![]() |
![]() |
ปักษิณ![]() |
...๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ๒๓.๐๐ นาฬิกา กลางดึกคืนนั้น สาวสำเนียงนอนไม่หลับ หล่อนเอาแต่นอนลืมตาโพลงพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย หวนคิดถึงใบหน้าอั...
ตอน : ศพที่สอง
๙ ธันวาคม ๒๕๐๑๒๓.๐๐ นาฬิกา
กลางดึกคืนนั้นสาวสำเนียงนอนไม่หลับ หล่อนเอาแต่นอนลืมตาโพลงพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย หวนคิดถึงใบหน้าอันซีดเซียวของหลวงพี่สังเวียนพระผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ผู้ซึ่งเป็นที่รักของนางด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้ง
โถ..ท่านคงตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกทีเดียวที่ต้องเดินบิณฑบาตออกไปพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นตั้งแต่ยังไม่ทันรุ่งแจ้งดี
ขวัญคงหนีและอารมณ์คงเตลิดไปไกล!
ดูใบหน้าของพระสังเวียนก็เห็นแต่ริ้วรอยแห่งความเศร้าหมองเหม่อลอยอย่างไรพิกล นี่เราจะช่วยหลวงพี่ได้อย่างไรดีหนอ เมื่อสาวสำเนียงคิดมากๆเข้าน้ำตาเจ้ากรรมก็พาลจะไหลเอาทีเดียว
นางสำรวยแม่ของสำเนียงนอนฟังเสียงลูกสาวนอนดิ้นพลิกตัวไปมาจนเกือบครึ่งคืนด้วยความสงสารและรำคาญระคนกัน จึงลุกขึ้นจุดตะเกียงฉวยเชี่ยนหมากพลูออกมาตำหมากกลางดึกเสียงดังกุกๆอยู่ข้างที่นอนนอกมุ้ง เสียงแกกระแอมกระไอพลางพูดเปรยๆขึ้นว่า
"คิดจะแหกผ้าเหลืองสึกพระหรือยังไงวะอีหนู?"
"แม่เนี่ย..ชอบพูดบ้าๆ พูดอะไรเพ้อเจ้อ! หนูจะไปสึกพระได้อย่างไรกัน บาปได้กินหัวตายปะไร"
"ก็ข้าเห็นเอ็งนอนดิ้น พลิกไปพลิกมาเหมือนเสาเรือนจะพัง ไหนมีเรื่องอะไรที่แม่ไม่รู้หรืออยากให้แม่ช่วยก็บอกแม่มาทีซิ เผื่อว่าจะมีหนทางจะได้ช่วยกันแก้ไข"
"แม่ว่าเขาจะจับตาเหลือมได้ไหมเนี่ย?"
"ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ ข้าไม่ใช่ตำรวจนี่หว่า แต่มันน่าจะจับได้หรอกนะเพราะเดี๋ยวนี้ตำรวจเขาเก่งจะตายไป ว่าแต่เอ็งเถอะคิดจะรอแต่พระเพียงองค์เดียวหรือ? เห็นครูจำรัสเขาก็สนใจเอ็งอยู่เหมือนกันไม่ใช่รึ?"
"ครูจำรัสขี้เมานั่นนะหรือแม่ หน้าตาเขาก็เข้าที งานการก็ดี เสียอย่างเดียวขี้เมาหยำเป ปล่อยให้เขาสนหนูไปคนเดียวก่อนเถอะนะ"
"นี่ใจคอเอ็งจะจับปลาสองมือหรือไงวะ ปล่อยให้เขารอ แต่ตัวเองไปสนใจพระสนใจเจ้า เฮ้อ!..กูล่ะกลุ้มใจกับมึงจริ๊งๆ"
"แม่ก็รู้นี่นาว่าหนูรักกับหลวงพี่สังเวียนมาก่อนที่ท่านจะบวช อีกอย่างเราก็สัญญากันแล้วด้วยว่า เราจะแต่งงานกันเมื่อท่านสึกออกมา"
"สองพรรษาแล้วนะเอ็ง ข้าว่าเอ็งอย่ารอท่านต่อไปเลยวะ ดีไม่ดีท่านเกิดไม่สึกขึ้นมา ลูกสาวข้ามิเป็นหม้ายขันหมากหรือสาวทึนทึกรึ"
"คิดว่าหลังปีใหม่นี้ท่านต้องสึกแน่จ๊ะแม่ เห็นท่านเปรยๆว่าอย่างนั้นนี่"
"ยังไงๆ ข้าก็ว่าเอ็งก็ควรที่จะเอาใจครูจำรัสเขาหน่อยนะ ถือเสียว่ารักษาน้ำใจกันไว้ไม่เสียหลาย"
"ครูจำรัสเพิ่งย้ายมาเมื่อไม่นานนี้เองยังไม่ครบปีดีเลย แม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ?"
"คนไม่ดีจะเป็นครูได้หรือวะนังหนู?"
"ก็ได้ถ้าแม่ว่าเขาดีหนูก็จะดีกับเขา แต่แม่ต้องไปบอกให้เขาเลิกกินเหล้าเสียก่อนซี่ กลี่นตัวยังงี้เหม็นหึ่งเลย ไม่อยากคุยด้วย เหม็นสาบเหล้าจะตายไป"
"อืมม..ม! ไอ้ก้อนมันก็ตายเพราะเหล้าเหมือนกัน เอ็งคิดถูกอีหนู แล้วข้าจะหาทางบอกเขาให้เอง ไม่ต้องกลัวหรอก"
"นอนเถอะจ๊ะแม่ สองยามแล้ว"
นางสำรวยคายชานหมากแล้วจึงดับตะเกียงรั้วเปิดมุ้งเข้าไปนอนยิ้มคนเดียวในความมืด ด้วยนางใฝ่ฝันเสมอมานานแล้วที่จะมีลูกเขยเป็นข้าราชการ แกหวังจะได้พึ่งพาลูกสาวคนเดียวของแกในยามแก่เฒ่า
คืนนั้นตั้งแต่หลังสองยามจนสว่าง นางสำรวยไม่ได้ยินเสียงดิ้นของลูกสาวอีกเลย!
*********
๑๐ ธันวาคม ๒๕๐๑
๒.๐๐ นาฬิกา
เสียงหมาหอนเกรียวรับกันเป็นทอดๆจากหน้าวัดหนองแข้เรื่อยมาทางบ้านเหนือ ผ่านบ้านลุงสิงห์เสียงร้องยิ่งโหยหวนหนักขึ้น ทำเอาลุงสิงห์เจ้าของบ้านที่เพิ่งจะหลับต้องสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นกลางดึก เสียงหอนของมันเย็นเข้าไปถึงทรวงในชวนให้ขนลุกเกรียว
ลุงสิงห์ผลุดลุกขึ้นนั่งชันเข่ายกมือท่วมหัว
"ไปที่ชอบที่ชอบเถอะวะไอ้ก้อน พรุ่งนี้กูจะทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้มึงเอง" พูดจบแกก็สวดอิติปิโสอยู่ในใจพลางนึกถึงลุงก้อนเพื่อนร่ำสุรา พร้อมขอร้องว่า
"ขอให้วิญญาณของมึงจงไปสู่สุคติเถิด และอย่าได้ติดตามมารบกวนซึ่งกันและกันอีกเลย"
ลุงสิงห์หายเมาเป็นปลิดทิ้ง!
แกจุดธูปจุดเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำบ้าน ลมหนาวพัดผ่านเย็นยะเยือกจับใจ เสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน
จุดยาสูบใบจากอัดควันโขมง พยายามที่จะข่มตาให้หลับ!
แกขยี้ก้นยาสูบกับกระโถนข้างกายก่อนม่อยหลับไปในที่สุด
*********
๒.๑๐ นาฬิกา
นางสำรวยได้ยินเสียงหมาหอนขณะที่กำลังจะเคลิ้มๆหลับอยู่รอมร่อ!
เสียงโหยหวนที่เยือกเย็นนั้นทำให้แกต้องเอามือยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัวผีหรือวิญญาณ เพราะเสียงหมาหอนอย่างนี้คือสัญญาณบอกถึงการมาของวิญญาณนั่นเอง
แกแอบเปิดโปงผ้าห่มที่คลุมอยู่ชำเลืองไปทางมุ้งของลูกสาว เห็นสำเนียงยังหลับสนิทไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
แกจึงไม่อยากปลุกหรือรบกวนลูกสาว
หากนางสำรวยคงสวดภาวนาคาถากันผีต่อ จนสักพักหลังจากที่เสียงหมาหอนค่อยๆเงียบหายไป แกจึงหลับสนิทไปในที่สุด
*********
๖.๓๐ นาฬิกา
นายบรรจงมรรคนายกวัดหนองแข้ควบรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพอย่างรีบเร่งมุ่งหน้าสู่วัดหนองแข้หวังพบท่านพระครูอั้นเจ้าอาวาสเพื่อเรียนให้ท่านทราบถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มใหม่อีกรายหนึ่งต่อจากรายนายก้อน
มรรคนายกบรรจงเพิ่งกลับจากโรงพัก สภต.ลำกระเฉดเพื่อให้การเป็นพยานแก่ตำรวจ ในฐานะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสถานที่อันเป็นต้นเหตุของฆาตกรรมอีกรายนั้น เมื่อให้การเสร็จแล้วแกก็รีบเดินทางมาพบหลวงพ่ออั้นทันที
"ฆ่ากันตายอีกรายแล้วครับหลวงพ่อ" นายบรรจงรายงานหลวงพ่ออั้นด้วยน้ำเสียงและท่าทีขึงขัง
"อีกแล้วเรอะ?"
"ครับหลวงพ่อ คราวนี้เป็นผู้หญิง ถูกฟันหัวแบะเหมือนรายนายก้อนเปี๊ยบเลยและก็ถูกปาดคอเกือบขาดเหมือนกันด้วยซีครับ"
"ใครล่ะทิดจง...สาวหรือแก่?"
"สาวครับหลวงพ่อ"
"ใครล่ะทีนี้"
"อีสำเนียงครับ!"
"สำเนียงไหน?"
"ก็สำเนียงลูกสาวยายสำรวยไงละครับ!"
"อ๋อ..ลูกสาวนางสำรวยนี่เอง"
"ใช่แล้วครับหลวงพ่อ"
"เหตุเกิดที่ไหนล่ะโยม"
"ที่ข้างศาลเจ้าโพธิ์ไทรเมื่อคืนนี้เอง เยื้องบ้านผมเลยไปสักยี่สิบวาเห็นจะได้"
"เอ..อาตมาว่าท่าทางมันจะเกี่ยวข้องกันนะเนี่ยทิดจง ถ้าลงได้ฆ่ากันตายใกล้เคียงกันอีแบบนี้"
"เมื่อตะกี้นี้ผู้กองให้ผมรีบมารายงานหลวงพ่อก่อนกลัวว่าหลวงพ่อจะรอ ยังไม่ได้แวะบ้านยายสำรวยแจ้งข่าวร้ายให้เขารู้เรื่องเลย"
"อ้าว..นางสำรวยยังไม่รู้เรื่องอีกเรอะ?"
"ยังเลยครับ น่ากลัวว่าอีสำเนียงมันคงจะแอบหนีไปเที่ยวคนเดียว เดี๋ยวผมต้องขอตัวไปแจ้งข่าวร้ายให้ยายสำรวยทราบก่อนนะครับ"
"เออ..รีบไปเถอะทิดจง แล้วค่อยกลับมาจัดการเรื่องทางนี้ทีหลัง"
"ครับหลวงพ่อ"
*********
เมื่อวันที่ : ๐๔ มี.ค. ๒๕๕๑, ๒๒.๓๐ น.
ตอนนี้ ขอตั้งว่า "ศพที่สอง" ค่ะ