![]() |
![]() |
pilgrim![]() |
...ฉันก็นึกประหลาดใจ เพราะทุกที ฝรั่งเขาจะไม่ค่อยยุ่งกับคนแปลกหน้า แถมเรียกกินของด้วยเนี่ย หาได้ยากมากเลย เพราะฝรั่งน่ะ มักชอบกินแบบของใครของมัน...
ตอน : บินข้ามฟ้า มหาสมุทร สุดปลายทางที่ออสเตรเลีย (2)
สำหรับการเดินทางเที่ยวนี้ เราขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ แล้วมาลงที่ซิดนีย์ก่อน จากนั้นจึงต่อสายการบินในประเทศ เพื่อไปแคนเบอร์ราอีกทีอันว่า แคนเบอร์ร่านี้ คือ เมืองหลวงของออสเตรเลียนะคะ หาใช่ ซิดนีย์หรือเมลเบิร์น
อย่างที่เรา(หรือฉันคนเดียว) เข้าใจกันไม่
ตอนรอขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ฉันได้เจอคุณป้าคนหนึ่ง (ความจริงอาจจะเป็นคุณพี่ก็ได้ เพราะดูท่านยังแข็งแรง แต่ท่านเรียกแทนตัวเองว่าป้า ฉันก็เลยต้องเรียกท่านว่าคุณป้า)
คุณป้าเรียกฉันด้วยความดีใจเมื่อฉันเดินผ่าน
"หนูๆๆ คนไทยใช่ไหม จะไปซิดนีย์หรือเปล่า"
"เปล่าค่ะ หนูจะไปแคนเบอร์รา แต่จะไปลงเปลี่ยนเครื่องที่ซิดนีย์ค่ะ"
"ป้าเดินทางคนเดียว ไม่มีเพื่อนเลย จะไปหาน้องสาวที่ซิดนีย์ แต่ป้าเคยไปมาก่อนแล้วละ เพียงแต่เที่ยวนี้ ต้องไปคนเดียว เวลาลงที่ซิดนีย์ หนูคอยยืนใกล้ๆกัน ตรงตรวจคนเข้าเมืองได้ไหม"
"หนูก็ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ คุณป้า ว่าจะเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ซิดนีย์เลยหรือเปล่า ยังไงดูกันอีกทีแล้วกันนะคะ"
แล้วคุณป้าก็ชักชวนฉันให้นั่งคุยกัน คู่สามีภรรยาฝรั่งคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็มองๆพวกเรา
ฉันนั่งคุยกับคุณป้าไปเรื่อยๆ ทราบว่า พี่สาวของท่านไปเปิดร้านอาหารอยู่ที่ซิดนีย์ คุณป้าก็คงจะไปทำงานช่วยพี่สาวในร้านอาหารเหมือนกัน
เที่ยวนี้ คุณป้ากลับมาเยี่ยมบ้าน แต่พอจะกลับเข้าซิดนีย์อีกทีก็ชักกลัวๆเหมือนกัน เพราะคราวนี้เดินทางคนเดียว ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้
นั่งคุยกันสักพัก สามีภรรยาคู่นั้นก็หยิบถุงถั่วอัลมอนด์มานั่งกิน แล้วก็ยื่นให้คุณป้ากินด้วย
ฉันก็นึกประหลาดใจ เพราะทุกที ฝรั่งเขาจะไม่ค่อยยุ่งกับคนแปลกหน้า แถมเรียกกินของด้วยเนี่ย หาได้ยากมากเลย เพราะฝรั่งน่ะ มักชอบกินแบบของใครของมัน
หรือว่าฝรั่งคู่นี้คุ้นกับวัฒนธรรมแบบคนไทยที่ชอบเรียก ชี้ชวนกันกิน
คุณป้าท่านก็รับของเขามากิน ฝรั่งคู่นั้น ยังเรียกฉันกินด้วยเสียอีก
ฉันก็...เอ๊ะ..ทำไมฝรั่งใจดีจัง...
แต่ตอนนั้น ก็รับของเขามากิน เพราะไม่อยากให้เขาเก้อ เสียน้ำใจ
แล้วก็นึกด่าตัวเองในใจว่า...นี่เรารับของกินจากคนแปลกหน้าทำไมนะเนี่ย...
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ เพราะฉันยังมีน้องๆจากที่ทำงานเดียวกัน นั่งอยู่ไม่ห่างไปนักอีกตั้งสองคน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน น้องๆเขาจะต้องเข้ามาช่วยแน่ๆ
พอถึงเวลาขึ้นเครื่องบิน เราก็แยกย้ายกันไปนั่งตามที่นั่งของตน
แล้วฉันก็ไม่ได้เจอกับคุณป้าผู้นั้นอีกเลย....
เราออกเดินทางตอนหกโมงเย็น เสียงประกาศบนเครื่องบอกต้องใช้เวลา 9 ชั่วโมง กว่าจะบินถึงซิดนีย์
โอ้โฮ...ฉันเคยคิดว่า เมืองไทยกับออสเตรเลียใกล้กันแค่นี้ แต่ทำไมมันใช้เวลาบินนานอย่างนี้หนอ
จากหกโมงเย็น ไปถึงซิดนีย์ก็ราวๆ ตีสามของเมืองไทย แต่มันจะเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า ตามเวลาท้องถิ่นของออสเตรเลีย
อยู่บนเครื่องบิน ฉันก็หลับๆ ตื่นๆ ตามประสา คนนอนยาก แต่ตื่นง่าย สรุปแล้วก็ไม่ค่อยได้นอน
พอถึงซิดนีย์ ก็เข้าแถวเพื่อรอตรวจคนเข้าเมือง
ฉันพยายามมองหาคุณป้า ก็ไม่เจอ ฉันลองสังเกตดูบรรยากาศของการตรวจ เจ้าหน้าที่ ไม่ซีเรียสเหมือนอย่างที่อังกฤษหรือเยอรมนี ที่ฉันเคยเจอมา
ประเทศที่ว่านั่น เขาจะสัมภาษณ์เราด้วย ว่าเราเป็นใคร มาทำไม เมื่อไหร่จะกลับ จะไปไหนบ้าง
แต่ที่ซิดนีย์ไม่มีถามเลย ดูแต่เอกสาร แล้วก็ปล่อยผ่านฉลุย
ที่ด่านก็มีแต่หน้าตาหมวยๆ ตี๋ๆ เป็นส่วนใหญ่
พี่ที่เคยมาเรียนที่ออสเตรเลียบอกว่า ด่านที่นี่ไม่ค่อยเข้ม เพราะคนเอเชียที่ออสเตรเลียมีเยอะมาก เรียกว่า เห็นกันจนคุ้น
อีกประการหนึ่ง กระบวนออกวีซ่าของสถานทูตออสเตรเลียจากเมืองไทยเข้มมาก เขาถือว่า เขาได้สกรีนผ่านมาอย่างดีแล้ว เพราะการขอวีซ่าที่สถานทูตออสเตรเลียยากมาก
จากนั้น ก็เป็นการรอรับสายพานจากกระเป๋า
ระหว่างกระเป๋าวิ่งอยู่บนสายพาน ก็มีน้องหมา สุนัขตำรวจวิ่งออกมาดมๆไปทั่วกระเป๋าทุกใบ
เมื่อได้กระเป๋ามา ก่อนจะออกจากสนามบินได้ ก็ต้องผ่านการสแกนกระเป๋าอีกครั้ง
แล้วก็มีช่องให้เราเลือกเข้า คือ จะ declare ของ (ช่องแดง) หรือไม่ declare(ช่องเขียว)
ผู้สันทัดกรณีเตือนมาว่า การนำของเข้าออสเตรเลียนั้นยากมาก
แม้แต่จะเอามาม่าไปรับประทาน ก็ขอแนะนำว่า ควรเป็นแต่รสต้มยำกุ้ง เท่านั้น เพราะรสอื่นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากเนื้อสัตว์ทันที (เช่น หมูสับ เป็ดพะโล้) แต่ถ้าเป็นซีฟู้ดไม่เป็นไร
หมูหยอง หมูแผ่นห้ามเด็ดขาด นม เนย ชีส อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
ยิ่งพืชผัก ผลไม้ ยิ่งแล้วใหญ่ ห้ามสุดๆ
เขาบอกว่า ถ้าไม่แน่ใจว่าของที่เอามา เอาเข้าได้หรือเปล่า ให้เข้าช่องแดงไว้ก่อน ดีกว่าเข้าช่องเขียวแล้วถูกปรับ เสียกะตังค์ แฮ่ๆๆ
แม้แต่ยาแก้ปวดหัว ยาอม ยาดม ยาลม ยาหม่องก็ควรเข้าช่องดีแคลร์ บอกเขาไปเลยค่ะ
ขณะยืนเข้าแถว รอสแกนกระเป๋า พลันก็มีเสียงประกาศว่า ผู้ที่นำพรรณพืช สัตว์ และอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์ นมเนย จากสัตว์เข้าประเทศ ถือเป็นการผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง และจะต้องถูกปรับเป็นเงินหลาย
ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า เพื่อนคนหนึ่งฝากของที่ระลึกให้พี่แจ๊ว และที่ห่อของมีใบโพธิ์แห้งลอกเหลือแต่เส้นใย วางประดับไว้อย่างสวยงาม
...เอ มันจะถือเป็นพรรณพืชได้ไหมเนี่ย...
ฉันลองปรึกษาน้องๆ
เขาบอกว่า... ถือค่ะ ถือ พี่พิลอย่าเสี่ยงดีกว่า...
ฉันเลยต้องไขกุญแจกระเป๋า แกะห่อของฝาก เอาใบโพธิ์สวยๆ ไปทิ้งด้วยความเสียดาย
แต่เดาเอาว่า การกระทำของฉันคงไม่รอดหูรอดตาเจ้าหน้าที่ไปได้
เมื่อถึงคิวเรา มีเจ้าหน้าที่ชายวัยกลางคน เดินเข้ามาเชิญเป็นการส่วนตัว
บอกว่า เลดี้จ๋า เชิญไปกับไอได้เลย ทางโน้นนะ ทั้งสามคนเลย
แล้วฉันกับน้องอีกสองคนก็เลยถูกพาตัวไปเข้าห้องตรวจพิเศษ เป็นการส่วนตัว อะแฮ่ม...
แล้วพี่แกก็เปิดกระเป๋าของพวกเราดูทุกคนเลยค่ะ
น้องคนหนึ่งบ่นพึมพัม
พี่ดูสิ กระเป๋าหนูไม่ได้มีอะไรเลย มีแต่ชุดชั้นในกับเสื้อผ้า
ฉันก็บอกว่า
ของพี่ก็ไม่ต่างจากน้องหรอกค่ะ เพราะเรามาดูงาน ไม่ได้อยู่หลายวัน จะเอาอะไรมานิ
พวกเราจึงยืดอกให้ตรวจค้นแต่โดยดี ฉันก็ยืดได้เต็มที่ เพราะเอาใบโพธิ์ทิ้งไปแล้ว...ฮิๆๆๆๆ
ท้ายสุด การตรวจค้นก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรแปลกปลอมอยู่ในกระเป๋าของพวกเราทั้งสามคน
ตอนนั้น ก็เป็นเวลาราวๆ ตีสี่เมืองไทย แต่เป็นเวลาราวๆ เจ็ดโมงเช้าของที่โน่น
พวกเราก็ต้องมานั่งรอเครื่องบินเล็ก เพื่อบินต่อไปแคนเบอร์รา
ตอนขึ้นเครื่องบินเล็ก มีประมาณสามสิบที่นั่งได้กระมังคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
นี่ค่ะ ชาวคณะนั่งรอกันไป หาวกันไป
บินผ่านมหาสมุทร สวยมากๆค่ะ ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมง ก็ถึงแคนเบอร์รา
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เพราะไม่ค่อยได้นอนตลอดการเดินทาง ฉันก็ทั้งง่วง ทั้งเพลีย แต่โปรแกรมวันนั้น สุดโหดค่ะ

ออกจากเครื่องบินที่แคนเบอร์รา เขาให้เราไปรับประทานอาหารกลางวันเลยที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง
แล้วจากนั้นก็เริ่มโปรแกรมดูงานกันทันที
ฉันก็ต้องไปค่ะ ทั้งๆที่อยากจะนอนเต็มที

เมื่อวันที่ : ๒๑ ธ.ค. ๒๕๕๐, ๐๐.๔๒ น.
อ่านทั้งสองตอนเลยชอบมากค่ะ เล่าได้สนุกและตื่นเต้นดี ภาพบรรยากาศที่มองลงมาจากเครื่องบินสวยมากเลยค่ะ