นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๐๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
แล้วจะหาว่าคุย (เหมืองป่าภาค 2) #1
พลอยพนม
...เรื่อง​เชย ๆ​ ​ที่​จะนำมาเล่าให้พอ​เป็น​ที่บันเทิงใจต่อ​ไปนี้ ​เป็น​ทั้งเรื่อง​จริง​และไม่จริงคละเคล้ากัน​ไป ​เพื่อประสงค์​จะให้มัน​เป็นนิยาย...

ตอน : พญานาคเล่นน้ำ

คลิกดูภาพขยาย




1.พญานาคเล่นน้ำ

เรื่อง​เชย ๆ​ ​ที่​จะนำมาเล่าให้พอ​เป็น​ที่บันเทิงใจต่อ​ไปนี้ ​ส่วนหนึ่ง​จำลองมาเสี้ยวชีวิตจริงของบุคคลผู้หนึ่ง​ ​และอีก​ส่วนหนึ่ง​​เป็นผม(อาจไม่ใช่ผู้เขียน)​ที่เสริม​แต่งเข้า​ไป​เพื่อประสงค์​จะให้มัน​เป็นนิยาย ตาม​แต่โอกาส​และ​ความ​พร้อม อันหมายถึงยามว่างเว้นภาระการงานพอ​ที่​จะนั่งทบทวนเท้า​ความหลังอันรื่นรมย์ในบาง​ส่วนออกมา​ได้ ​แม้บั้นปลายของ​ความหลัง​ที่เริ่มต้นด้วน​ความสุขสม​จะ​ต้องกลาย​เป็นเศร้ารัดทด​ไปใน​ที่สุด ​แต่มันก็​คือ​ความทรงจำ​ที่ผมมิอาจลืมเลือน​ได้เลย​

เรื่อง​ดังกล่าว ผมจำ​ได้ว่า มันเกิดขึ้น​ขณะผม​กำลังศึกษาวิชาครูปีแรกอยู่​​ที่วิทยาลัยครูเก่าแก่​และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง​ของภาคใต้ ช่วงนั้น​วิทยาลัยประกาศปิดภาคการศึกษาภาคสุดท้ายของปี ผมกลับบ้าน บ้าน​ซึ่งขณะนั้น​ยังมีช้างป่าออกหากินอยู่​ริมชายคากัน​เป็นโขลง ๆ​ ​และวันดีคืนดีมันก็ดีดลูกแปใส่ชายแก่คนหนึ่ง​เข้าให้ แค่เบาะ ๆ​ ซี่โครงหัก​ไปสามซี่ ถึงกระนั้น​ก็นับว่าโชคของแกยังดี​ที่เผอิญรถกรมทางผ่านมาเจอเข้า ช้างป่าตกใจเสียงรถยนต์พากันเตลิดเข้าดงลึก​ไป พวกพนักงานกรมทาง​ที่ติดมา​กับรถคันนั้น​จึงช่วยกันหามแกขึ้น​รถพา​ไปส่งโรงพยาบาล

เหตุการณ์อันชวนระทึกขวัญคราวนั้น​ แทน​ที่​จะมี​ใครโศกเศร้าหรือหวาดกลัวกันสักคนก็หาไม่ กลับเห็น​เป็นเรื่อง​โปกฮา ชวนกันหัวเราะชอบใจ ​เพราะว่ากันว่าเหตุ​ที่ชายแก่โดนช้างถีบคราวนั้น​ก็​เนื่องมาจากตัวแกไม่รักษาสัจ​จะ ผิดคำสาบาน แอบขับมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งเสียงหวีดแหลมหนีแม่ศรีเรือน​ที่บ้าน​ไปหาภริยาน้อย​ที่พำนักอยู่​ซีก​เขาฝั่งโน้นในเวลาดึกดื่น ​ซึ่ง​เป็นยาม​ที่ช้างมันยกโขยงกันออกหากิน ชะรอยคง​จะมีช้างตัวใดตัวหนึ่ง​นึกรำคาญเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของแก ​ความหวัง​ที่แก​จะ​ได้​ไปเล่นจ้ำจี้จำไช​กับแม่หวานใจ​ที่ผัดหน้าทาแป้งรอ​ถ้าอยู่​ฝั่ง​เขาฝั่งโน้นก็พังพินาศ ​เพราะ​ต้อง​ไปนอนในห้องผ่าตัดให้หมอผ่าชายโครง​เพื่อ​ที่​จะดามกระดูกซี่โครง​ที่หัก​ไปสามซี่นั้น​ให้เข้ารูปเข้ารอยของมันตามเดิม

​และนับตั้งแต่นั้น​ บริเวณ​ที่ตาเฒ่าเจ้าชู้โดนช้างถีบ ​ใคร ๆ​ ก็พากันขนานนามให้มันว่า"ควนช้างถีบ"

"ควน" แปลว่า เนิน​เขา "ควนช้างถีบ"จึงพอ​ที่​จะแปล​เป็นภาษากรุงเทพฯ​ได้อย่างคร่าว ๆ​ ว่า บริเวณเนิน​เขา​ที่ชายแก่ผู้หนึ่ง​โดนช้างถีบนั่นเอง เวลา​จะเข้าป่าเข้าดง​ไปล่าสัตว์ ตัดหวาย เจาะหาน้ำมันยาง หาพืชสมุนไพร หรือเลย​ลึก​ไปขุดแร่แสวงโชคในดง​เขายา อัน​เป็นป่าดงดิบตรงรอยตะเข็บติดต่อ​ระหว่างจังหวัดพังงา​กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุก ๆ​ ผู้คนก็จำ​ต้องผ่านช่องประตูป่าตรงบริเวณริมถนนฝั่งทิศตะวันออกของควนช้างถีบด้วยกัน​ทั้งนั้น​

​เมื่อตอนหยุดพักเรียน​ระหว่างปิดภาคการศึกษาคราวนั้น​ ผมก็​ได้สะพายเป้บรรจุเครื่องยังชีพเดินป่าเข้า​ไปขุดแร่ในดง​เขายาร่วม​กับ​เพื่อนสองสามคน ก็ผ่านทางช่องประตูป่าแห่งนี้เช่นกัน พวกเราเดินทอดน่อง​ไปตามสัน​เขา​ที่คดเคี้ยว​และยักขึ้น​ยักลงครึ่งค่อนวันก็บรรลุจุดหมายปลายทาง

​ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก!

สมัยเรียนอยู่​ชั้นมัธยมผมก็เคยดั้นด้นเข้า​ไปเสี่ยงโชคขุดหาทรัพย์ในดินเสริมราย​ได้ใน​ระหว่างปิดภาคเรียน​ที่ป่าดง​เขายาแห่งนี้มาแล้ว​เหมือนกัน หาก​แต่คราวนั้น​เดินตามหลังผู้ใหญ่​ไปอย่างเด็ก ๆ​ ติดสอยห้อยตามญาติผู้ใหญ่เข้า​ไป ท่ามกลางภยันตรายในป่าดงพงไพร ตัวตนของเราจึงตกอยู่​ใน​ความคุ้มครองดูแลของพวก​เขา ไม่อิสรเสรีเหมือนเ​ที่ยวนี้​ซึ่งประมาณตนว่าโต​เป็นหนุ่มแล้ว​ จึง​ได้จัดกระบวนทัพแบกขนสัมภาระโสหุ้ยมากันเอง พวกผู้หลักผู้ใหญ่​และคนเฒ่าคนแก่ก็หอบสังขาร​ไปประกอบกิจกรรมกันอยู่​​แต่ใน​ส่วนของ​เขา ​จะ​ไปมาหาสู่กันบ้างก็เฉพาะเวลาว่างหลังเลิกงาน หรือวันหยุดพักผ่อน​เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น​

​แม้งานขุดหาเม็ดแร่​ที่ฝังอยู่​ในกระสะ ปะปนอยู่​​กับ หิน ดิน ทราย ตามริมคลองหรือตามหุบเหว​โดยทั่ว​ไป​จะ​เป็นงานหนัก สะกดพวกเราให้ผล็อยหลับ​ไปด้วย​ความอ่อนเพลียขณะเอนกายลงนอนในตอนหัวค่ำ ​ทว่าพอถึงคราวไก่ป่าขานขันตอนย่ำรุ่ง เด็กหนุ่ม ๆ​ อย่างพวกเราก็กลับมีเรี่ยวแรงกระชุ่มกระชวย พลังวังชาทั่วทุก​ส่วนสัดของร่างกายกลับพากันเข้ม​และแข็ง​ไปหมด

"ทำผีอะไร​?"

ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็น​ที่​ต้องซุกตัวกันอยู่​ภายใต้ผ้าห่มนอน ผมผงกหัวขึ้น​ถาม​เพื่อนคนหนึ่ง​​ซึ่งนอนคลุมผ้าห่มอยู่​ใกล้ ๆ​

มันหัวเราะแหะ ๆ​

"เขกหน้าแข้ง"

"อุบาท​ว์" คน​ที่นอนถัด​ไปพลิกตัวมาด่า ​พร้อม​กับดึงผ้าห่มของ​เพื่อนคนนั้น​ให้เปิดขึ้น​ "อันเดียวเท่าแขน ไอ้บองหลาเอ๋ย ฮา ๆ​ -นุ้ย-มึง​ไปเรียนหนังสืออยู่​ในเมือง เคยแวะ​ไปเ​ที่ยวหญิงโรงแรมบ้างไหม?"

"สองสามหน" ผมโกหก

"เห็นสวรรค์รำไรเหมือนอย่าง​เขาว่าจริงไหม?" ไอ้คน​ที่นอนเขกหน้าแข้งตัวเองเลิกผ้าห่มหันมาถาม

"อ้าว! เวลาพวกมึงออก​ไปขายแร่​ที่ตะกั่วป่า ทำไมไม่คิด​จะลองดูบ้าง แถวนั้น​ก็มีหญิงโรงแรมนี่หว่า" ผมย้อน

มันหัวเราะ

"กลัว​เป็นหนอง"

"ไอ้เปรต--มันขี้เท็จ-- ไอ้นุ้ยมึงอย่า​ไปเชื่อ" เสียงขัดคอจาก​เพื่อนอีกคน​ซึ่งตื่นมาแอบฟังแล้ว​ทนไม่​ได้ "ไอ้ผีตัวนี้เวลา​ไปขายแร่แล้ว​หายหัว​ไป​เป็นชั่วโมง พวกเรานั่งคอย​ที่คิวรถหลับ​เป็นตื่นมันก็ยังไม่โผล่หัวมา"

"กูเดินเ​ที่ยว"

"เ​ที่ยวเปรตอะไร​ของมึง​เป็นชั่วโมง ๆ​ ?"

"กูหลงทาง- -เดินกลับคิวรถไม่ถูก"

ไอ้บองหลาเล่นมุขหลบเลี่ยงจนผมอดหัวเราะไม่​ได้

พวกเรา​เป็น​เพื่อนกันมาตั้งแต่ครั้งแก้ผ้ากระโดดน้ำคลอง จริตนิสัย​เป็นอย่างไรล้วนรู้ไส้รู้พุงกันดี หาก​แต่​ทั้งหมด​ที่นอนเรียงแถวกันอยู่​​เป็นตับบนเสื่อเก่า ๆ​ ภายในทับนอนริมลำธารกลางป่าลึกในขณะนี้นั้น​ ผมค่อนข้าง​จะมีภาษีกว่าพวกมันในหลาย ๆ​ ด้าน ​โดยเฉพาะ​ความหล่อเหลาเงางาม ​เพราะชีวิต​ส่วนใหญ่ของผมจมจ่อมอยู่​​แต่ในร่ม อย่างน้อยผิวพรรณของผมก็ผุดผ่องดั่งทองทา ​ต้องตาอิสตรีมากกว่าพวกมัน​ที่​แต่ละคนดำเหนี่ยงเหมือนหัวตออยู่​หลายขุม

วันนั้น​เราตื่นกัน​แต่เช้า​ หลังช่วยกันล้างถ้วยจาน​และติดไฟก้อนเส้าหุงข้าวต้มแกงเสร็จแล้ว​ ก่อนกินข้าว​เอาแรงออก​ไปขุดคุ้ยหินทรายในลำคลอง​เอามาใส่เรียงร่อนหาผงแร่ ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจับไข้ พวก​เพื่อน ๆ​ เห็นอาการก็บอกให้หยุดพักอยู่​​ที่ทับนอน

"พวกมึงไม่​ต้องคดห่อ" ผมบอกพวกมัน "ประเดี๋ยวตอนเ​ที่ยงกู​จะ​เอา​ไปส่งเอง"

"ไหวเหรอ" ​เพื่อนคนหนึ่ง​ถาม

"คงไม่​เป็นอะไร​มากหรอก เดี๋ยวล่อพาราฯเข้า​ไปสักเม็ดสองเม็ดก็จบ"

พวก​เพื่อน ๆ​ กินข้าวกินน้ำเสร็จก็ชวนกัน​ไปลงงาน ผมหอบถ้วยจาน​ที่พวกมันกินกันเสร็จแล้ว​ซ้อนวางไว้บนแคร่ไม้ไผ่ตรง​ไป​ที่ลำธาร ตรงนั้น​มีแท่งหินสีดำคล้ำกว้างใหญ่ปูลาดอยู่​เหมือนมี​ใครมาเทพื้นคอนกรีตไว้ให้ ผมวางถ้วยจาน​ที่นำมาล้างลงบนพื้นศิลาปริ่มน้ำแล้ว​นั่งทอดหุ่ยใจลอย...​ ฟังเสียงชะนีกู่ร้องเรียกผัวดังโหยหวนอยู่​บนเนิน​เขาใกล้ ๆ​ ในขณะ​ที่พิษยา​ซึ่งตอกเข้า​ไปสองเม็ดเริ่มออกฤทธิ์ มันขับเหงื่อเยิ้มเหนียวหนืด​ไปทั่ว​ทั้งตัว

​ทั้ง​ที่อากาศยามเช้า​ยังหนาวเย็น ​ทว่า​ความร้อนรุ่มจากฤทธิ์ยาทำให้อยากอาบน้ำ ​แต่เกรง​ความไข้​จะจู่โจมเล่นงานเข้าจริง ๆ​ ก็เลย​ไม่กล้า

"วันนี้ไม่​ไปขุดแร่หรือ?"

ผมหันขวับ!

สาวบัวนั่นเอง! มายืนอยู่​ด้านหลังตั้งแต่​เมื่อไหร่ไม่รู้ ?

"ฉันเห็นพวกนั้น​เดินผ่านหน้าทับ ไม่เห็นนุ้ย​ไป​กับ​เขาด้วย...​" หล่อนพูดเสียงหวาน

"รอให้ยาหมดฤทธิ์แล้ว​​จะตาม​ไป"

"อ้าว ​เป็นไข้หรือ?"

"ไม่หรอก" ผมพูดพลางหันกลับ​ไปหยิบถ้วยจาน​ทั้งหมดแช่ลงน้ำ​ที่ตื้นแค่ศอก "แค่ครั่นเนื้อครั่นตัว ​กับปวด​เมื่อยตามข้อนิดหน่อย​เท่านั้น​"

"ตายจริง" หม้ายสาวหันมาดุผม "ยัง​จะมาถูกน้ำเย็น ๆ​ เข้าอีก ไม่​ได้นะ ประเดี๋ยวก็​เป็นไข้ขึ้น​มาจริง ๆ​ หรอกคราวนี้ ถอยออกมา-พี่ล้างให้เอง-เธอกระเถิบ​ไปนั่งตรงโน้นเลย​- ​ไป"

หญิงหม้าย-ลูกหนึ่ง​ ชี้ให้ผมขยับขึ้น​​ไปนั่งบนแท่งหินใหญ่อีกก้อน ​ซึ่งอยู่​ถัด​ไปทางเหนือซักประมาณครึ่งวา แท่งหินก้อนนั้น​รูปร่างคล้ายโซฟาตัวยาว ๆ​ แถมมี​ส่วน​ที่มองคล้ายพนักพิงผุดขึ้น​มาชวนให้นั่งพักผ่อนอีกด้วย

ชะนีนางบนเนินไพรยังกู่ร้องโหยหวน ลมป่าพัดแผ่ว ผมสูดหายใจเก็บเกี่ยว​ความสดชื่นเข้าสู่ภายในอย่างลุ่มลึก...​ กระทั่งรู้สึกดีขึ้น​​เมื่อสายลมเย็น​ที่โชยมาช่วยบรรเทา​ความรุ่มร้อนจากพิษยาให้ผ่อนคลาย

สาวบัวนั่งยอง ๆ​ บนพื้นศิลา​ที่ทอดลาดลงสู่ผิวน้ำริมสายธาร หล่อนนั่งหันหลังให้ผม ขณะโน้มตัวก้มลงสาละวนอยู่​​กับถ้วยจาน​ที่​กำลังเช็ดล้างอยู่​ในน้ำ ตะโพกงอนผายภายใต้ผืนผ้าถุงปาเต๊ะลายดอกไม้รัดรูป​แต่งตึง​ได้สัด​ส่วน ยวนยั่วสายตา ปลุกเร้า​ความหนุ่มของผมให้ขยับตัว​และขยายพองขึ้น​มาอย่างช่วยไม่​ได้

"ไอ้โรคจิต!"

ผมเคยโดน​เพื่อนหญิงในรั้วการศึกษาเดียวกันด่าตวาด ขณะเผลอตาจ้องมองเธอผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ประดับกายอยู่​หลังฉากเวทีละคร ตอน​ที่เราเล่นละคร​เป็นคู่​พระคู่นางด้วยกัน

ผมหัวร่อก้าก

"ตูดมึงสวยชิบหายเลย​ว่ะ"

"ไอ้เปรต-นี่แน่ะ...​"

"โอ้ย!"

ผมรู้สึกจุกเสียดในช่องท้องจนหายใจไม่ออก ​เมื่อโดนลูกถีบของมันส่งกระเด็นลง​ไปกองอยู่​​กับพื้น

​ทว่าสาบานให้ตายโหงตายห่า!ในเก้าวันเจ็ดวันเลย​ก็​ได้ ขณะนั้น​ผมไม่มี​ความรู้สึกใด ๆ​ ในด้านลบ​กับ​เพื่อนหญิงคู่​พระคู่นางของผมเลย​

หาก​แต่บัดนี้ ท่ามกลาม​ความอ้างว้างเดียวดาย ณ กลางป่าดิบ จิตใจของผม​กำลังว้าวุ่น​และฟุ้งซ่านระส่ำระสายเสียสิ้นดี

หม้ายสาวล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ...​ เธอก้มวักน้ำล้างหน้าเรียก​ความสดชื่นให้ตนเอง

"สาวบัว"

"จ๋า"

"ไอ้ตัวเล็กอยู่​​กับ​ใคร" ผมหมายถึงลูกสาวอายุขวบกว่าของหล่อน

"ฝากแม่ไว้"

หล่อนลุกขึ้น​ยืน สอดปลายนิ้วมือสองข้างรวบเส้นผมอันดกดำเสย​ไปไว้ด้านหลัง ​พร้อมหมุนกายหันมาทางผม

"ถามทำไม"

"เปล่า- -เกรงว่า​จะรีบกลับ" ผมหยั่งท่าทีแบบหมาหยอกไก่

"วันนี้หยุดพัก"

หล่อนทอดสะพาน ​และผมก็เร่งเดินข้ามทันที

"มานั่งรับลมเย็นด้วยกันตรงนี้ดีกว่า" ผมขยับ​ที่ให้หล่อน

สาวบัว​เป็นหญิงสาวรุ่นพี่ผมสองปี หล่อน​แต่งงาน​กับไอ้หนุ่มสิบล้อ​เมื่ออายุสิบหกย่างสิบเจ็ด ​ทว่าโชคร้าย ขณะตั้งท้อง​ได้สามเดือน ไอ้หนุ่มสิบล้อคนนั้น​ก็ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถ​ไปส่งของให้เ​ถ้าแก่ ยางรถล้อหน้าข้างหนึ่ง​เกิดระเบิดทำให้รถสิบล้อของ​เขาเสียหลักพุ่งประสานงา​กับรถบรรทุกสิบล้อด้วยกัน​ที่แล่นสวนมาจบชีวิต​ทั้งคู่

"นึกอย่างไรถึง​ได้ดั้นด้นขึ้น​มาขุดแร่ในป่าดงดิบอย่างนี้"

ผมถาม​เมื่อหล่อนเดินมานั่งลงใกล้ ๆ​

"ก็คนบ้านเรา​ส่วนใหญ่ยึดอาชีพนี้กัน​ทั้งนั้น​มิใช่หรือ? มี​แต่พ่อแม่ของนุ้ย​กับคนอื่นอีกไม่กี่คนใช่ไหม- -​ที่ทำสวน?"

จริงของหล่อน!

​เพราะนอกจากพวก​เพื่อน ๆ​ ของผม​ที่บุกป่าฝ่าดงเข้ามาเสี่ยงโชคขุดแร่ในป่าแห่งนี้​เป็นอาชีพแล้ว​ ก็ยังมีบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก​ที่พากันเข้ามาเสี่ยงโชคด้วยการขุดหาเม็ดแร่ใต้พื้นดินหรือตามท้องคลองยึด​เป็นอาชีพเลี้ยงกายด้วยเหมือนกัน

"เคยมีคนมาจีบบ้างไหม?" ผมเลี้ยวกลับทางเก่า

"นับไม่ถ้วน ไอ้บองหลา​เพื่อนรักของนุ้ยก็​เอา​กับ​เขาเหมือนกัน"

ผมปล่อยก้าก นึกถึงตอนมันเขกหน้าแข้งตัวเอง​เมื่อตอนหัวรุ่ง

"ไอ้บองหลามันขยันงานนะ" ผมหยั่งท่าทีของหล่อน...​

"คนบ้านเดียวกัน คุ้ยเคยกันมาตั้งแต่เด็ก- - รักไม่ลง"

"แล้ว​ผม...​?" ผมว่าพลางตัดสินใจเล่นบทเจ้าชู้ยักษ์ กระเถิบเข้า​ไปเบียด​พร้อมโอบไหล่รวบกายหล่อนมาแนบชิด จน​ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตูม ๆ​ เหมือนรัวกลอง

สาวบัวไม่ขัดขืน หาก​แต่ก้มหน้ามองพื้น หายใจหอบถี่ หน้าแดงเรื่อ พูดติด ๆ​ ขัด ๆ​ ฟังไม่​ได้สรรพอยู่​สองสามคำแล้ว​นั่งตัวแข็ง

ผมก้มจูบตรงเรียวแก้มของหล่อน กระซิบเบา ๆ​

"เราลง​ไปเล่นน้ำกันเถอะ"

"หนาว"

"​แต่ผมร้อน...​" ผมลุกจาก​ที่ แล้ว​ก้ม​ไปโอบรัดกายหล่อนพยุงให้ลุกตาม

หม้ายสาวเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาด ๆ​

"เดี๋ยว​ใครมาเห็น"

"ในน้ำไม่มี​ใครเห็นหรอก"

จากนั้น​ผมก็ค่อย ๆ​ ประคองหม้ายสาวก้าวย่าง​ไปตามพื้นศิลา​ที่ทอดยื่นออก​ไปในสายน้ำ กระทั่งถึงช่วงน้ำลึกเหนือบั้นเอว ก็ตระกองกอดพาหล่อนแหวกว่าย​ไปตามกระแสน้ำมุ่งสู่ลืบหินใหญ่ริมฝั่งลำธารอีกด้าน ​ซึ่งมั่นใจว่าลับตาคน

**************************

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3305 Article's Rate 42 votes
ชื่อเรื่อง แล้วจะหาว่าคุย (เหมืองป่าภาค 2) --Series
ชื่อตอน พญานาคเล่นน้ำ --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง พลอยพนม
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๓๑๐๗ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๗ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๑๙๙
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : อิติฯ [C-17751 ], [125.24.34.191]
เมื่อวันที่ : ๑๙ ต.ค. ๒๕๕๓, ๑๐.๓๖ น.

ชอบภาพประกอบจัง

เข้ามาเจิมภาค 2 ​​เป็นคนแรก

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : น้องทิด [C-17752 ], [124.120.1.247]
เมื่อวันที่ : ๑๙ ต.ค. ๒๕๕๓, ๒๐.๓๖ น.

ตามมาอีกคนอย่างใจระทึกครับ​​


ภาพประกอบคลาสิคมากครับ​​ ชวนให้วาบหวิวดีจริง
ภาคนี้แนวอีโรติคเหรอครับ​​

ปล.พอขอ​​ความรู้นิดหนึ่ง​​นะครับ​​พี่นามฯ ไม่ทราบว่าวิธีการหาสายแร่เหล็กนี่​​จะเหมือน​​กับแร่ดีบุกไหมครับ​​ ผมหาข้อมูลมานานแล้ว​​ครับ​​ ​​แม้กระทั่ง​​เพื่อน​​ที่ กรมธรณี ​​แต่ยังไม่​​ได้คำตอบชัดเจนครับว่า​​ การหาแร่เหล็กถลุงเหล็กสมัยโบราณนั้น​​ ​​เขาทำกันอย่างไร

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : นาม อิสรา [C-17753 ], [110.49.193.185]
เมื่อวันที่ : ๑๙ ต.ค. ๒๕๕๓, ๒๒.๐๓ น.

สำหรับเรื่อง​​แร่เหล็ก ผมขอเรียนตามตรงว่าจนด้วยเกล้าครับ​​ ​​และผมเองก็ไม่แน่ใจว่าแถวบ้านผมมีหรือเปล่า ​​โดยเฉพาะ​​ที่จังหวัดพังงา-ตามท้องเรื่อง​​นั้น​​ดูเหมือน​​จะมี​​แต่แร่ดีบุก​​เป็นพื้น ​​แม้​​แต่ในทะเลก็มี มี​​ทั้งชนิด​​ที่​​เป็นกระสะปะปนกันอยู่​​​​กับหินดินทราย(ตาม​​ที่​​ได้เล่าไว้ในภาคแรก) ​​กับชนิด​​ที่​​เป็นสายแร่​​ซึ่งฝังอยู่​​ในหินคล้ายแร่วุลแฟรม ​​แต่ผมไม่มีประสบการณ์ในการขุดเจาะหาแร่แบบนั้น​​ ประสบการณ์ของผมมี​​แต่เฉพาะชนิด​​ที่ขุดหาจากกระสะ ​​ทั้งการขุดด้วยจอบใหญ่​​ที่เรียกกันว่าจอบหูช้าง แล้ว​​นำมาร่อนคัดเลือก​​เอาเฉพาะเม็ดแร่ด้วยเรียงไม้ รวม​​ทั้งการทำเหมืองแล่น​​โดยอาศัยแรงน้ำ​​ที่ปิดกั้นทำนบมา​​เป็นตัวช่วย แล้ว​​ก็เหมืองฉีด ​​ซึ่ง​​เป็นเหมืองแร่​​ที่​​จะ​​ต้อง​​ใช้ทุนสูง ​​เพราะ​​ต้องลงทุนสร้างรางไม้ขนาดใหญ่ไว้รองรับ ​​และอาศัยเครื่องยนต์ติดปั๊มน้ำฉีดแรงเหมือนเครื่องฉีดน้ำรถดับเพลิง ฉีดพุ่ง​​ไป​​ที่กระสะแร่​​เพื่อ​​ที่​​จะให้มันแตกกระจายแล้ว​​ไหลทะลักลงมาตามร่องน้ำ จากนั้น​​ก็​​ใช้เครื่องสูบน้ำชนิดพิเศษ​​ที่​​สามารถสูบ​​เอาหินดินทราย​​ที่​​เป็นกระสะดังกล่าวขึ้น​​​​ไปใส่บนราง​​ที่สร้าง​​เอาไว้บน​​ที่สูง​​ได้ ภายในองค์รวมของกระสะ-แร่​​ซึ่ง​​เป็นวัตถุ​​ที่หนักกว่าหินดินทรายพวกนั้น​​ ​​เมื่อสูบขึ้น​​​​ไปด้วยกัน​​ทั้งหมด แร่ก็​​จะกองอยู่​​​​ที่หัวราง ​​ส่วนหินดินทราย​​ที่ติดขึ้น​​​​ไปด้วย ก็ปล่อยให้กระแสน้ำชะพาไหลลงท้ายราง​​เพราะเราไม่​​ต้องการมัน

​​ส่วนการถลุงแร่ บทท้าย ๆ​​ ของนิยายเรื่อง​​นี้​​จะมีสอดแทรกอยู่​​ครับ​​ ขอให้คุณอดใจรอหน่อย​​ ฮา ฮา

ติดตามอ่านต่อ​​ไปเรื่อย ๆ​​ แล้ว​​ผมรับรองว่าคุณ​​ไปสู่ขอลูกสาวชาวพังงา​​แต่งงาน​​ได้แน่ ๆ​​ ​​เพราะนิยายเรื่อง​​นี้​​จะสอนให้คุณทำเหมืองแร่ด้วยตัวคุณเอง​​เป็นขึ้น​​มาทันที

แล้ว​​​​จะหาว่าคุย!

ฮา ฮา

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : wadee [C-17776 ], [125.24.197.13]
เมื่อวันที่ : ๒๑ ต.ค. ๒๕๕๓, ๒๑.๕๔ น.

ตามมาอ่านด้วย​​ความสนใจค่ะ​​ บรรยาย​​ได้สนุกเหมือนเคนนะคะ​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๕ : ดาวเคียงเดือน [C-17783 ], [118.173.243.173]
เมื่อวันที่ : ๒๒ ต.ค. ๒๕๕๓, ๑๕.๓๙ น.

สนุกมากค่ะ​​...​​อ่านแล้ว​​เพลินค่ะ​​...​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๖ : wadee [C-17879 ], [125.25.184.174]
เมื่อวันที่ : ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๓, ๐๗.๔๕ น.

ตอนใหม่อยู่​​ไหนเนี่ย รึบมาลงสียไวไวนะคะ​​ คุณนามฯ​​ที่รัก ขอมอบดอกไม้ให้ค่ะ​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๗ : นาม อิสรา [C-17882 ], [110.49.193.237]
เมื่อวันที่ : ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๓, ๑๕.๔๖ น.

คุณวดี คลิก "อ่านตอน​​ที่พิมพ์แล้ว​​" ​​ได้เลย​​นะครับ​​ ตอนนี้ดูเหมือนผม​​จะโพสต์ลง​​ไปถึงตอน​​ที่ 8-9 แล้ว​​ครับ​​

ขอบคุณสำหรับดอกไม้ ​​ซึ่งผมขอมอบสู่คุณเช่นกันครับ​​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น