![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
...๑๙.๐๐ นาฬิกา ณ สำนักงานมูลนิธิมั่นคงดำรงไทย ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านชาญสงคราม ถนนชัยพฤกษ์ นายพลเอกฉัตร ชาญสงครามนั่งรอฉันทวัฒน์หลาน...
ตอน : ถูกสอบสวน..
๑๙.๐๐ นาฬิกาณ สำนักงานมูลนิธิมั่นคงดำรงไทย
ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านชาญสงคราม ถนนชัยพฤกษ์
นายพลเอกฉัตร ชาญสงครามนั่งรอฉันทวัฒน์หลานชายอย่างกระวนกระวายอยู่ที่บ้านส่วนตัวของท่านตั้งแต่หกโมงเย็นตามเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ เพื่อที่จะได้รายงานถึงผลการทำงานคืบหน้าและรายละเอียดต่างๆที่เขาได้กำหนดให้ไปกระทำในวันนั้น
ยิ่งเมื่อเลยกำหนดเวลานัดนานเข้า ท่านนายพลเอกฉัตรผู้เคร่งขรึมถึงกับผุดลุกผุดนั่งเดินเข้าเดินออกจนพันโทราชันย์คนสนิทของท่านอดที่จะแปลกใจไม่ได้
"ดูท่านกังวลใจหรือไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ..ท่านผู้บัญชาการ?" พันโทราชันย์เรียนถามท่านเลขาธิการมูลนิธิมั่นคงดำรงไทยตามตำแหน่งเดิมของท่านก่อนเกษียณราชการ
"เจ้าฉันทวัฒน์หลานชายของผมคนนี้ไม่เคยผิดนัดหรือเหลวไหลอย่างนี้เลยสักครั้งเดียวนี่นา!"
"เขาอาจมีเหตุจำเป็นบางประการก็ได้นะครับท่านผู้บัญชาการ"
"เรื่องมีเหตุจำเป็นนั้นผมไม่กลัว หากผมกลัวว่านายฉันจะทำงานพลาดหรืออาจเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับเขาก็เป็นได้"
"ท่านผู้บัญชาการอย่าได้กังวลไปเลยครับเรื่องนี้ ถ้าเขาไม่มาจริงๆเดี๋ยวผมจะให้คนของเราออกสืบหาให้เองว่าเพราะเหตุใดเขาจึงไม่มาตามนัด"
"ดีเหมือนกัน..เพราะถ้าเขามีเหตุจำเป็นจริงๆแล้วละก็ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องโทรศัพท์แจ้งให้ผมทราบเหมือนทุกครั้ง แต่นี่มาเงียบหายไปเฉยๆจนผมอดที่จะแปลกใจและเป็นห่วงไม่ได้เลยคุณราชันย์"
"ผมคิดว่าท่านควรที่จะรอดูต่อไปอีกสักหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งรีบร้อน"
"ตามใจ..รอก็รอ..เอ้อ..คุณราชันย์เรื่องคดีเปิดโปงทุจริตเมกกะโปรเจ็คกรณีที่ท่านประธานกำลังสนใจอยู่ผมได้มอบหมายให้คุณหาคนไปทำแทนได้เรื่องหรือยัง?"
"ได้แล้วครับท่าน..ผมกำลังพยายามติดต่ออยู่แต่ก็ไม่พบตัวซักที เขาวางมือจากการสืบสวนสอบสวนมานานแล้ว สองสามวันมานี่ไม่เคยอยู่บ้านเลย ผมลงทุนไปดักรอเขาด้วยตนเองเลยครับ แต่ก็คลาดกันอยู่เรื่อยเลยทีเดียว"
"คนนี้มือแน่จริงๆนะ ผมอยากได้มือเก๋าๆหน่อยจะได้ทำงานไม่พลาด ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่ผมจะได้ส่งเรื่องให้ท่านประธานเพื่อที่ท่านจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการต่อไป"
"พรุ่งนี้ผมจะไปดักพบเขาแต่เช้าอีกทีหนึ่งนะครับ ได้ข่าวว่าเขากำลังจะกลับจากต่างจังหวัดในเย็นวันนี้แหละครับ"
"ดี..รีบจัดการด่วน ถือเป็นเรื่องลับสุดยอดเลยก็แล้วกันคุณราชันย์"
"ครับ..ท่านผู้บัญชาการโปรดวางใจเถอะครับ"
"อ้อ..คุณราชันย์อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของนายฉันทวัฒน์หลานชายของผมคนนี้ พยายามติดตามดูให้รู้ว่าเขาไปมัวทำอะไรอยู่จึงไม่มาตามนัด ผมเกรงว่าเขาอาจจะเป็นอันตรายก็ได้ เอาให้รู้เรื่องคืนนี้ได้ยิ่งดี เท่านี้แหละ"
"ได้ครับ..ท่านผู้บัญชาการ!"
*********
"ผมขอถามบ้างได้ไหม?" คนที่ถือสายจูงหมาซึ่งในสภาพการณ์อย่างนี้ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นจำเลยได้เอ่ยคำถามสวนกลับไปบ้างอย่างสงสัยเต็มแก่
"ได้ซิถามมาได้เลย" ทนายคนตัวอ้วนเสื้อลายพร้อยบอกกลับไป
"ที่คุณบอกว่าเป็นคนของผมเองนั้น..เขาเป็นใครกัน?"
"เขาก็คือ..คนที่เลี้ยงหมาให้นายอย่างไรล่ะ!"
"คนเลี้ยงหมา?"
"ใช่"
"คุณหมายถึงนายทองตีบเนี่ยนะ?"
"เขาชื่ออะไรผมไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนที่รับจ้างดูแลหมาและทำสวนให้นายเท่านั้น"
"คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาสะกดรอยตามผมไปจนถึงสมาคมชาวไร่อ้อยเขตเจ็ด?"
"คนของเราที่โน่นรายงานมานะซี"
"แล้วคนที่ไปด้วยกับเขาอีกสองคนนั้น คนของพวกคุณที่โน่นได้รายงานให้รู้หรือเปล่าว่าเป็นใครกัน..พอที่จะทราบบ้างไหม?"
"ไม่ทราบ..เรารู้แต่เพียงว่าเป็นชายหนึ่งคนกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนเท่านั้น"
ถึงตอนนี้ฉันทวัฒน์พอจะเดาออกว่าคนอีกสองคนที่ไปกับนายทองตีบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบุปผชาติและบิดาของเธอนั่นเอง!
ซึ่งว่ากันตามสถานการณ์แล้วเขาไม่มีทางที่จะคิดออกได้เลยว่าทั้งสามคนนั้นสะกดรอยติดตามเขาไปทำไมกัน?
ยิ่งคิดยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ที่พวกเขาเหล่านี้จะสามารถล่วงรู้ถึงเป้าหมายการกระทำของเขาล่วงหน้าก่อนที่จะสะกดรอยตามเขาไป นอกเสียจากว่าพวกเขาจะติดตามไปพบเขาโดยบังเอิญเท่านั้น!
อีกประการหนึ่งบุปผชาติเองก็มีอัธยาศัย โดยมีมะลิและเด็กชายบี๊บเป็นสายสัมพันธ์คอยช่วยเหลือเขามาตลอด ทั้งในเรื่องการที่เธอเป็นธุระให้บิดาของเธอช่วยจัดหาคนมาช่วยเลี้ยงเจ้ามะลิและช่วยทำสวนให้ด้วย ซึ่งนับว่านายทองตีบคนนี้เป็นคนที่ไว้ใจได้และทำงานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ฉะนั้นปัญหาที่คิดว่าพวกเขาทั้งสามคนนี้จะติดตามสะกดรอยเขาไปด้วยเหตุผลที่เป็นปรปักษ์ต่อเขา จึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
"ถ้าเป็นสามคนนี้ผมคิดว่า..พวกเขาคงไม่ได้ตั้งใจที่จะสะกดรอยติดตามผมอย่างที่คุณว่าแล้วล่ะครับ อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาพบผมเข้าโดยบังเอิญเท่านั้นเอง" ชายหนุ่มแสดงข้อคิดเห็นให้อีกฝ่ายได้รับรู้
"ทำไมนายถึงมั่นใจได้ถึงขนาดนั้น ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมแม้แต่จะเปิดเผยตัวเองให้นายได้รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วย!"
"พวกเขาอาจจะยังไม่ทันได้แสดงตัว ผมก็กลับออกมาเสียก่อน หรือไม่ก็..."
พูดมาถึงตอนนี้ทำให้ฉันทวัฒน์ฉุกคิดขึ้นมาได้แวบหนึ่งว่าเขาทั้งสามคนนั้นอาจจะเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมในขณะที่กำลังเกิดเหตุก็เป็นได้!
ฉะนั้นเมื่อชายหนุ่มพูดมาถึงตอนนี้จึงทำให้เขาจำเป็นต้องหยุดชะงักการพูดลงกลางคัน เพราะคำพูดของเขาเองอาจจะทำให้เหตุการณ์บานปลายกันไปใหญ่ สู้เขาอยู่นิ่งๆเสียยังจะดีกว่า เอาไว้คอยดูท่าทีว่าพวกที่จับหรืออุ้มตัวเขามานี้มีจุดประสงค์สิ่งใดกันแน่!
"หรือไม่ก็..อะไรหรือ?" ทนายอ้วนที่สวมเสื้อลายพร้อยรีบซักเขาขึ้นมาทันที
"ไม่มีอะไรหรอก ผมเพียงจะพูดว่า..หรือไม่ก็..เขาอาจจะกลัวผมดุเอาก็ได้ที่เขาควรจะอยู่เฝ้าบ้านให้ผม ไม่ใช่เที่ยวมาไล่ติดตามผมอยู่อย่างนั้น"
"ก็แล้วไป..ทีนี้นายจะตอบพวกเราได้หรือยังว่า..แล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงของนายในการเดินทางไปเมืองกาญจน์ฯครั้งนี้คืออะไรกันแน่?"
"ไปดูเขาเจรจาเรื่องอะไรที่หวานๆกันมั่งไม่ได้หรืออย่างไร?"
โครม!
เสียงค้อนบนบัลลังก์ผู้พิพากษาหน้าตูมคนนั้นกระทบหนังสือตำราเล่มหนาเบื้องหน้าจนบัลลังก์สั่นสะเทือน
"อย่ามัวเล่นลิ้น..นายฉันทวัฒน์ ตอบให้ตรงคำถามหน่อย พวกเราเสียเวลากับนายมามากแล้ว"
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา..ก็ควรรีบปล่อยตัวผมให้กลับบ้านไปทำมาหากินของผมตามเดิมไม่ดีกว่าหรือ?"
"นี่ฟังนะ..ถ้านายยังอยากที่จะมีชีวิตยืนยาวต่อไปก็ควรตอบคำถามเพียงอย่างเดียว"
ทนายร่างอ้วนใหญ่ที่สวมเสื้อลายพร้อยกระโจนพรวดเดียวประชิดร่างของชายหนุ่มพร้อมกับขยุ้มคอเสื้อยืดโปโลขึ้นจนขาของฉันทวัฒน์ลอยจากพื้น
เจ้ามะลิกระโดดงับขาของหมอนั่นเต็มเขี้ยวจนมันต้องปล่อยมือจากเขา พร้อมกับหันไปถีบเจ้าหมาน้อยสุดแรงเกิดด้วยความโมโห ทำให้ร่างของมะลิกระเด็นไปจนสายจูงที่เจ้าของถือจูงอยู่พลอยหลุดกระเด็นจากมือตามไปด้วย
เสียงของมะลิร้องเอ๋ง..ๆ..ครวญครางและวิ่งหนีเตลิดออกไปจากห้องโถงใหญ่นั้นทางประตูด้านหน้า...
ที่กำลังเปิดแง้มอยู่!
ทั้งนี้เพราะมีผู้อื่นอีกคนหนึ่งที่กำลังถูกพาเข้ามาร่วมในพิธีกรรมการซักฟอกเช่นเดียวกันกับกรณีของฉันทวัฒน์...
ชายหนุ่มเหลียวมองตามร่างของมะลิหมาน้อยของเขาที่วิ่งหางจุกตูดออกไปทางนั้นพอดี...
ประตูบานสูงนั้นถูกดึงเปิดกว้างออก มีชายสองคนกำลังเดินผ่านประตูเข้ามา คนหนึ่งท่าทางดูคุ้นตาอย่างไรชอบกล เขาผู้นี้กำลังอุ้มร่างเด็กที่กำลังดิ้นและทุบเขาอยู่เป็นพัลวัน
ส่วนอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังมารูปร่างสูงใหญ่กว่าคนแรกเล็กน้อย!
คนหลังนี้หันไปปิดประตูตามหลังอย่างเงียบเชียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงกระแทกของกลอนประตูที่ปิดงับเข้าหากันเลย...
เมื่อคนที่อุ้มเด็กเดินเข้ามาใกล้หน้าบัลลังก์ ชายคนที่ตัดผมเกรียนก็วางร่างของเด็กน้อยคนนั้นลงให้ยืนอยู่บนพื้น...
ฉันทวัฒน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าร่างน้อยนั้นคือเด็กชายบี๊บที่เขารู้จักดีนั่นเอง...
"บี๊บ!" ชายหนุ่มเรียกชื่อเด็กน้อยเสียงดังลั่นห้อง จนร่างน้อยนั้นหันหน้ามาตามเสียงเรียกที่ก้องกังวาน...
"คุณอา..." เสียงเด็กชายบี๊บอุทานออกมาพลางอ้าปากหวอ...
*********
เมื่อวันที่ : ๑๔ มิ.ย. ๒๕๕๑, ๒๒.๑๕ น.
"ถูกสอบสวน.." จะดีไหมคะ ให้คนอื่นๆมาช่วยตั้งด้วยค่ะ