![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
...คำตอบที่กำจรมีให้ดาวเรือง ผู้ภรรยาที่เคยเป็นยอดรักยอดดวงใจของเขาเริ่มห้วนไม่มีหางเสียงเหมือนเคย บางคราวถึงกับกระโชกโฮกฮากเอาเลยทีเด...
ตอน : อุบัติเหตุจริงหรือ?
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตั้งต้นปรึกษาปัญหาหรือพูดจาปรับทุกข์กันคราวใด พอถกปัญหากันไปสักพักก็กลับกลายเป็นลงท้ายด้วยความโมโหฉุนเฉียวพาลทะเลาะกันเสียทุกครั้งไป
กลับบ้านทุกคืนกำจรจะเมาแประกลับมา เขาเมาขนาดโงหัวแทบไม่ขึ้น พูดจาอ้อแอ้ฟังไม่รู้เรื่องขึ้นทุกวัน สร้างความโศกเศร้ารันทดทุกข์ระทมให้กับลูกเมียเป็นอย่างมาก
แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถห้ามปรามกำจรได้เลยแม้แต่คนเดียว!
ในตอนหัวค่ำวันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันสิ้นเดือน กำจรกลับเร็วกว่าปกติหากยังคงเต็มไปด้วยความมึนเมาเหมือนเช่นเคย...
"พี่เมามากแล้วนะพี่กำจร รีบไปอาบน้ำอาบท่านอนเสียเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปทำงานได้ทันเวลา"
"ทันอยู่แล้วทูนหัว ไม่ต้องกลัวหรอกว่าพี่จะไปเหลวแหลกเถลไถลอยู่เสียที่ไหน?"
"วันนี้วันเงินเดือนออกไม่ใช่หรือพี่?"
"เออ..แต่พี่จ่ายค่าเหล้าที่ค้างร้านเฮียแจ้เขาไว้ตั้งแต่เดือนก่อนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงห้าร้อยบาทพี่ขอเอาไว้ต่อทุนก่อนได้ไหม?"
"ต่อทุนต่อเทินอะไรกันอีกล่ะพี่ แค่ค่าเหล้าเฮียแจ้ก็แทบจะไม่เหลือหลอพอให้จับจ่ายใช้สอยเลย ลำพังเงินเดือนของฉันค่ากินอยู่ของลูกสองคนก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ขนาดต้นเดือนยังแย่ขนาดนี้ เราจะเอาที่ไหนส่งงวดให้นายสุเรนทรากุมารเขาล่ะ?"
"อุวะ..ก็อยากเสือกเป็นหนี้เขาทำไมล่ะ ค่าดอกเบี้ยไอ้แขกบ้านี่อย่างเดียว ก็แทบไม่มีจะแดกกันอยู่แล้ว"
"ก็ใครล่ะที่เป็นคนต้นคิด ที่ให้เอาเงินเขามาใช้ก่อน บอกว่าเงินจ่ายรายวันเนี่ยนะ ถึงอย่างไรเราก็มีปัญญาจ่ายเขาอยู่แล้ว"
"จะใครเสียอีกล่ะ ก็เอ็งกับข้านี่ยังไงล่ะวะ ที่สมคบกันไปกู้เงินเขา หน็อยแน่ะจะมาโทษข้าคนเดียวได้ยังไงกันหือ?"
"ไม่ได้โทษพี่คนเดียว..แต่พูดขึ้นมาเพื่อจะเตือนพี่ให้เพลาๆเรื่องดื่มเหล้าลงไปเสียบ้าง เงินจะได้ไม่ขาดมืออย่างทุกวันนี้ ฉันขอเพียงแค่นี้จะได้ไหมล่ะ?"
"เฮ้ย! ที่ข้าต้องกินเหล้าทุกวันเนี่ยก็เพราะมันกลุ้มเข้าใจไหมวะ เอ็งอย่ามาห้ามข้าเลยดาวเรือง มาช่วยทำให้พี่หายกลุ้มดีกว่า เมื่อไม่มีเรื่องกลุ้มใจกะเดี๋ยวข้าก็เลิกดื่มเองแหละน่า อย่าได้ตกอกตกใจไปเลย"
"จะช่วยได้อย่างไรกัน เผลอแผล็บเดียวเราเป็นหนี้ปาเข้าตั้งห้าหกหมื่นแล้ว ส่งรายวันทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยรวมกันแล้ววันละตั้งสองพันกว่าบาท แล้วเราจะเอาที่ไหนให้เขากันล่ะพี่?"
"ก็ส่งมันแต่ดอกเบี้ยซีวะ..กูบอกมึงตั้งกี่ครั้งแล้วเรื่องเงินเนี่ย ให้บอกไอ้แขกบ้าหน้าเลือดมันไป มีแต่เพียงดอกเบี้ยนี่เท่านั้นที่หาให้มันได้ ส่วนเงินต้นเนี่ยนะ..มีเมื่อไหร่แล้วจะใช้ให้หมด"
"ทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าพี่ เขากล้าให้เรายืมก่อนตั้งห้าหกหมื่นก็นับว่ามีบุญมีคุณมากโขอยู่แล้ว ยังจะคิดเบี้ยวเขาอีกหรือ..ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ!?"
"ที่เราส่งเขาวันละตั้งสองพันบาทเนี่ย ใครที่ไหนมันจะเนรมิตให้ทันเล่าหือ?"
"ที่เราส่งเขาวันละสองพันบาทเนี่ย มันรวมส่งทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยนะพี่ เงินห้าหมื่นกว่ากำหนดชำระเขาหมดภายในสามสิบวันเท่านั้นเองนะ?"
"แล้วเอ็งกับข้าสองคนทำงานรวมกันแล้วได้วันละซักเท่าไหร่เชียวค่ากินอยู่ค่าเดินทางของเราสองคนและของลูกๆ แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายประจำวันต่างๆที่ตามมาอีก ข้อสำคัญยังมีค่าเงินต้นกะค่าดอกเบี้ยแขกอีกต่างหาก ลำพังเพียงเราสองคนสองแรงเนี่ย มันจะไปพอยาไส้ที่ไหนล่ะฮึ?"
"ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันเหลือเงินแค่สองร้อยบาทเท่านั้น นี่อีกซักกะเดี๋ยวนายแขกสุเรนทรากุมารก็จะมาเก็บค่างวดรายวันแล้ว เราจะบอกเขาว่าอย่างไรกันดีล่ะพี่?"
"ก็ขอผลัดเขาเป็นพรุ่งนี้ซีวะ นี่ถ้าเอ็งจะเอาเงินห้าร้อยจากพี่ไป แล้วพี่จะเอาที่ไหนไปต่อทุน เดี๋ยวพอถึงพรุ่งนี้ก็เลยไม่มีเงินเหลือติดตูดกันหรอก!"
"แต่ถ้าพี่เอาไปเล่นพนันแล้วมันเกิดเสียล่ะ มิยิ่งแย่กว่าอีกหรือ?"
"ปากไม่ดีนี่ดาวเรือง พูดราวกับจะแช่งพี่อย่างนั้นแหละ อย่าโกรธพี่เลยนะ ที่พี่ทำทุกอย่างเนี่ยก็เพราะหวังดีนะ ทำเพื่อหวังจะช่วยกอบกู้ฐานะของเราคืนมานะจ๊ะ"
"กอบกู้ด้วยการเล่นการพนันนี่นะหรือพี่..ฉันไม่เอาด้วยหรอก"
"แล้วเอ็งมีทางออกที่ดีกว่านี้ล่ะหรือนังดาวเรือง..มาทำดูถูกฝีมือข้าได้ ชิชะ!..ข้ากำลังมือขึ้นนะโว้ย วันนี้ข้าได้มาพอส่งค่าเหล้าร้านเฮียแจ้เขาก็แล้วกันละวะ!"
"นั่นนายสุเรนทรากุมารเดินมาโน่นแล้ว พี่กำจรขอผลัดกับเขาเอาเองก็แล้วกัน"
"ได้..เดี๋ยวข้าจะบอกกับเขาเองก็ได้วะ!"
กำจรหันหลังขวับไปทางด้านหน้าบ้าน แลเห็นนายสุเรนทรากุมารกำลังจอดรถสกู๊ตเตอร์ตรงหน้าบ้านพอดี ภารตะหนุ่มก้าวลงจากรถเดินตรงเข้ามาในเขตบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับทำหัวสั่นหัวคลอนน้อยๆ ยกสองมือชูมาข้างหน้าคล้ายกับกำลังจะเข้าไปพบกับญาติสนิทกระนั้นแหละ
แต่พอหนุ่มอินเดียนก้าวข้ามธรณีประตูเท่านั้นเอง ร่างของสุเรนทรากุมารก็ทิ่มคะมำลงบนพื้นห้องอย่างไม่เป็นท่า ใบหน้าปนรอยยิ้มที่กำลังอ้าปากเอ่ยทักทายด้วยกิริยาหัวสั่นคลอนนั้น พลันก็กลับกลายเป็นตกตะลึงดวงตาลุกโพลง
โครม!!
อินเดียนหนุ่มจากเมืองพระรามหน้าทิ่มลงไปกองแทบเท้าของดาวเรืองซึ่งลุกขึ้นยืนและกำลังเดินออกมาต้อนรับพอดี!
*********
คุณหมอลิซ่า แฟรี่แห่งสถานีอนามัยตำบลแสนสุขเย็บบาดแผลที่ใต้คางให้สุเรนทรากุมารถึง ๑๒ เข็ม นับว่าบาดแผลที่เขาได้รับจากการล้มหน้าคะมำนั้นกระทบลงกับพื้นอย่างแรง
สุเรนทรากุมารบอกกับหมอแฟรี่ว่าไม่มีผู้ใดที่ทำร้ายเขาหรอก เพียงแต่ความรู้สึกตอนหน้าคะมำลงไปนั้นคล้ายกับมีใครขัดขาเขาและผลักเขาไปข้างหน้าเขาจึงล้มลงอย่างไม่เป็นท่า โดยที่เขาไม่ได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย
กอปรกับดาวเรืองและกำจรต่างพากันยืนยันอย่างขันแข็งว่านายสุเรนทรากุมารเดินตรงเข้าบ้านมาดีๆก็เกิดหน้าคะมำล้มลงฟาดพื้นไปต่อหน้าต่อตาจนทั้งคู่ตกตะลึง
เนื่องจากการบาดเจ็บเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ถึงแม้นายสุเรนทรากุมารพยายามที่จะอธิบายยืนยันว่าเขาล้มคล้ายกับถูกผลักและขัดขาแต่ก็ไม่มีพยานระบุว่าใครเป็นคนทำ เพราะทั้งสองผัวเมียและลูกน้อยทั้งสองกำลังนั่งถกปัญหาชีวิตกันอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเบื้องหน้าของหนุ่มเมืองพระรามนั่นเอง หาได้มีผู้ใดยืนอยู่ด้านหลังของเขาไม่ และก็สองผัวเมียอีกนั่นแหละได้ช่วยเรียกรถสองแถวและพาเขามาที่อนามัยด้วยตนเอง
หลังจากนั้นเรื่องการขอประนีประนอมผัดผ่อนหนี้ของสองผัวเมียจึงไม่ได้มีความลำบากมากมายนักดังที่ได้คาดการณ์กันเอาไว้ ทั้งนี้ก็เพราะกำจรและดาวเรืองเป็นผู้พานายสุเรนทรากุมารมาสถานีอนามัยตำบลแสนสุขซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เพราะทั้งคู่ต่างก็รู้จักกับคุณหมอแฟรี่เป็นอย่างดี เนื่องจากเธอพาลูกๆมาประจำ
ลิซ่า แฟรี่เป็นแพทย์ชนบทอาสาสมัครจากองค์การยูเนสโก้ที่ได้ส่งให้เธอมาช่วยที่สถานีอนามัยแห่งนี้เนื่องจากมีผู้เข้ารับบริการซึ่งมีทั้งชาวบ้านร้านตลาดรวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากทุกวัน
คุณหมอแฟรี่เธอเป็นชาวเดนมาร์กเป็นแพทย์อาสาสมัครที่ถูกส่งมาทำงานในชนบทที่ห่างไกลและขาดบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้ชาวบ้านทุกคนได้รับการบริการทางการดูแลรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมกัน
เธอพยายามสอนให้ชาวบ้านรู้จักพื้นฐานของการรักษาพยาบาลเบื้องต้นโดยฝึกอบรมชาวบ้านให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขพื้นฐานคัดกรองคนป่วยหนักเบาก่อนที่จะส่งเข้าไปพบแพทย์
ลิซ่า แฟรี่ได้พยายามฝึกฝนบุคลากรหัดให้ทำงานกับชุมชนอย่างมีระบบเป็นไปตามมาตรฐานของการสาธารณสุขสากล ในการบริการชาวบ้านให้ทั่วถึงกันโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังว่ามีหรือจน หรือว่ามีการศึกษาสูงต่ำมากน้อยกว่ากันเพียงใด ทุกคนก็จะได้รับบริการเหมือนกันหมดทั่วทั้งตำบล
ฉะนั้นที่ตำบลแสนสุขนี้จึงนับได้ว่าเป็นอนามัยที่พัฒนาในเชิงรุกในด้านการบริการให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ด้อยโอกาส โดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุและเด็กที่อยู่ในที่ห่างไกลหรือไม่มียานพาหนะในการเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล
หมอแฟรี่รู้สึกผิดสังเกตในคำให้การเกี่ยวกับบาดแผลที่เกิดขึ้นของบุรุษชาวอินเดียผู้นี้ เพราะปกติผู้ที่หัวทิ่มหน้าคะมำธรรมดาโดยเฉพาะในพื้นที่ราบเรียบอย่างทางเดินเข้าภายในบ้านห้องแถวจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้
และที่สำคัญอีกอย่างที่ด้านหลังศีรษะตรงบริเวณท้ายทอยของหนุ่มเมืองพระอิศวรนั้นมีร่องรอยคล้ายกับถูกของแข็งฟาดอย่างแรงจนปูดบวม เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาล้มคว่ำหน้าลงไปเอง มิได้หงายหลังฟาดลงกับพื้นเลยแม้แต่น้อย แต่เหตุใดจึงมีรอยช้ำบวมด้านหลังก็ยากที่จะเดาหรือหาเหตุผลมาประกอบได้
นี่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาก็คงจะบอกกับหมอว่าจำไม่ได้ว่าได้ล้มลงไปในลักษณะใดบ้างมีการหงายหลังลงไปด้วยหรือเปล่า
แต่นี่เป็นนายสุเรนทรากุมารผู้ที่มีความละเอียดลออรอบคอบในเรื่องเงินๆทองๆและทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยเป็นพิเศษอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ข้อสังเกตของหนุ่มภารตะยิ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ว่าเหตุที่เกิดนั้นคือการจงใจทำร้ายร่างกาย แม้จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
แล้วใครล่ะที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยไม่ต้องแสดงตัวให้ปรากฏ?
คำพูดของอินเดียนหนุ่มใหญ่นักล่าดอกเบี้ยตัวยงนั้นสะกิดใจคุณหมอลิซ่า แฟรี่เป็นยิ่งนัก แต่เธอก็ยากที่จะหาข้อสรุปหรือเริ่มต้นบทพิสูจน์ด้วยวิธีการใดดีเท่านั้น
ลิซ่า แฟรี่จึงได้แต่เอ่ยเตือนนายสุเรนทรากุมารด้วยความที่นึกสังหรณ์ใจลึกๆว่า อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้นได้ เมื่อเขามีเหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในบ้านหลังนี้อีกครั้งในคราวหน้า
*********
เมื่อวันที่ : ๒๖ ก.ย. ๒๕๕๑, ๒๓.๑๕ น.
"อุบัติเหตุจากมือที่มองไม่เห็น......" ดีไหมคะ?