![]() |
![]() |
พญาไฟ![]() |
ตอน : กรรมกับเต่า
"กรรมมีจริงนะลูก""ว่าไงนะพ่อ" ฉันถามซ้ำเพราะได้ยินพ่อพูดไม่ค่อยชัด
พ่อเป็นอัมพฤษ์ทำให้การออกเสียงไม่ชัดเจนเหมือนก่อน
"เต่าสี่ตัว พ่อจับพวกมันนอนหงาย ทำดินให้เป็นหลุม แล้วเอามันนอนหงายอยู่ในหลุมนั้น"
พ่อพูด ฉันยังจับใจความไม่ค่อยได้ ไม่เข้าใจว่าพ่อกำลังจะสื่ออะไร
"แล้วไงพ่อ"
"ตอนนี้พ่อถูกขัง จะไปไหนก็ไปไม่ได้ ได้แต่นอนคอยให้ลูกเอาข้าวมาให้ทาน"
ฉันฉุนนิด ๆ ไม่ได้ขังนะ ตั้งแต่พ่อเป็นอัมพฤกษ์ซ้ำครั้งนี้ ฉันเลยเอาพ่อมาอยู่ด้วย พ่อเคยเป็นอัมพฤกษ์ครั้งหนึ่งและรักษาหายแล้ว เดินไปไหนมาไหนได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับมาเป็นซ้ำ ฉันเลยรับพ่อมาอยู่ด้วยเพื่อจะได้ดูแลให้ยาอย่างใกล้ชิด
ฉันดูแลพ่อตั้งแต่ตื่นจนหลับ นี่ฉันยังต้องแอบกลับมาบ้านช่วงกลางวันเพื่อเอาข้าวมาให้พ่อทานด้วย แล้วพ่อจะเอาไงกับฉันอีก ฉันอยากจะเถียงออกไปอย่างนั้น แต่ก็ยั้งปากไว้ ไม่อยากพูดอะไรไม่ดีออกไป ฉันเลยเปลี่ยนคำพูดใหม่
"แล้วพ่อจะให้หนูทำไง หนูไปทำงานก็ต้องล็อกบ้าน"
"พ่อเหมือนเต่า ที่จับมันมานอนหงายไว้ในหลุม มันจะไปไหนก็ไปไม่ได้ มันพลิกตัวเองไม่ได้ พ่อเอาผักบุ้งมาให้มันทาน เหมือนพ่อตอนนี้ แค่จะพลิกตัวลุกขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้ ต้องนอนคอยให้หนูเอาข้าวมาให้ทาน"
ฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพ่อ ฉันจึงค่อย ๆ ถามใหม่
"ตอนนั้นพ่อแกล้งเต่าเหรอ"
"ใช่ พ่อเล่นกับเพื่อน เพื่อนมันยุให้ทำ สนุกกันใหญ่ เราเป็นคนจับเต่ามาหงาย เราเป็นคนทำ กรรมเลยมาอยู่กับเราคนเดียว หนูอย่าไปทำร้ายใครนะ กรรมมีจริงนะลูก ตอนนี้ พ่อกำลังรับกรรมอยู่"
ฉันอื้ง พูดไม่ออก เลยถามไปว่า
"ตอนนั้นพ่ออายุเท่าไร"
"เก้าขวบ"
"แล้วมีเต่ากี่ตัว"
"สี่ตัว" พ่อตอบ
ฉันแอบคิดในใจ ตอนนี้พ่อเป็นอัมพฤกษ์ซ้ำครั้งที่สอง ถ้าเป็นเรื่องกรรมสนองจริง สงสัยพ่อฉันต้องเป็นอัมพฤกษ์อีกสองครั้ง
"เอางี้ละกันพ่อ พ่อนอนว่าง ๆ ทุกวันเนี่ย พ่อก็ทำสมาธิ แล้วแผ่เมตตาให้เต่าพวกนั้นนะ ขออโหสิกรรมจากเค้าซะ นะ แล้วไม่ต้องไปกังวล เรื่องมันผ่านไปแล้ว แผ่เมตตาอย่างเดียวพอ ทำสมาธิมาก ๆ อย่าฟุ้งซ่าน แผ่เมตตาให้เยอะ ๆ ไม่ต้องไปกังวลถึงเรื่องเก่า ๆ นะ เดี๋ยวเกิดปุบปับตายไปตอนที่จิตยังกังวลถึงเต่า ก็จะไปเกิดเป็นเต่าซะ"
ฉันบอกพ่อแกมขู่นิด ๆ อย่างที่เคยทราบมาว่า ในช่วงที่เรากำลังจะตาย หากจิตใจหดหู่เศร้าหมอง ก็จะไปเกิดในที่ทุกขติ แต่ถ้าจิตใจเบิกบานก็จะไปสู่สุขติ พ่อน่าจะรู้อยู่แล้วนะเพราะพ่อฉันบวชเป็นพระมาตั้ง 20 ปีแล้ว ยังไงก็เถอะ ตอนนี้สมองพ่อฉันอาจจะไม่สมบูรณ์เหมือนก่อน ก็ต้องคอยเตือนพ่อไว้
"จ้ะ" พ่อรับคำ แล้วยิ้ม ฉันก็รีบกลับไปทำงานต่อ
.....
ฉันรู้สึกตัว ตื่นขึ้น ตามองไปรอบ ๆ แม่ตื่นก่อนฉันอีก แม่กำลังหุงข้าวอยู่ กี่โมงแล้วนะ แล้วก็เหลือบตามองไปที่นาฬิกา โอ้ ตีห้า สิบห้าแล้ว ลุกดีกว่า
แล้วฉันก็เข้าไปดูพ่อว่าตื่นหรือยัง ปรากฏว่า พ่อฉันกำลังนอนจมฉี่อยู่ที่พื้นข้างเตียง นอนกลับหัวกลับหาง เห็นกำลังเกร็งยกหัวอยู่ โถ นี่เกร็งท่านี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย กี่นาที กี่ชม. มาแล้ว
"พ่อ เกิดอะไรขึ้น" ฉันถามอย่างตกใจ
"พ่อตกเตียงมาได้ไง"
"หนูจำเรื่องเต่าที่พ่อเล่าให้ฟังได้มั้ย เต่ามันไล่ฆ่าพ่อ มันจะทำร้ายพ่อ"
ฉันแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ตกใจก็ตกใจ แต่ก็ขำ
"แล้วไง พ่อเลยวิ่งหนีมันเหรอ"
พ่อหันมายิ้ม แล้วพยักหน้า เอ้อ หนอ คนเป็นอัมพฤกษ์ ตอนตื่นเดินไม่ได้ แต่ตอนหลับกลับวิ่งหนีเต่าซะตกเตียง ว่าแล้วฉันก็จัดการเช็ดฉี่ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้พ่อ แล้วพากลับมานอนบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
"พ่อ แผ่เมตตานะ ขอโทษเขาซะ เค้าจะได้ไม่มาไล่ฆ่า และถ้าเขาจะมาทำร้าย ก็ปล่อยให้เขาทำไปนะ ไม่ต้องวิ่งหนี เค้าจะได้หายโกรธ แล้วพ่อก็ยกโทษให้เค้านะ" จริง ๆ แล้วฉันกลัวพ่อตกเตียงอีก พ่อว่าไง ฉันก็เออออตาม
พ่อมองหน้าฉันอย่างยอมรับ แล้วตอบฉันว่า "จ้า"
"เอาหล่ะเสร็จแล้วพ่อ นอนนะ เดี๋ยวหนูไปซักเสื้อให้"
เสร็จแล้ว ฉันก็ออกมาจากห้องพ่อ แล้วมองดูนาฬิกาอีกที อ้าว เพิ่งจะตีสามครึ่ง ฉันมองเห็นเป็นตีห้าสิบห้าได้ไงเนี่ย เห็นเข็มสั้นเป็นเข็มยาวซะนี่ นี่ถ้าฉันไม่บังเอินตื่นมา พ่อจะต้องนอนอยู่ในทางเกร็งอย่างนั้นไปอีกจนกว่าฉันจะตื่น
ว่าแต่ว่า แม่ฉันตื่นมาทำไมซะตั้งแต่ตีสามเนีย วุ้ย .. นอนต่อดีกว่า มีเวลาอีกตั้ง 2 ชม.
เมื่อวันที่ : ๑๑ ธ.ค. ๒๕๕๑, ๑๔.๑๓ น.
เพิ่งว่างเข้ามาอ่านค่ะ พญาไฟ
เขียนได้น่ารักนะคะ และสอนใจไปในตัวด้วย