระแอมขัดคอ

คราวนี้​เป็นนายวงศ์ บ่าวคนสนิทของบิดา

"รู้แล้ว​ละน่ะ ทำไม​ต้องเร่งกันด้วย"

อุ่นเรือนหัน​ไปตวาด แล้ว​ก็ลุกขึ้น​สะบัด​ไป ทรงธรรม​ได้​แต่มองตาม กิริยามรรยาทขนาดนี้ หากไม่มีสมบัติอัครฐาน ​จะมี​ใครกล้ามาสู่ขอ

เธอคงตาม​ไปโวยวายบิดา ​เขาเห็นว่านายวงศ์ก็มองตาม​ไปด้วย​ความละเหี่ยใจไม่แพ้กัน

​เมื่อบ่าวชราหันมาสบตา​กับ​เขาอีกครั้ง สายตานั่นก็ส่งมาอย่างรู้ทัน ว่าทำไมทรงธรรมถึงอยาก​จะตกร่องปล่องชิ้น​กับธิดาของเจ้านายของตนขนาดนั้น​





​ที่พัก​ที่เจ้าคุณเตรียมไว้ให้หรูหราเกิดคาด โรงแรมนี้​เป็นตึกฝรั่งใหม่เอี่ยม​ที่มีเครื่องอำนวย​ความสะดวก​ครบบริบูรณ์ ​และดูออก​จะมากเกิน​ไปตรง​ที่ มีห้องหับสำหรับชมการแสดง มี​ส่วนสำหรับให้นั่งจิบสุรายาเมา กระทั่งมีหญิงงามเมือง​แต่งตัวอร่ามตา นั่งรอท่าอยู่​อย่างเปิดเผย

"หรือเจ้าคุณคิด​จะลองใจเรา...​ ​เป็นไงก็​เป็นกันสิ ใน​เมื่อลูกสาว​เขาก็มีใจ​กับเราถึงขนาดนั้น​"

​ที่ทรงธรรมคิดดังนั้น​ ก็​เพราะตน​เป็นคนรักการสนุกสนาน ชอบหา​ความบันเทิงเริงใจ​เป็นทุนอยู่​แล้ว​ ​เมื่อยิ่ง​ได้ตกมาอยู่​ในอีกอัน​จะเสพสุข​ได้ขนาดนี้ มีหรือ​ที่​จะไม่ชอบใจ

พอนายวงศ์ขอตัวกลับ​ไป ​เขาก็เกร่​ไปทางพนักงานต้อนรับ

"ทุกอย่างเจ้าคุณให้ลงบัญชีไว้​ทั้งหมดขอรับ"

พนักงาน​ที่ฝึกหัดมาอย่างดี ไม่​ต้องรอให้​เขาถาม ก็ตอบ​ได้อย่างใจ

ถึงสองวันสองคืนเลย​ทีเดียว ​ที่ทรงธรรม​ใช้ชีวิตอยู่​ในโรงแรมแห่งนี้อย่างสบายอุรา จนกระทั่งสายๆ​ ของวัน​ที่สาม เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น​

"คุณทรงธรรมขอรับๆ​"

เพียงไม่กี่วัน พนักงาน​ทั้งหมดก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ​เขากันทั่ว​ไป

"มีอะไร​หรือ อย่าบอกนะว่า​จะมาคิดค่าเช่าค่าบริการอะไร​"

​เขางัวเงียออกมา ถามในสิ่ง​ที่ตนยังอดระแวงแคลงใจไม่​ได้

"หามิ​ได้ขอรับ กระผมมีเรื่อง​อยาก​จะเตือน"

"มีอะไร​ก็ว่ามาเถอะ ​ถ้าไม่ใช่เรื่อง​อัฐ"

"​คือว่า​เมื่อครู่มีคนกลุ่มหนึ่ง​มาถามหา หน้าตาเหมือนตั้งใจ​จะมาหาเรื่อง​ กระผม​เป็นห่วง เลย​มาเตือนให้ระวังตัว"

"อ๋อ!...​" ทรงธรรมลากเสียงยาว ใจนึก​ไปสารพัด ​ความง่วงงุนหาย​เป็นปลิดทิ้ง มี​ความวิตกเข้ามาแทน​ที่ในฉับพลัน ​แต่ก็​ต้องฝืนยิ้ม

"ไอ้น้องชาย คนอย่างพี่นี้ ขนาดผียังไม่กลัว นับประสาอะไร​​กับ​จะกลัวคน"

แล้ว​ก็รีบผลักให้พนักงานผู้นั้น​กลับลง​ไป ก่อน​ที่​จะ​ได้เห็นสีหน้าหวาดหวั่น​ที่แท้จริงของตนเอง

ทรงธรรมกลับเข้าห้อง แล้ว​รีบ​แต่งตัว ตั้งใจ​จะ​ต้องตามลง​ไปดู ว่าพวก​ที่มาตามหา​เขานั้น​​เป็น​ใครกัน ​ซึ่งก็แทบ​เอาชีวิตไม่รอดอีกครั้ง ​เพราะพวก​ที่เคยถูก​เขาทำลายแผนการตกทองนั่นเอง ​ที่ยังตามล่าล้างแค้นไม่สร่างซา ดี​ที่ว่าระบบรักษา​ความปลอดภัยของโรงแรมแห่งนี้ยอดเยี่ยม ​เขาจึงยังตั้งหลักอยู่​​ที่นี่​ได้อย่างสบายๆ​

อีก​ทั้งในโรงแรมมีสรรพสิ่งครบครันตาม​ที่กล่าว ​เขาจึงยิ่งรู้สึกว่า​ ​ได้เก็บตัวอยู่​ในโรงแรมแห่งนี้ ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

"คุณท่านนี่เก่งสังคมจริงๆ​ นะเจ้าคะ​"

สาวงามเมืองนางหนึ่ง​​ที่ถูกตา​ต้องใจทรงธรรม​เป็นพิเศษ เอ่ยขึ้น​ในมื้อค่ำอันแสนยาวนาน ​ที่​เขาเชิญหล่อนมานั่ง​เป็น​เพื่อนกิน

"สุราไหนดีท่านก็รู้จัก เพลงไหนไพเราะท่านก็คลอ​ได้ อะไร​ดีไม่ดีท่านก็รู้หมด"

"​เขาเรียกว่าผู้ดีมีการศึกษาไงเล่า ชีวิตคนเรา​จะอยู่​​ไป​ได้สักกี่วันเดือนปี สู้หา​ความสุขสำราญ​เอาไว้ให้คุ้มค่า​กับการ​ได้เกิดมา ไม่ดีหรอกหรือ"

"​ใครว่าชีวิต​ต้องหา​แต่​ความสุขสำราญ!"

เสียงหนึ่ง​ขัดขึ้น​จากด้านหลัง ​เป็นเสียง​ที่คุ้นๆ​ ​แต่ทรงธรรม​ต้องหัน​ไปดูถึง​จะจำ​ได้

พอเห็นหน้ากัน คน​ที่มาใหม่ก็ชี้หน้าใส่​เขาทันที

"ไอ้...​ ไอ้...​"

​เป็นหมอเกตุอาคม ​ที่​กำลังเมา​และเดินโซเซเข้ามา คงหมาย​จะมาหานางงามเมืองสักคนนั่นเอง

"​จะไอ้อะไร​ก็ช่างเถอะ มาๆ​ นั่งก่อนๆ​"

"ข้าไม่นั่งกะเอ็ง ไอ้คนไม่กลัวผีไม่เกรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเอ็ง ข้าไม่ร่วมโต๊ะด้วย!"

หมอผีหนุ่ม​แม้​จะมึนเมาสักแค่ไหน ก็ยังไม่ลืมเรื่อง​เก่า

"โธ่! เรื่อง​ล้อกันเล่นแค่นั้น​ ทำไมถึงเก็บมาฝังใจ คนบำเพ็ญนุ่งขาวห่มขาว​ใคร​เขาใจแคบกันอย่างนี้บ้าง คราวก่อนมีผู้หญิงอยู่​ต่อหน้า ข้าก็อวดเก่ง​ไปอย่างนั้น​เอง ​จะ​ไปจริงจังอะไร​มากมาย​"

​เขาลากให้หมอผีอริเก่านั่งลงจน​ได้

"​แต่ข้าจริงจัง ข้า​เป็นหมออาคม ข้าก็​ต้องจริงจัง"

​แต่ปากของหมอเกตุก็ยังไม่ยอมลงรอยด้วยอยู่​นั่นเอง

"​เอาละๆ​ พูดก็พูดเถอะนะ ข้าก็ยังไม่เห็นหมอผี​ที่ไหนเหมือนเอ็ง รู้สึกถูกชะตาเสียแล้ว​ มาเถอะ ให้ข้าเลี้ยงเหล้าสักมื้อ"

​เพราะเห็นว่าหมอเกตุอาคมทำท่าเหมือน​ได้กลิ่นเหล้า​ที่คลุ้งอยู่​ ทรงธรรมถึงรีบ​ใช้เครื่องล่อ​ที่ถูกใจ เวลานี้สร้างมิตรย่อมดีกว่าเพิ่มศัตรู

​แต่​แม้​จะยกแก้วให้ชน จัดสุราอย่างดีให้ดื่ม หมอผีหนุ่มก็ยังไม่ยอม กระทั่ง​ต้องเรียกหญิงอีกคนมาช่วยป้อนนั่นละ ​เขาถึง​จะยอมกลืนสุราลงคอ

ถูกป้อนติดต่อกันด้วยสุราชั้นเลิศอีกสามสี่แก้ว หมอเกตุถึงเริ่ม​เป็นมิตรมากขึ้น​

"​ที่บอกว่าทำเก่งอวดสาว ก็หมาย​ความว่าเอ็งรู้ตั้งแต่แรกว่าไอ้หน้าอ่อนนั่น​เป็นผู้หญิง อย่างนั้น​รึ แล้ว​ทำไมแกล้งทำ​เป็นไม่รู้เสียเล่า"

"ก็​ความลับคนอื่น ​เอามาเปิดเผยมันใช่เรื่อง​ดีเสีย​ที่ไหน"

ทรงธรรมตอบกลับ​ไป ด้วยคำตอบ​ที่ตระเตรียมไว้​เพื่อคำถามเช่นนี้​โดยเฉพาะ

"สำหรับข้าแล้ว​ แกล้งทำ​เป็นไม่รู้​จะดีกว่า ทำให้นางเชื่อถือข้ามากกว่า"

"​ที่เอ็งทำอย่างนี้แสดงว่ามีเจตนาแอบแฝงงั้นละซี"

หมอผีหนุ่มยังไล่เรียงต่อ​ไป

"​เอาเถอะ ข้าพูดแค่นี้ก่อนละ ​เอาไว้ให้สนิทกันมากกว่านี้ แล้ว​​จะค่อยๆ​ บอก"

"ก็​ได้ๆ​ อย่างนั้น​ก็มาดื่มกันต่อ"

พอถึงแก้ว​ที่เจ็ด​ที่แปด จึงกลับ​เป็นหมอเกตุ​ที่ชวนดื่ม

"ว่า​แต่เอ็งเถอะ ทำไมถึงเมามายขนาดนี้ หรือว่ามีเรื่อง​อะไร​ไม่สบายใจ"

"เอ็ง​จะมารู้เรื่อง​อะไร​กะข้า"

"อย่าลืมสิ ว่าข้าน่ะมาพัก​ที่นี่ในนามของเจ้าคุณอเนกคุณากร ข้า​เป็นแขกสำคัญของเจ้าคุณเชียวนา"

น้ำเสียงมีเลศนัยนั้น​ ทำให้หมอเกตุชะงัก ​เพราะพอ​จะมองเห็นหนทางแก้ไขปัญหาของตน

"ข้า​จะบอกให้ การจับผีน่ะมันไม่ใช่เรื่อง​เล็ก เครื่องไม้เครื่องมือมากมาย​ ​แต่อีผีบ้านนั้น​มันเฮี้ยนนัก เล่น​เอาข้าเปิดแน่บจนข้าวของของปู่ย่าตาทวดติดอยู่​​ที่นั่น"

แล้ว​ก็กระดกสุราเข้า​ไปอีกจนหมดแก้ว ก่อน​จะพูดต่อ​ไป

"​เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ​จะให้ไม่ถือสาหา​ความเรื่อง​เก่า เอ็ง​ไป​เอาของพวกนั้น​ออกมาให้ข้า​ได้ไหมเล่า"

"เรื่อง​แค่นั้น​ทำไม​จะไม่​ได้ ไว้​เป็นธุระของข้าเอง ​แต่ตอนนี้เรามาดื่มกันก่อนดีกว่า เหล้าดีๆ​ ทิ้งไว้นานๆ​ ​จะเสียรส"




ยังไม่สร่างดีหรอกตอน​ที่สองคนพากันมา​ที่บ้านอเนกคุณากร ​แม้​จะ​เป็นเวลาเช้า​ตรู่ ​แต่แสงอรุณก็ไม่ค่อย​ได้ช่วยให้หมอเกตุอาคมอุ่นใจขึ้น​สักเท่าไร

"เข้าทางประตูใหญ่มันไม่ประเจิดประเจ้อ​ไปหน่อย​หรอกหรือ"

ทรงธรรมออก​ความเห็น

"ไหนเอ็งบอก​เป็นแขกสำคัญ"

"ก็สำคัญสิ ​แต่​เป็นแขกสำคัญของเรือนนั้น​ ไม่ใช่ตึกนี้"

"อะไร​วะ หรือว่าดี​แต่ขี้ปาก"

"​เอาน่า ข้าเคยเห็นว่ามีประตูข้าง เข้าทางนั้น​ดีกว่า"

​เพราะเรือนตึกหรือคฤหาสน์บ้านอเนกคุณากรสร้างอย่างสมัยใหม่ จึงหันหน้าออกถนนตัดใหม่ ไม่หันออกแม่น้ำเหมือนเรือนไทย​ที่เจ้าคุณอเนกอยู่​อาศัย ​แม้เช้า​ๆ​ อย่างนี้ ​ที่พลุกพล่าน​จะ​เป็นตรงฟากแม่น้ำลำคลอง ​ที่​จะมี​พระคุณเจ้าพายเรือออกรับบาตร ​แต่ถนนด้านหลังนี่ก็เริ่มมีหลายคนสัญจรผ่านแล้ว​เช่นกัน

ทรงธรรมจึงลากหมอเกตุมา​ที่ประตูข้าง ​ซึ่งถือ​เป็นโชคดี​ที่มันไม่​ได้ลงกลอน

พอเข้ามาภายในบริเวณบ้านอเนกคุณากร ​เขาก็เห็นว่ามีร่องรอยของการปัดเป่าร่ายมนตราปัดรังควานหลงเหลืออยู่​บ้าง ไม่ว่า​จะ​เป็นเศษข้าวสาร​ที่เกลื่อนพื้น ใบปลิวแผ่นยันต์ภาษาขอม ยันต์ท้าวเวสุวรรณ กระทั่งสายประคำก็ยังเห็นห้อยค้างอยู่​บนพุ่มต้นโกสน

"นี่ของเอ็งหรือเปล่า"

​เขาฉวย​เอาประคำสายนั้น​ยื่นให้หมอผีหนุ่ม

"เส้นนี้ไม่ใช่ ​แต่ข้าเก็บไว้ให้เจ้าของ​เขาก็​ได้"

"ไม่ใช่เอ็งคนเดียวรึ​ที่มานี่"

"สาม...​ ​แต่ก็เปิดแน่บกันหมด ตรงนั้น​ละ ​ที่นังผีพวกนั้น​โยนไอ้หมอเฒ่าสองคนนั่นโครมลงมา"

หมอผีหนุ่มชี้ให้ดูตรงประตูหน้า ​ซึ่ง​เป็นหน้ามุกยืนออกมา ​และยกพื้นให้สูงจากดินขึ้น​​ไปหลายขั้นบันได

"พูดเกิน​ไปหรือเปล่า"

ทรงธรรมยังไม่อยาก​จะเชื่อ

"เห็นสภาพโต๊ะเครื่องเซ่นพวกนี้หรือเปล่าล่ะ นี่​เป็นฝีมือพวกนาง​ทั้งนั้น​ แล้ว​พวกของเซ่นของไหว้หาย​ไปไหนหมด ก็​ต้องพวกนางปิศาจพวกนั้น​แหละ​​เอา​ไปกิน"

หมอเกตุชี้​ไปรอบๆ​ ​พร้อม​กับเล่าเรื่อง​ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจริงจัง ปากคอสั่น​เพราะยังจำ​ได้ว่าเกิดอะไร​ขึ้น​​กับตัวเองบ้าง มันเหมือน​กับเพิ่งเกิดขึ้น​​เมื่อนาที​ที่แล้ว​มานี้เอง

"​จะพูดจาเหลวไหล​ไปกันใหญ่แล้ว​ มี​ที่ไหนผีสาง​จะหอบ​เอานั่นนี่​ไปกิน เรา​ไปดูข้างในกันดีกว่า"

แล้ว​ทรงธรรมก็เดินนำ​ไปทางประตูใหญ่ ก้าวขึ้น​บันไดหินอ่อน​ไป​โดยไม่รออีกคน​ที่หันรีหันขวางอยู่​ข้างหลัง

สองหนุ่ม​ที่คนหนึ่ง​ก็นึกอยาก​จะมาทำธุระให้เสร็จๆ​ ​ไป ​กับอีกคน​ที่อย่างไรๆ​ ก็ทำใจให้เหยียบกลับเข้ามาภายในตัวเรือนอีกครั้งไม่​ได้ ต่างไม่เห็นเลย​ว่า ​แม้ดวงตะวัน​จะขึ้น​เกือบพ้นยอดไม้​ไปแล้ว​ ​แต่ยังมีดวงวิญญาณหนึ่ง​ ไม่ยอมกลับ​ไปยัง​ที่พักผ่อน เพลินซนเพลินเล่นอยู่​ตนเดียว ​ซึ่งตอนนี้ดวงวิญญาณนั่น ​กำลังจ้องมองสองหนุ่มอย่างไม่วางตา

"​ต้องรีบ​ไปบอกคุณแส"

แล้ว​วิญญาณของเด็กชายก็ตัดสินใจ ​เพราะตนคนเดียวคงรับมือไม่ไหวแน่

"แย่แล้ว​ๆ​ ตื่นๆ​ พี่ๆ​ ทุกคน"

วูบเดียว​เขาก็เคลื่อนขึ้น​บน ทะลุขึ้น​ถึงห้องทึมทึบ ​ที่เหล่าดวงวิญญาณอื่นๆ​ ​ใช้​เป็น​ที่พักผ่อนกบดาน

"มีอะไร​หรือเจ้าหลง"

คุณแสถามขึ้น​ก่อน ขณะ​ที่ผีตนอื่นๆ​ ค่อยทยอยปรากฏตัวจากรูปภาพเก่า ​ที่แขวนเรียงกันอยู่​บนข้างฝา ​ซึ่ง​ที่จริงก็ต่างไม่ใช่รูปของตัวเอง เพียงแค่​ใช้​เป็นหลักหมาย สำหรับสถิตดวงวิญญาณของตนเพียงแค่นั้น​

"มีคน มีคนมาขอรับคุณแส"

​ได้ยินคำนั่น ทุกตนก็หันมองกัน​ไปมา ​ส่วนใหญ่นึกไม่ชอบใจ ​ที่คนพวกนี้มารบกวนไม่​เป็นเวล่ำเวลา​เอาเสียเลย​

"​ไปดูกันทีรึ ​แต่พวกเจ้า​ต้องระวังตัวให้ดี หลบตัวให้พ้นแสง"

พูดจบคุณแสก็เคลื่อนนำลงมาก่อน จากชั้นบนนั่น แค่พริบตาเดียว ก็ลงมาถึงห้องโถงใหญ่

"ดูซีๆ​ ของดีๆ​ มีราคา​ทั้งนั้น​ ดูตู้​พระธรรมหลังนี้...​ จุ๊ๆ​ๆ​...​ ปิดทองล่องชาดงามจัดนักหนา"

พอลงมาก็เห็นทรงธรรม​กำลังพิจารณาตู้หลังใหญ่ ​ที่ตั้งอยู่​ข้างกัน​กับประตูทางเข้า

"​จะมีผีอยู่​ในนั้น​หรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างมัวพูดมากเลย​ รีบช่วยข้าหาของดีกว่า"

​เพราะหมอผีหนุ่มรู้สึกเย็นวาบๆ​ อีกแล้ว​ จึง​ต้องเร่ง

"อะไร​กัน ใน​ที่อย่างนี้น่ะหรือ​จะมีผีสางมาสิงสู่ เอ็งดูเสียให้เต็มตา ดูไว้​เป็นบุญตา ของตกแต่งพวกนี้น่ะ ล้วนหาค่าไม่​ได้"

​ระหว่างพูด ทรงธรรมก็เร่มาทางโต๊ะเดี่ยวตัวกลมตรงมุมหนึ่ง​ ​เป็นโต๊ะขาเดียวมีเชิงแผ่อยู่​ด้านล่าง ทำจากไม้มะเกลือสลัก ลงรักประดับมุกลายละเอียดยิบ ด้านบนตั้งไว้ด้วยชุดเชี่ยนหมากประดับมุก​เป็นลายเครือวัลย์ ​แม้ฝุ่น​จะจับเขรอะ​แต่คุณค่า​ความงามก็ไม่​ได้พร่องลง​ไปสักนิด

"อย่างนั้น​เอ็งก็รออยู่​ในนี้ก็แล้ว​กัน ข้า​จะอ้อม​ไปด้านโน้น"

​แม้​จะไม่อยากแยกกัน ​แต่หมอเกตุอาคมเห็นว่า หากอ้อยอิ่งอยู่​อย่างนี้​จะไม่​เป็นการดีแน่ๆ​ จึง​ต้องจำใจแยกตัวออก​ไป

"มี​ใครแปลกหน้ามาด้วย ท่าทางไม่ใช่หมอผี"

"หน้าตาเหมือนพวกบัณฑิตมีภูมิปัญญาเสียมากกว่ากระมังคะ​"

กระถิน ผีสาว​ที่ห่มสไบเขียวเข้มออก​ความเห็น

"ข้าว่า​เขาน่ารักดีนะ เพิ่งมี​เขานี่ละ​ที่ชมว่าบ้านนี้สวย"

แสงเพ็งแลตามทรงธรรมไม่วางตา นึกแปลกในอยู่​มาก ​ที่ข้าวของรกรุงรัง ฝุ่นจับหนาขนาดนี้ ​เขายังมีสายตาชื่นชมสิ่งต่างๆ​ อยู่​​ได้

"เรา​ต้องรีบไล่พวก​เขาออก​ไป จำไว้นะ ว่าตอนกลางวันนี่เรา​ต้องระวังตัวเองให้มาก"

เสียงคุณแสจริงจัง

"แสงเพ็ง ​โดยเฉพาะเจ้า อย่าซนให้มาก เจ้า​เป็นผีใหม่ มีอะไร​อีกหลายอย่าง​ที่​ต้องเรียนรู้"

"ฉันรู้หรอกค่ะ​ ก็อย่าง​ถ้าโดนแสงแดดดวงวิญญาณ​จะสูญสลาย ​ถ้าปรากฏตัวให้​ใครเห็น เรา​จะเดือดร้อน ไม่​ได้อยู่​อย่างสงบสุขอีกต่อ​ไป"

"เจ้ารู้ก็ดี ระวังตัวด้วยล่ะ"

คุณแสยังกำชับ ​เพราะสีหน้าเริงรื่นของแสงเพ็งนั้น​บอกชัด ว่ารักสนุกไม่ใช่น้อย

"​เอาละ ​กับเจ้าหมอผีจอมปลอมนั่น สะกิดแค่นิดคง​จะเผ่นไม่คิดชีวิต กระถินลอง​ไปไล่เจ้าหนุ่มหน้าคมคนนี้ดูซิ"

จบคำ กระถินก็เลื่อนตัวตรง​เขา​ไปทันที นางตวัดลิ้นยาว หมาย​จะพันคอทรงธรรม แล้ว​เหวี่ยงมาด้านหลัง ​ซึ่ง​เป็นท่าถนัดของนาง

​แต่ชายหนุ่มกลับก้มลงในฉับพลัน จนลิ้นนั้น​ตวัดเข้า​กับเสาต้นหนึ่ง​ บวก​กับแรงกระตุก ทำให้ร่างของผีนางกระถิน ถูกลิ้นของตนดึง​ไปกระแทก​กับเสาเข้าเต็มรัก

"อะไร​บ้างล่ะ​ที่ไอ้หมอนั่นมัน​ต้องการ"

ทรงธรรมยังพึมพำ ไม่รู้เลย​ว่า​กำลังถูกจ้องเล่นงาน

​เขาค่อยก้าวต่อ​ไปข้างหน้า ลึกเข้า​ไปใต้ชั้นลอย ​ซึ่งมีผีสาวอีกตนตั้งท่ารออยู่​ ​เป็นนางผีมาลี ​ที่เตรียม​จะกระโดดลงมาคร่อมให้​เขา​ต้องเข่าทรุด

​แต่ชายหนุ่มกลับเปลี่ยนทิศทางเดินอย่างกะทันหันอีกครั้ง ​เพราะ​เขาเห็นภาพติดผนังบานหนึ่ง​ ​ที่สวยงามจน​ต้องพุ่งเข้า​ไปพินิจพิจารณา

ขณะ​ที่หางตาของทรงธรรมเหลือบ​ไปเห็นบางอย่างส่องประกายล้อแสงอยู่​อีกมุม ผีสาวอีกตน​ที่ชื่อผกาผู้ห่มสไบสีเหลืองอ่อน ก็ยื่นมือยาวออกมาหมาย​จะบีบคอ

คราวนี้​พอดี​กับ​ที่ชายหนุ่มยกคันฉ่องเงินขึ้น​​พอดี

แสงอาทิตย์​ที่สาดย้อน แทงเฉียดลำแขนของนางผีผกาจน​ต้องรีบหดกลับ

การจู่โจมของบรรดาผีสาวพลาด​ไปเช่นนี้อยู่​อีกหลายครั้ง ​โดยไม่รู้ว่า​เพราะอะไร​ ​จะว่า​เขา​เป็นคนดี ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ก็ไม่น่า​จะใช่ ​ทั้งหมดจึงคิด​ไปในทาง​ที่ว่า ​เพราะ​เป็นยามกลางวันแสกๆ​ ทำให้พละ​กำลังของพวกตนอ่อนล้าลง​ไปนั่นเอง

ทรงธรรมยังก้มๆ​ เงยๆ​ หาสิ่ง​ที่น่า​จะ​เป็นอุปกรณ์ปราบผีต่อ​ไป ​พร้อมๆ​ ​กับ​ที่หยุดพิจารณาภาพเขียนหรือประติมากรรมชิ้นงามอยู่​​เป็นระยะๆ​ ​โดยมีบรรดาผีสาว เฝ้ามองอยู่​ห่างๆ​ ด้วยพวกนางย่อท้อเสียแล้ว​ว่า ชายหนุ่มผู้นี้น่า​จะพกของดีติดตัวมาแน่ๆ​

กระ​ทั้ง​เขาเดินพ้นชายคาเรือนออกมาอีกครั้ง คราวนี้ทรงธรรมก้มลงเก็บอะไร​อย่างหนึ่ง​ขึ้น​มาดู

"หวี หวีเงินนั่น​เป็นของข้า"

แสงเพ็งเกือบถลาออก​ไปจากร่มเรือน ดีว่าคุณแส​กับเจ้าหลงรั้งตัว​เอาไว้​ได้

"หวีนั่นแม่ข้าให้มา"

คนพูดพยายามปลดมือของคุณแสออกจากตัว

"​ถ้าออก​ไปตอนนี้ ถูกแสง​พระอาทิตย์เข้า ดวงวิญญาณของเจ้า​จะ​ต้องมอดไหม้นะ"

คุณแสกล่าวเตือนสติ ​และผีสาวอีกสามสี่ตนก็เข้ามาช่วยรั้งตัวแสงเพ็ง​เอาไว้อีกแรง

"หวีเงินสลัก ฝีมือช่างเมืองพะเยาว์ ราคา​ต้องไม่ใช่น้อยๆ​"

ทรงธรรมประเมินค่าฝีมือ นึกชื่นชมไม่น้อย ว่าเรือนหลังนี้ช่างมีของมีคุณค่าเกลื่อนกลาดอยู่​มากมาย​

​เขาเดินกลับเข้าร่มอีกครั้ง บรรจงวางหวีเงินอันนั้น​ไว้ตรงข้างๆ​ ​กับคันฉ่อง​ที่เห็นในตอนแรก

"ดูนี่สิทรงธรรม ข้า​ได้ของมากมาย​เลย​"

​เป็นหมอเกตุ​ที่หอบนั่นนี่พะรุงพะรังเข้ามาทางประตูข้าง

"ทำไมหรือ...​ โอ้โฮ! นี่ของเอ็ง​ทั้งหมดเลย​รึ"

ทรงธรรม​ต้องแปลกใจ ​เพราะ​ถ้าลอง​ต้องหอบข้าวของมาขนาดนี้ ​จะ​เอาท่าไหน​ไปปราบผี​ได้

"ไม่ใช่หรอก ​ส่วนใหญ่​เป็นของคนอื่น ​แต่​ถ้า​เอา​ไปเลหลัง ก็คง​ได้อีกหลายเงิน"

สำหรับหมอเกตุอาคม เรื่อง​เงินนั้น​​เป็นเรื่อง​ใหญ่ของ​เขาเสมอ

"​แต่ว่า เอ็งบอกให้ข้ามาตามหาของ​ที่เผลอทิ้งไว้เท่านั้น​"

ทรงธรรมไม่ยอมเห็นดีเห็นงาม​ไปด้วย

"หมาย​ความว่ายังไง"

หมอเกตุก็ยังแกล้งไม่เข้าใจ

"ก็หมาย​ความว่า ของพวกนี้ไม่ใช่ของเอ็ง ​เป็นคนอย่างน้อยมัน​ต้องมีศีลห้า​เป็นพื้นฐาน ​จะมาหยิบฉวยของ​ใคร​ไปเฉยๆ​ ​ได้ยังไงกัน"

"เอ็งมันก็ดี​แต่พูด"

"ก็ลองดูซี ​จะ​เอา​ไปคืน​ที่ไหมเล่า ​ถ้าไม่ ข้า​จะ​ได้ข้ามฟาก​ไปบอกท่านเจ้าคุณ"

"อะไร​วะ คนมาด้วยกัน"

"​จะ​เอา​ไปคืนก็รีบ​ไป ข้า​จะเดินสำรวจรอบๆ​ เรือนนี้อีกประเดี๋ยว"

คำท้าย ราว​กับ​เขาสั่ง​ความ​กับเด็กรับ​ใช้ก็ไม่ปาน

แล้ว​สองหนุ่มก็แยกกัน​ไปอีกครั้ง หมอเกตุกลับ​ไปทางเดิม ขณะ​ที่ทรงธรรมเดินเลย​​ไปทางห้องใต้บันได

แสงเพ็งตรงมายังหวีเงินของตนเองทันที เธอยกมันขึ้น​มาอย่างทะนุถนอม ดีใจนัก​ที่​ได้กลับคืนมา ในใจก็คิด​ไปว่า ชายหนุ่ม​ที่หมอผีนั่นเรียกชื่อว่า "ทรงธรรม" ช่างมีคุณธรรมสมชื่อจริงๆ​

"​ที่นี่​ทั้งดูโอ่โถง ​ทั้งสงบเงียบ ทิ้งร้างไว้อย่างนี้ ไม่เสียดายบ้างหรือไงนะ"

​ได้ยินเสียงคน​ที่​กำลังรู้สึกชื่นชม ดังผ่านออกมาจากห้องหนึ่ง​

"โอ้โฮ สวยจังเลย​ สวยๆ​ ​ทั้งนั้น​เลย​ ชุดเบญจรงค์นี่ ฝีมือช่างหลวงชัดๆ​"

แสงเพ็งรีบตามเข้ามา พอเห็นสภาพการณ์ภายในห้องแล้ว​ก็​ต้องถึง​กับหัวเราะ

​เพราะผีสาว​ทั้งหลาย ราว​กับถูกสะกด ให้กระจุกรวมตัว นั่นนิ่งอยู่​ต่อหน้าของชายหนุ่ม ​ที่​กำลังยกชามเบญจรงค์ขึ้น​พิจารณาทีละใบๆ​

อีก​เป็นนานกว่า​เขา​จะชื่นชมจนครบ​ทั้งชุด ก่อน​จะผละกลับ​ไปยังห้องโถงใหญ่

"​ใครๆ​ ไม่เคยไล่ยากเย็นขนาดนี้เลย​นะเจ้าคะ​คุณแส"

มาลี​ที่ห่มสไบสีชมพู ทำท่าทาง​เป็นเดือด​เป็นแค้น

"แล้ว​อย่างนี้เรา​จะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ​"

ผีบุปผา​ที่ห่มสไบสีตองอ่อนถามขึ้น​บ้าง

"แสงเพ็งไงล่ะ เจ้าหลอกคนเก่ง หาวิธีหลอก​ได้แปลกๆ​ ​ไปแสดงฝีมือให้ดูหน่อย​ซี"

กระถินแนะนำ

"ไม่นะ ข้าว่า​เขาไม่ใช่คนเลว ไม่สู้เราลองคุย​กับ​เขาดูไม่ดีกว่าหรือ"

​แต่ผีสาวไม่เห็นด้วย ​เพราะยังนึกชื่นชม​เขาอยู่​ไม่วาย

คุณแสคงเริ่มรำคาญจึงว่า

"ช่างเถอะ ข้าจัดการเอง"

แล้ว​สีหน้าของนางก็เปลี่ยน​ไป จากดวงหน้าหวานละมุนระคนเศร้า ก็กลับเหี้ยมเกรียม ดวงตาลึกโบ๋ มีสายเลือดหยาดย้อยออกมา​ทั้งจากตาหูจมูกปาก

​โดยมีผีสาว​ที่เหลือตามมา​เป็นขบวน

ตอนนี้ทรงธรรม​กำลังยืนพิจารณาภาพถ่ายบานหนึ่ง​ ​เป็นภาพของหญิงชาวบ้านท่าทางเขินอาย​ที่​จะ​ต้องตก​เป็นแบบให้ตากล้อง มุมล่างของภาพนั้น​ มีตราอักษรย่อประจำรัชกาลประทับกำ​กับ

ผีสาว​ทั้งนั้น​ พอเห็นคุณแสออกโรงเอง ก็พากันยืดเขี้ยวเล็บ หมาย​จะหลอกให้หัวโกร๋น​ไปเลย​ทีเดียว

​แต่เสียงโวยวายด้วย​ความกลัวกลับดังมาจากด้านหลัง

พวกนางผี​ทั้งหมดหันขวับ แยกเขี้ยวแสยะยิ้มให้​กับหมอเกตุอาคม​พร้อมๆ​ กัน

"ผี! ช่วยด้วย ผี​เป็นฝูงเลย​ ผี​ทั้งฝูงเลย​ ช่วยด้วย ช่ว...​"

ไม่ทัน​ได้จบคำท้าย หมอผีหนุ่มก็มีอัน​ต้อง​เป็นลมล้มพับลงตรงนั้น​เอง

ทรงธรรมหันกลับมา​เพราะเสียงโวยวาย ไม่เข้าใจเลย​ว่าเกิดอะไร​ขึ้น​ ​เพราะไม่เห็นมีผีสักตัวในคลองสายตา

"ไอ้หมอ ไอ้หมอเกตุ เอ็ง​จะมานอนตรงนี้ไม่​ได้นะ"

​เขาพยายามเขย่าปลุก ​แต่คนหมดสติ​จะรู้ตัวขึ้น​มาก็หาไม่

ชายหนุ่มรู้สึกเย็นวูบๆ​ ​ที่ต้นคอ ​เพราะคุณแสยังไม่ล้มเลิก​ความตั้งใจ

​แต่พอหันกลับ กลับ​เป็นสาวงามมาปรากฏตัวให้เห็น

แสงเพ็ญยิ้มให้​กับชายหนุ่ม อยาก​จะขอบคุณ​ที่​เขาหยิบหวีมาให้ ​แต่ก็ไม่รู้​จะพูดว่ากระไร

ทรงธรรมเองก็ตกตะลึง ​เพราะหญิงงามตรงหน้า จริตท่าทางดูละมุนละไมยิ่งนัก พอ​เขานิ่งมอง นางก็หลบสายตา เผลอเปิดโอกาสให้​เขาพิจารณาเธอ​ได้จนหมดจด

"เจ้า...​ มา​ได้อย่างไรกัน"

​เขาไม่รู้​จะพูดอะไร​ให้ดี​ไปกว่านี้

"ข้า...​ เอ่อ...​ ดิฉันมาเก็บหวี​ที่ทำตกไว้"

เสียงนั้น​หวานปานระฆังแก้ว เสนาะเย็นราว​กับน้ำค้างยามเช้า​คราว​เมื่อตกกระทบ​กับธาราใส

"ใน​ที่อย่างนี้ เจ้า...​ เธอ...​เอ่อ เข้ามา...​"

"ดีฉันก็อยู่​แถวนี้ เลย​มาเดินเล่น​ที่นี่บ่อยๆ​ อ้อ...​ ท่าน...​ ​เขาว่า​ที่นี่มีผีด้วยนะ คุณท่านไม่กลัวหรือ"

ประโยคท้าย ​เพราะเห็นว่าบรรดาผี​ที่เหลือ รวม​ทั้งคุณแส ยังรวมกลุ่มกันจับจ้องอยู่​ห่างๆ​ อย่างไม่วางตา

"โธ่เอ๋ย...​ ข้าน่ะไม่ค่อย​จะเชื่อหรอกว่าโลกนี้น่ะมีผี แล้ว​กลางวันอย่างนี้ ​จะมีอะไร​น่ากลัว"

ทรงธรรมยิ้มกริ่ม รู้สึกถูกชะตา​กับสตรีผู้นี้ยิ่งนัก กิริยาวาจาเวลาเจรจา​กับบุรุษ ก็พอเหมาะพองาม ​จะเอียง​จะอายก็ดูเข้าท่าเข้าทาง​ไปเสีย​ทั้งหมด

"​ที่แท้ท่าน​เป็นคนไม่กลัวผีนั่นเองซีนะคะ​...​ ​แต่ว่า ​เพื่อนของท่าน"

แสงเพ็งแกล้งปรายตา​ไปทางหมอเกตุ​ที่ยังนอนไม่​ได้สติ

"ไอ้นี่น่ะหรือ"

ทรงธรรมหันตาม ​เอามือเขี่ยๆ​ คน​ที่มาด้วยกัน อย่างขอ​ไปที

​ทว่าพอหันกลับมา หวังว่า​จะสานต่อบทสนทนา ให้รู้จักถึงตำแหน่งแห่ง​ที่อยู่​

นางผู้งดงามกว่า​ใคร​ที่เคยเห็นมา​ทั้งชีวิต ก็หายลับ​ไปเสียแล้ว​


...​...​...​...​...​...​.

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3414 Article's Rate 11 votes
ชื่อเรื่อง เรือนมายา --Series
ชื่อตอน บทที่ ๓ --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง SONG-982
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๘ มีนาคม ๒๕๕๕
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๔๐ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๒ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๕๔
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : add [C-18636 ], [171.4.196.136]
เมื่อวันที่ : ๑๑ มี.ค. ๒๕๕๕, ๑๙.๑๘ น.

โอ้โฮ คุณ SONG-982 เขียนเรื่อง​​ผี​​ได้สนุกมากเลย​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : Song982 [C-18637 ], [124.122.233.113]
เมื่อวันที่ : ๑๑ มี.ค. ๒๕๕๕, ๑๙.๓๓ น.

เขืยนเรื่อยเปื่อยครับ​​ ทฤษฎีเรื่อง​​ผี เวทมนต์ ไม่​​ได้มีตำราเล่มไหนรองรับ​​ได้เลย​​ขะรับ ขอให้สนุก​​กับการอ่านครับ​​ผม

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น