นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕
เวลาที่หายไป #5
ดอยสะเก็ด
...ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น​​เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงโค้งลำธาร​ที่เริ่มตีโค้งแล้ว​หายลับเข้า​ไปในป่าจนมองไม่เห็น ​เนื่องจากชายฝั่งลำธารอยู่​ต่ำเคนจึงปีนขึ้น​​ไปบนโขดหินใหญ...

ตอน : ตอนที่ 5 - คนจรหมอนหมิ่น

ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น​​เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงโค้งลำธาร​ที่เริ่มตีโค้งแล้ว​หายลับเข้า​ไปในป่าจนมองไม่เห็น ​เนื่องจากชายฝั่งลำธารอยู่​ต่ำเคนจึงปีนขึ้น​​ไปบนโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่ง​​เพื่อมองหาทางกลับ​ไป​ที่พัก ​เมื่อโผล่ขึ้น​​ไป​ได้ครึ่งตัว​เขาก็เห็นตึกหลังใหญ่สีหม่นๆ​อยู่​ไม่ไกลมากนักจาก​ที่​เขายืนอยู่​ มันตั้งอยู่​บนเนินสูงล้อมรอบด้วยต้นไม้ เห็น​แต่เฉพาะบาง​ส่วนของตัวตึก​ที่โผล่อยู่​​ระหว่างแนวไม้

ตอนแรก​เขาคิดว่า​จะปีนขึ้น​​ไปบนชายฝั่ง​ที่สูงกว่าตรง​ที่ยืนอยู่​ ​เพราะน่า​จะมีถนนหรือทางเดิน​ที่​จะนำกลับ​ไปสู่บ้านพักของตาเฒ่าเป็ง​ได้ ​แต่​เมื่อมองสำรวจอยู่​ครู่หนึ่ง​ชายหนุ่มก็คิดขึ้น​มา​ได้ว่ามันคง​จะไม่เหมาะนัก ​ถ้ามี​ใครมาเห็น​เขา​ซึ่งไม่​ได้​เป็นคนของเวียงพุกาม เ​ที่ยวเดิน​ไปมาตามใจชอบ เคนกระโดดลงจากโขดหิน เดินเลียบฝั่งลำธารย้อนกลับ​ไปตามทาง​ที่เดินมา ครึ่งชั่วโมง​ต่อมา​เขาก็มาถึงกระท่อมของเฒ่าเป็ง ​ซึ่งขณะนั้น​เจ้าของ กระท่อม​กำลังกวาดลานหน้าบ้านอยู่​

" อ้อ..คุณ ตื่น​แต่เช้า​ ​ไปไหนมาหรือครับ​ " แกทัก​เมื่อเคนเดินเข้ามาถึงตัว
" ผม​ไปเดินเล่นแถวลำธารใกล้ๆ​นี่แหละ​ "
" คุณหิวหรือยังล่ะ อีกสักครู่เด็ก​จะ​เอาอาหารมาส่ง ผมทานวันละสองมื้อ ​ถ้าคุณทานสามมื้อเดี๋ยวผม​จะสั่งโรงครัวให้ "
" โอ๊ะ ไม่​เป็นไรหรอกครับ​ ลุง " เคนรีบปฏิเสธ " ผมทานสองมื้อเหมือนลุง​ได้ " แล้ว​​เขาก็ถือโอกาสซักถามแกว่า " ​ที่เวียงพุกามนี่เลี้ยงอาหารคนงานหมดทุกคนเลย​หรือครับ​ ? "

" อ๋อ เปล่าหรอก พวกคนงาน​ที่มีครอบครัว​เขาก็หุงหากันเอง ท่านให้เฉพาะข้าวสาร เบิก​ได้ไม่จำกัด " แกเล่าอย่างโอ้อวด​ความเมตตาของเจ้านาย " ​ส่วนพวกคนแก่คนเฒ่า​ที่ไม่มีลูกหลาน​จะช่วยหุงหาให้กิน ท่านก็เมตตาให้​ไปกิน​ได้​ที่โรงครัวทุกมื้อ ​ทั้งท่าน​และคุณหนูแสน​จะใจดีมีเมตตา " ตาเป็งปล่อยมือจากไม้กวาด​ที่ยังถืออยู่​ ยกสองมือขึ้น​พนมเหนือศรีษะ

ท่าทาง​ที่เหมือน​จะมีคำถามของเคนทำให้ชายชรารีบอธิบายต่อ " สำหรับผมนี่ท่านยกเว้นให้ คุณหนูกรุณาสั่งให้เด็ก​ที่โรงครัวจัดอาหารมาให้ผม​ที่นี่ทุกมื้อ ตั้งแต่​ที่เธอกลับมาอยู่​บ้าน เธอเห็นว่าผมอายุมากแล้ว​ แข้งขาไม่ค่อยดี แล้ว​โรงครัวก็อยู่​ไกลจาก​ที่นี่มาก "

ชายชราเดินตามเคนเข้ามาในบ้าน ​ไปหยุดอยู่​​ที่ฝาบ้านด้านหนึ่ง​​ซึ่งมีชั้นไม้ยึดติด​กับผนังด้วยโซ่เล็กๆ​สองด้าน บนชั้นมีขวดพลาสติกใส​และกระป๋องนมเล็กๆ​หลายใบวางเรียงกันอยู่​ แกเอื้อมมือ​ไปหยิบอะไร​บางอย่างนำมาวางเรียงลงบนโต๊ะตัว​ที่​ใช้​เป็น​ที่รับประทานอาหาร​เมื่อคืน​ที่ผ่านมา

"คุณทานกาแฟหรือเปล่า ผมพอมีติดบ้านอยู่​บ้าง ​แต่​เป็นกาแฟทางเมืองเหนือของเรา ไม่ทราบคุณ​จะทาน​ได้ไหม ? "

เคนมองตามมือของตาเป็งแล้ว​ก็เห็นกระป๋องนมข้น ขวดพลาสติกใส​ที่มีน้ำตาลทรายแดงอยู่​ประมาณครึ่งขวด​และขวดกาแฟ​ที่แกนำมาวางลงบนโต๊ะ แล้ว​​โดยไม่รอคำตอบจาก​เขา ชายชราเอื้อมมือหยิบถ้วยดินเผาทรงสูงมีหูจับจากชั้นวางของสองใบมาวางลงบนโต๊ะ ​ใช้ช้อนกินข้าว​ซึ่งวางอยู่​ใกล้ๆ​ ตักกาแฟจากขวดใส่ลง​ไปในถ้วย ถ้วยหนึ่ง​ใส่กาแฟเต็มช้อน​ส่วนอีกถ้วยหนึ่ง​เพียงครึ่งช้อน แล้ว​รินน้ำจากกระติกน้ำร้อนใบเล็ก​ซึ่งเคนเพิ่งเห็นว่าวางอยู่​บนมุมหนึ่ง​ของโต๊ะลง​ไป ชายหนุ่มสังเกตว่าแกไม่​ได้เติมน้ำตาลหรือนมข้นลงในถ้วยกาแฟเลย​

เฒ่าเป็งส่งกาแฟถ้วย​ที่มีกาแฟผสมอยู่​เพียงครึ่งช้อนโต๊ะให้​เขา ถือกาแฟถ้วย​ที่เหลือเดิน​ไปนั่ง​ที่ม้ายาวหน้าห้อง​ซึ่งอยู่​ไม่ไกลจากโต๊ะ​ที่อยู่​กลางห้อง

" ผมชอบกาแฟขมๆ​ ไม่ใส่น้ำตาล " แกอธิบาย " ของคุณผมก็ชงแบบเดียวกัน ​ถ้า​ต้องการน้ำตาลหรือนม ก็เติม​เอาเองเลย​นะ "

เคนถือถ้วยกาแฟเดินตาม​ไป " ไม่​เป็นไรครับ​ "

​เมื่อดื่มกาแฟหมดแล้ว​ชายหนุ่มก็ฉวยถ้วยกาแฟของตาเป็ง ​ซึ่งตอนนี้ไม่มีกาแฟเหลืออยู่​แล้ว​​ที่แกวางไว้ข้างตัวบนม้านั่งขึ้น​มา เดินออก​ไปตรงก๊อกน้ำ​ที่​เขาเห็นมีอยู่​ใกล้ตัวบ้าน ลงมือล้างถ้วย​ทั้งสองใบจนสะอาดหมดจด นำ​ไปวางคว่ำลงบนตะแกรงเล็กๆ​​ที่วางอยู่​แถวนั้น​ ตาเฒ่าเป็ง​ซึ่งยังนั่งอยู่​​ที่เดิม เฝ้ามองตามทุกอิริยาบถของ​เขาอย่างเงียบๆ​​โดย​ที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว

" ตอนอยู่​บ้าน เช้า​ๆ​อย่างนี้คุณทานอะไร​ ? " แกเริ่มเลียบเคียง

เคนขยับ​จะตอบว่า "ผมไม่รู้ ผมจำไม่​ได้" อย่าง​ที่เคยตอบ​ใครต่อ​ใคร​เป็นประจำตั้งแต่ฟื้นขึ้น​มา ​แต่แล้ว​ก็เปลี่ยนใจ ​เขาเริ่มคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไร​​ที่​จะตอบเช่นนั้น​อีกต่อ​ไป​โดยไม่จำ​เป็น ​เมื่อตัดสินใจ​ที่​จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว​​เขาก็​ต้องเดินหน้าต่อ​ไป ดีกว่าทำตัว​เป็นภาระ​ซึ่งอาจดูน่าเวทนาในสายตาของคนอื่น

ชายหนุ่มจึงตอบแกแบบ​ที่ควร​จะตอบ " ผมทานง่าย กาแฟหรือข้าวผมก็ทาน​ได้​ทั้งนั้น​ ลุงไม่​ต้องห่วง "
" ดี ดี เลี้ยงง่ายดี แบบนี้อยู่​ด้วยกัน​ได้ " แล้ว​ตาเป็งก็ชวนคุยต่อ​ไปว่า " วันนี้เดิน​ไปถึงไหนล่ะ ? "
" ผมเดินเลียบลำธารข้างล่างนี่​ไปจนถึงตึกใหญ่​ที่อยู่​บนเนินสูง ไม่ทราบว่า​เป็นตึกอะไร​ "
"อ๋อ ตึกใหญ่​ที่ท่านอยู่​​กับคุณหนู " ชายชราตอบแล้ว​พยายามเลียบเคียงต่อ​ไปว่า " คุณคงรู้จักท่าน​กับคุณหนูมานานแล้ว​สินะ "
สีหน้าของเคนดูว่างเปล่า​เมื่อตอบว่า " ยังไม่รู้จักเลย​ครับ​ ลุงก็รู้ว่าผมเพิ่งมา​เมื่อคืนนี้เอง "
" เออ จริงสิ ว่า​แต่ว่าคุณชื่ออะไร​ล่ะ ? คุยกันตั้งนานยังไม่รู้เลย​ "
" เรียกผมว่าเคนก็แล้ว​กัน "

ชายหนุ่ม​กำลังคิดว่า​เขาอาจ​จะ​ต้องอยู่​​ที่เวียงพุกามนี้ต่อ​ไป ​ซึ่งก็ไม่รู้ว่า​จะอีกนานแค่ไหน ดังนั้น​​เขาก็ควรรู้ข้อมูล​ที่จำ​เป็นเกี่ยว​กับเวียงพุกาม​และบุคคล​ที่เกี่ยวข้องบ้างพอสมควร ​เพื่อการปรับตัวเองของ​เขา ​ถ้าถามหนานคำอาจ​จะไม่​ได้คำตอบ หรือไม่ก็อาจ​จะทำให้หนานคำระแวงสงสัย​เขามากขึ้น​ ​ส่วนตาเฒ่าเป็งคนนี้ท่าทางแกง่ายๆ​​และดูจริงใจพอ​ที่​เขา​จะซักถาม​ได้ ​โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือ​ต้องหวาดระแวง​ซึ่งกัน​และกัน

"คุณมาเ​ที่ยวหรือมาทำงานล่ะ ? " ตาเป็งหาทางซักไซ้ต่อ ถึง​จะเห็นว่าหน้าตาท่าทางของ​เขาสุภาพ ไม่น่า​จะ​เป็นคนร้ายอย่าง​ที่หนานคำกลัว ​แต่แกก็ไม่ไว้ใจ ทุกวันนี้มีคนหน้าตาท่าทางดีหลายคน​ที่ปรากฏในภายหลังว่า​เป็นคนร้าย

" หนานคำบอกว่าอาจ​จะมีงานให้ผมทำ " เคนตอบแบบเลี่ยงๆ​ ​เพราะไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นั้น​เล่าเรื่อง​ของ​เขาให้แกฟังมากน้อยแค่ไหน แล้ว​ก็ชวนแกคุยต่อ​ไปว่า " ดูเหมือนเวียงพุกามนี่​จะกว้างขวางใหญ่โตมาก ตอนนั่งรถเข้ามาจากปากทาง กว่า​จะเข้ามาถึง​ที่นี่ก็นานพอดู "

" โฮ๊ย กว้างขวางใหญ่โตเชียวละ ​ที่ดินของเวียงพุกามนี่หลายพันไร่ละมัง กินอาณาเขต​ไปถึง​เขาสูงข้างหลังโน่น อีกด้านหนึ่ง​ก็ติดลำธาร​ที่ไหลมาจากเทือก​เขาสูง​ที่อยู่​ไกลออก​ไปพู้น ​ส่วนด้านโน้นก็​ไปเกือบถึงชายแดน" แกคุยโอ่อย่างภาคภูมิใจราว​กับ​เป็นเจ้าของเสียเอง " หมู่บ้านเล็กๆ​สองสามแห่ง​ที่อยู่​นอกกำแพงโน่นก็อยู่​ในเขต​ที่ดินของเรา ตอนท่านมาบุกเบิก​ที่ดินแถวนี้ก็มีหมู่บ้านพวกนี้อยู่​แล้ว​ รู้สึกว่า​ท่าน​ไปตกลง​กับหลวงยอมให้หมู่บ้านอยู่​ต่อ​ไป ท่านใจดี อนุญาตให้ชาวบ้านทำกินใน​ที่ดินแถวนั้น​​ได้ ไม่​ต้องโยกย้ายออก​ไป ​แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนให้ช่วยกันดูแลแถวนั้น​ไม่ให้​ใครมาตัดไม้ทำลายป่า "

เคนนิ่งฟังเงียบๆ​อย่างตั้งอกตั้งใจ ​แต่ตาเป็งสังเกตเห็น​ได้ว่าถึง​เขา​จะพยายามชวนแกพูดคุย ​แต่บางครั้งดูเหมือนใจ​เขาไม่​ได้อยู่​​กับตัว บางครั้งแววตาของ​เขาเศร้าหมอง​และครุ่นคิด

" ลุงอยู่​​ที่นี่นานแล้ว​หรือครับ​ ? "
" กว่าสามสิบปีแล้ว​ ก่อนโน้นผม​เป็นพรานป่า วันๆ​ก็อยู่​​แต่ในป่า ป่าแถบนี้เลย​​ไปจนถึงชายแดนโน่นผมก็ท่องมาเสียนักต่อนักแล้ว​ "

​เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ สีหน้าของเฒ่าเป็งอิ่มเอิบอย่างมี​ความสุข เหมือนคนชราทั่ว​ไป​ที่มี​ความสุข ​เมื่อ​ได้พูดถึงอดีต​ที่เคยโด่งดัง " ไม่มี​ใครไม่รู้จักผม "

" ผมรู้สึกว่า​​ที่นี่​จะมีคนงานมาก พวก​เขาทำอะไร​กันหรือครับ​ ? "
" ปลูกต้นยาสูบ คุณยังไม่เห็นหรอกหรือ? บนเนินทางด้านโน้นแน่ะ " แกชี้มือออก​ไปทางหนึ่ง​​ซึ่ง​เขาก็ไม่รู้หรอกว่าแกหมายถึง​ที่ไหน " ปลูกเยอะแยะเลย​ หลายเนินติดต่อกันสุดลูกหูลูกตา "
" ยาสูบอย่างเดียวหรือครับ​ ? " เคนชวนแกคุย​ไปเรื่อยๆ​
" ท่าน​กำลัง​จะปลูกใบชาอีกอย่างหนึ่ง​ ​แต่คง​จะ​เป็นอีกด้านหนึ่ง​ทางโน้น " ตาเป็งชี้มืออีก ​แต่คราวนี้​ไปในทิศทางตรงกันข้าม​กับครั้งแรก " ตอนนี้​กำลังจ้างคนมาทำวิจัยอยู่​ เรื่อง​การตลาดหรืออะไร​นี่แหละ​ ผมก็ไม่ค่อยรู้เท่าไรนักหรอก คุณถามทำไมหรือ ? "
" ไม่มีอะไร​หรอกครับ​ลุง ผมเห็น​ที่นี่มีอาณาเขตกว้างขวาง มีคนงานมาก ก็เลย​อยากรู้ว่าทำอะไร​กันบ้างเท่านั้น​ " ชายหนุ่มรีบอธิบาย​เพราะกลัวว่าแก​จะระแวง​เขาขึ้น​มาอีกคน

" ​ที่นี่มีคนงานแยะก็จริง " ชายชรากล่าว "​แต่​ส่วนมากก็​เป็นพวก​ที่ติดสอยห้อยตามท่านมาบุกเบิก​ที่แถวนี้แล้ว​ก็พวกลูกๆ​หลานๆ​ของคนพวกนั้น​ ​ที่เราอยู่​นี่มันห่างไกลชุมชน ​ถ้ามีเรื่อง​ไม่ดีเกิดขึ้น​ก็พึ่งพาเจ้าหน้า​ที่บ้านเมืองลำบาก ท่านจึง​ต้องระวังการรับคนเข้ามาอยู่​ด้วย ดีไม่ดีเกิด​เป็นสายโจรหรือมีคดีติดตัวมา ​จะ​เป็นอันตรายต่อเรา​ได้" เฒ่าเป็ง​ได้โอกาสพูดอ้อมๆ​​เป็นเชิงเตือน​เขากลายๆ​ ​ถ้าคิด​จะทำอะไร​​ที่ไม่ดี

" ลุงครับ​ ผมยังไม่รู้เลย​ว่า​ใคร​เป็นเจ้าของเวียงพุกามนี่ "
" ท่านชื่อคุณดนัย ท่านใจดีมีเมตตามาก คุณใหญ่​กับคุณหนูก็เหมือนกัน "
​เมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าเหมือนสงสัยแกก็ขยาย​ความต่อ " คุณใหญ่​กับคุณหนู​เป็นลูกของท่าน คุณใหญ่ชื่อจริงว่าคุณวุฒิเลิศ ดูแลกิจการของท่านอยู่​​ที่กรุงเทพฯ ​ส่วนคุณหนู​เป็นน้องสาวคุณใหญ่ ผมเห็นคุณหนูมาตั้งแต่เกิด เธอน่าสงสารมาก ตอน​ที่คุณแม่เธอเสียเธอยังเล็กอยู่​เลย​ สักสองสามขวบ​ได้กระมัง" แล้ว​แกก็ย้อนถาม​เขาว่า " คุณเคยเห็นเธอหรือยังล่ะ ? "
" ยังเลย​ครับ​ "
"คุณหนูเธอน่ารัก ขี้สงสาร​และมีเมตตาสูง ลูกจ้างคนไหนเจ็บไข้​ได้ป่วยเธอก็​จะ​ไปดู ​ถ้าอาการหนักหนาสาหัสเธอก็สั่งให้ส่งโรงพยาบาล ออกค่า​ใช้จ่ายให้หมด ไม่​ต้องจ่ายเองสักแดง แล้ว​ตั้งแต่เรียนจบกลับมาเธอก็ไม่ยัก​ไปอยู่​กรุงเทพฯ​กับพี่ชายเธอ กลับมาอยู่​​ที่เวียงพุกามนี่ คุณลองคิดดูซิว่าสาวๆ​สวยๆ​​ความรู้ดีมีชาติตระกูลคนไหน ​จะยอมมาจมปลักอยู่​ใน​ที่ห่างไกล​ความเจริญแบบนี้ ​แต่เธอยอมอยู่​​ที่นี่​เพื่อดูแลคุณพ่อของเธอแทนคุณใหญ่ "

เคนฟังเงียบๆ​คิดไม่ออกเลย​ว่าคุณหนูผู้แสน​จะสูงส่งเลิศเลอในสายตาของตาเป็ง​จะมาเกี่ยวข้องอะไร​​กับ​เขา ตอนนี้​เขาคิด​แต่เพียง​จะทำตัวให้กลมกลืน​ไป​กับคน​ที่นี่ ​เพื่อรอคน​ที่อาจ​จะเคยรู้จัก​เขามาตามหา ​และ​แม้​แต่รอเวลา​ที่​ความทรงจำของ​เขา​จะกลับคืนมาเหมือน​ที่หมอประสพชัยให้​ความหวังไว้ ​เขาจำ​เป็น​ต้องอยู่​​ที่นี่​ไปก่อน ​ถ้าไม่ตามหนานคำมา​ที่นี่​เขา​จะ​ไปอยู่​​ที่ไหน​ได้ ใน​เมื่อ​แม้​แต่ชื่อตัวเองก็ยังไม่รู้จัก

" อยู่​​ที่นี่ลุง​ต้องทำอะไร​บ้างครับ​ ? " เคนเปลี่ยนเรื่อง​

ตาเป็งจุดบุหรี่สูบพ่นควันโขมงก่อน​จะตอบว่า " ​แต่ก่อนผมทำสารพัด ​แต่ตอนนี้ท่านให้ช่วยดูแลสวนกุหลาบของคุณผู้หญิงให้งามเหมือนสมัย​ที่ท่านยังอยู่​ แล้ว​ก็ช่วยอะไร​เล็กๆ​น้อยๆ​ตาม​แต่ท่านหรือคุณหนู​จะสั่ง " แล้ว​จู่ๆ​แกก็ย้อนถาม​เขาว่า " แล้ว​คุณล่ะทำงานอะไร​ ? หนุ่มๆ​ท่าทางดีอย่างคุณคง​จะทำงาน​ที่มีเกียรติ ​ได้เงินเดือนสูงนะ "

เคนอึ้งไม่รู้​จะตอบว่าอย่างไร ชายชราชำเลืองมองหน้าคมคาย​ที่ตอนนี้แดงระเรื่อ แล้ว​ลุกขึ้น​ยืน ยกชายผ้าขาวม้า​ที่คล้องคออยู่​ขึ้น​เช็ดปาก พูดลอยๆ​ว่า

" เชิญคุณตามสบายนะ ผม​จะ​ไปดูไก่​ที่เลี้ยงไว้สักหน่อย​ " แล้ว​แกก็เดินออกจากบ้าน​ไป

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3218 Article's Rate 44 votes
ชื่อเรื่อง เวลาที่หายไป --Series
ชื่อตอน ตอนที่ 5 - คนจรหมอนหมิ่น --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง ดอยสะเก็ด
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๘๐ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๒ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๒๑๓
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : นกหัวขวาน [C-17299 ], [125.25.180.56]
เมื่อวันที่ : ๐๕ ส.ค. ๒๕๕๓, ๑๕.๐๕ น.

อ่ะให้ คนเขียน

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : Rotjana Geneva [C-17311 ], [85.2.66.101]
เมื่อวันที่ : ๐๖ ส.ค. ๒๕๕๓, ๐๓.๒๗ น.

ขอมอบดอกไม้เพิ่มให้ด้วยอีกคนค่ะ​​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น