![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...เวลาตีสาม ทุกแห่งบนเกาะขนานมืดมิดและเงียบสนิท...
ตอน : ระเบิดปริศนา
เวลาตีสามทุกแห่งบนเกาะขนานมืดมิดและเงียบสนิทยกเว้นที่คลีนิคของหมอเพิ่มศักดิ์เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังวุ่นวายโกลาหลด้วยการนำผู้ป่วยที่ถูกยิงอาการสาหัสเข้าพยาบาลยังห้องฉุกเฉิน
แอนนามารียืนสะอื้นไห้กระซิกๆภายในอ้อมกอดของจ้อนอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อรอดูอาการของ มร. ฮันส์ กุลลิคเซ่นผู้เป็นบิดา ชายหนุ่มโอบร่างแบบบางนั้นแน่นกระชับและคอยพูดปลอบโยนเธออยู่ตลอดเวลา
ส่วนโซ้ดนั้นนั่งคุยอยู่กับนายดาบตำรวจบุญเที่ยงและผู้หมู่ประทิวอย่างเงียบๆบนชุดรับแขกที่ห้องโถงซึ่งจัดเป็นห้องเวชระเบียนและรอพบแพทย์ มีชุดรับแขกพร้อมทั้งเก้าอี้รอหมอเป็นแถวเรียงราย
จ้อนเอามือโอบประคองร่างแอนนามารีซึ่งขณะนี้คราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอค่อยแห้งเหือดลงแล้ว ผละจากหน้าห้องฉุกเฉินเดินมาสมทบกับโซ้ดและตำรวจทั้งสอง
ยังไม่ทันที่จ้อนและแอนนามารีจะทันได้นั่งลงบนโซฟาชุดรับแขกที่ทั้งสามคนขยับที่ให้ ทั้งหมดก็ต้องตัวชาตกตะลึงด้วยเสียงที่ได้ยินแว่วมานั้นดังก้องกังวานและสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้
ตูม ! !
"เสียงระเบิด !" ด.ต.บุญเที่ยงอุทานออกมา
เสียงนั้นดังมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งบนเกาะขนานนี่เอง !
ทั้งห้าคนวิ่งออกมานอกห้องทางด้านหน้าคลีนิคราวกับนัดกัน !
แสงไฟที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าปรากฏขึ้นทางปลายแหลมอีกด้านหนึ่งของเกาะขนานอันเป็นที่ตั้งของเส้นขนานรีสอร์ต !
เส้นขนานรีสอร์ต !
หนุ่มจ้อนใจหายวาบ !
เขานึกถึงจันทร์จิราน้องสาวของเขาก่อนอื่นใดทั้งหมด !
"พี่ดาบ !"
จ้อนหันมาทางนายดาบตำรวจบุญเที่ยงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
"พวกมันคงตามมาเล่นงานเราแล้วละครับ ผมฝากแอนน์ไว้ทางนี้ด้วยนะครับพี่ดาบ"
"ไม่มีปัญหา"
"แอนน์คุณอยู่รอดูคุณพ่อของคุณกับพี่ดาบที่นี่ก่อนนะครับ ผมต้องรีบกลับไปดูเหตุการณ์ที่รีสอร์ต"
"ไม่ต้องห่วงแอนน์หรอกไปเถอะค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ"
"ไปกันเถอะโซ้ด" ชายหนุ่มหันมาชวนเพื่อนคู่หู
"เดี๋ยวก่อนคุณจ้อน !"
เสียง ด.ต.บุญเที่ยงเรียกก่อนที่เขาจะทันได้ออกก้าวเดินด้วยซ้ำไป
"ทำไมหรือครับพี่ดาบ ?"
"ผมไปด้วย ! หมู่ประทิวอยู่ดูแลคุณแอนน์และ มร. ฮันส์ทางนี้ก็แล้วกัน" ดาบบุญเที่ยงออกคำสั่ง
"ขอรับกระผม !" ผู้หมู่ประทิวชิดเท้าตรงพร้อมทำท่าตะเบ๊ะ
"ไปรถผมดีกว่าคุณจ้อน บนรถปิ๊คอัพมีอุปกรณ์ช่วยเสริมในการต่อสู้เพียบ เราอาจจำเป็นที่จะต้องใช้ก็ได้" ดาบบุญเที่ยงว่า
"ตกลงครับพี่ดาบ พวกมันคงตามมาแก้แค้นเราแน่ๆ ที่นี่เราอาจเสียเปรียบเพราะเรามีทั้งผู้หญิงและเด็กที่ต้องเป็นห่วง" จ้อนตั้งข้อสังเกต
"ข้าว่ามันมาตามหาสมบัติโจรสลัดมากกว่า !" โซ้ดเอ่ยขึ้นบ้าง
"สมบัติโจรสลัด ?"
"ใช่ เพราะถ้ามันค้นพบสมบัติที่เกาะกุระแล้ว ข้าว่ามันคงไม่ตามเรามาถึงนี่ให้โง่หรอก นี่แสดงว่าสมบัติยังไม่มีใครหาเจอ"
"เอ็งแน่ใจขนาดนั้นเชียวหรือวะโซ้ด ?" จ้อนสงสัย
"ข้าแน่ใจว่ะ เพราะถ้ามันหาไม่เจอมันต้องคิดว่าพวกเราสมรู้ร่วมคิดกันหลอกพวกมันอย่างแน่นอน" นายสดใสตอบหนักแน่น
"ดีนะที่เราส่งลุงชูให้ล่วงหน้าไปก่อน ยังไงๆแกก็คงช่วยแก้ไขสถานการณ์ผ่อนหนักให้เป็นเบา ใช่ไหมวะโซ้ด ?"
จ้อนพูดเหมือนกับจะปลอบใจตนเองมากกว่า
"ใช่...ถ้าแกไม่เมาหลับไปเสียก่อน" นายสดใสตอบรับ
"ทำไมเราไม่โทรศัพท์หรือวิทยุไปถามที่รีสอร์ตละครับคุณจ้อน" ดาบบุญเที่ยงถามขึ้น
"จริงสิ เดี๋ยวผมขอเข้าไปโทรศัพท์ก่อน"
จ้อนพูดพร้อมทำท่าก้าวเดินเข้าไปในคลีนิคหมอเพิ่มศักดิ์อีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงนายดาบตำรวจบุญเที่ยงเรียกเอาไว้
"ไม่ต้องหรอกครับคุณจ้อน ผมมีโทรศัพท์มือถือในรถ เราไปกันได้เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา"
*********
รถปิ๊คอัพสองตอนตราโล่ถึงแม้จะตกรุ่นมาหลายปีแล้ว ทว่าหากแต่อุปกรณ์ตกแต่งเพียบคันนั้นเคลื่อนออกจากที่ไปทางปลายแหลมของเกาะขนานมุ่งสู่เส้นขนานรีสอร์ตอันเป็นจุดหมายปลายทาง
จ้อนนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับคือ ด.ต.บุญเที่ยง ส่วนโซ้ดนั้นนั่งอยู่ตอนหลังโดยมี .44 แม็กนั่มบรรจุกระสุนเต็มอัตราขึ้นลำเตรียมพร้อม
โทรศัพท์ที่จ้อนติดต่อไปนั้นกว่าจะมีผู้รับที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งได้กินเวลานานหลายนาที เขาต้องเพียรกดเลขหมายอยู่หลายรอบกว่าจะมีผู้มารับสาย เสียงผู้รับนั้นไม่ใช่จันทร์จิราน้องสาวของเขาทั้งๆที่เขาต่อสายตรงของจันทร์จิรา ซึ่งเธอสามารถที่จะรับสายได้ภายในห้องนอน
จ้อนได้ยินเสียงหอบหายใจของผู้รับอย่างชัดเจนแต่ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเลย ทำเอาชายหนุ่มอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
"ฮัลโหล !" จ้อนกรอกเสียงตะโกนเข้าไปในกระบอกหูโทรศัพท์
"ฮัลโหล...จันทร์เหรอ นี่พี่จ้อนเองนะ !" เขาพูดกรอกซ้ำเข้าไปอีก
"ฮัลโหล พี่จ้อนเหรอคะ ?"
"ใช่...พี่เอง"
"นี่น่านเองค่ะพี่จ้อน...จันทร์..เอ้อ..จันทร์..เอ้อจันทร์เขา..." เสียงของน่านนทีตะกุกตะกักเหมือนกับจะร้องไห้
"จันทร์ทำไม...จันทร์เป็นอะไรไปเหรอน่าน ?" จ้อนตะโกนเสียงดังลั่นได้ยินก้องไปทั้งรถ
"จันทร์ถูกพวกมันจับไปค่ะ เมื่อกี้นี้เองก่อนที่พวกมันจะเอ้อ...."
"ก่อนที่พวกมันทำไม ?"
"ระเบิดสำนักงานของเราค่ะ !"
"ระเบิดสำนักงาน !?"
"ค่ะ"
"พวกมันจับจันทร์ไปไหน ?"
"พวกมันจับเอาหลายคนไปรวมไว้ในห้องอาหารค่ะ พอดีน่านกำลังเข้าห้องน้ำเลยรอดตัวไป"
"น่านเจอลุงชูหรือเปล่า ?"
"ไม่เห็นนี่คะ"
"พี่ให้แกล่วงหน้ามาก่อนตั้งเกือบสองชั่วโมงแล้ว แกอาจจะอยู่แถวนั้นแหละ ว่าแต่น่านระวังตัวให้ดีนะจ๊ะ หลบอยู่ในห้องนี้แหละเดี๋ยวพี่จะติดต่อเข้ามาใหม่" เขาบอกหญิงสาว
"เอ้อ..ถ้าน่านเจอลุงชูบอกแกด้วยว่าพี่กำลังไปหาแกที่บ้านของแกนะ"
"ค่ะพี่จ้อน....พี่จ้อนก็ต้องระวังตัวให้มากๆนะจ๊ะ น่านเป็นห่วงพี่และน่านก็คิดถึงพี่จ้อนมากนะค่ะ"
"เช่นเดียวกัน โชคดีนะจ๊ะ"
"พวกมันจับเอายายจันทร์และพวกเราอีกหลายคนเข้าไปคุมขังอยู่ที่ในห้องอาหาร คิดว่าคงกักเอาไว้เป็นตัวประกันในการต่อรอง !" จ้อนหันมาพูดกับนายดาบตำรวจบุญเที่ยงและโซ้ดภายหลังวางหูโทรศัพท์แล้ว
"ต่อรองอะไร ?" นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่กังขา
"ต่อรองกับพวกเราเรื่องที่ซ่อนของสมบัติอันมหาศาลยังไงล่ะ !" หนุ่มโซ้ดออกความเห็นขึ้นบ้าง
"เอ็งคิดว่าข้าคงรู้สินะว่าสมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ?" จ้อนว่า
"แต่พวกมันต้องคิดว่าอย่างน้อยถึงเอ็งไม่รู้ มร.ฮันส์ก็คงต้องรู้มันถึงได้จับตัวแกไปขังไว้ตั้งนาน" โซ้ดตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
"พวกเราจอดรถไว้ที่วัดเกาะขนาน แล้วจึงค่อยเดินลัดเข้าไปทางด้านหลังของรีสอร์ตดีกว่า" จ้อนบอก
"เป็นความคิดที่ไม่เลว คุณจ้อน" ดาบบุญเที่ยงพูดเสริมขึ้น
"แวะดูลุงชูที่บ้านของแกหน่อยดีกว่าว่าแกอยู่หรือเปล่า ?"
"ข้าว่า...ถ้าแกนอนหลับอยู่ ป่านนี้ก็คงตาเหลือกตื่นขึ้นมาหาทางเล่นงานพวกมันแล้วก็เป็นได้" โซ้ดว่า
"ถ้าข้าคาดการณ์ไว้ไม่ผิด ป่านนี้ลุงชูคงกำลังหาทางติดต่อพวกเรา หรืออาจกำลังทำอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้ที่พวกมันคาดไม่ถึง" จ้อนเอ่ยขึ้นตามความคาดคะเนว่านี่เป็นสิ่งที่สหายต่างวัยน่าจะทำ
"ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป เพียงแต่ลุงชูบอกข้านิดเดียวว่าแกกำลังมีแผนที่จะดำเนินการอย่างไรอยู่ตอนนี้ ข้าจะจัดการกับไอ้พวกวายร้ายนี่ให้หนำใจเลยทีเดียว"
โซ้ดหรือนายสดใส สำราญสมุทรพูดขึ้นพร้อมกับแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างมันเขี้ยว เขาอยากจะกำจัดขุดรากถอนโคนพวกขบวนการร้ายของนายดิลก ยงสุรพันธ์พงษ์เจ้าพ่อบางมะขามนี้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
"ผมว่าเราน่าจะเข้าไปช่วยเอาตัวประกันออกมาก่อน เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวประกันที่กำลังอยู่ในอันตราย ผมไม่อยากเสี่ยงที่จะบุกเข้าไปลุยกับพวกมันตอนนี้เลยเพราะผมเป็นห่วงตัวประกัน"
นายดาบตำรวจบุญเที่ยงเอ่ยขึ้น ราวกับว่าจะช่วยเตือนใจให้จ้อนและโซ้ดยับยั้งชั่งใจเอาไว้บ้าง จะได้ไม่เสียใจภายหลังหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำเอาทั้งสองหนุ่มได้คิด
"ขอบคุณครับพี่ดาบที่ช่วยเตือนสติพวกผม" จ้อนกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
"ผมมันคนใจร้อน ได้พี่ดาบมาด้วยอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ทีนี้เราจะเอาอย่างไรกันต่อไปดีละครับ ?" โซ้ดหันมาพูดกับดาบบุญเที่ยงคล้ายกับเป็นเชิงปรึกษากลายๆ
"เรายังไม่รู้เลยว่ามันจับพวกเราไปกี่คนและมีใครบ้าง อีกอย่างที่ห้องอาหารมีพวกมันเฝ้าอยู่กี่คน ?" ดาบบุญเที่ยงปรารภ
เสียงสัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์เคลื่อนที่ประจำรถของนายดาบตำรวจบุญเที่ยงดังกังวานขึ้น นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่หันมาพยักหน้าให้จ้อนรับสายแทน
"ฮัลโหล สวัสดีครับ !" จ้อนเอ่ยรับสายเบาๆ
"ฮัลโหล หัวหน้าเหรอครับ ?" เสียง ส.ต.ต.ประทิวถาม
"เดี๋ยวนะครับ !" จ้อนยื่นโทรศัพท์ให้ดาบบุญเที่ยง
"ผมดาบบุญเที่ยงครับ"
"หัวหน้าครับ ลุงชูโทรมาจากวัดเกาะขนานครับ แกอยู่ในกุฏิหลวงพ่ออ้นบอกว่าจะรออยู่ที่นั่น"
"ผมกำลังจะไปที่วัดอยู่พอดีเกือบถึงแล้วด้วย บอกให้แกรออยู่ที่นั่นแหละหมู่ประทิว"
"ขอรับกระผม" ผู้หมู่นักประดาน้ำรับคำพร้อมกับวางสาย
"ลุงชูกำลังรอเราอยู่ที่วัดเกาะขนาน" เขาหันมาบอกสองเกลอ
"เยี่ยมจริงๆลุงชู" โซ้ดเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
"คราวนี้พวกเราคงได้รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากลุงชูบ้างแล้วล่ะ" จ้อนกล่าวอย่างมั่นใจ
"ถึงวัดเกาะขนานแล้ว เราจะได้รู้กันเดี๋ยวนี้ว่าหมู่หรือดาบ !"
นายตำรวจชั้นประทวนหัวเราะหึๆด้วยความพอใจขณะที่หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในวัดเกาะขนาน เขาขับรถตรงเข้าไปจอดที่หน้ากุฏิของเจ้าอาวาสอย่างคุ้นเคย
หลวงพ่ออ้นเดินลงกุฏิออกมารับโดยมีลุงชูเดินตามลงมาติดๆ
"นมัสการหลวงพ่อ" นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่ยกมือขึ้นไหว้หลวงพ่อพร้อมกับสองสหาย
"เจริญพรโยม !" เสียงท่านเจ้าอาวาสเอ่ยทักด้วยเสียงดังกังวานนุ่มนวลอย่างอารมณ์ดี
"ต้องขออภัยด้วยนะครับที่พวกกระผมต้องมารบกวนหลวงพ่อยามวิกาลอย่างนี้" ดาบบุญเที่ยงกล่าวขอขมาท่านอย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอกโยม วัดย่อมเป็นที่พึ่งของญาติโยมยามเดือดร้อนและมีปัญหา เช่นเดียวกันวัดก็ต้องพึ่งญาติโยมยามที่วัดเดือดร้อนและมีปัญหาเหมือนกัน คนเราอาศัยอยู่ในโลกนี้ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คอยช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน สังคมจึงจะมีความสงบสุข" ท่านเจ้าอาวาสกล่าวตอบเป็นสัจธรรม
"ลุงชูคงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้หลวงพ่อฟังแล้วใช่ไหมครับ ?" ด.ต.บุญเที่ยงถาม
"ใช่แล้วโยม"
"ถูกแล้วคุณดาบ ผมเล่าให้ท่านฟังหมดทุกเรื่องที่ผมรู้ โดยเฉพาะเรื่องสมบัติที่พวกมันกำลังมาตามหาที่เกาะขนานนี่" ลุงชูเอ่ยเสริมขึ้น
"ลุงรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันกำลังมาตามหาสมบัติที่เกาะขนานนี่"
"ก็ลุงแอบฟังพวกมันคุยกันเมื่อตอนก่อนที่มันจะจับพวกเราไปขังไว้ในห้องอาหาร" ลุงชูบอก
"ใครเป็นคนพูด ?" นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่ซัก
"นายดิลกกับไต้ก๋งบุญทวี ดูท่าทางมันโกรธมาก เสียงนายดิลกพูดว่าสมบัติอยู่ที่ปลายเส้นขนาน" ลุงชูว่า
"ปลายเส้นขนาน !?" จ้อนทวนคำ
"ใช่...ปลายเส้นขนาน คำนี้มีความหมายกับคุณจ้อนหรือพวกเราบ้างไหมครับ ?"
ชาวประมงวัยดึกถามอย่างจริงใจด้วยความอยากรู้ เพราะแกเคยได้ยินคำนี้ในความฝันมาครั้งหนึ่งแล้ว ความฝันกับความจริงทำไมมันจึงช่างเหมือนกันโดยบังเอิญราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกัน
"คุณพ่อผมเคยบอกว่าอันที่จริงแล้วเกาะขนานของเรานี่ ไม่ใช่แค่เกาะสองเกาะขนานกันอย่างเดียวเท่านั้น เกาะทั้งสองยังขนานเป็นแนวเดียวกันกับเส้นศูนย์สูตรของโลกด้วย" นายจรจรัล แจ้งขนานชลหรือจ้อนตอบพร้อมกับอธิบายถึงตำนานเกาะขนาน
"แล้วต่อมาเมื่อการท่องเที่ยวเจริญขึ้นขยายมาถึงเกาะของเรา คุณพ่อเลยตั้งชื่อรีสอร์ตของเราว่าเส้นขนานรีสอร์ต เพื่อให้ตรงตามความหมายที่แท้จริงของเกาะ"
"แล้วปลายของเส้นขนานที่ว่านี้มันอยู่ที่ตรงไหนกันล่ะครับ คุณจ้อน ?" ชายผู้สูงวัยกว่าซักต่อ
"อื..ม..ม! ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ถ้าว่ากันตามความจริงมันก็น่าจะอยู่แถวบริเวณท้ายรีสอร์ตของเรา ตามแนวร่องน้ำไหลไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่ง" นายจรจรัลให้ข้อสังเกตตามความจริงทางภูมิศาสตร์
"ตอนที่ผมหลบอยู่ในถ้ำรูหนูที่เหนือถ้ำลอดบนเกาะกุระนั้น ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหีบไม่ต่ำกว่าสิบใบ ผมเดาเอาว่าคงเป็นหีบสมบัติ แต่ผมก็ไม่ได้เปิดออกดูเพราะกำลังหลบซ่อนตัวเพื่อไม่ให้พวกมันจับได้" ลุงชูเล่า
"อ้าว ! ถ้าอย่างนั้นพวกมันก็ได้สมบัติไปแล้วนะซิ" ด.ต.บุญเที่ยงว่า
"คงไม่หรอกครับคุณดาบ เพราะตอนที่ผมหลบซ่อนตัวอยู่นั้น บังเอิญผมงีบหลับและฝันเห็นเจ้าของสมบัติมหากาฬนั่น เป็นชายสูงอายุแต่แข็งแรงมือถือดาบโบราณอันใหญ่ บอกว่าสมบัติทั้งหมดถูกย้ายจากเกาะกาหลงไปเกาะกุระแล้วสุดท้ายก็เอามาไว้ที่เกาะขนาน ณ ปลายเส้นขนาน แกบอกผมว่าอย่างนั้น แล้วแกยังขอร้องให้ผมตามหาสมบัติแล้วเอาไปถวายวัดให้หมด เพื่อเป็นกุศลทดแทนบาปที่ได้สร้างไว้ตั้งแต่ตอนที่มีชีวิตอยู่"
"ชายสูงอายุที่ว่านี้ก็คือเสือเหลืองหรือโกเหลืองหัวหน้าโจรสลัดสมัยโบราณผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตอย่างแน่นอน !" หลวงพ่ออ้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่นิ่งฟังอย่างสงบอยู่นาน
"เสือเหลือง !?" ลุงชูทวนคำ
"ใช่..เสือเหลืองนั้นในอดีตเป็นโจรสลัดที่ปล้นสดมภ์เรือสินค้าทั้งของชาวไทยเราเองและของชาวต่างชาติ เรือสำเภาและเรือกำปั่นที่มาทำการค้าขายแถบนี้ต่างพากันหวาดกลัวไปทั่วคาบแหลมมลายูและอ่าวไทย จนทางรัฐบาลไทยสมัยก่อนได้ร่วมมือกันกับทางรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐมลายูในสมัยนั้นทำการกวาดล้างแตกกระจัดกระจายหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงตำนานสมบัติโจรสลัดที่ไม่มีใครเคยค้นพบเลย" หลวงพ่ออ้นเจ้าอาวาสแห่งวัดเกาะขนานอธิบายถึงตำนานโจรสลัดโบราณ
"นั่นก็แสดงว่าภายในหีบบนเกาะกุระก็ว่างเปล่าไม่มีสมบัติอยู่เลย ลุงชูหมายความว่าอย่างนั้นใช่ไหมครับ ?" นายดาบตำรวจบุญเที่ยงสรุป
"ถ้าเป็นจริงตามความฝันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นครับคุณดาบ ยิ่งเมื่อผมแอบได้ยินโกหลกมันพูดเองว่าสมบัตินั้นอยู่ที่ปลายเส้นขนาน ผมก็ยิ่งแน่ใจใหญ่ว่าสมบัติดังกล่าวอยู่ที่เกาะขนานนี้จริง !" ลุงชูพูดอย่างมั่นใจ
"ตามที่ลุงพูดว่าสมบัติซ่อนอยู่ ณ ปลายเส้นขนาน ผมก็พอจะหาตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติของโจรสลัดที่ว่านี้ได้โดยไม่ยาก" นายจรจรัลหรือจ้อนผู้ซึ่งเรียนจบจากสถาบันวิชาการเดินเรือจากกรุงออสโลแห่งประเทศนอร์เวย์กล่าวอย่างค่อนข้างจะแน่ใจ
"ทางที่ดีที่สุดตอนนี้ ผมว่าเรารีบหาทางไปช่วยพวกเราที่ถูกจับเป็นตัวประกันก่อนดีกว่า !" นายดาบตำรวจบุญเที่ยงกล่าวเตือนขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"ตกลงเราไปกันเถอะ" จ้อนชวนพรรคพวก
"พวกผมขอกราบนมัสการลากลับกันก่อนนะครับหลวงพ่อ"
"เจริญๆเถอะโยม อาตมาขออำนวยพรให้จงประสบโชคดีทุกคน"
เจ้าอาวาสกล่าวอวยพรอย่างเรียบๆด้วยเสียงกังวานนุ่มนวลมีเมตตา หลวงพ่ออ้นเป็นพระสมณะผู้สอนธรรมะแห่งความจริงของธรรมชาติและสังคมในการอยู่ร่วมกันของสัตว์โลกเพื่อความสงบสุขของส่วนรวม ท่านไม่ได้ให้เครื่องรางของขลังใดๆในการที่จะต้องไปเผชิญเสี่ยงกับอันตราย ท่านเพียงแต่บอกว่าให้กระทำการทุกสิ่งอย่างมีสติ รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักให้อภัยและมีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง
เมื่อออกมานอกเขตวัดทั้งสี่คนก็เริ่มปรึกษากันภายในรถ เหมือนเช่นทุกครั้งทุกคนยกให้นายดาบตำรวจบุญเที่ยงเป็นผู้อำนวยการวางแผนในการดำเนินการช่วยเหลือตัวประกันในครั้งนี้
จ้อนรู้สึกอึดอัดและลำบากใจที่จะลงมือกระทำการใดๆในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากหนึ่งในจำนวนตัวประกันนั้นคือจันทร์จิราน้องสาวสุดที่รักของเขา นอกจากนั้นตัวประกันส่วนใหญ่ยังเป็นผู้หญิงและเด็ก จากเหตุการณ์ที่ระเบิดสำนักงานของเส้นขนานรีสอร์ตทำให้การติดต่อโทรศัพท์ภายในห้องอาหารเป็นไปด้วยความยากลำบาก
นายดาบตำรวจบุญเที่ยงขอร้องให้จ้อนโทรศัพท์ไปบอกน่านนทียังห้องพักของจันทร์จิราที่เธอหลบซ่อนตัวอยู่ได้รับทราบและออกปฏิบัติการซ้อนตามแผนช่วยเหลือตัวประกัน
ชายหนุ่มกดหมายเลขบนแป้นของโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายดาบตำรวจบุญเที่ยงไปหาน่านนทีทันทีตามแผนการ...!
***************