![]() |
![]() |
กัลปจันทรา![]() |
...ถั่วหนึ่งกำมือ - เรื่องกรรมดีในฤดูกาลคริสต์มาส Georg Ebers
ท่านทหารผู้พันซึ่งเรากำลังพยายามประคบประหงมให้สุขภาพดีขึ้นนั้นหมอสั่งไว้ว่าไม่ควรเดินไก...
ท่านทหารผู้พันซึ่งเรากำลังพยายามประคบประหงมให้สุขภาพดีขึ้นนั้นหมอสั่งไว้ว่าไม่ควรเดินไก...
ตอน : ถั่วหนึ่งกำมือ - เรื่องกรรมดีในฤดูกาลคริสต์มาส
ถั่วหนึ่งกำมือ - เรื่องกรรมดีในฤดูกาลคริสต์มาส Georg Ebersท่านทหารผู้พันซึ่งเรากำลังพยายามประคบประหงมให้สุขภาพดีขึ้นนั้นหมอสั่งไว้ว่าไม่ควรเดินไกล และในเวลาตอนบ่ายหลังจากทำอะไรนิดๆหน่อยๆ เราขอร้องให้เขานั่งพักบนเก้าอี้ตัวที่สบายที่สุด เก้าอี้ตัวนั้นเราเรียกว่า "เก้าอี้คุณปู่"

ในเวลาที่พระอาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า แขกที่รักของเราจะจุดกล้องที่สาม (สุดท้าย) ที่หมออนุญาตไว้ให้แต่ละวันสูบอย่างมีสำราญ และส่งสัญญาณเรียกเด็กๆว่าถึงเวลาเล่าเรื่องแล้ว เด็กๆจะรีบเข้ามานั่งล้อมตัวเขาอย่างตื่นเต้นด้วยความต้องการฟังเรื่องเล่าตามประสาเด็ก
หมอสั่งไม่ให้ผู้พันซึ่งกำลังค่อยๆฟื้นตัวพูดเกินกว่าคราวละครึ่งชั่วโมง เพราะบาดแผลของเขานั้นรุนแรงและนายแพทย์ผู้ชำนาญหลายคนได้บอกตรงๆว่าเขาทำให้ทุกคนแปลกใจมากที่ยังมีชีวิตอยู่...บาดแผลนี้ควรทำให้เขาเป็นสมาชิกผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่ามานั่งอยู่ท่ามกลางมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ
เขาช่างมีเรื่องเล่าที่ทำให้คนฟังติดตามอย่างสนใจ ความจริงที่ว่าเขาต้องหยุดเล่าเมื่อตอนเรื่องกำลังน่าสนใจอาจมีส่วนทำให้คนฟังมีความตื่นเต้นมากขึ้น แต่มีเหตุผลอื่นด้วย เสียงของเขาเป็นเสียงทุ้มอบอุ่น นุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นเสียงที่มาจากชายร่างใหญ่ ไหล่กว้างอย่างเขา ไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบความลับที่มีเสน่ห์ซึ่งทำให้ไม่เพียงแต่เด็กๆเท่านั้นที่ชื่นชมติดใจและเพลิดเพลิน ผู้ใหญ่อย่างเราก็อดเพลิดเพลินด้วยไม่ได้ ดวงตาของเขานั้นมีประกายบอกอารมณ์ไปตามเรื่องที่เขาเล่า ทำให้เห็นว่าจิตวิญญาณของเขากระทบกระเทือนลื่นไหลตามเรื่องที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น
ลูกชายของเราคนหนึ่งมีอายุหกขวบ ที่ชื่อ "เฮอร์มี" นั้นเป็นเด็กที่ท่านผู้พันรักมากกว่าพี่ๆน้องๆทั้งหญิงและชาย เพราะว่าวันหนึ่ง "เฮอร์มี" น้อยตกใจตื่นกลัวอย่างน่าสงสาร เมื่อตำรวจนายหนึ่งทำเสียงขู่เพราะเด็กน้อยไม่สนใจเมื่อเขาสั่งให้ทำตัวให้เรียบร้อย จนทำให้แกตัวสั่นอย่างน่าสงสาร เราสังเกตเห็นว่าผู้พันสงสารหนูน้อย "เฮอร์มี" เป็นพิเศษ มากกว่าแม่หนูน้องน้อยของ "เฮอร์มี"ซึ่งตอนแรกใครๆก็นึกว่าท่านผู้พันคงจะเอ็นดูเป็นพิเศษเสียอีก ผมจะไม่มีวันลืมเสียงอ่อนทุ้ม เกือบอ่อนหวานราวเสียงของผู้เป็นแม่ ที่ดังมาจากปากของชายร่างใหญ่มีเคราสีเทา ศีรษะใหญ่กลมโต ใบหน้าขึงขังเลย เมื่อเขาปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังตกใจกลัว
เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดหมายจากชายที่มีความเป็นหัวหน้าเคยชินกับการออกคำสั่งควบคุมทหาร จากชายที่มีชื่อเสียงว่ากล้าหาญและเต็มไปด้วยพละกำลังแสนแข็งแรง จะกลายเป็นเด็กเมื่ออยู่ท่ามกลางเด็กๆ ภรรยาของเขาถูกฆ่าตายและลูกชายอายุเท่าๆหนูน้อย "เฮอร์มี" ก็ตายไปด้วยพร้อมกันกับลูกสาวอีกคน เราเชื่อว่าคนในครอบครัวของเราทำให้เขาคิดถึงสมาชิกของครอบครัวตนเองที่เขาสูญเสียไปอย่างโหดร้าย
เขามีเรื่องเล่าแบ่งเป็นหมู่หมวดอย่างชัดเจน บางเรื่องเขาเริ่มด้วยประโยคว่า "ฉันมาอยู่ตรงหน้านี่ไง" และในเรื่องเหล่านี้เขาจะเล่าแต่ความจริงเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เขาประสบมาในชีวิต และบางเรื่องเขาเริ่มด้วย "ในกาลครั้งหนึ่ง..." ซึ่งจะเป็นเรื่องนางฟ้า เรื่องเหนือเชื่อ ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องที่เราเคยได้ยินมาแล้ว หรือเป็นเรื่องที่เด็กๆทุกคนได้เคยฟังมาก่อน แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นเอง ซึ่งแต่ละเรื่องเต็มไปด้วยทั้งนางฟ้า นางไม้ ผีสาง คนแคระ คนป่า และตัวปีสาจ พร้อมทั้งมังกรที่พ่นไฟจากปาก มีคนกล้าหาญ บรรยากาศน่ากลัวอย่างลูกไฟที่ลอยไปมาเหนือบึงน้ำตอนค่ำคืน ความลึกลับต่างๆในป่าทึบ คนตัวแคระแกร็นที่มีคาถาทำให้คนงงงวยและชอบแกล้งคนและวิญญาณในหนองน้ำอย่างในเรื่องพื้นบ้านของชาวสก็อต แถมด้วยเรื่องวิญญาณในน้ำจากเรื่องพื้นบ้านของเยอรมันนี ที่เปลี่ยนรูปร่างเป็นเงือกได้

ฤดูเทศกาลคริสต์มาสกำลังจะมาถึง และในที่สุดก็เป็นค่ำคืนก่อนวันคริสต์มาสและเราพร้อมจะจุดเทียนรอบๆต้นคริสต์มาส หนูน้อย "เฮอร์มี" นั้นเมื่อวันที่ 23 ได้เอาของขวัญเล็กๆที่ตั้งใจซื้อไว้ให้พ่อแม่มาอวดพี่ชาย ของขวัญนั้นเป็นยางลบสำหรับพ่อ ดินสอนั้นจะให้แม่ ลูกถั่วนัทถุงเล็กๆให้ยาย และของเล็กๆอีกหลายชิ้นซึ่งไม่ยิ่งใหญ่อะไรมาก แต่ก็มีความหมายจากใจดวงน้อยๆนั้น ถึงราคาไม่แพงนักแต่ก็หมดค่าขนมที่อุตส่าห์อดออมไว้เพื่อเก็บงำเงินไปซื้อของขวัญในวันสำคัญของปี เจ้าพี่ชายที่ "เฮอร์มี" อุตส่าห์เอาของขวัญไปอวด

พี่ชายที่ชื่อ "คาร์ล" มีคำถามว่า พ่อซึ่งไม่เคยเขียนรูปอะไรเลยจะเอา "ยางลบ" ไปทำอะไร และเจ้าพี่ชาย "เคิร์ท" ก็ส่งเสียงล้อว่า "ยายจะเอาถั่วไปทำอะไร้ได้?" เพราะยายมีถั่วนัทหลายชนิดในสวนมากเป็นสิบเท่าที่พ่อหนู "เฮอร์มี" จะให้เสียอีก

น้ำตาใสๆเริ่มปริ่มในดวงตาของพ่อหนู "เฮอร์มี" ที่มองดู "ของขวัญ" อย่างโศกเศร้าทั้งๆที่เพิ่งนึกว่าเป็น "สิ่งวิเศษ" เมื่อไม่กี่นาทีมานี่เอง
พ่อหนูกลั้นสะอื้น

ผู้พันนั่งมองเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ และตอนนี้เองเมื่อเห็นท่าทางของ "เฮอร์มี" เขาเอื้อมมือไปรั้งร่างเล็กของพ่อหนูเข้าหาตัวอย่างอ่อนโยน จูบแก้มอย่างปลอบประโลม ลูบผมหยักเป็นลอนของพ่อหนูพลางกอดหนูน้อยไว้แนบอกกระซิบเสียงนุ่มให้หนูน้อยนั่งลงบนม้านั่งเล็กๆตรงหน้าเขา หันไปบอกให้เด็กๆทีเหลือให้นั่งลงด้วยและสั่งให้ "คารล์" และ "เคิร์ท" (เจ้าพี่ชายตัวร้าย) ให้ตะแคงหูฟังให้ดีในเรื่องที่เขาจะเล่าให้ฟัง
ตอนนั้นเองที่ผมกับภรรยาเข้าไปในห้อง (เรารู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นภายหลัง) และขออนุญาตเขาให้เราฟังเรื่องที่จะเล่าด้วย ผู้พันพยักหน้าอย่างยินดี แล้วเราก็จุดตะเกียงขึ้นเพราะมืดมากแล้ว และนั่งบนโซฟา ผู้พันเอามือลูบหนวดอย่างครุ่นคิด และหลังจากมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายสักอึดใจ เขาเริ่มขึ้นว่า "วันนี้จะเล่าเรื่อง "ถั่วนัทหนึ่งกำมือ" ดีไหมเฮอร์มี เอาไหมลูก?"
พ่อหนูน้อยเงยหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาขึ้นยิ้ม พลางพยักหน้าอย่างดีใจเต็มไปด้วยความหวัง ผู้พันกล่าวต่อว่า
"เด็กๆทุกคนเชื่อใช่ไหมว่าคนที่ตายไปแล้วนั้นจะกลับมาไม่ได้? ดังนั้นคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่รู้ว่า "สวรรค์" และ "นรก" นั้นเป็นอย่างไรเลยอย่างแท้จริง แต่ฉัน...เอาละมองฉันให้ดีนะ...ฉันพอจะบอกให้ว่าพอจะรู้ว่าสถานที่ทั้งสองนี้เป็นอย่างไร"
ภรรยาผมส่งกล้องพร้อมไม้ขีดให้ผู้พันทำให้เขาหยุดพูด เด็กๆต่างก็มองหน้ากันไปมาอย่างงงงวยสงสัย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้พันไม่ได้เริ่มเล่าด้วยประโยคที่ว่า "ฉันมาอยู่ตรงหน้านี่ไง" หรือ "ในกาลครั้งหนึ่ง..." และต่างก็กำลังสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง "วูฟแกงน์" ลูกชายหัวปีของผมที่อายุสิบสามขวบและเรียกน้องๆว่า "เจ้าเด็กอ่อน" และมีลักษณะที่ทำให้เราเชื่อว่าเขาจะเป็น "เด็ก" ที่โตเร็ว ขยับตัวทำท่าว่าเขาเชื่อว่านี่เป็นเรื่องแต่งมากกว่า แต่ก็ทำกิริยาอย่างตั้งใจฟังเมื่อผู้พันกล่าวต่อไปว่า
"กระสุนปืนสองลูกที่อยู่ในร่างกายของฉัน...และรอยฟันด้วยดาบที่ไหล่นี่...ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าฉันมีกระสุนกับรอยดาบได้อย่างไร ที่แน่นอนก็คือ ฉันตกลงจากหลังม้าในบ่ายวันหนึ่ง และไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนเช้าอีกวันหนึ่งเมื่อหน่วยทหารพยาบาลไปพบเข้าและพาไปโรงพยาบาล ที่โรงพยาบาลนี่เองที่ฉันรู้สึกตัวขึ้น...แต่ก่อนหน้านั้น...ที่เป็นระยะเวลาครึ่งวันกับหนึ่งคืน...ฉันไม่ได้มีชีวิตหรอกนะ ไม่มีชีวิตแบบที่มนุษย์ที่มีประสาทสัมผัสทั้งห้า"

เมื่อพูดด้วยประโยคเหล่านี้ เขามองไปทาง คาร์ล และ เคิร์ท ด้วยสายตาคมเฉียบ เด็กหญิงต่างก็จับมือกันไว้ ด้วยสีหน้าที่เห็นได้ว่า พวกเจ้าหล่อนเห็นว่าไม่น่าจะมานั่งใกล้คนที่เคยตายเลย ดีที่ผู้พันทำให้ทุกคนเห็นว่ายังอยู่เป็นปกติ...และมีชีวิตอยู่จากน้ำเสียงของเขา และท่าทางที่สูบกล้องมีควันออกมาให้เห็น
"ใช่แล้วเด็กๆ" เขากล่าวต่อ "สิ่งน่าพิศวง อธิบายไม่ได้ได้เกิดขึ้นกับฉัน ชายอายุมากอย่างฉัน ร่างนี้นอนท่ามกลางเสียงคร่ำครวญเจ็บปวดของเหล่าทหาร ม้าที่กำลังจะตาย เกวียนลากปืนที่พังทะลาย เกวียนบรรทุกกระสุน ระเบิดที่กำลังระเบิดตูมตาม อาวุธที่ทิ้งกลาดเกลื่อน...แต่วิญญาณของฉัน...ก็คงไม่ได้ทำบาปมากนัก...วิญญาณฉันได้รับอนุญาตให้ลอยขึ้นไปสู่สวรรค์ภายในเวลาสั้นๆแค่นับหนึ่งถึงสาม...เร็วเท่ากับที่พวกเธอเอ่ยประโยค "นี่ไงแอบเปิล" หรือ กล่าวว่า "สาวน้อยแสนสวยไอนามีตุ๊กตานอนบนตัก" เวลาแค่นั้นวิญญาณก็ใช้เดินทางถึงสวรรค์แล้ว และตอนนี้...อืม...เห็นในตาพวกเธอเลยนะว่า กำลังอยากรู้กันใหญ่เชียวว่า "สวรรค์" นั้นเป็นอย่างไร พระเจ้าช่วย...ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ ใครๆก็อยากรู้ จะบอกให้ เจ้าเด็กๆเอ๋ย...สวรรค์นั้นสวยสุดบรรยาย แต่ต้องเข้าใจนะว่าฉันไม่ได้รับอนุญาตให้บอกใคร สวรรค์นั้นต้องเป็นสิ่งลับสำหรับมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ บอกไม่ได้เดี๋ยวซาตานได้ยิน

ถึงตอนนี้ผู้พันต้องหยุดพูดเพราะเด็กๆต่างทำเสียงอุทานอย่างผิดหวัง แต่เขาไม่ยอมแพ้ และเล่าต่อไปด้วยเสียงที่บอกว่าจะไม่เปลี่ยนใจเล่าเรื่องสวรรค์เป็นอันขาด...
"เอาละ ไม่ต้องบ่น เล่าบรรยายลักษณะของสวรรค์ไม่ได้ แต่จะเล่าประสบการณ์ได้ ฟังนะ...นรกนั้นอยู่ใต้สวรรค์ซึ่งคงได้ยินกันมาบ้างแล้ว เป็นธรรมดาที่วิญญาณที่ไปสู่สวรรค์ไม่ได้ยินผู้อยู่ในนรกที่ส่งเสียงครวญครางอย่างทรมาณ เพราะหากได้ยินก็จะอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุขได้อย่างไรล่ะ...แต่มีเวลาหนึ่ง...คิดว่าครั้งหนึ่งในแต่ละปี...สวรรค์จะเปิดช่องให้วิญญาณบนสวรรค์มองลงไปในนรกได้ แต่มีกฎนะ คือว่า เมื่อประตูที่ซ่อนนรกไว้เปิดออก จุดมุ่งหมายนั้นคือเป็นเวลาให้ชาวนรกบางตนอาจจะถูกปลดออกมาได้ เพราะพระเจ้าได้ให้กฎไว้ว่า เทวดาบนสวรรค์มีโอกาสจะหาตัวสัตว์นรกที่เคยรู้ว่าทำ

///////
(รูปภาพ) ST. Peter
เมื่อวันที่ : ๑๕ ธ.ค. ๒๕๕๐, ๒๑.๕๘ น.
เข้ามาติดตามค่ะ.... อ่านตอนท้าย ๆ แล้วคล้าย ๆ แนวคิดในพุทธศาสนาเลยนะคะ... สัตว์นรกพอใช้กรรมหมดแล้ว ก็อาจจะไปเกิดในสวรรค์ได้...