![]() |
![]() |
pilgrim![]() |
เพราะมันเดินจริง เมื่อยจริง........
ตอน : เที่ยวญี่ปุ่นแบบวุ่นเล็กๆ (13. วิหารย่อยโคโตอิน...ภาพที่เห็นงดงามราวความฝัน)
ออกจากวัดโตฟุคุจิ ตามกำหนดการของหลานปิ๊ก เราควรจะไปเดินเที่ยวตลาดนิชิกิ (Nishiki Ichiba) ซึ่งเป็นตลาดสด ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของเกียวโต" ด้วยความที่ตลาดใหญ่มากพวกเราจึงขึ้นรถเมล์จากวัด มาลงที่ป้าย Shijo Karasuma แต่พลันสะดุดตากับห้างไดมารูเสียก่อน วิญญาณช้อปปิ้งพลันแล่นเข้ามาสิงพี่แจ๊ว น้องอีฟ และพี่เนย ฉันก็เลยได้พลอยตื่นตาตื่นใจไปกับพวกเขาด้วย
จำได้ว่า ตอนเข้ามาสอบเอนทรานซ์ที่สนามสอบจุฬาฯ เพื่อนรักคนหนึ่งก็พาเด็กบ้านนอกอย่างฉันแวะไปเดินห้างไทยไดมารู ที่จัดว่าสุดหรูสำหรับชาวกรุงเทพฯ สมัยนั้น และฉันเองก็เคยขึ้นบันไดเลื่อนเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ห้างไทยไดมารูนี่เอง
เมื่อมาดูห้างไดมารูที่เกียวโต ความหลังครั้งยังเด็กๆ ก็ฟุ้งกระจาย ...ฮ่าๆๆๆ
พวกเราตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ถามพนักงานว่า ในนี้มีร้านอาหารไหม เธอแนะนำให้ขึ้นไปชั้นบน เมื่อพวกเราขึ้นไป จึงได้พบร้านอาหารลักษณะคล้ายๆ Food Court นั่นคือ ต้องซื้อคูปองแล้วหาที่นั่งเอาตามใจชอบ อาหารไม่แพงมาก จานละประมาณ 300-500 เยน (จานละ 100-200 บาท) วิธีสั่งก็ไม่ยาก เพราะร้านอาหารญี่ปุ่น โดยมาตรฐาน จะมีรูปให้ดู ก็ไปชี้ๆ ทำบุ้ยๆ ใบ้ๆ เอาบ้าง ฉันสั่งได้ก๋วยเตี๋ยวผัดหน้าตาและรสชาติ เหมือนราดหน้าเนื้อ จานใหญ่ อร่อยไปอีกมื้อ
พนักงานในห้างหน้าตาเป็นมิตร สาวๆ น่ารัก และให้บริการอย่างสุภาพอ่อนน้อม
เมื่อขึ้นลงลิฟต์ พนักงานสาวสวย คิกขุ คิเรเนะ จะออกมาเชื้อเชิญให้เข้าลิฟต์ พร้อมบอกว่าขึ้นหรือลง (เดาเอาจากกิริยาท่าทาง เพราะเธอบอกเป็นภาษาพี่ยุ่น แฮ่) เมื่อในอยู่ในลิฟต์ เธอก็จะทำการบรรยายสรุป ว่าชั้นต่อไปจะจอดชั้นไหน แล้วชั้นนั้น มีของอะไรขายบ้าง (แหม ทำไมเดาเก่งจัง อิๆๆ เดาได้ตั้งเยอะ)
ลืมเล่าไป วันนี้ แทบจะไม่ได้เดินกับน้องป๊อบเลย เพราะแกงอแง ไม่ค่อยอยากเดิน น้องเขยกับน้องสาว กลัวจะทำให้พวกเราเสียโอกาสในการเที่ยว ก็เลยขอแยกตัว เพราะพ่อแม่ต้องเดินไปแบบตามใจลูก
กินข้าวเย็นเสร็จ เราก็มาเดินชอปปิ้ง พี่แจ๊วซื้อหมวกไหมพรมใบเก๋ไก๋ให้น้องอีฟ ลูกสาว แล้วซื้อร่มให้ตัวเอง ส่วนฉันได้แต่ดู เพราะยังไม่รู้จะซื้ออะไร
ชอบใจแฟชั่นของคนญี่ปุ่น สาวๆ ช่างแต่งตัวกันมาก แต่งแบบหลุดโลก ไม่เกรงใจใครก็มี ส่วนผู้ใหญ่ก็แต่งได้แบบผู้ดีแท้ นั่น คือ เรียบ เฉียบ เก๋ ฉันเคยเรียนตัดเสื้อ ยังชอบแฟชั่นสไตล์สาวออฟฟิศของญี่ปุ่นมาจนกระทั่งบัดนี้ นอกจากนั้น สาวญี่ปุ่นยังชอบสวมหมวก คงเป็นเพราะเขาเป็นประเทศหนาว เลยมีหมวกแบบหลากหลาย สวยงาม
จากนั้น พวกเราก็กลับโรงแรมกัน กิจวัตรประจำวัน คือ อาบน้ำแล้วเอาน้ำมันแก้ปวดเมื่อย มานวดขาก่อนนอน เพราะมันเมื่อยขบทุกวัน ถ้าไม่นวด วันรุ่งขึ้น คงเดินขาลาก
วันต่อมา กำหนดการท่องเที่ยวของพวกเรา คือ วัดไดโตคุจิ (Daitokuji temple) โดยมีเป้าหมายหลัก คือ วัดย่อยโคโตอิน (Kotoin sub temple) ซึ่งสวยติดอันดับ1 ใน 3 ของเกียวโต งานนี้ หลานปิ๊กคัดสรรมาให้เป็นอย่างดี
วัดไดโตคุจิ เป็นวัดใหญ่ ที่มีหลายๆ วัดย่อยถึง 24 วัดรวมกันอยู่เป็นคอมเพล็กซ์ เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ
ถึงแม้จะเป็นวัดใหญ่ แต่เงียบ พวกเราไปกันแต่เช้าตรู่ ยังไม่ค่อยมีคนมา วัดก็ยังไม่เปิดให้เข้า ก็เลยเดินถ่ายรูปกันไปพลางๆ
ชมวัดในยามเช้าอันแสนสงบ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ทางเดินเข้าวิหารโคโตอิน สวยรำไรท่ามกลางใบไม้สีทอง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ใบไม้ร่วงหล่นบนพรมหญ้าเขียว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แต่ละวัดจะมีสวนหิน ที่ทำจากกรวดเล็กๆ เอาคราดมาปรับแต่งให้เป็นรูปต่างๆ ด้วยความซุ่มซ่าม มัวแต่เล็งหามุมถ่ายรูป ฉันเผลอเดินลงไปเหยียบสวนหินของพระซะกรวดกระจาย เป็นรอยรูปพื้นรองเท้าของฉัน หลวงพี่ หลวงพ่ออย่าเพิ่งด่าหนูนะ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ดีว่ายังเช้า เลยไม่มีใครเห็น ไม่งั้น ฉันคงถูกด่าโดยมรรคนายกที่กวาดวัดอยู่แถวๆ นั้น คิดดูเอาแล้วกัน เวลาคนญี่ปุ่นเสียงดัง มันน่ากลัวขนาดไหน
ไดโตคุจิ แท้จริง คือ ชื่อของเนินเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด มีความหมายถึง ภูเขาสมบัติของมังกร (dragon treasure mountain)อิๆๆ มังกรท่าจะรวยนะ
ภูเขานี้เป็นหนึ่งในห้าของภูเขาศักด์สิทธิ์ ที่จักรพรรดิในสมัยโบราณขึ้นอันดับไว้ แต่หลังจากนั้น โชกุนอะชิคากะ ได้ถอดชื่อไดโตคุจิออกจากบัญชีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ด้วยไม่พึงพอใจทางการเมืองเป็นการส่วนตัว ประมาณว่า พระไม่เข้าข้างตัวเอง
นับแต่นั้นมา วัดไดโตคุจิก็เลย การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่สอนพระธรรมอย่างเดียว
สวนสวยในวัด
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ภายในตัวอาคารวัด เป็นบานเลื่อนมีเสื่อปู
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
อ่านจากประวัติวัดๆ หลาย วัด ในเกียวโตแล้วรู้สึกว่า คุณพระ คุณเจ้าสมัยก่อนคงต้องอิงการเมืองเป็นหลัก ในการสร้างอาณาจักรวัดขึ้นมา ดังนั้น จึงมีวัดเก่าแก่หลายๆ วัด ถูกเผาโจมตีด้วยความขัดแย้งทางการเมือง รวมทั้งวัดไดโตคุจิก็เช่นกัน วัดที่เราเห็นปัจจุบัน จึงเป็นวัดที่มีการสร้างบูรณะขึ้นมาใหม่ในภายหลัง
ข้อมูล บอกว่า ปัจจุบันวัดนี้ก็ยังสอนนั่งวิปัสสนา สมาธิในแบบเซน ใครสนใจก็เชิญไปดูลาดเลาได้
หรือถ้าสนใจจะดูใบเมเปิลเปลี่ยนสี ก็ต้องที่วัดโคโตอิน ที่มีบริเวณทางเข้าวัดร่มครึ้ม ลำแสงส่องลอดผ่านกิ่งก้านใบเมเปิล อร่ามเรืองสวยงามราวกับเดินอยู่ในความฝัน
ตะไคร่กับตะเกียงหินโบราณ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แต่ที่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้ ไม่ได้ฝันไป ก็ตอนเดินจนเมื่อยขานี่แหละ
เพราะมันเดินจริง เมื่อยจริง.....
เมื่อวันที่ : ๒๗ ก.พ. ๒๕๕๓, ๒๓.๔๔ น.