นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕
เวลาที่หายไป #17
ดอยสะเก็ด
...แล้ว​วันเวลาก็เคลื่อนผ่าน​ไปเรื่อยๆ​ คืนหนึ่ง​เคนเข้านอนแล้ว​​แต่ยังไม่หลับ ตอน​ที่มีเสียงคนมาเรียกตาเป็ง​และมีเสียงทุบประตูห้อง ​เขาลุกขึ้น​นั่งฟัง สักครู่ก็...

ตอน : หมาป่ากับลูกแกะ???

แล้ว​วันเวลาก็เคลื่อนผ่าน​ไปเรื่อยๆ​ คืนหนึ่ง​เคนเข้านอนแล้ว​​แต่ยังไม่หลับ ตอน​ที่มีเสียงคนมาเรียกตาเป็ง​และมีเสียงทุบประตูห้อง ​เขาลุกขึ้น​นั่งฟัง สักครู่ก็​ได้ยินเสียงแกพูด​กับคน​ที่มาหา​เป็นภาษาท้องถิ่น ​เขาไม่เข้าใจ​ทั้งหมด​ได้ยินชัด​แต่คำว่า ‘คุณกร’ ชายหนุ่มจึงลุกออกจากห้องลงบันไดมา ​เมื่อเห็น​เขาตาเป็งก็ร้องถามว่า

"เห็นคุณกรไหม คุณหนูให้มาถาม "
"ไม่เห็นนี่ครับ​ วันนี้ตั้งแต่​ที่คุณกรกลับจากโรงเรียนตอนเย็น ผมยังไม่เจอคุณกรเลย​" เคนตอบแล้ว​หัน​ไปถามอินแปง​ซึ่ง​เป็นคนมาปลุกตาเป็ง " นี่ก็ดึกแล้ว​ คุณกรไม่​ได้อยู่​บนตึกหรอกหรือ ? "
"ไม่อยู่​ " อินแปงตอบแล้ว​อธิบายเพิ่มเติมตาม​ที่รู้มาว่า "เห็นคำหล้ามันบอกว่า​เมื่อตอนหัวค่ำ คุณกรถูกคุณหนูดุเรื่อง​อะไร​ก็ไม่รู้ คุณกรร้องไห้แล้ว​ก็วิ่งออก​ไป คุณหนูรออยู่​ตั้งนานก็ไม่เห็นกลับมา "
" ดูในห้องคุณกรหรือยัง ? " ชายหนุ่มซัก
" คำหล้า​ไปดูแล้ว​​แต่ไม่เจอ ตอนนี้พวกคนงาน​กำลังช่วยกันหาอยู่​ ​พอดีคุณหนูนึกขึ้น​​ได้ว่าคุณกรชอบมาหานาย เลย​ให้มาถามว่าคุณกรอยู่​​ที่นี่หรือเปล่า "
" เอ...​ดึกป่านนี้คุณกร​จะ​ไปอยู่​​ที่ไหน​ได้ล่ะ " เคนเริ่มกังวล ดึกขนาดนี้ไม่ใช่วิสัยของเด็กอย่างกร​ซึ่งกลัวผีขนาดหนัก ​จะลงจากตึกใหญ่เดินท่อมๆ​​ไปคนเดียวใน​ความมืด​และเงียบของเวียงพุก าม

อินแปงกลับ​ไปแล้ว​ ตาเป็ง​ซึ่งตอนนี้เดิน​ไปนั่ง​ที่เก้าอี้ยาวตัวโปรด จุดบุหรี่สูบพ่นควันยาวๆ​สองสามครั้งแล้ว​ก็พูดลอยๆ​ว่า "ก็คงโกรธหรือน้อยใจคุณหนูนั่นแหละ​ คุณกร​เป็นเด็กใจน้อย บางทีเปิ้นก็คิดมาก "

ชายหนุ่มเดิน​ไปเดินมารอฟังข่าวกรอยู่​อีกครู่หนึ่ง​ก็เดินกลับขึ้ น​ไปข้างบน เปลี่ยนจากกางเกง​ที่ใส่นอน ​เป็นกางเกง​ที่​ใช้เวลาทำงาน ฉวยเสื้อกันหนาวตัวหนาติดมือมาด้วย คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็น มีฝนตกปรอยๆ​มาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว​ เคนนึก​เป็นห่วงไม่รู้ว่าเด็กชายมีเสื้อกันหนาวติดตัว​ไปด้วยหรือ ไม่ หลังจากนั้น​​เขาสวมรองเท้าบู๊ตยาว​ที่​ใช้ทำงานในไร่แล้ว​ขอยืมไฟฉา ยกระบอกใหญ่ของตาเป็ง

" คุณรู้หรือว่า​จะ​ไปตาม​ที่ไหน ? " ชายชราถาม
" ผม​จะลองดู "

มี​ที่สองสามแห่ง​ที่เคนรู้ว่ากรชอบ​ไป ​แต่​เขาก็รู้ว่าการตามหาคนในสถาน​ที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นเวียงพุกา ม ในเวลากลางคืนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่อง​ง่ายๆ​ ​แต่​เขาก็ทนรออยู่​ไม่ไหว นึก​เป็นห่วงกร​เพราะเคนเองก็รู้เหมือนตาเป็ง ว่าเด็กชายผู้นั้น​ถึง​จะมีการแสดงออกหลายอย่าง ​ที่ชี้ว่า​เขา​เป็นคนง่ายๆ​ ​ใครว่าอะไร​ก็ไม่โกรธ ​แต่ลึกๆ​แล้ว​​เขา​เป็นเด็กช่างคิด​และอ่อนไหว

ชายหนุ่มเดินหากรหลายแห่ง​ที่คาดว่า​เขาน่า​จะ​ไป​แต่ก็ไม่มีวี่แวว เดินอยู่​เกือบชั่วโมงก็นึกขึ้น​มา​ได้ถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง​ขนาดส ามคนโอบ ​ซึ่งตั้งอยู่​ใกล้​กับฝายทดน้ำนอกกำแพงเวียงพุกามออก​ไปเล็กน้อย กรเคยพา​เขามาดูโพรง​ที่โคนต้นไม้​ซึ่ง​เป็นโพรงขนาดใหญ่ ​แต่ทางเข้าซ่อนอยู่​ทางด้านหลัง ทำให้คน​ที่เดินผ่านมาทางด้านหน้าของต้นไม้​จะไม่รู้ว่ามีโพรงอยู ่อีกด้านหนึ่ง​ ​เมื่อนึก​ได้แล้ว​ชายหนุ่มก็เดินมุ่งหน้า​ไปตามเส้นทาง​ที่​จะออก​ไปส ู่ฝายทดน้ำ อีกประมาณสิบเมตร​จะถึงไม้ใหญ่ต้นนั้น​ ​เขาก็​ได้ยินเสียงสุนัขร้องหงิงๆ​อยู่​ใกล้ๆ​ เคนเดินตรงเข้า​ไป​ที่โพรงด้านหลังของต้นไม้​ที่เสียงนั้น​ลอดออกมา ​เมื่อถึงปากโพรงชายหนุ่มก็ก้มตัวลงฉายไฟเข้า​ไปในโพรง แล้ว​ก็​ต้องสะดุ้งตกใจ​เมื่อเห็นกรนั่งขัดสมาธิอยู่​ในนั้น​ มีลูกสุนัขสีน้ำตาลเข้มตัวน้อยนอนหมอบอยู่​บนตัก มัน​กำลังเลียมือข้างหนึ่ง​ของกร ส่งเสียงครางหงิงๆ​​ไปด้วย

" อ้าว คุณกร ! มาทำอะไร​อยู่​​ที่นี่ "

เคนย่อตัวลงเดินเข้า​ไปนั่งยองๆ​ตรงหน้ากร เด็กชายผู้นั้น​มีท่าทางดีใจ​เมื่อเห็น​เขา "โอ๊ย เคน ผมกลัวผี​จะแย่อยู่​แล้ว​ หิวก็หิว ​เมื่อตอนเย็นผมกินของว่าง​ไปนิดเดียวเอง " ปาก​เขาสั่นทีเดียว ตอนนี้อากาศเย็นจัดขึ้น​เรื่อยๆ​ ​และฝนก็ยังโปรยปรายอยู่​

" คุณมาทำอะไร​อยู่​​ที่นี่ ? " เคนมองลูกสุนัขตัวนั้น​อย่างสงสัย " นี่ลูกหมา​ใคร ? ทำไมมันมาอยู่​​กับคุณ​ได้ ? "
กรทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไร​สักอย่างขึ้น​มาทันที " ผมเจอมัน​ที่หน้าโรงเรียน ​กำลังวิ่งอยู่​ข้างถนน ผมกลัวว่ามัน​จะถูกรถทับก็เลย​ให้อินแปงจอดรถแล้ว​ลง​ไปอุ้มมันมา "

​เขาเล่า​เป็นฉากๆ​ ​แต่เคนก็ยังไม่เข้าใจอยู่​ดี " แล้ว​คุณ​เอามันมาทำไม ? มันยังเล็กอยู่​เลย​ ป่านนี้แม่มันคงตามหาแย่แล้ว​ "
เด็กชายทำตาโตถามว่า " คุณคิดว่ามันมีแม่ด้วยเหรอ ผมเห็นมันวิ่งอยู่​ตัวเดียวเองนะ "
" มันอาจ​จะพลัดหลง​กับแม่มันก็​ได้ มันยังเล็กขนาดนี้คงยังกินนมแม่อยู่​ คุณ​เอามันมายังงี้​จะให้มันกินอะไร​ล่ะ "

กรนิ่งคิดแล้ว​ก็แย้งต่อตามนิสัยว่า " ​แต่เจ้าของอาจ​จะ​เอามันมาปล่อยก็​ได้นี่ ผมเห็นหมามันออกลูกทีละตั้งหลายตัว เจ้าของ​เขาอาจ​จะเลี้ยงไม่ไหวก็​ได้ "

ชายหนุ่มตัดบ​ทว่า "​เอาเถอะ ไว้ค่อยว่ากันอีกที ว่า​แต่ทำไมคุณมาอยู่​​ที่นี่ รู้ไหมว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว​ คุณหนูให้​ใครต่อ​ใครออกตามหาคุณให้วุ่น​ไปหมด ป่านนี้คุณน่า​จะเข้านอนเสียนานแล้ว​ไม่ใช่หรือ ? "

พอ​ได้ยินคำถามของเคนกรก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้น​มาทันที "เชอะ ตามหาทำไม? ใจดำ​ที่สุดเลย​คุณหนูน่ะ "
" อ๋อ ถูกคุณหนูเอ็ดงั้นสิ เห็นอินแปงว่าคุณร้องไห้ด้วยนี่ คุณ​ไปทำอะไร​ขัดใจเธออีกหรือไง ? " ​ที่ถามเช่นนั้น​​เพราะเห็นกร​กับคุณหนู มีเรื่อง​ดุว่ากัน​เป็นประจำจน​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ไปแล้ว​

เด็กชายค้อนขวับฝากลมฝากแล้ง​ไปทาง​ที่ตั้งของตึกใหญ่ "ก็เรื่อง​ลูกหมานี่แหละ​ กลับจากโรงเรียนผมก็อุ้มมันขึ้น​​ไปบนตึก พอคุณหนูเห็นก็ด่าผมว่า​เอาหมาขึ้น​​ไปทำไม สกปรกบ้างละ ขี้เรื้อนบ้างละ สั่งให้ผม​เอามัน​ไปคืนตรง​ที่เดิมตอนกลับเข้าโรงเรียน "

เด็กชายจับตัวลูกสุนัขตัวนั้น​ชูมาตรงหน้าเคน " ดูสิ เคน มันสกปรกตรงไหน มีขี้เรื้อนตรงไหน มันน่ารักน่าสงสาร​จะตาย "

เคน​เอาใจด้วยการรับลูกสุนัขมาสำรวจดูตามเนื้อตามตัวของมัน ​เขาไม่เห็นรอยขึ้เรื้อน มันอาจ​จะมอมแมม​ไปบ้าง​แต่ก็ไม่ถึง​กับสกปรก

" ​เอาเถอะ ตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า อ้าว...​คุณไม่หนาวหรือนี่ เปียกฝนด้วย เสื้อกันฝนกันหนาวอะไร​ก็ไม่มีสักอย่าง ระวัง​จะไม่สบายนะ " ชายหนุ่มบ่นด้วย​ความ​เป็นห่วง ส่งเสื้อกันหนาว​ที่ถืออยู่​ให้​ซึ่งฝ่ายนั้น​ก็รับ​ไปคลุมตั้งแต่ศีรษะลงมา

แล้ว​ชายหนุ่ม​กับเด็กชาย ​ซึ่ง​เอาเจ้าสุนัขตัวน้อยอายุคงไม่เกินสองเดือนซุกไว้ใต้เสื้อกั นหนาว ก็ออกจากโพรงต้นไม้เดิน​ไปตามทางเดินเล็กๆ​ เคนฉายไฟฉายในมือวับๆ​ แวมๆ​ ​ไปตลอดทาง ​เพราะบริเวณนั้น​มืดมาก

พอขึ้น​มาบนถนนดิน​ซึ่งรถวิ่ง​ได้ ​ทั้งสองก็เห็นไฟหน้ารถคันหนึ่ง​ส่องสว่างมา​แต่ไกล มุ่งหน้ามาตรง​ที่พวก​เขา​กำลังเดินอยู่​ อินแปงนั่นเอง ​เขาจอดรถให้เคน​และกรขึ้น​ กลับรถแล้ว​ขับตรง​ไป​เพื่อ​จะส่งกร​ที่ตึกใหญ่ ​แต่กรบอกอินแปงว่า

" ​ไปส่งเคน​ที่บ้านตาเป็งก่อน " แล้ว​​เขาก็หันมากระซิบกระซาบ​กับเคนว่า " ผมฝากลูกหมาไว้​กับคุณก่อนนะ ช่วยดูแลมันให้ผมสักคืน "
เคนงง " ฝากไว้​กับผมงั้นหรือ ทำไมคุณไม่​เอามัน​ไปด้วยล่ะ "
" ​ได้ไง " กรว่า​พร้อม​กับทำปากยื่น " ขืนผม​เอามันขึ้น​​ไปบนตึกอีก คุณหนู​ได้​เอาผมตายสิ " แล้ว​​เขาก็อ้อนวอนว่า " น่า เคน ช่วยผมหน่อย​แล้ว​กัน ให้มันนอน​กับคุณ​ไปก่อน พรุ่งนี้ผม​จะ​ไปรับมัน​แต่เช้า​เลย​ "

​เมื่อไม่รู้​จะปฎิเสธอย่างไร ชายหนุ่มก็เลย​จำใจ​ต้องอุ้มลูกสุนัขตัวนั้น​ลงจากรถ​กับ​เขาด้วย ​เมื่ออินแปงจอดส่ง​เขา​ที่หน้ากระท่อมตาเป็ง ชายชรา​ซึ่งยังไม่เข้านอนรอฟังข่าวของกรอยู่​ มองสุนัขตัวเล็กๆ​​ที่เคนอุ้มอยู่​อย่างสงสัย ชายหนุ่มจึงเล่าเรื่อง​​ทั้งหมดให้ฟัง ตอนนี้มันเริ่มต้นครางหงิงๆ​อีกแล้ว​ ​ใช้เท้าหน้าตะกุยแขน​เขาเบาๆ​

"มันหิวละมัง " ตาเป็งว่า " ​ได้กินอะไร​หรือยังล่ะ? "

คนเองก็ตอบไม่​ได้ว่ากรให้อะไร​มันกินหรือยัง ​เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของ​เขาตาเป็งก็กระวีกระวาดลุกจากม้ายาวที ่นั่งอยู่​ เดิน​ไป​ที่ชั้นวางของ หยิบกระป๋องนมข้นลงมาวางบนโต๊ะ หยิบจานสังกะสีก้นลึกใบย่อมๆ​ ​ที่คว่ำอยู่​บนตะแกรงใกล้กันมา ​ใช้ช้อนตักนมในกระป๋องใส่ลง​ไป เทน้ำในกระติกลงผสม​ใช้ช้อนคนแล้ว​บอกเคนว่า

" พอเย็นลงแล้ว​ค่อยให้มันกิน มันคงหิวน่ะ คงยังไม่อดนมแม่ "

พอเคนวางจานใส่นมลงบนพื้น​และปล่อยตัวมันลง เจ้าสุนัขน้อยตัวนั้น​ก็รี่เข้าใส่แล้ว​ตั้งหน้าตั้งตา​ใช้ลิ้นเลี ยนมกินจนหมดจานภายในเวลาไม่กี่นาที คืนนั้น​เคน​ต้องยอมให้ลูกสุนัขตัวนั้น​เข้า​ไปนอนในห้อง​กับ​เขา ด้วย ​เพราะมันพยายาม​จะตะกายขึ้น​บันไดตาม​เขา​ไป ​และอีกอย่างหนึ่ง​​เขาก็ไม่รู้ว่า​จะให้มันนอน​ที่ไหน ตาเป็งอุตส่าห์เข้า​ไปค้นกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ​จากห้องของแก ​เอามาให้เคน​ใช้ปู​เป็น​ที่รองนอนให้มัน

เช้า​วันรุ่งขึ้น​กรตื่น​แต่เช้า​มาหาลูกหมา มาถึงก็เล่น​กับมัน​เป็นการใหญ่ ​เมื่อเคน​ซึ่งอาบน้ำ​แต่งตัวเสร็จแล้ว​​กำลัง​จะออก​ไปทำงานเห็นกรก็ถ ามว่า " ​เป็นยังไง​เมื่อคืนนี้ คุณหนูว่าอะไร​อีกหรือเปล่า? "

กรทำหน้ามุ่ย " ก็บ่นอีกหนึ่ง​กระบุง สั่งแล้ว​สั่งอีกว่าวันจันทร์​ไปโรงเรียนให้​เอามัน​ไปทิ้งไว้ตรงที ่เดิม " แล้ว​​เขาก็ทำหน้าทุกข์ร้อนถามเคนว่า " ทำไงดีล่ะ เคน ผมไม่อยาก​เอามันกลับ​ไปเลย​ สงสารมันจัง "

เคนนิ่งคิด รู้สึกเห็นใจกรเหมือนกัน ​เขายังเด็ก​และอาจ​จะอยาก​เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัวเหมือนเด็ก คนอื่นๆ​บ้างก็​ได้ ​แต่ขณะเดียวกัน​เขาก็พอ​จะรู้ว่าทิพย์สุรางค์​เป็นคนเจ้าระเบียบ ไม่ค่อย​จะยอมให้อะไร​ออกนอกกฏเกณฑ์​ที่ตั้ง​เอาไว้

"เคน ​ถ้าไงคุณช่วยเลี้ยงมันไว้​ที่บ้านตาเป็งหน่อย​​ได้ไหมล่ะ? " กรทำหน้าวิงวอน
" อ้าว ก็คุณหนูสั่งให้​เอามันกลับ​ไป​ที่เก่า แล้ว​ผมกลับ​เอามันมาเลี้ยงให้คุณ ​ถ้าคุณหนูรู้เข้า ​ทั้งคุณ​และผมไม่ถูกเธอเล่นงานแย่​ไปตามๆ​กันหรือ ? " ​เขานึกสงสาร​ทั้งกร​ทั้งลูกสุนัขตัวน้อยนั่นก็จริง ​แต่ก็นึกขยาดอารมณ์ของทิพย์สุรางค์มากกว่า

เด็กชายทำหน้าเศร้าแล้ว​รำพึงรำพันให้เคนฟังว่า " คุณหนูน่ะบางทีก็ใจดี ​แต่บางทีเปิ้นก็ใจร้าย​และไม่ยุติธรรม ทีม้าล่ะก็รักมันจัง ลูบหัวลูบคอมันอยู่​​ได้ ​แต่​กับลูกหมาตัวนิดเดียวเธอกลับรังเกียจ เคนรู้ไหมว่า​เมื่อเย็นวานนี้ตอน​ที่ผมเถียงเธอเรื่อง​ลูกหมาน่ะ คุณหนูว่าอะไร​ผม? "

ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือ เห็นว่ายังพอมีเวลารับฟัง​ความทุกข์ร้อนของเด็กชาย จึงถาม​เขา​เป็นเชิง​เอาใจว่า " เธอว่าอะไร​หรือ ? "

" คุณหนูว่าผมว่าตัวคนเดียวยัง​เอาตัวไม่รอด ​ต้องมา​เป็นภาระให้เธอตลอดเวลา แล้ว​ยัง​จะหาภาระมาเพิ่มให้ชีวิตเธอวุ่นวายมากขึ้น​​ไปอีก แล้ว​เธอก็บอก..ก็บอก.." คราวนี้เสียงของ​เขาเริ่มเครือเหมือน​จะร้องไห้ " บอกว่า​ถ้าผมยังดื้อ ยังแข็งข้อ​กับเธออีก เธอ​จะส่งผมกลับ​ไปอยู่​​กับญาติห่างๆ​ ของผม ​เพราะผม​กับเธอไม่​ได้​เป็นอะไร​กัน "

เคน​ซึ่ง​กำลังมองเจ้าลูกสุนัขตัวน้อย​ที่วิ่งวุ่นวายอยู่​ใกล้ๆ​ หันขวับ​ไปมองหน้ากร​เมื่อ​ได้เสียงเหมือนสะอื้นจากเด็กชาย ปกติ​เขาเคยเห็นกร​เป็นเด็กรื่นเริงมีอารมณ์ขัน ​ใครว่าอะไร​ก็ไม่โกรธ ​แต่ครั้งนี้​เขาคงเสียใจมาก ชายหนุ่มคิดว่าทิพย์สุรางค์ไม่ควร​จะพูดอย่างนั้น​​กับเด็กอย่างกร ​ที่ถึงอย่างไรก็รักเธอ​และเข้าใจสถานภาพของตัวเองดีพอสมควร ตอนนี้​เขาเข้าใจแล้ว​ว่าทำไมกรจึงร้องไห้วิ่งลง​ไปจากตึก ตามคำบอกเล่าของอินแปง

" อย่าคิดมากเลย​ " ​เขาพยายามปลอบกร​เพราะรู้สึกสงสาร " คุณหนูคง​จะพูด​เพราะโมโห เธอคงไม่​ได้คิดอะไร​แบบนั้น​จริงๆ​หรอก "

ก็​เพราะ​ความสงสาร​และเข้าใจ​ความรู้สึกของกรดีนั่นแหละ​ ​ที่ทำให้เคน​ต้องรับปาก​จะแอบเลี้ยงเจ้าแมกซ์ ตาม​ที่เด็กชายตั้งชื่อให้มันเรียบร้อย​แล้ว​ ไว้ให้​ที่บ้านตาเป็ง ​พร้อม​กับประหวั่นพรั่นใจ​ไปด้วยว่า​จะถูกทิพย์สุรางค์จับ​ได้​เมื่อไรก็ไม่รู้

แล้ว​เธอก็จับ​ได้จริงๆ​นั่นแหละ​ เพียงชั่วเวลาสองวันหลังจาก​ที่กรกลับเข้าโรงเรียน​ไป ก่อนเลิกงานวันนั้น​หนานคำเดินเข้ามาบอก​เขาว่า ทิพย์สุรางค์สั่งให้​เขา​ไปพบเธอ​ที่ตึกใหญ่หลังเลิกงาน เคนรู้ทันทีว่าคง​เป็นเรื่อง​เจ้าแมกซ์นั่นแน่ ​เพราะ​เขาไม่ ​ได้มีเรื่อง​อะไร​​ที่เธอ​จะ​ต้องเรียก​เขา​ไป ​ระหว่างทางชายหนุ่มพยายามคิดว่า​จะพูดอย่างไรดี ​เพื่อ​ที่เธอ​จะยอมให้กร​ได้เลี้ยงเจ้าแมกซ์

​เมื่อเข้ามาถึงตึกใหญ่ คำหล้า​ซึ่งยืนรออยู่​แล้ว​​ที่หน้าตึกพา​เขาเข้า​ไปในห้องนั่งเล่นที ่ทิพย์สุรางค์นั่งเด่น​เป็นสง่ารออยู่​แล้ว​ ​เมื่อเห็นเคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่​ตรงหน้า หญิงสาวก็มอง​เขาด้วยดวงตา​ที่คมปลาบอยู่​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะพูดด้วยเสียงแสดงอำนาจว่า

" นั่งลงสิ ฉันมีเรื่อง​​จะพูดด้วย นาย​จะยืนค้ำหัวฉันอยู่​ยังงั้นหรือ "

ชายหนุ่มเหลือบมองว่าเธอ​จะให้​เขานั่งตรงไหน ​เขาไม่รู้หรอกว่าลูกจ้างคนอื่นๆ​ของเวียงพุกามเวลาถูกเรียกตัวมา พบนั่งตรงไหน ​แต่​เขาก้าวสวบๆ​เข้า​ไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง​​ซึ่งอยู่​ห่างจากทิพย ์สุรางค์พอสมควร หญิงสาวมอง​เขาอย่างไม่สบอารมณ์ ​ความจริงเธอ​ต้องการ​จะแกล้งกด​เขาให้รู้ฐานะของตัวเอง ด้วยการนั่งลงบนพื้น ​ซึ่ง​เป็นกระดานไม้สักขัดจนเรียบแล้ว​ลงน้ำมันจนขึ้น​เงานั่นแหละ​ ไม่ใช่บนเก้าอี้เสมอเธอเช่นนี้ ​แม้เก้าอี้​ที่เธอนั่งอยู่​​จะ​เป็นเก้าอี้นวมบุหนังอย่างดีสีสวย ​ส่วนของ​เขา​เป็นเก้าอี้ไม้สักธรรมดาไม่มีเบาะ ​และท่านั่งของ​เขาก็ดูสุภาพสำรวมก็ตาม

​ความจริงลูกจ้างของเวียงพุกาม​ที่ถูกเรียกตัวขึ้น​มามีไม่กี่คน ​และทุกคน​จะยืนค้อมตัวประสานมือพูด​กับเธอ​ทั้งนั้น​ แล้ว​เธอก็ไม่เคยสั่งให้​เขาเหล่านั้น​ลงนั่งพูด​กับเธอมาก่อนด้วย ​เพราะพอพูดธุระจบ​ซึ่ง​ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เธอก็​จะพยักหน้า​เป็นสัญญาณให้ออก​ไปจากห้อง​ได้แล้ว​ ทำไมเธอจึงอยากกด​เขาลง ให้สำนึกถึงสถานภาพของตัว​เขาเอง ​ทั้งๆ​​ที่ตอนนี้​ความระแวงสงสัยของเธอ ต่อพฤติกรรมต่างๆ​ ของ​เขาลดน้อยลง​ไปมากแล้ว​ ทิพย์สุรางค์ตอบตัวเองไม่​ได้ รู้สึก​แต่เพียงว่าในระยะหลังๆ​ นี้ มีเหตุร้ายหรือเหตุบังเอิญ​ที่เกิดขึ้น​​กับเธออย่างไม่น่าเชื่อ ราว​กับการจัดฉากของโชคชะตา ​ที่หาเรื่อง​กลั่นแกล้งให้เกิดขึ้น​​กับเธออยู่​คนเดียวหลายครั้ง แล้ว​ก็ยังเจาะจงส่ง​เขาเข้ามา​เป็นผู้ช่วยเหลือเธอแทบทุกครั้ง นำ​เขาเข้ามาใกล้ชิดเธอมากขึ้น​เรื่อย ๆ​ ​และหลายครั้งมันทำให้เธอหวั่นไหว เธอจึง​ต้องแสดงให้​เขาสำนึกว่า​เขา​และเธออยู่​ในฐานะ​ที่แตกต่างห่า งไกลกัน ​เขา​เป็นเพียงลูกจ้างของเธอเท่านั้น​ ดังนั้น​​เขาจึงควรอยู่​ใน​ที่ในทางของ​เขา

​ส่วนเคนนั้น​ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่นั่งลงบนพื้น อย่าง​ที่​เขารู้ว่าเธอ​ต้องการให้​เขาทำเช่นนั้น​ อาจ​จะ​เป็น​เพราะ​ความหมั่นไส้ในสีหน้าท่าทาง​และน้ำเสียง​ที่วางอำน าจนั่นกระมัง ​ที่ทำให้​เขาทำอย่าง​ที่ทำลง​ไป อยาก​จะรู้เหมือนกันแหละ​ว่าเธอ​จะให้​ใครมาลากตัว​เขาลงจากเก้าอี้ต ัวนี้ไหม

" นี่ นายเคน รู้ใช่ไหมว่าฉันเรียกมาทำไม ? " ทิพย์สุรางค์เริ่มต้นด้วยเสียงแข็งๆ​
ชายหนุ่มทำหน้าตายตอบด้วยเสียงเรียบๆ​ตามปกติว่า "ผมไม่ทราบ "
" งั้นหรือ? งั้นบอกฉันหน่อย​สิ ว่าคืนนั้น​นาย​เป็นคนตามนายกรพบใช่ไหม ? "

เคน​กำลังคิดว่านี่เธอ​จะมาไม้ไหนอีกล่ะ ​ถ้า​จะพูดเรื่อง​เจ้าแมกซ์ก็น่า​จะพูดออกมาตรงๆ​เลย​ ไม่ใช่อ้อม​ไปอ้อมมาแบบนี้ ​และ​เขาก็เชื่อด้วยว่าทิพย์สุรางค์คงจับตัวกร ซักไซ้ไล่เรียงจนหมดแล้ว​ตั้งแต่คืนนั้น​ แล้ว​ก็คงรู้ด้วยว่า​เขา​เป็นคนหากรจนพบ ​แต่​เขาก็ทำ​เป็นไม่รู้เท่าเธอ ตอบสั้นๆ​ว่า

" ครับ​ "
" แล้ว​ไง ? " เธอทำเสียงเข้ม​จะให้​เขาพูดต่อ
" แล้ว​ไงทำไมหรือครับ​? " เคนทำหน้าซื่อตาซื่อย้อนถามเธอ
คำถามยอกย้อนของ​เขาทำให้ทิพย์สุรางค์แทบเต้น " ก็เล่ามาสิว่า​ไปพบนายกร​ที่ไหน พูดคุยปลอบโยนอะไร​กันบ้าง นายกรคงนินทาหาว่าฉันใจร้ายล่ะสิ "

ตอน​ที่เข้ามาในห้องใหม่ๆ​ เจอสีหน้าท่าทางวางอำนาจของหญิงสาว เคนรู้สึกหมั่นไส้​และโกรธนิดๆ​ ​แต่ตอนนี้​เขารู้สึกว่า​เธอเหมือนเด็กขี้อิจฉา

" คุณกรไม่​ได้เรียนให้คุณหนูทราบหรอกหรือครับ​ ว่าผมหา​เขาเจอ​ที่ไหน? "

ทิพย์สุรางค์มอง​เขาอย่างไม่พอใจ เคนไม่อยาก​จะยั่วให้เธอโกรธมาก​ไปกว่านั้น​ ​เพราะกลัวว่า​ที่​จะพยายามทำให้เธอยอมอนุญาตให้กรเลี้ยงเจ้าแมกซ์ ไว้​จะยิ่งไม่สำเร็จ ​เขาเลย​รีบอธิบายเรื่อง​โพรงต้นไม้ให้เธอฟัง​แต่​โดยดี

" เรื่อง​ลูกหมา​ที่นายกร​ไปเก็บมาบังคับให้ฉันเลี้ยงล่ะ นายก็รู้เรื่อง​ด้วยใช่ไหม ? "

​เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ตอบว่าอะไร​ทิพย์สุรางค์ก็สำทับต่อว่า " นึกว่านาย​จะปฏิเสธว่าไม่รู้เสียอีก ฉันรู้ว่านายรู้เห็น​เป็นใจ​กับนายกรช่วยเลี้ยงมันไว้​ที่บ้านตาเป ็ง ​ทั้งๆ​​ที่ฉันสั่งห้ามไว้แล้ว​ รู้ไหมว่าการกระทำของนาย สร้างปัญหาให้ฉัน​ซึ่ง​เป็นผู้ปกครองของนายกร ต่อ​ไป​เขา​จะไม่เชื่อฟังฉัน ​เพราะมีนายมาคอยให้ท้าย​เขาอยู่​อย่างนี้ " แล้ว​เธอก็พูดอะไร​ต่ออะไร​กล่าวหา​เขา​กับกรอีกหลายประเด็น

เคนนิ่งฟังคำกล่าวหาของเธออย่างประหลาดใจ อะไร​กันนี่? แค่ลูกหมาตัวนิดเดียวเธอก็พูดเสีย​เป็นเรื่อง​ใหญ่เรื่อง​โต​ไป​ได้ ตอนนี้เด็กชายก็คงไม่คิด​จะนำมันขึ้น​​ไปเลี้ยงบนตึกใหญ่อีกแล้ว​ อย่างเก่งก็คงขอให้​เขาช่วยเลี้ยงมันไว้ให้​ที่บ้านตาเป็งอีกสักเ ดือนสองเดือน พอมันโตขึ้น​มันก็คงวิ่ง​ไปวิ่งมาอยู่​ในอาณาเขตเวียงพุกาม เหมือนสุนัขตัวอื่นๆ​อีกหลายตัว ​ที่คนงานบางคนเลี้ยงไว้แถวๆ​บ้านพัก​และเรือนแถวยาว ห่างไกลจากตึกของเธอ คงไม่มาวิ่งเพ่นพ่านอยู่​แถวนี้ ให้รำคาญนัยน์ตาเธอหรอก

​ระหว่าง​ที่ทิพย์สุรางค์​กำลังร่ายยาวตั้งข้อหาไล่ต้อน​เขาไม่รู้จ บอยู่​นั้น​ ชายหนุ่มก็จ้องมองใบหน้างามแอร่มแก้มใสราว​กับเด็กวัยรุ่นของเธอ อย่างเผลอไผลด้วยแววตา​ที่คมซึ้ง ​เมื่อเหลือบเห็นแววตาประหลาด​ที่มองเธอราว​กับคน​ที่อยู่​ในฐานะเสม อกัน ไม่ใช่ในฐานะลูกจ้าง​กับนายจ้างอย่าง​ที่ควร​จะ​เป็น หญิงสาวก็รู้สึกอาย​และโกรธ เธอกลบเกลื่อน​ความอายด้วยการกระแทกเสียงถาม​เขาว่า

" มองอะไร​? เวลาฉันพูดก็ตั้งใจฟังสิ ! ไม่ใช่มาทำอวดดีจ้องหน้าจ้องตาฉันแบบนี้ !."
​เมื่อถูกจับ​ได้ เคนก็เมินหน้าจากเธอ ​แต่ก็อดยั่วประสาทเธอไม่​ได้​เมื่อตอบโต้ว่า " คุณหนู​กำลังพูด​กับผมอยู่​ผมก็ควร​จะมองไม่ใช่หรือครับ​ ​เพราะ​ถ้าผมไม่มองหน้าคุณหนู ผมก็อาจ​จะถูกตั้งข้อหาอีกว่าไม่สนใจฟังคำอบรมสั่งสอนของคุณหนู หรืออาจ​จะว่าผมเสียมารยาทก็​ได้ "

เสียงของ​เขาสุภาพก็จริง​แต่เธอก็รู้ว่า​เขาแก้ตัว ก็เธอเห็นนี่นาว่า​เขามองสำรวจเธอจนทั่วหน้า แล้ว​ยังมองด้วยสายตาแปลกๆ​ เหมือนไม่รู้จักประมาณตนอีกด้วย หรือ​เขา​จะกำเริบเสิบสานคิดว่า​จะตีเสมอเธออย่างไรก็​ได้ ใน​เมื่อ​เขาเคยมีบุญคุณช่วยเธอให้พ้นจากอันตรายมาหลายต่อหลายครั ้งแล้ว​ ​แม้​แต่อวดดีมาต่อปากต่อคำ ยัดเยียดข้อหาน่าอายให้เธอก็เคยทำมาแล้ว​ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห​แต่​จะพูดอะไร​มาก​ไปกว่านั้น​ก็กลัวว่า​เขา​จะยอกย ้อนให้เข้าเนื้ออีก ทิพย์สุรางค์ก็เลย​พยายามระงับ​ความโกรธ เปลี่ยน​ไปพูดเรื่อง​เจ้าแมกซ์แทน

" แล้ว​เรื่อง​ลูกหมาตัวนั้น​นายคิด​จะทำยังไง​กับมันต่อ​ไป ? "
​เมื่อ​ได้โอกาสเคนก็รีบพูด​กับเธออย่างดีว่า "คุณหนูครับ​ ผมเข้าใจดีว่าคุณหนูมีเหตุผล​ที่ไม่อยากให้คุณกรเลี้ยงมันไว้บนต ึก มันยังเล็กยังไม่รู้ประสาอะไร​ มันอาจ​จะเพ่นพ่าน​ไปทั่วตึก กัดโน่นกัดนี่จนเสียหายหรือทำสกปรก ...​"
หญิงสาวพูดขัดเสียงแข็งขึ้น​มาก่อน​ที่​เขา​จะพูดจบว่า " ไม่ใช่เฉพาะ​ที่บนตึกนี้เท่านั้น​ ​ที่ไหน​ที่ไหนก็เลี้ยงไม่​ได้ "

​ความจริงทิพย์สุรางค์ไม่​ได้ตั้งใจ​จะทำถึงขนาดนั้น​หรอก ​แต่​เมื่อรู้สึกว่า​เคนทำ​เป็นเจ้าหน้าเจ้าตาช่วยแอบ​เอาลูกสุนัขตัวนั้น​​ไปเลี้ยงให้กร เหมือนหักหน้าไม่สนใจคำสั่งของเธอ ๆ​ ก็เลย​​ต้องสำแดงอำนาจให้​เขาเห็นเสียบ้าง ​ส่วนเคน​กำลังคิดว่าเธอเหมือนเด็กเกเร​ที่​ต้องการ​เอาชนะ​เขา​และกร ​ถ้าพูดกันอยู่​ในลักษณะนี้ก็คง​ไปไม่ถึงไหน ​เพราะเธอทำราว​กับในนิทานเรื่อง​หมาป่า​กับลูกแกะ ไม่​ได้เรื่อง​โน้นก็​เอาเรื่อง​นี้ ไล่ต้อน​ไปเรื่อยๆ​ จนใน​ที่สุดลูกแกะอย่าง​เขาก็คง​ต้องยอมจำนน ​เพราะขี้เกียจแก้ตัว

​เมื่อตัดสินใจแล้ว​ว่า​จะรุกเธอบ้าง เคนก็กล่าวด้วยเสียงสุภาพเหมือนเคยว่า "คุณหนูก็คงรู้ว่าคุณกร​เป็นเด็ก​ที่มีน้ำใจ ขี้สงสาร​และเห็นอกเห็นใจคนอื่น ​ที่​เขาอยาก​จะเลี้ยงลูกหมาตัวนั้น​ก็​เพราะสงสารอยาก​จะช่วยมันเท่า นั้น​เอง มันคงพลัดหลง​กับแม่ของมัน คุณหนูสั่งให้​เขา​เอามันกลับ​ไปปล่อยไว้​ที่เดิม มันก็อาจ​จะอดตายหรือไม่ก็ถูกรถทับตาย​ได้ ​ซึ่งผมคิดว่าคนมีเมตตาอย่างคุณหนู​ที่เคยช่วยชีวิตผม​เอาไว้ คง​จะทนเห็นมัน​เป็นแบบนั้น​ไม่​ได้ "

ทิพย์สุรางค์จ้องหน้าชายหนุ่มเขม็ง เธอ​กำลังสงสัยว่า​เขา​จะมาไม้ไหน​กับเธอ หรือ​เขารับอาสา​เป็นนายหน้าของกรมาเกลี้ยกล่อมเธอเรื่อง​ลูกหมาตั วนั้น​ ​แต่​เมื่อ​ได้ยินประโยคท้ายๆ​ของ​เขา​ที่พูดถึง​ความเมตตาของเธอ ทำให้หญิงสาวละอายใจ ​ความจริงเธอไม่​ได้นึกรังเกียจรังงอนเจ้าลูกหมาตัวนั้น​นักหรอก เธอเพียง​แต่หมั่นไส้กร​ที่ทำอะไร​​โดยพลการไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตเ ธอก่อน อยู่​ๆ​ ก็หอบมันขึ้น​มาบนตึกแล้ว​ประกาศว่า​จะเลี้ยงมัน เธอไม่รู้ว่ากรตั้งใจ​จะเลี้ยงมันไว้​ที่ไหน ​แต่​ถ้า​จะเลี้ยงไว้บนตึกเธอก็ไม่เห็นด้วย อย่างดีก็ให้มันอยู่​นอกตัวตึกตรงไหนสักแห่งก็​ได้ นอกจากนี้เธอยังโมโหกร​ที่รั้น​จะ​เอาชนะ​โดยไม่ฟังเสียงเธอเลย​ ทำให้เธอโกรธแล้ว​หลุดปากว่า​เขา​ไปแรงๆ​ จนกรร้องไห้ แล้ว​อุ้มลูกหมาตัวนั้น​วิ่งผลุนผลันหายออก​ไปจากตึก เดือดร้อนถึงคนในเวียงพุกาม​ต้องวุ่นวายเ​ที่ยวตามหา​เขา ​เมื่อเด็กชายวิ่งหาย​ไปแล้ว​เธอก็​ต้องมานั่งกังวล​และเสียใจ ​กับคำพูด​โดยไม่​ได้ตั้งใจของตัวเอง

​ส่วนเคน​เมื่อเห็นสีหน้าของทิพย์สุรางค์ก็รู้ว่าคำพูดของ​เขา​ได้ผล ​ที่สะกิดเตือนเธอให้ละอายใจ​ที่ละเลย​​ความเมตตา​ที่​เขารู้ว่าเธอมีอยู่​เต็มเปี่ยม ​แต่ทิพย์สุรางค์ก็​คือทิพย์สุรางค์นั่นแหละ​ ไม่มีทางเสียละ​ที่เธอ​จะยอมแพ้กรหรือ​เขาง่ายๆ​

" แล้ว​นายคิดว่าฉันควร​จะเมตตา จน​ต้องยอมให้นายกร​เอามันขึ้น​มาเลี้ยงถึงบนตึกเชียวหรือ ? " เธอทำเสียงแข็งเหมือน​จะปราม​เขาอยู่​ในที

​เมื่อ​ได้โอกาส​ที่เธอเปิดให้​จะ​โดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เคนก็รีบเสนอว่า " ผมเองก็ไม่เห็นด้วย ​ถ้าคุณกร​จะเลี้ยงมันไว้บนตึก ​เอาอย่างนี้ดีไหมครับ​ ผม​จะช่วยเลี้ยงมันไว้​ที่บ้านตาเป็ง มันคงนอนตรงไหนก็​ได้แถวๆ​ลานปูน ผม​กับตาเป็ง​จะช่วยกันดูแลมันไม่ให้วุ่นวาย​ไป​ที่ไหน สักพักหนึ่ง​พอมันโตแล้ว​ก็อาจ​จะ​เอามัน​ไปไว้แถวเรือนพักคนงาน ​ที่นั่นมีสุนัขหลายตัว "

ทิพย์สุรางค์รู้สึกโล่งใจ​ที่เคนมีทางออกให้ ​โดย​ที่เธอไม่​ต้องเสียหน้า ​แต่​เพื่อไม่ให้​เขาย่ามใจนึกว่าเธอยอมเชื่อ​เขา หญิงสาวก็สะบัดเสียงตอบราว​กับไม่เต็มใจอนุญาตว่า " ก็แล้ว​​แต่นาย นายอยาก​จะรับภาระเลี้ยงลูกหมาตัวนั้น​ก็ตามใจ ฉันไม่เกี่ยว อย่าให้มันมาวุ่นวาย​ที่ตึกใหญ่นี่ก็แล้ว​กัน "

พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้น​จากเก้าอี้​ที่นั่งอยู่​ ทำท่าเหมือน​จะเดินออก​ไปจากห้อง ​แต่เคนหยุดเธอไว้ " ผมขอเวลาสักครู่​ได้ไหมครับ​? ​ถ้าคุณหนูไม่มีธุระ​ที่อื่น"
ทิพย์สุรางค์มองหน้าเคนอย่างสงสัย รีรออยู่​เดี๋ยวหนึ่ง​ก็ยอมนั่งลง​ไปตามเดิม " มีธุระอะไร​อีก? มีอะไร​ก็รีบๆ​ ว่า​ไป ฉันไม่มีเวลา​ทั้งวันมาฟังเรื่อง​ไร้สาระจาก​ใครหรอกนะ "

ชายหนุ่มลังเลอยู่​เหมือนกันว่าควร​จะพูดดีหรือไม่ ​เพราะแน่ใจว่าเธอ​จะ​ต้องโกรธแน่ ​ถ้า​ได้ยินสิ่ง​ที่​เขา​กำลัง​จะพูด ​แต่เคนก็คิดว่าควร​จะสะกิดเตือนเธอ​เอาไว้บ้างให้นึกถึงจิตใจของกร

" คุณหนูฟังแล้ว​อาจ​จะโกรธผมก็​ได้ ​ที่บังอาจพูดเรื่อง​​ที่คุณหนูไม่อยากฟัง ​แต่ผมก็ยังอยากพูดอยู่​ดีแหละ​ "

ทิพย์สุรางค์ขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่า​เขามีอะไร​​จะพูด​กับเธออีก เรื่อง​ลูกหมาก็จบ​ไปแล้ว​ อีกอย่าง ทำไม​ต้องมาทำออกตัวว่าเธอคง​จะโกรธอีก " มีอะไร​ก็พูดมา ไม่​ต้องมาทำดักคอกลัวฉันโกรธหรอก ​ถ้านายไม่อยากให้ฉันโกรธ ก็ควร​จะพูด​แต่เรื่อง​​ที่แน่ใจว่า​จะไม่ถูกฉันโกรธสิ "
" ผมอยาก​จะพูดเรื่อง​คุณกรน่ะครับ​ " เคนเห็นทิพย์สุรางค์ชักสีหน้าแสดง​ความไม่พอใจออกมาทันที
" ทำไม เรื่อง​นายกร​เป็นยังไง ? แล้ว​ทำไมฉัน​ต้องโกรธ ? "
" ผมทราบว่าคุณกร​เป็นเด็ก ​ที่คุณพ่อของคุณหนู​เอามาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กๆ​ ​เพราะพ่อแม่​เขาตายหมด "
" แล้ว​ไง เกี่ยวอะไร​​กับนายด้วยล่ะ ? " เธอพูดขัดขึ้น​มาทันที

ชายหนุ่มพูดต่อ​ไป ​แม้​จะเห็นทิพย์สุรางค์ทำหน้าบึ้งใส่​เขา คิดว่าไหนๆ​ พูดแล้ว​ก็คง​ต้องพูดให้จบ ​แม้เธอ​จะคิดว่า​เขาแส่ไม่เข้าเรื่อง​ก็ตาม " ผมเพียง​แต่​จะบอกคุณหนูว่า ผมชื่นชมว่าคุณดนัย​และคุณหนู​เป็นคนดีมีเมตตา ​ที่ช่วยอุปการะคุณกร ​ทั้งๆ​ ​ที่ไม่​ได้​เป็นญาติกันเลย​ คุณกรมี​ความ​เป็นอยู่​​ที่ดี ​ได้เรียนหนังสือโรงเรียนดีๆ​ เรื่อง​นี้คุณกรคุยให้ผมฟังบ่อยๆ​ ​เขารัก​และชื่นชมคุณหนูมาก "

คราวนี้ทิพย์สุรางค์ยอมฟังเงียบๆ​ สีหน้า​ที่ขมึงตึงอย่างไม่สบอารมณ์ของเธอคลายลง ทำให้เคนกล้าพูดต่อ​ไปว่า " ถึง​จะ​เป็นเด็ก​ที่ล้น​ไปหน่อย​​แต่​เขาก็จริงใจ ​เขาพูด​กับผมบ่อยๆ​ ว่า​เขารักเวียงพุกามมาก คิดว่ามัน​เป็นบ้านของ​เขาด้วยเหมือนกัน คุณกร​เป็นเด็กฉลาดอารมณ์ดี ผมไม่ค่อยเห็น​เขาโกรธหรือไม่พอใจ​ใคร ​แต่ลึกๆ​ลง​ไปผมคิดว่า​เขา​เป็นเด็กว้าเหว่ ​เขาชอบเรียกร้อง​ความสนใจจากคนอื่นก็​เพราะ​เขา​ต้องการ​ความรัก​ความ สำคัญจากคน​ที่​เขารัก คุณกรขาด​ความรักของพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก ​เขาก็คง​ต้องมองหา​ใครสักคนหนึ่ง​มา​เป็นตัวแทน​ซึ่งก็คง​เป็นคุณหนูน ั่นแหละ​ ​เพราะคุณหนู​เป็นผู้หญิง​และอยู่​ใกล้ชิด​เขามากกว่าคนอื่น "

ฟังคำพูดของเคนแล้ว​ทิพย์สุรางค์ก็นึกรู้ทันทีว่า กรคงเล่าเรื่อง​​ที่เธอว่า​เขาให้เคนฟังแล้ว​ ​แม้​จะนึกโกรธกร​ที่​เอา​ไปเล่าให้ชายหนุ่มผู้นี้ฟัง ​แต่อีกใจหนึ่ง​เธอก็รู้สึกละอาย​ที่ว่ากรเช่นนั้น​ ​ทั้งๆ​ ​ที่ใจจริงเธอไม่เคยคิด​จะส่ง​เขา​ไปให้ญาติของ​เขาหรือ​ใคร​ที่ไหนทั้ งนั้น​ ​เพราะเธอเองก็เอ็นดู​เขามากเหมือนกัน ​แต่​จะห้ามไม่ให้เธอดุว่าเคี่ยวเข็ญ​เขาก็คง​เป็น​ไปไม่​ได้

" ​เขาคงเล่าให้นายฟังหมดแล้ว​สินะ คงกล่าวหาฉันเสียๆ​หายๆ​ "

เคนรีบค้านทันที ​เพราะกลัวว่าเธอ​จะเข้าใจผิดจนโกรธกรมากขึ้น​กว่าเดิม "คุณหนูอย่าเข้าใจผิด คุณกรเล่าให้ผมฟังจริง ​แต่​เขาไม่​ได้ว่าอะไร​คุณหนูเลย​ ​เขาเพียง​แต่น้อยใจเสียใจ คิดว่าคุณหนูเกลียด​เขาจนไม่อยากให้​เขาอยู่​​ที่นี่เท่านั้น​ คุณหนูไม่ทราบหรือครับว่า​คุณกรน่ะรักเคารพคุณหนูมาก คนเรามัก​จะไม่ใส่ใจหรือให้​ความสำคัญ​กับคำพูดของคน​ที่เราไม่​ได้ร ักหรอกครับ​ "

" แล้ว​นายคิดว่าฉันควร​จะทำยังไง​กับนายกร ​ถ้านาย​เป็นฉันนาย​จะปล่อยให้​เขาทำอะไร​ตามใจชอบ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่เคารพกฏเกณฑ์กติกาของสังคมยังงั้นหรือ? "

" ผมเห็นว่าคุณหนูทำถูกแล้ว​ละครับ​ การเลี้ยงเด็กผู้ชายก็​ต้องเข้มงวดบ้าง ตึงหรือหย่อนเกิน​ไปก็ไม่ดี ผมรู้ว่าบางครั้ง​เขาก็ทำให้คุณหนูโกรธ ​แต่​ส่วนใหญ่​เขาคงไม่​ได้ตั้งใจหรอก ผมรู้ว่าคุณหนูไม่​ได้เกลียด​เขา บางครั้งถึงคุณหนู​จะดุว่า​เขาด้วย​ความหวังดี ​แต่​เขาอาจ​จะยังไม่เข้าใจเจตนาดีของคุณหนู ​ถ้าคุณหนูให้​ความสำคัญ​กับ​เขาบ้าง​เขาก็คง​จะรู้สึกอบอุ่นขึ้น​ แล้ว​ค่อยๆ​ปรับตัวเอง​ไปเรื่อยๆ​ ​ความรัก​ความเมตตาของคุณหนูต่อ​เขา ​จะช่วยให้​เขา​ได้เติบโต​เป็นผู้ชาย​ที่ดี​และเข้มแข็งในวันข้างหน้า " ​เขาอธิบายด้วยเสียงอ่อนๆ​นุ่มนวล

ทิพย์สุรางค์นึกอยาก​จะโกรธเคน​ที่ทำเหมือนสั่งสอนเธอ ​แต่​ความรู้สึกผิดต่อกร​ที่ดุว่า​เขาแรงๆ​จนน้ำตาตกยังมีอยู่​ วิธีพูด​และสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผู้นี้ขณะ​ที่​กำลังชี้แจงก็สุ ภาพอ่อนโยน ​เขาไม่​ได้ปรักปรำว่าเธอ​เป็นฝ่ายผิดหรือเห็นว่ากรทำถูกแล้ว​ ​เขาเพียง​แต่พยายามชี้แจงสิ่ง​ที่​เขามองเห็นให้เธอฟังเท่านั้น​ ทำให้เธอโกรธไม่ลง

" ​เอาละ เข้าใจแล้ว​ ​ที่นาย​จะพูดมีแค่นี้เท่านั้น​ใชไหม ? "
" ครับ​ " พูดจบเคนก็ลุกขึ้น​ยืน ก้มศรีษะให้เธอนิดหนึ่ง​แล้ว​ก็เดินเงียบๆ​ออกจากห้อง​ไป

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3251 Article's Rate 44 votes
ชื่อเรื่อง เวลาที่หายไป --Series
ชื่อตอน หมาป่ากับลูกแกะ??? --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง ดอยสะเก็ด
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๘๔ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๖ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๒๑๓
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : wadee [C-17482 ], [113.53.188.129]
เมื่อวันที่ : ๐๕ ก.ย. ๒๕๕๓, ๒๒.๓๑ น.

อย่าพลาดอ่านตอนต่อ​​ไปนะคะ​​ ฮิฮิ

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : Rotjana Geneva [C-17484 ], [193.134.193.5]
เมื่อวันที่ : ๐๖ ก.ย. ๒๕๕๓, ๑๕.๐๒ น.

สองหนุ่มสาวนี่ชัก​​จะใกล้ชิดกันเข้า​​ไปเรื่อย ๆ​​ แบบใกล้เข้า​​ไปอีกนิด - ชิดเข้า​​ไปอีกหน่อย​​

เขียนสนุกขึ้น​​เรื่อย ๆ​​ นะคะ​​

อยากเห็น​​ความคืบหน้าของ "เคน" ค่ะ​​ ​​เมื่อไร​​จะเปิดเผยประวัติเอ่ย

เช่นเคยค่ะ​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : wadee [C-17486 ], [125.24.225.73]
เมื่อวันที่ : ๐๗ ก.ย. ๒๕๕๓, ๒๐.๔๑ น.

ใกล้​​จะรู้​​ที่มา​​ที่​​ไปของเคนแล้ว​​ละค่ะ​​ คุณรจ ​​แต่​​จะไม่ลองเดาสักหน่อย​​หรือคะ​​ อุตส่าห์เผย​​เอาไว้แล้ว​​อย่างละนิดละหน่อย​​ ฮิฮิ

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : นาม อิสรา [C-17506 ], [110.49.193.186]
เมื่อวันที่ : ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓, ๒๑.๑๗ น.

มี​​กำลังใจขึ้น​​อีกโขใช่ไหมครับ​​?
สุขใดของคนเขียนหนังสือ​​จะเทียบเท่า​​เมื่อรู้ว่างานของเรามีผู้ติดตามอ่าน
ขอให้ประสพ​​ความสำเร็จ ​​และ​​ได้ตีพิมพ์จำหน่ายในเร็ววัน

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๕ : wadee [C-17507 ], [113.53.158.229]
เมื่อวันที่ : ๑๑ ก.ย. ๒๕๕๓, ๑๓.๑๖ น.

ขอบคุณนามมากๆ​​เลย​​ค่ะ​​สำหรับคำแนะนำ ​​แต่รู้มาว่าช่วงนี้ (​​และคงอีกนาน)สำนักพิมพ์​​ส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่อง​​​​ที่ออกแนวดราม่า ​​เพราะคงขายยาก ตอนนี้​​ต้องการพิมพ์​​แต่หนังสือแนววัยรุ่น​​และแนวโรมานซ์ ​​เพราะตลาด​​ต้องการ ก็คง​​ต้องรอต่อ​​ไป ​​ส่วนเรื่อง​​​​กำลังใจ รู้สึกอบอุ่นมากค่ะ​​​​ที่มีคนติดตามอ่านพอสมควร ​​ต้องขอขอบคุณๆ​​นาม​​และ​​เพื่อนๆ​​​​ที่ติดตามอ่าน​​และติชม​​เป็น​​กำลังใจค่ะ​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๖ : Rotjana Geneva [C-17511 ], [193.134.193.5]
เมื่อวันที่ : ๑๓ ก.ย. ๒๕๕๓, ๒๑.๓๙ น.

รจนาว่าเรื่อง​​แนวนี้ตลาดก็ยัง​​ต้องการอยู่​​นะคะ​​ ขอให้เขียนต่อ​​ไปจนจบก่อนแล้ว​​กันค่ะ​​

่​​ส่วนเคน​​คือ​​ใครนี่ยังเดาไม่​​ได้เลย​​ค่ะ​​ รู้​​แต่ว่าคงมีพื้นฐาน​​ความ​​เป็นมา​​ที่ดี คง​​จะ​​เป็นนักต่อสู้คนหนึ่ง​​ จากฝีมือหมัดมวย​​และการ​​ใช้ปืน

ไม่เดาต่อละ คอยตามอ่านดีกว่า ตื่นเต้นดี



แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น