![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
..."พอตาผันเห็นเครื่องแบบตำรวจ ที่ผมสวมเท่านั้นแหละครับ แกก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน หยิบเอาปืนพกออกมาจากในห้องยิงผมเปรี้ยงเลยครับ ผมก็เลยยิงส...
ตอน : เงื่อนงำ รมต.
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
"นับว่าตาผันเนี่ยฝีมือแม่นไม่เบา จ่าฉะอ้อนโดนเข้าจั๋งหนับเลยนะเนี่ย ดีแต่ว่าที่นี่อยู่ใกล้มดใกล้หมอ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอีกหลายวันแน่กว่าจะหาย" จ่าทองเปลวคู่หูเอ่ยสรรพยอก
"ผมยังไม่อยากให้ตาผันแกตายหรอก เพราะผมรู้ว่าที่แกยิงผมก็เพราะเข้าใจผิดกันน่ะครับ"
"อ้าว จ่าฉะอ้อนยังไม่ทันได้เจรจากับแกหรอกรึ?"
"ถ้าเจรจากันก่อนผมจะโดนยิงอย่างนี้หรือจ่า?"
"ทีแรกผมนึกว่าจ่าฉะอ้อนพูดกับแกไม่รู้เรื่องเสียอีก เห็นลุงเบี้ยวว่าตาผันเนี่ยแกเป็นบ้าสติสตังไม่ค่อยจะดีไม่ใช่หรือ?"
"ถ้าแกเป็นบ้าจริง เห็นทีว่าผมก็คงจะต้องไปรดน้ำมนต์ล้างซวยเสียแล้วล่ะมั้งเนี่ย?" คนเจ็บครางเสียงอ่อย
"ตาผันแกไม่ได้บ้าหรอกครับจ่าฉะอ้อน เพียงแต่แกสติลอยๆหน่อยเท่านั้นเอง ยังไม่เคยเห็นแกเพ้อคลั่งสักทีเลยนี่ครับ" ศาสตราจารย์รองฤทธิ์ชี้แจง
"งั้นก็แล้วไป นึกว่าโดนคนบ้ายิงเล่นเสียแล้ว!?"
"แล้วจ่าเห็นมีใครอยู่กับตาผันบ้างไหมล่ะครับ ตอนจ่าไปถึงที่นั่นน่ะ?"
"แกทำท่าเหมือนกำลังยืนคุยกับใครอยู่ แต่ผมมองดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามีใครหรือคนอื่นที่ไหนอีกเลยนี่ครับ"
"พูดคนเดียวหรือ?" สารวัตรหนุ่มอุทานเบาๆคล้ายกับสงสัย
"ครับแกยืนพูดอยู่คนเดียว ออกท่าออกทางเสียด้วยซีครับสารวัตร!"
"แกชอบยืนคุยคนเดียวอย่างนี้บ่อยๆจนคนเขานึกว่าแกบ้ากันนะครับจ่าฉะอ้อน" ศาสตราจารย์แฝดคนน้องเป็นคนบอก
"แล้วเขาเอาปืนมายิงจ่าฉะอ้อนตอนไหนกันล่ะครับ?"
"หลังจากที่ผมพูดกับแกได้เพียงประโยคแรกเท่านั้นเอง"
"แล้วจ่าฉะอ้อนไปพูดอะไรกับแกเข้าล่ะ เขาถึงได้ยิงเอาน่ะ?"
"ผมเพียงแต่พูดว่า สวัสดีครับ..ลุงคือตาผันใช่ไหม แค่นั้นเอง"
"ผมว่าแกคงตกใจที่เห็นจ่าฉะอ้อนไปถามชื่อถามเสียงแกเข้ามากกว่ากระมัง"
"ก็อาจเป็นได้ แต่คนอะไร แค่ถามชื่อหน่อยเดียวก็ถึงกับยิงกันเสียแล้ว แปลกแท้ๆ"
"คงจะไม่ใช่แค่เรื่องถามชื่อถามแซ่เพียงอย่างเดียวเสียแล้วแบบนี้ ตาผันแกอาจจะมีชนักติดหลังอยู่ก่อนแล้ว แกถึงได้ตื่นตูมยิงเพื่อปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยเอาไว้ก่อนก็ได้"
"พูดอย่างนั้นก็จะเป็นการใส่ร้ายตาผันเกินไปนะผมว่า!" ศาสตราจารย์รองฤทธิ์ติง
"ขอโทษครับท่านศาสตราจารย์ ช่วยกรุณาตรวจดูหน่อยเถิดว่าท่านศาสตราจารย์เคยเห็นใครที่อยู่ในรูปนี้บ้างไหมครับ?"
พูดจบสารวัตรมือปราบก็ยื่นรูปถ่ายที่จ่าทองเปลวเก็บมาจากบ้านตาผันให้กับศาสตราจารย์รองฤทธิ์ทันที ซึ่งเมื่อรับไปพลิกดูสักครู่ท่านศาสตราจารย์ก็เข้ามายืนเคียงข้างสารวัตรหนุ่มพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่รูปภาพพลางอธิบายรายละเอียด...
"คนยืนกลางนี้คืออดีตรัฐมนตรีวัชรินทร์ มโนมัยผยองคนดัง ซึ่งผมหวังว่าคุณคงจะรู้จักท่านดี ท่านเคยแวะมาทอดผ้าป่าที่วัดช่องกระพัดใกล้ๆกับที่นี่นานมาแล้ว ส่วนคนซ้ายมือที่กำลังคุยกับท่านเอามือกุมเป้าอยู่นั่นก็คือตาผันคนดีของเรา ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยืนชี้ไม้ชี้มืออยู่นั้นผมไม่รู้จักหรอกครับว่าเขาคือใคร?"
"เอ๊ะ..นี่ตาผันแกแต่งชุดข้าราชการนะครับ..ท่านศาสตราจารย์?"
"ใช่ครับแกเคยบอกผมว่าเคยรับราชการอยู่กระทรวงคมนาคมหรือกระทรวงอุตสาหกรรมอะไรนี่แหละจำไม่ได้แล้ว"
"อยากรู้จริงว่าตอนที่แกรับราชการนั้น ตาผันมียศขั้นไหนแล้ว?"
"ดูจากในรูปถ่ายเนี่ยแกน่าจะมียศมีตำแหน่งอยู่นา?"
"ถ้าอย่างนั้นรูปนี้ก็ถ่ายในขณะที่แกกำลังยืนรายงานท่านรัฐมนตรีอยู่นะซีครับ?"
"เอ..ผมไม่ทราบแฮะ..ท่านสารวัตรต้องไปถามแกเอาเองก็แล้วกัน ตอนที่สารวัตรจับแกมาสอบสวนน่ะครับ"
"ท่านศาสตราจารย์ว่านอกจากตัวท่านเองแล้ว ยังจะมีใครอีกไหมครับที่พอจะอธิบายเกี่ยวกับภาพถ่ายนี้ได้?"
"สารวัตรลองถามดูเอาเองก็แล้วกันครับ เพราะว่าผมเองคงรู้รายละเอียดเพียงเท่านี้แหละครับ"
"ลุงเบี้ยวล่ะครับพอจะบอกได้ไหมว่าอีกคนที่เหลือนั้นคือใคร?"
ลุงเบี้ยวรับภาพถ่ายเอาไปพิจารณาอยู่สักครู่แล้วพูดขึ้นว่า...
"ผมก็รู้จักคนในรูปเพียงสองคนเท่านั้นเหมือนกันว่าคือตาผันและท่านรัฐมนตรีวัชรินทร์ ส่วนอีกคนที่ยืนชี้มือนั้นผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย แม่บุญมาเคยรู้จักบ้างไหมช่วยดูหน่อยซิ?"
ลุงเบี้ยวยื่นต่อให้นางบุญมาทันทีที่แกพูดจบ ซึ่งนางบุญมาทำหน้าตื่นๆเมื่อมองเห็นบุคคลทั้งหมดในภาพถ่าย นางยืนนิ่งอยู่สักครู่พลางส่ายหน้าและส่งคืนให้สารวัตรสัญชัย
"อีฉันก็ไม่เคยเห็นค่ะ รู้จักแต่ตาผันและรัฐมนตรีอะไรนั่นเหมือนกันกับตาเบี้ยวนั่นแหละ!"
"เป็นอันว่าไม่มีใครรู้ แล้วท่านศาสตราจารย์เอกวิทย์ล่ะครับพอจะจำอีกคนที่เหลือในภาพได้บ้างไหมล่ะครับ?"
ท่านศาสตราจารย์เอกวิทย์รับภาพถ่ายมาถือ พลางปรือตามองอย่างสะลึมสะลือเพราะเพิ่งจะสร่างจากเมาและตื่นนอนใหม่ๆ แม้จะล้างหน้าล้างตามาแล้วก็ตาม
"อ๋อคนนี้น่ะหรือเขาเป็นเพื่อนกับรัฐมนตรีวัชรินทร์นั่นเองไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ผมรู้จักไอ้หมอนี่ดี แต่นายคนนี้เขาหายสาบสูญไปหลายปีแล้วนี่ครับ"
"เขาเป็นใครกันครับท่านศาสตราจารย์?"
"ก็ผมบอกแล้วยังไงล่ะครับว่าเขาเป็นเพื่อนกับรัฐมนตรีวัชรินทร์"
"ข้อนั้นพวกเราทราบกันตามที่ท่านบอกแล้วนะครับ แต่ผมหมายถึงชื่อเสียงเรียงนามของเขาต่างหากล่ะครับท่านศาสตราจารย์?"
"เขาก็เป็นนักการเมืองคนหนึ่งเหมือนกัน เป็นสส.พรรคเดียวกันกับท่านรัฐมนตรีวัชรินทร์ รู้สึกว่าจะชื่อดอกเตอร์เฉลียวหรือเฉลียงอะไรนี่แหละ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันกับผมนี่ ถึงจะได้บอกรายละเอียดคุณสารวัตรได้ทุกอย่างทุกเรื่อง ผมพูดถูกไหมล่ะครับท่านสารวัตร?"
ท่านศาสตราจารย์แฝดคนพี่ชักจะเริ่มลิ้นพันกันอีกแล้ว แสดงให้เห็นถึงอำนาจฤทธิ์เดชของไวน์แคทเทล
"ขอบคุณมากครับท่านศาสตราจารย์ แค่นี้ก็เป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้วครับ เห็นทีพวกเราคงจะต้องกราบลาท่านศาสตราจารย์เพื่อกลับไปทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จก่อนแล้วล่ะครับ"
"ไม่เป็นไรสารวัตร เชิญตามสบาย ต้องการทราบเรื่องอะไรก็เชิญได้ทุกเวลาเลยล่ะครับ ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอฝากจ่าฉะอ้อนไว้ที่นี่อีกสักวันสองวันหรือจนกว่าจะหายดีได้ไหมครับท่านศาสตราจารย์?"
"ได้ซีครับเรื่องขี้ประติ๋วพรรค์นี้ แต่ไม่ต้องถึงสองวันหรอกครับ ผมคิดว่าภายในวันพรุ่งนี้จ่าฉะอ้อนก็ออกวิ่งหกคะเมนตีลังกาได้ฉิวแล้วนะครับ"
ศาสตราจารย์แฝดคนน้องเอ่ยบอกกับสารวัตรหนุ่มด้วยความมั่นใจ ซึ่งฟังดูราวกับจะเป็นการคุยโวโอ้อวดถึงประสิทธิภาพของการรักษาด้วยหนอนมหัศจรรย์ที่ท่านได้มีส่วนในการค้นพบด้วยกระนั้น
"ท่านศาสตราจารย์ล้อเล่นหรือเปล่าครับเนี่ย?"
"ผมจะล้อเล่นกับคุณทำไมกันสารวัตร จะให้ผมเอาหัวเป็นประกันเลยก็ยังได้"
"จริงค่ะท่านสารวัตร อีฉันเคยเห็นมากับตาเลยว่า ชาวบ้านใกล้ๆกันกับที่นี่คนหนึ่งถูกฟันเอวขาด พามาให้ท่านศาสตราจารย์ทั้งสองท่านทำการรักษา สารวัตรเชื่อไหมค่ะว่าท่านทำได้อย่างไร?"
นางบุญมาอธิบายแทรกเพื่อเป็นการเสริมขึ้นบ้างอย่างผู้ที่รอบรู้ในทุกเรื่อง!
"ท่านทำได้อย่างไรหรือครับป้าบุญมา?"
"ท่านศาสตราจารย์แฝดทั้งสองสามารถที่จะต่อเอวและรักษาให้หายเป็นปกติดังเดิมได้ด้วยหนอนมหัศจรรย์หรือหนอนวิเศษของท่าน ที่พวกท่านได้ทำการคิดค้นกันขึ้นมาเอง"
"หนอนมหัศจรรย์หรือหนอนวิเศษ?"
"ค่ะ..พวกท่านเรียกมันว่าหนอนมหัศจรรย์"
"อื..ม หนอนมหัศจรรย์ เพิ่งจะเคยได้ยินนี่เองแฮะ!"
"ซึ่งสำหรับในรายคนที่เอวขาดนั่นน่ะ ท่านก็สามารถรักษาให้หายได้ภายในสามสัปดาห์เท่านั้นเองแหละค่ะ"
"ภายในสามสัปดาห์!..คนเอวขาดเนี่ยนะ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยละซี?"
"ใช่ค่ะ อีฉันก็ว่ามันเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ ยังไงอย่างนั้นเลยทีเดียว"
"หูผมฝาดไปหรือเปล่าเนี่ยจ่าทองเปลว..จ่าได้ยินเหมือนกันกับที่ผมได้ยินหรือเปล่า?"
"ครับสารวัตร ผมกำลังหยิกตัวเองอยู่นี่แหละครับ ว่าผมไม่ได้ฝันไป!"
"ถ้าไม่เชื่อพรุ่งนี้เช้าก็ลองมารับจ่าฉะอ้อนดูก็แล้วกันนะคะ ดูว่าการรักษาของท่านศาสตราจารย์แฝดด้วยหนอนมหัศจรรย์เนี่ย..มันจะมหัศจรรย์สมชื่อจริงไหม?"
"พวกเรามาเจอเอาหมอเทวดาเข้าแล้วล่ะจ่าฉะอ้อน ยังงั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับจ่าไปตีลังกาสักสองรอบ และก็จะรับอาสาเป็นเจ้ามือพาจ่าไปฉลองที่ร้านช่อชะมวงเอง"
จ่าทองเปลวกล่าวสรรพยอกคู่หูพร้อมกับยิ้มเป็นนัยๆ
"ผมจะเป็นคนช่วยประคองจ่าฉะอ้อนไปเอง เพื่อความปลอดภัย"
ลุงเบี้ยวรับอาสาเป็นบุรุษพยาบาลทันทีด้วยดวงตาเป็นประกาย
"ไม่ต้องเลยตาเบี้ยว แกไม่ต้องไปช่วยจ่าฉะอ้อนเขาเลย แกหกคะเมนตีลังกากับเขาได้เสียที่ไหน ดีแต่เฝ้าขวดอย่างเดียวนะไม่ว่า"
คู่ทุกข์คู่ยากของลุงเบี้ยวเอ่ยเบรกขึ้นอย่างรู้ทัน...
*********
เมื่อวันที่ : ๒๙ ต.ค. ๒๕๕๑, ๐๓.๔๙ น.
หรือ "เงื่อนงำ รมต." จะพอไหวไหมคะ?
เช่นเคยค่ะ
พร้อม