![]() |
![]() |
pilgrim![]() |
ตอน : รอยยิ้มละไมในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เราตื่นกันไม่เช้าเท่าไหร่นัก เพราะน้องสาวบอกว่า สนามบินในพิษณุโลกนี้ อยู่กลางเมือง ไม่ต้องขับรถออกไปไกล เลสลีย์ถามว่า ทำไมนั่งเครื่องบินล่ะ นั่งรถไฟ รถทัวร์ไม่ได้เหรอ
ฉันก็บอกว่า ไม่ได้หรอก เพราะวันนี้ ฉันมีนัดจะไปเจอเพื่อนตอนเที่ยงที่กรุงเทพฯ นั่งรถอื่นกลับมาไม่ทันแน่
เลสลีย์ถามว่า เพื่อนที่ทำงานเหรอ
ฉันบอกว่า เปล่าหรอก เพื่อนรู้จักกันทางเน็ตน่ะ ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนหรอก
เลสลีย์ หัวเราะแล้วบอกว่า ยูมีแต่เพื่อนแบบนี้เหรอ ที่ภูเก็ตก็คนนึงแล้วนะ (เธอหมายถึงพี่วันดี)
เลสลีย์คงนึกกลัวๆเหมือนกัน เธอคงนึกว่าฉันบ้าระห่ำ ที่จู่ๆก็มานัดเพื่อนทางเน็ตมาเจอกัน ราวกับรู้จักกันมานับสิบปี
ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายกับเธอว่าไง ได้แต่บอกว่า รับรอง เพื่อนที่เราจะเจอนี้เป็นคนดี ฉันคุยกับเขามาร่วมสองปี แต่ละคนไม่มีพิษภัยแน่ (สงสัยเลสลีย์คงกลัวฉันถูกหลอกไปขาย)
เลสลีย์ก็คงงงๆ เหมือนกันที่เห็นฉันรับรองเป็นมั่นเหมาะ ฉันเองก็ไม่รู้จะบอกกับเธอว่าไง แต่ ในที่สุด เราไปไหนก็ไปกัน
ฉันบินกลับมาสุวรรณภูมิอีกครั้งพร้อมพ่อและเลสลีย์ คราวนี้ มีน้องลิง เพื่อนรุ่นน้องสนิทมากๆคนหนึ่งไปรับพร้อมกับคุณแม่ของน้องลิง
เพื่อนฉันเธอไม่ได้ชื่อ ลิงค่าง หรอกค่ะ ตรงกันข้าม เธอเป็นสาวสวยน่ารัก ดวงตาคมกลมโต หน้าหวาน แต่แววตาเป็นประกายตาซุกซน แถมทำอะไรก็ล่กๆลนๆ รวดเร็วฉับไว
สามีเธอจึงตั้งฉายาให้ว่า เธอเป็นเทพีลิง คือสวยแต่ล่กๆลนๆ พวกเราก็เลยเรียกเธอกันว่า มิสไทยแลนด์ลิงบ้าง หรือ น้องลิงบ้าง
ฉันรู้จักและสนิทกับน้องลิงมาตั้งแต่ตอนปริญญาตรี เพราะเราอยู่ในชุมนุมวรรณศิลป์ด้วยกัน น้องลิงเขียนกลอนเก่งมากๆ
เมื่อเรียนจบ เราก็แยกย้ายกันไป แต่ชีวิตเรามาวนเวียนเจอกันอีกครั้ง เพราะเธอเรียนโท แล้วบากบั่นมาหาฉันถึงบ้านเช่า เพื่อให้ฉันช่วยแปลบทคัดย่อวิทยานิพนธ์ให้ นับจากนั้น เราก็เลยไม่เคยพรากจากกันอีก
พอถึงตาฉันเรียนโทบ้าง ก็ได้อาศัยคอมพิวเตอร์ที่บ้านเธอพิมพ์วิทยานิพนธ์ เพราะตอนนั้น ฉันไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง
ไปนั่งพิมพ์วิทยานิพนธ์อยู่ที่บ้านเธอ นอนค้างอ้างแรม ได้คุณแม่ของเธอช่วยส่งกาแฟ ส่งขนม และหาข้าวให้กิน จนฉันรักแม่น้องลิงเหมือนแม่แท้ๆของฉันอีกคน
จนเมื่อน้องลิงแต่งงานแยกบ้านไปแล้ว บางทีฉันก็ยังไปนอนค้างกับแม่น้องลิง นอนดูละครน้ำเน่ากัน แล้วก็เม้ากันเป็นที่สนุกสนาน
เราร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาตลอด กัดกันก็บ่อยครั้ง เพราะฉันคือเสือ แต่เธอคือลิง แม้ขนาดเธอแต่งงานแล้ว ยังไม่วายกระเตงฉันไปนอนค้างที่บ้านด้วย
สามีเธอก็แสนจะดี เปิดห้องให้นอน หาข้าวให้กิน เล่าเรื่องตลกแจกมุข แถมร้องคาราโอเกะให้ฟัง (บางทีก็แย่งกันร้อง) เรียกได้ว่า น้องลิงได้สามีที่ประเสริฐ
คราวนี้ก็เช่นกัน น้องลิงและสามีเป็นสปอนเซอร์ที่พักพิงที่กรุงเทพฯให้ฉันกับเลสลีย์
น้องลิงเล่าว่า สามีเธอตื่นเต้นมาก ถึงขนาดลงทุนจัดสวน แต่งบ้าน และเตรียมโปรแกรมต้อนรับฉัน ฉันเองก็ซาบซึ้งใจมาก นามสมมุติของสามีน้องลิง เราเรียกเขากันว่า พี่พม่า
น้องลิงมารับที่สุวรรณภูมิแล้วก็พากันกลับบ้านคุณแม่ไปก่อน เพราะคุณแม่ต้องกลับไปดูแลคุณพ่อของน้องลิงที่นอนป่วยด้วยโรคชราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
น้องลิงหาข้าวกล่องให้ฉันกิน ก่อนจะขอตัวเข้าที่ทำงาน
จากนั้น ฉันกับเลสลีย์ก็นั่งรถตู้ขึ้นทางด่วนมาลงที่มาบุญครอง เพื่อจะมาต่อรถไฟฟ้าไปเซนทรัลชิดลมกัน แต่เวลาจวนแจมาก เพราะกว่าจะออกมาจากสุวรรณภูมิ กว่าจะกลับถึงบ้าน กว่าจะเดินทางมาถึงสยาม ฉันเลยโทร.บอกพี่แมวเหมียว ตามที่พี่แมวเหมียวให้เบอร์โทร.ไว้ ว่าฉันมาแน่ แต่อาจช้านิดนึง
ตอนแรก ตัดสินใจพาเลสลีย์ขึ้นแท็กซี่หน้ามาบุญครอง เพราะกลัวว่ากว่าจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า กว่าจะรอรถมา อาจต้องใช้เวลานาน แต่ปรากฏว่าคิดผิดที่ขึ้นแท็กซี่ เพราะถนนหน้าสยามเป็นวันเวย์ เราก็เลยลงจากแท็กซี่ แล้วเดินไปขึ้นรถไฟฟ้ากัน พี่ปาเก้ก็โทร.มาตามบอกให้ขึ้นรถไฟฟ้าดีกว่า (กว่าจะถึงพี่ปาเก้โทร.ตามอยู่หลายหน คงกลัวพวกเราหลง น่ารักจริงๆพี่เรา)
ในที่สุดก็มาถึงเซนทรัลชิดลมจนได้ เย้....
พี่ปาเก้บอกทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว รออยู่ที่ Food loft บอกให้ฉันกับเลสลีย์ขึ้นบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ แล้วพี่ปาเก้จะคอยดักอยู่ที่ปากประตูทางเข้าศูนย์อาหาร
ฉันก็หาพี่ปาเก้ได้ไม่ยากนัก เพราะเราต่างเคยแลกรูปกันดูมาแล้ว ด้วยต่างคนยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น อดใจไม่ไหวจนต้องแลกชมความงามของกันและกัน
จากนั้น ก็...แอ่น...แอน...แอ๊น...เดินมาที่โต๊ะ นั่งกันเต็มไปหมดเลย ฮิๆๆๆ ฉันพอจะเดาได้ไม่ยาก
ผู้ชายคนเดียวนั่งหัวโต๊ะ ต้องเป็นลุงช้างแน่ๆ จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้
ขาวๆนี่ก็ต้องเป็นน้องโพ เพราะดูเด็กกว่าใครเพื่อน ใบหน้ายิ้มย่อง สดใสราวกับท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ส่วนพี่แอ๊ดนี่ เคยเห็นกันมาบ้างแล้วในรูปถ่าย เดาได้เลย คุณพี่ตาโต คิ้วเข้ม ผมดำหยักสลวย สวยคมอีกคนหนึ่ง
ส่วนคุณพี่ร่างแบบบาง หน้าตาหวานละมุน น้ำเสียงไพเราะหวานละไมนี่ใช่เลย พี่แมวเหมียว (ผีเสื้อสมุทรนั่นเป็นภาพลวงตานะจ๊ะ)
พี่ปาเก้ของเรามาในเสื้อเหลือง หน้าตาเฮ้ว แต่ใจดีและยิ้มหวานเช่นกัน
ฉันแนะนำเลสลีย์ให้ทุกคนรู้จัก เริ่มนึกสงสารเลสลีย์ขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะคราวนี้ เราจะเม้าแตกกันเป็นภาษาไทยแล้วนะ เลสลีย์ก็รับประทานไปแล้วกัน
แล้วเราก็เริ่มเม้าๆๆๆกัน มีนินทาคนโน้น คนนี้บ้างพอเป็นกระสาย
พวกเราได้รับแจกบัตรเหมือนคูปองอาหารคนละใบ พี่ปาเก้บอกว่าใบละพันบาท(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)
ฉันกับเลสลีย์เพิ่งจะงาบข้าวกล่องกันมาหยกๆ แถมตอนเย็น เพื่อนอีกคนจะพาไปเลี้ยงมื้อเย็นที่ร้านอาหารของเธอ
เราเลยตกลงว่า งานนี้ เรากินแบบเบาๆไปก่อนแล้วกันนะ ฉันกับเลสลีย์ก็เลยกินแต่ไอติมกับผลไม้กัน
จากนั้น ก็เริ่มเม้าและโม้ ฉันก็เล่าให้พี่ๆและน้องโพฟังว่า มาภูเก็ตได้ยังไง
เราคุยกันมากจนจำไม่ได้แล้วว่า คุยอะไรกันบ้าง แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่ฉ่ำใจเลย เหมือนต้องแยกร่างคุยกับคนนั้นที คนนี้ที
แถมยังต้องคอยเทคแคร์เลสลีย์ เพราะไม่อยากให้เพื่อนเซ็งกับซับไตเติลภาษาไทยของเรามากเกินไป หนักเข้า เลยนั่งมองคนนั้นที คนนี้ที มองแล้วก็มีความสุขอยู่ในใจคนเดียว
ดีใจจ้า ที่ได้เจอทุกๆคนเลย แต่ละคนน่ารัก สมดั่งที่วาดหวังจินตนาการไว้ ทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้เคยอ่านมาในเว็บ
คิดถึงคูณแม่ใจดีที่พยาบาลลูกชายที่เป็นไข้เลือดออก และคอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขนก หนู ปู ปลา ภายในบ้าน
คิดถึงคุณพี่น่ารักที่พาไปเที่ยวชมอิตาลีทางภาพและตัวอักษร และเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องศิลปะ วรรณกรรม รวมทั้งเจ๊ๆ เฮียๆ ทั้งหลายในตลาดสด
คิดถึงบทกลอนหวานๆบ้าง ดุๆเด็ดๆบ้าง ของคุณลุงยังหนุ่มฟ้อ เอ๊ย คุณพี่ที่ตัวจริงทั้งอ่อนน้อม ใจดี และมีเฮ(ฮา)
คิดถึงบทแซวเจ็บๆขำๆ กับเรื่องราวต่างๆที่ คุณพี่เฮ้วของเราเขียน บางทีก็พาไปไหว้พระตั้งเก้าวัด
คิดถึงคุณน้องดวงจันทร์ เจ้าแม่พญางูบนศีรษะ ที่ไหล่ขวาสะพายกระเป๋า Billabong มือซ้ายมีไหดองเป็นอาวุธ (พี่ยังไม่ลืมภารกิจเรื่องตามล่าหารักแท้ของเรานะ)
คิดถึงคุณพี่คนไกล ชาวเกาะสวรรค์แดนใต้ ที่มักนำเรื่องราวดีๆในหนังสือต่างๆมาให้พวกเราได้อ่าน พร้อมทั้งเล่าเรื่องอาหารได้น่ากินชวนน้ำลายสอก็บ่อยครั้ง
แล้วก็หวนคิดถึง เพื่อนคนที่ไกลยิ่งกว่า ที่เคยได้เจอกันแล้วที่ลอนดอน แล้วเราไปป่วนในโรงละครเรื่องแฟนท่อมกัน
คิดถึงใครอีกหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นน้องมะลาวจอมแก่นแสนซน น้องแสบแม่ครัวผู้รอบรู้และฝีมือพอตัว อีกทั้งนกกะปูดที่บอกจะแกงป่าเห็ดให้กิน หรือคุณแสงดาว ที่คงจะพูดน้อย ต่อยหนัก ไม่ต่อยหอยเหมือนพวกเรา
แหม ถ้าได้เจอกันครบ คงจะไม่มีใครฟังใคร นอกจากจะแจกบัตรอาหารแล้ว คงต้องแจกบัตรคิวให้ผลัดกันพูด
น้องโพ ขอตัวแยกไปก่อน เพราะติดงาน ลุงช้างใจดียึดบัตรไว้ แล้วบอกจะเป็นเจ้ามือให้ แต่เกิดปัญหาคือ ถ้าไม่มีบัตรไปแสดง เขาไม่ให้ออกจากศูนย์อาหาร
ลุงช้างเลยต้องเดินไปส่งที่ประตูทางออก ฉันก็เลยอธิบายให้เลสลีย์ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเราก็ยังโม้ ยังเม้าต่อกันอีกสักพัก แล้วลุงช้างก็เลียบๆเคียงๆมาเก็บบัตรอาหารทุกใบไป รวมทั้งบัตรของฉันกับเลสลีย์ด้วย
เลสลีย์ตกใจ รีบกระซิบบอกฉันว่า อยู่ดีๆ คุณผู้ชายคนนั้น เขาก็เดินมาเอาบัตรไปแล้วนะ เราจะออกจากศูนย์อาหารได้หรือเปล่า
ฉันก็ถึงบางอ้อ ว่างานนี้ ลุงช้างท่านขอเป็นเจ้าภาพ (ขอบพระคุณนะเจ้าคะ)
แล้วก็เลยบอกเลสลีย์ว่า ไม่ต้องตกใจ คุณผู้ชายคนนั้น เขาจะเป็นคนจ่ายให้พวกเรา
เลสลีย์ก็เลยหายตกใจ แล้วกล่าวว่า ขอบคุณค่ะ ตามที่ฉันสอนเอาไว้ ด้วยน้ำเสียงแปร่งๆแต่น่ารักของเธอ
ฉันคิดถึงใครอีกหลายๆคน ที่ยังไม่มีโอกาสได้เจอ แต่ขอบอกเลยว่า งานนี้เป็นปลื้มมากที่ได้เจอพี่ๆและน้องโพ ต้องขอบคุณพี่ปาเก้ไว้ ณ ที่นี้จ้า ที่ช่วยเป็นโต้โผจัดนัดพบทั่วไทยให้
เลสลีย์บอกว่า เพื่อนยูคนนึงน่ะ เขานั่งรถมาตั้งสี่ร้อยกว่าโล เพื่อจะมาเจอยูนะ เธอหมายถึง พี่แอ๊ด
ทำให้ฉันเกรงใจพี่ๆและน้องโพเป็นกำลัง แต่ละคนมาไกลกันทั้งนั้น แถมธุระก็ยุ่งอีรุงตุงนัง ไหนจะติดพันเรื่องครอบครัวอีก
เลสลีย์บอกว่า เพื่อนยูเป็นคนดีกันทุกคน เชื่อแล้ว ว่าเราได้มาเจอคนดี แต่ก็น่าประหลาดใจนะ ว่าเพื่อนทางเน็ตจะดีได้อย่างนี้เชียวหรือ ดูอย่างเพื่อนยูที่ภูเก็ตสิ คนนั้นเขาก็ดีกับยูมากๆเลยนะ
ฉันได้ฟัง แล้วอยากแปลงร่างเป็นนักมวย ขึ้นเวทีแล้วไหว้กราดผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน รวมทั้งแอนตาซิล เอ๊ย......

![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อได้เวลาแยกกัน พวกเราก็ลงลิฟต์มาชั้นล่าง จากนั้น ฉันก็พาเลสลีย์เดินวนเวียนในห้างอีกพักหนึ่ง ยังมีความหวังว่าจะได้เจอลุงช้างและคืนเงิน แต่เมื่อไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจว่า เรากลับไปช้อปปิ้งที่ห้าง MBK ดีกว่า เพราะที่ชิดลมนี้ มีแต่ของแพงๆ หรูๆ ทั้งนั้นเลย
ขนาดเดินไปเข้าห้องน้ำของเขา ยังเผลอคิดว่าอยู่ในห้องน้ำที่ห้างฮารอดส์ กรุงลอนดอน การจัดแต่งห้องน้ำให้บรรยากาศเดียวกันเลย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เลสลีย์ตกกะใจกับรถแมงกะไซค์ที่จอดเรียงรายมากมายที่สยาม บอกให้ฉันชักรูปไว้ดู
เมื่อไปถึงมาบุญครอง ฉันก็พาเลสลีย์เดินดูตามร้านรวงต่างๆ โดยเฉพาะร้านขายของที่ระลึกแบบไทยๆ ซึ่งเลสลีย์และฉันต้องการซื้อมาฝากคนที่อังกฤษ
แล้วฉันกับเลสลีย์ก็เดินวนเวียน(เพราะหลงทาง) อยู่ในมาบุญครองอยู่นาน จนเย็น เพราะเลสลีย์อยากซื้อของมาฝากเพื่อนที่อังกฤษ รวมทั้งซื้อของอย่างอื่นด้วย เช่น เสื้อผ้า ที่เลสลีย์บอกว่า สวยและถูกมากๆ
จากนั้น เราก็นั่งแท็กซี่ไปแถว ถนนเพชรบุรี เพราะ เจ๊น้องเพื่อนคนหนึ่ง เปิดร้านอาหารกิจการของครอบครัว อยู่แถวประตูน้ำ
กว่าจะหาร้านเจอค่อนข้างทุลักทุเล เพราะซอกซอยแถวนั้น แคบมากๆ ร้านอาหารก็อยู่ในซอย เพราะกลุ่มลูกค้าคือ ชาวต่างชาติที่มาพักโรงแรมแถวนั้น ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ
เจ๊น้องเป็นเพื่อนเรียนปริญญาตรีและโทรุ่นเดียวกับน้องลิง สองคนนี้เข้าทีหลังฉัน ฉันเรียนเร็วมาแต่เด็ก เจ๊น้องอายุมากกว่าฉัน แต่ก็เรียกฉันพี่ เพราะฉันเข้าเรียนเป็นรุ่นพี่ ตอนเรียน เจ๊น้องเป็นเด็กกิจกรรมอยู่ชุมนุมสังคมพัฒนา เป็นสาวโสดอีกคนหนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตให้หลานๆ
ฉันจบปริญญาตรีมาอย่างน่าแปลก คือไม่เคยติดต่อกับเพื่อนที่เรียนในวิชาเอกหรือคณะเดียวกันเลย เพื่อนที่ยังติดต่อกันอยู่ เป็นเพื่อนที่รู้จักกันจากชมรมกิจกรรมต่างๆทั้งสิ้น
ตอนเรียน ฉันก็ไม่ค่อยได้เข้าไปคลุกคลีกับเพื่อนที่เรียนร่วมชั้นวิชาเอกเลย หากแต่ใช้ชีวิตอยู่ที่ตึกสโมสรนักศึกษาเป็นหลัก เหมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง
เพื่อนๆของฉันจึงต่างมาจากหลากหลายสาขาวิชา หลากหลายคณะ หากแต่มารวมกลุ่มกันเป็น"เด็กกิจกรรม" เป็นช่วงชีวิตที่สนุกมากๆ แม้สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงแรกๆ จะยังอึมครึม
ที่ร้านอาหาร เจ๊น้อง พี่พม่า น้องลิง มารอพวกเราอยู่แล้ว เจ๊น้องสั่งอาหารในร้านตัวเองมาให้เรากินหลายอย่าง จำไม่ค่อยได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง รู้แต่ว่าเป็นอาหารทะเลเสียเป็นส่วนใหญ่
ตอนจ่ายเงิน พี่พม่ากับฉันแย่งกันออก แต่ปรากฏว่าเจ๊น้องไม่ยอมเอาเงินของใครเลย เจ๊สั่งลุย สั่งเอง จ่ายเอง ในร้านของตัวเอง แถมน้องลิง ลิงสมชื่อ คุยออกรส ตวัดแก้วของร้านแตกไปหนึ่งใบ
อิ่มหนำสำราญ พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันกลับมากับน้องลิงและพี่พม่า เพราะไปอาศัยบ้านเขานอน
ถึงบ้าน พี่พม่าพาชมสวนและศาลาในสวนที่สร้างใหม่ ใหญ่กว่าเดิม
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
น้องลิงแอบเม้าสามีว่า ศาลานี้น้องลิงขอตั้งชื่อว่า ศาลาฮานามิ เพราะพี่พม่าแกรวยเพื่อน ชอบชวนเพื่อนๆมาสังสรรค์ให้ครื้นเครงเป็นประจำ แต่น้องลิงเบื่อ เพราะขี้เกียจล้างจาน
บ้านนี้อยู่กันสองคนสามีภรรยา ไม่มีคนรับใช้ประจำ มีแต่แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดซักรีดผ้าแบบเช้าไปเย็นกลับ ดังนั้น มื้อค่ำ น้องลิงจึงต้องรับบทแจ๋ว เก็บล้าง ปัดกวาดโต๊ะอาหารเอง ยิ่งถ้ามีแขกมาก น้องลิงก็ล้างจานมือเป็นระวิง
เลสลีย์ถูกใจสวนมากๆ ตามประสาคนอังกฤษ เธอบอกว่า สวนบ้านพี่พม่าสวยเหมือนเทพนิยาย
จากนั้น เราก็อาบน้ำ แล้วนอนพักผ่อนกัน เพราะพรุ่งนี้ ฉันจัดโปรแกรมให้เลสลีย์ไว้แล้ว จะไปไหนกัน โปรดติดตามตอนต่อไป

เมื่อวันที่ : ๒๖ ก.ย. ๒๕๕๐, ๒๑.๒๕ น.
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะ ที่พิลกริมโชคดีได้เจอเพื่อนจากเว็บที่เป็นคนดี
และก็มีเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่ทำให้เชื่อว่า เพื่อนกลุ่มนี้เป็นคนดีด้วยค่ะ
แต่น้องๆถ้าได้อ่านเรื่องนี้ ก็อย่าทำตามพี่พิลเลยเน้อ จะบอกให้ มันเสี่ยงมากกว่า
เพื่อนของพี่พิลกลุ่มนี้ เป็นเพื่อนรุ่นเก๋าและรุ่นแก่ เพราะงั้น เราจึงพ้นวัยหวานที่จะมาหลอกเจอกันให้ตื่นเต้นแล้วจ้า
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ