![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
...๑๑.๔๕ นาฬิกา ใกล้เที่ยงหมวยเกี้ยลูกสาวเจ๊กทู้ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทเจ้าอร่อยพร้อมทั้งตัวเจ๊กทู้เองพากันหอบหิ้วสัมภาระเครื่องก๋วยเตี๋ยวซึ่งมีหม้ออ...
ตอน : เปิดปมปริศนา
๑๑.๔๕ นาฬิกาใกล้เที่ยงหมวยเกี้ยลูกสาวเจ๊กทู้ก๋วยเตี๋ยวผัดไทเจ้าอร่อยพร้อมทั้งตัวเจ๊กทู้เองพากันหอบหิ้วสัมภาระเครื่องก๋วยเตี๋ยวซึ่งมีหม้ออลูมิเนียมใบใหญ่บรรจุก๋วยเตี๋ยวผัดไทที่ผัดเสร็จใหม่ๆควันฉุย
มีชาวบ้านสองสามคนอาสาช่วยยกถังไอศกรีมกะทิสดของนางบุญปลูกเมียหมอเช้าขึ้นมาบนโรงพักด้วย ตัวนางบุญปลูกเดินยิ้มร่าตามมาข้างหลังพร้อมอุปกรณ์
หมวยเกี้ยและเจ๊กทู้ช่วยกันตักช่วยกันเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวตลอดเวลาจนจบรายการ ส่วนนางบุญปลูกนั้นบริการตักเสิร์ฟไอศกรีมกะทิสดแต่เพียงผู้เดียว สร้างความพออกพอใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานในการพิจารณาคดีครั้งนี้เป็นอันมาก
เจ๊กทู้ผู้มีอารมณ์ดียืนยันรับปากกับผู้กองยุทธนาและท่านกำนันอนุกูลว่า หากการสืบสวนสอบสวนยังคงยืดเยื้ออยู่อย่างนี้ เวลาบ่ายห้าโมงเย็นหรือ ๑๗.๐๐ นาฬิกา เขาจะทำข้าวต้มปลารถเด็ดมาบริการให้อีกหนึ่งรอบพร้อมทั้งของหวานคือบัวลอยน้ำขิงตบท้าย ทำให้ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องด้วยความซาบซึ้งในความเอื้ออาทรและมีน้ำใจของพ่อค้าผู้มีอารมณ์ดีผู้นี้
*********
๑๓.๐๐ นาฬิกา
หลังจากคณะของเจ๊กทู้และคณะของนางบุญปลูกต่างพากันทยอยเก็บสัมภาระกลับไปหมดแล้ว ก็พอดีกันกับที่รถสองแถวเลี้ยวเข้ามาส่งพระภิกษุทั้งสามรูป อันมีพระสังเวียน พระสมชายและพระบัญชา ก้าวลงจากรถเดินนำหน้าเจ้าแกละซึ่งกำลังแบกลากเอาห่อผ้าใบสีขี้ม้าห่อใหญ่ลงจากรถสองแถว
เมื่อเห็นดังนั้นจ่าสุนทร หมู่สมบุญและทิดแร่สารวัตรกำนันต่างพากันรีบลงไปช่วยเจ้าแกละประคองเอาห่อผ้าใบขึ้นไปยังห้องสอบสวนทันที
เมื่อคลี่ผ้าใบออกเผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ภายใน อันมีขวานและมีดปาดตาลอย่างละ ๒ เล่ม หีบเหล็ก ๑ ใบ และชุดหมีสักหลาดขนสัตว์แท้สีขี้ม้าแบบมีฮู้ดคลุมหัวอีก ๑ ตัว
ทองตีบหยิบไม้บรรทัดจากโต๊ะสิบเวรเดินไปที่ของทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะของกลาง เขาเอาไม้บรรทัดชี้ไปที่ของกลางแต่ละชิ้นและเริ่มสาธยายต่อไป
"คือเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ เริ่มจากคดีลุงก้อนดีกว่า ก่อนอื่นผมต้องขอสรุปเอาเองว่าลุงก้อนนั้นแอบขโมยขุดกรุมาตั้งแต่สองปีก่อนด้วยความโลภ โดยร่วมมือกับใครอีกคนหนึ่ง ได้ของออกมามากมาย สันนิฐานเอาจากในวันที่ลุงก้อนตายนั้น แกยังคงแบกจอบอันเป็นสัญลักษณ์ของนักขุด ทั้งสองคนเอาของไปแอบขายได้แต่เพียงทองคำรูปพรรณที่เป็นสร้อยและเข็มขัดทองที่ไม่มีลวดลายเพราะจะเอาของเก่าไว้ขายโก่งราคาให้พวกนักสะสมในภายหลัง..."
"...เนื่องจากเขาไม่รู้ถึงตำนานของแหวนคู่บ้าน ลุงก้อนจึงเอาแหวนวงหนึ่งยกให้ป้าเปลื้องเมียของแกเอง ส่วนแหวนอีกวงนั้นลุงก้อนได้เอาไปให้นางสำรวยยอดชู้คู่รักหรือแฟนเก่าของแก ส่วนของที่เหลือนี่ก็เหลือเฉพาะที่เป็นลวดลายวิจิตรงดงาม เท่าที่เห็นอยู่นี้เป็นของล้ำค่า ลวดลายละเอียดสวยงามมากโดยฝีมือช่างทองจากราชสำนักหลวงพระบางในสมัยโบราณเลยทีเดียว ของที่ได้นี้เป็นของร้อนทำให้ผู้ที่ขโมยไปไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ต้องอาศัยสุราและสิ่งเสพติดเป็นเครื่องย้อมใจอยู่ตลอดมา..."
"แล้วทำไมแกจึงถูกฆ่าตายเล่าครับ แล้วใครเป็นคนฆ่า?"
"คงเป็นเหตุผลส่วนตัวหรือหักหลังอะไรกันสักอย่าง ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องสมบัติที่แบ่งไม่ลงตัวอย่างแน่นอน คนฆ่าก็คือหุ้นส่วนผู้ที่รู้เห็นด้วยนั่นเองแหละ..คนใกล้ตัว!"
"แล้วคดีของนางสาวสำเนียงล่ะ หล่อนตายยังไง?"
"ส่วนคดีของนางสาวสำเนียงแฟนของหลวงพี่สังเวียน ขออภัยด้วยนะครับหลวงพี่ที่ต้องเอ่ยชื่อ ด้วยความโกรธและอิจฉาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมาเห็นนางสาวสำเนียงสวมแหวนพลอยสวยเหมือนกันกับของเธอมางานศพในคืนแรกป้าเปลื้องจึงออกอุบายแอบกระซิบบอกสำเนียงว่าตอนสองยามพระสังเวียนจะไปรอพบอยู่ที่ท่าน้ำของวัดหลังซุ้มกระดังงา แล้วก็บอกคนร้ายอีกคนให้ไปหลอกพระสังเวียนในลักษณะเดียวกัน แล้วจึงลอบทำร้ายพระสังเวียนและฉุดเอาสำเนียงไปข่มขืนจะได้แหวนวงงามเป็นรางวัล ป้าเปลื้องคือผู้ชักใยแต่ไม่ใช่ฆาตกรอยู่ดีตามข้อสันนิฐานของผมในข้อนี้ ซึ่งก็อาจจะผิดก็ได้...แต่คนร้ายรายนี้ได้ใช้ชุดหมีอำพรางในการปฏิบัติการครั้งนี้..."
"...และคนร้ายชะล่าใจถึงกับได้ทำการปล้นชิงทรัพย์นายสมปองต่อที่ศาลเจ้าโพธิ์ไทรจนกระทั่งทำแหวนหายโดยไม่รู้ตัว จึงทำให้น้ายุพินเก็บได้ตามที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว..."
"เอ..พอจะเข้าเค้าเหมือนกันแฮะคุณทองตีบ แล้วคดีสุดท้าย คือคดีเสืออ่อนนั้นเป็นอย่างไรล่ะ ใช่ฆาตกรคนเดียวกันหรือเปล่า?" ผู้กองยุทธนาเห็นคล้อยตามพลางซักเข้าหาจุดหมาย
"อ๋อ..ของมันแน่นอนอยู่แล้ว ตามรูปการและร่องรอยที่ได้ชันสูตรแล้วว่าเสียชีวิตจากอาวุธชนิดเดียวกัน" หมอเช้าแพทย์ประจำตำบล ซึ่งได้เป็นผู้ชันสูตรศพทั้งสามร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบตอบทันทีและพูดเสริมอีกว่า
"แต่จะมาจากสาเหตุใดไม่รู้?"
"แสดงว่าพวกนี้เป็นพวกเดียวกันซีนะ?" กำนันอนุกูลออกความเห็นบ้าง
"คุณทองตีบว่าอย่างไรล่ะ?" ผู้กองยุทธนาหันมาถามทองตีบสันติบาลไร้สังกัด
"ผมคิดว่าเสืออ่อนผู้ตายอาจจะมาพบกับฆาตกรโดยบังเอิญหรือนัดพบกันก็ไม่รู้แต่ต้องผิดใจอะไรกันสักอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน จึงถูกสังหารโหดเช่นเดียวกัน อันนี้ยากที่จะเดาต้องคอยถามตัวฆาตกรเอาเองแล้วล่ะครับ"
"แล้วทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าใครคือฆาตกรที่ต้องสงสัยกันแน่หือ..ทองตีบ?" ผู้ใหญ่เต้รุกฆาต
"เขาทั้งสองคนนั้นก็คือมรรคนายกบรรจงและนายสอนพ่อค้าของเก่าคนนี้!" ทองตีบเอ่ยชื่อระบุตัวฆาตกรพร้อมทั้งชี้มือไปยังคนทั้งสองอย่างมั่นอกมั่นใจ
*********
มรรคนายกบรรจงหน้าซีดลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่นทำหน้าตาถมึงทึง เอ่ยตะโกนออกมาใส่หน้าทองตีบด้วยเสียงดังราวฟ้าถล่ม
"ผมไม่ใช่ฆาตกรอย่างแน่นอน คนอย่างผมธรรมะ ธรรมโม เข้าวัดทุกวันจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปได้อย่างไรกัน แกบ้าไปแล้วนายทองตีบ!"
"ใจเย็นๆซี่ท่านมรรคนายกทิดจง! ผมก็พูดไปตามความเห็นที่เป็นไปได้เท่านั้น จะฟังต่อไหมล่ะครับผู้กอง ผมจะชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?"
"เชิญต่อเลยครับคุณทองตีบ!" ผู้กองยุทธนาสนับสนุนทันที
จ่านายสิบตำรวจสุนทรและนายสิบตำรวจโทสมบุญรีบตรงเข้าหาคนทั้งสองพร้อมกับสวมกุญแจมือในทันที!
แล้วทั้งสองคนก็ถูกนำไปนั่งเก้าอี้แทนที่ครูจำรัสและสมปองตรงกลางห้องสอบสวน!
"คืออย่างนี้ครับ...ผมขอเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกอีกครั้งก็แล้วกันนะครับ..." ทองตีบยืดอกสูดลมหายใจลึกๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองอีกครั้ง เอามือเท้าโต๊ะของกลางหันหน้าไปทางคนทั้งสองที่นั่งอยู่กลางห้อง
"ลุงก้อนได้ขุดกรุร่วมกับนายบรรจงด้วยความโลภในทรัพย์สมบัติที่ตนเองได้ร่วมรู้เห็น โดยลุงก้อนนั้นเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมบรรจุลงกรุพร้อมกับเพื่อนอีก ๔ คนที่หลวงพ่ออั้นท่านไว้วางใจ ลุงก้อนเป็นคนที่พานายบรรจงมาเป็นมรรคนายกวัดหนองแข้นี้เอง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับสมบัติที่หมายตาไว้โดยไม่มีผู้ใดได้ระแคะระคายเลย..."
"มิน่าล่ะ!" นายตี๋โชเฟอร์สิบล้อจอมโวยอุทานออกมาเบาๆ
"คืนวันเกิดเหตุลุงก้อนออกจากบ้านลุงสิงห์ก็กะว่าจะไปขุดอีกครั้งตามที่ได้นัดแนะกับนายบรรจงไว้แล้ว แต่นายบรรจงกลับหักหลังโดยร่วมกับนายสอนหวังจะฮุบเอาสมบัติทั้งหมดโดยไม่แบ่งให้ลุงก้อน จึงร่วมกันสังหารลุงก้อนอย่างโหดเหี้ยมด้วยมีดและขวานตามความถนัด นายบรรจงใช้มีดแทงปาดคอแล้วนายสอนใช้ขวานฟันซ้ำแล้วก็หลบหนีไป..."
"โหดจริงๆพับผ่าซีวะ!"
ผู้ใหญ่สมนึกทำตาโตพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง ทำให้ผู้ฟังที่อยู่ในห้องพลอยฮือฮากันไปด้วย!
"ในคืนวันงานศพลุงก้อนวันแรก ก็ดังที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าป้าเปลื้องทำไปเพราะความอิจฉาริษยาลูกสาวป้าสำรวยคู่รักคู่แค้นเก่าที่เคยแย่งกันครองใจลุงก้อนสมัยยังหนุ่มยังสาวติดพันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ดันไปเข้าล็อกของสองคนนี่ นายสอนในชุดหมีจึงเล่นพระสังเวียนเสียหมอบแล้วช่วยกันฉุดนางสาวสำเนียงไปข่มขืนที่ลับตาคนแล้วก็เลยสังหารเสียด้วยกลัวว่าเธอจะโพนทะนาบอกให้คนรู้ไปทั่ว โดยพยายามที่จะป้ายความผิดไปให้แก่นายเหลือมเพียงผู้เดียว เพราะรู้ว่าตอนนั้นทางตำรวจกำลังปักใจเชื่อว่าฆาตกรโหดคือนายเหลือมแห่งบ้านลำน้ำเจิง ขากลับเจอนายสมปองนั่งอยู่ที่หน้าศาลเจ้าโพธิ์ไทรจึงรัดคอปล้นเสียด้วยเลย เพราะเห็นมีกระเป๋าเลยนึกว่ามีเงินมีทองเยอะ..."
"เลวเช็ดเลยไอ้พวกเปรต!" ผู้ใหญ่เต้รำพึงให้หมอเช้าฟังเบาๆ
"พวกนี้ตายไปต้องไม่ได้ผุดได้เกิดอีกอย่างแน่นอน" เสียงหมอเช้าคล้อยตาม
"แต่คนที่ซวยที่สุดก็คือพระสังเวียนที่โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง เจ็บตัวมีรอยแผลคล้ายกับฆาตกรแล้วยังถูกนางสำรวยจ้องจับผิดอีก เสียทั้งคนรักเจ็บทั้งตัวอีกต่างหาก กราบนมัสการนิมนต์หลวงพี่สังเวียนช่วยกรุณาเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังหน่อยซีครับ"
เสียงฮือฮาเอะอะของผู้ที่มาร่วมประชุมกันนั้นฟังไม่ได้สรรพ จนกำนันอนุกูลต้องลุกขึ้นยืนขอร้องให้เงียบเสียง โดยมีนายตี๋โชเฟอร์สิบล้อจอมโวยช่วยกระจายเสียงแปดหลอดของเขาอีกที จึงทำให้ความเงียบกริบกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
พระสังเวียนจึงกล่าวอย่างสำรวมต่อหน้าที่ประชุมสัมมนาปัญหาฆาตกรรมซ้ำซากด้วยสีหน้าปกติ
"เจริญพรญาติโยมทุกท่าน อาตมาขอลำดับเหตุการณ์ตามความเป็นจริงดังนี้คือ ในคืนงานศพโยมก้อนคืนแรก พอสวดพระอภิธรรมเสร็จทิดจงก็ได้มากระซิบบอกอาตมาก่อนเข้าจำวัดที่กุฏิว่า คืนนี้เวลาสองยามโยมสำเนียงจะมาดักรออาตมาที่ท่าน้ำ ซึ่งอาตมาก็หลงเชื่อ ทั้งที่ยังไม่ได้ถามถึงเหตุผลเลยสักนิดเดียว อาจเป็นเพราะเห็นว่าทิดจงเป็นคนที่น่านับถือ..."
"ไอ้คนหลอกลวง หลอกได้แม้กระทั่งพระ!" เสียงทิดแร่สารวัตรกำนันสบถพึมพำ
"...ครั้นพอเวลาสองยามตรง อาตมาก็เดินลงไปที่ท่าน้ำ แต่ก็ได้ถูกคนที่สวมชุดขนสัตว์รัดคอจนหายใจไม่ออกหน้าทิ่มลงไปบนบันไดทางลงท่าน้ำและสลบไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ยามสามแล้วจึงได้รีบกลับขึ้นกุฏิเพราะมองไม่เห็นมีใครเลยสักคน"
"หลวงพี่ไม่เห็นใครเลยหรือครับ?" นายร้อยตำรวจเอกหนุ่มถามขึ้นบ้าง
"ไม่เห็นมีใครแม้แต่คนเดียวครับ อาตมาก็เลยกลับขึ้นกุฏิทั้งๆที่เจ็บแผลที่ใบหน้า มารู้ตัวอีกทีก็ในวันรุ่งขึ้นแล้ว ว่าคืนเดียวกันนั้นโยมสำเนียงก็ถูกฆาตกรรมที่บ้านใต้ข้างศาลเจ้าโพธิ์ไทร ทำให้อาตมาไม่สามารถที่จะทำใจออกไปสวดพระอภิธรรมศพของเธอได้ ขออโหสิกรรมด้วยเถิดโยม"
หลวงพี่สังเวียนพูดจบก็ก้มหน้าลงมองพื้นแสดงท่าทางอาการซึมเศร้าอย่างน่าสงสาร เพราะท่านคงพยายามทำใจมาหลายวันแล้ว
*********
เมื่อวันที่ : ๓๐ มี.ค. ๒๕๕๑, ๐๖.๕๘ น.
สนุกมากค่ะ มาร่วมตั้งชื่อตอนด้วย เป็น "เปิดปมปริศนา"นะคะ