![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...โกหลกโผล่หน้าเข้าไปจนเกือบชิดฝาหีบ ดวงตาเบิกโพลง จ้องเขม็งมองเพ่งดูภายในหีบอย่างใจจดใจจ่อ...
ตอน : เปิดหีบสมบัติ
หลังจากปลดสะพานไฟในห้องเจ็นเนอเรเตอร์บนเรือโชคโอฬารแล้ว โซ้ดก็ตัดสายเคเบิ้ลทั้งสองเส้นโยนลงทะเลไป ก่อนที่จะค่อยๆโรยตัวรูดไต่ลงไปตามโซ่สมอเรือ เพื่อลงไปยังเรือกรรเชียงที่ผูกโยงจอดรออยู่บนผืนน้ำเบื้องล่างเมื่อแก้เชือกที่โยงเรือไว้กับโซ่สมอเรือออกและเตรียมตัวที่จะกรรเชียงไปทางจุดนัดพบใกล้ถ้ำลอดนั้น พลันหูของโซ้ดก็ได้ยินเสียงน้ำแตกซู่ขึ้นข้างเรือกรรเชียง พร้อมกับมีร่างหนึ่งโผล่พรวดขึ้นมาจากใต้น้ำทะเล
โซ้ดกระตุก .44 แม็กนั่มออกมาจากเอวกระชากลูกเลื่อนขึ้นลำ ยกปืนเล็งไปยังร่างประหลาดที่กำลังโผล่ขึ้นมานั้นเตรียมยิงทันที
ร่างที่เห็นนั้นอยู่ในชุดประดาน้ำ !
ผู้หมู่ประทิวนั่นเอง !
เขามาตรงตามแผนการ !
นี่ถ้าโซ้ดมือไวกว่านี้นิดเดียวเท่านั้น ผู้หมู่นักประดาน้ำ คงต้องจบสิ้นชีวิตลงอย่างไม่ต้องสงสัย !
ส.ต.ต.ประทิวปีนขึ้นไปบนเรือกรรเชียง เขารีบถอดหน้ากากชุดประดาน้ำออกวางไว้ข้างๆ
"หมู่ประทิว !" โซ้ดอุทานออกมาเบาๆพร้อมกับลดปืนลง
"ใช่..ผมเองพี่โซ้ด"
"เกือบไปแล้วไหมละ หมู่ประทิว ไม่น่าโผล่พรวดพราดขึ้นมาแบบนี้เลย ผมเกือบยั้งมือไม่อยู่ ใจหายหมด" โซ้ดว่า
"ขอโทษทีพี่โซ้ด ผมมัวแต่กังวลกลัวว่าพวกมันจะเห็น"
"เหตุการณ์บนเกาะเป็นอย่างไรบ้าง ?" โซ้ดถาม
"เรียบร้อยดีตามแผนการทุกอย่าง"
"มีใครพบลุงชูหรือเปล่า ?"
"ลุงชูพบกับหัวหน้าแล้วครับ กำลังขึ้นเรือมากับคุณจ้อนและพวกฝรั่งอีกสองคน"
"พวกฝรั่ง ?"
"ครับฝรั่งสองคนพ่อลูกที่หายไปยังไงละครับ"
"คุณแอนน์ !"
"คนพ่อถูกยิงอาการสาหัส กำลังรอเราสองคนอยู่ที่จุดนัดพบข้างถ้ำลอด"
"ถ้ายังงั้นเรารีบไปกันเถอะ !"
โซ้ดกรรเชียงเรืออย่างระมัดระวังมิให้เกิดเสียงดัง ด้วยกลัวจะเป็นที่สังเกตของพวกโกหลกที่กำลังตะโกนกันโหวกเหวกอย่างจ้าละหวั่นอยู่ริมหาดบนเกาะ บ้างก็กำลังหาทางขึ้นไปบนเรือ ความโกลาหลบวกกับความมืดทำให้การหลบหนีของโซ้ดง่ายขึ้น
*********
อาการของฮันส์ กุลลิคเซ่นทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด ศรีษะของไวกิ้งชราวางพาดอยู่บนตักของแอนนามารีซึ่งกำลังสะอื้นไห้กระซิกๆน้ำตาไหลพรากอยู่ตลอดเวลา โดยมีจ้อนนั่งโอบไหล่หญิงสาวคอยปลอบโยนอย่างอาทรและห่วงใย
"ป๋าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ดูซิคะเลือดออกมากเหลือเกิน" สาวผมบลอนด์พูดปนสะอื้นด้วยความเป็นห่วงบิดา
"ป๋าไม่เป็นไรหรอก แอนน์ลูกรัก เดี๋ยวป๋าก็หาย" ฮันส์ กุลลิคเซ่นบอกบุตรสาว เขาไอโขลกเบาๆหน้าซีดเซียวอิดโรย เลือดไหลนองชุ่มตัว
"โธ่ป๋า อยู่นิ่งๆนะคะไม่ต้องพูด เจ็บมากไหมคะ ?"
ไวกิ้งชราพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตามคำขอร้องของบุตรสาว
"คุณพ่อของคุณแอนน์คงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ท่านเพลียเพราะเสียเลือดมากนั่นเอง ทำใจให้สบายเถิดครับ พวกเรายินดีช่วยเหลือเต็มที่"
จ้อนบีบไหล่หญิงสาวที่เขานั่งโอบอยู่กระชับแน่น คล้ายกับจะเป็นการให้กำลังใจ
"ขอบคุณมากคะคุณจ้อน แอนน์จะไม่มีวันลืมเลยคะที่คุณจ้อนให้ความช่วยเหลือแอนน์และคุณพ่อด้วยดีเสมอมา" พูดจบแอนนามารีก็ซบหน้าลงกับไหล่ของจ้อน หลับตาพริ้ม
"ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วไงครับว่า ผมยินดีช่วยคุณแอนน์ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน"
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเอากลิ่นกายสาวของเธอที่อยู่แค่ปลายจมูกเข้าปอดเต็มที่ด้วยอารมณ์รัญจวน ซึ่งเขารู้สึกแปลกใจตนเองอยู่ครามครันที่ไม่สามารถหักห้ามใจที่มีต่อสาวนอร์วีเจี้ยนผมบลอนด์ได้เมื่ออยู่ใกล้
"ใช่คะ แอนน์จำได้คุณจ้อนบอกว่า อาจเป็นเพราะว่าชะตาเราต้องกัน"
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นชะม้อยตามองหน้าชายหนุ่มท่ามกลางความมืดสลัวของคืนแรม
"ผมก็จำได้ แอนน์ยังพูดด้วยว่า ชะตาเราต้องกันหรืออาจเป็นเพราะฟ้าลิขิต"
เกินห้ามใจ จ้อนก้มหน้าลงจุมพิตที่ริมฝีปากของแอนนามารีที่เผยอรออยู่อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล รักย่อมเข้าใจในแรงปรารถนาแห่งความรักที่สามารถบังเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่เลือกเวลาและโมงยาม
เมื่อเขาเงยหน้าหันไปมองเพื่อนร่วมชะตาในเรือซีโอทู ชายหนุ่มก็ใจหายวูบ เมื่อเห็นเงาตะคุ่มของโซ้ดและหมู่ประทิวกำลังปีนขึ้นเรือมาพอดี ส่วนลุงชูและนายดาบตำรวจบุญเที่ยงต่างนั่งนิ่งเงียบอยู่ทางด้านหัวเรือ
"แอนน์ ! โซ้ดกับหมู่ประทิวมาแล้ว เราต้องรีบไปเกาะกาหลงเพื่อเอาเรือเร็วพาคุณพ่อของคุณไปหาหมอที่เกาะขนานโดยด่วน"
จ้อนได้ยินเสียงของตนเองที่บอกหญิงสาวนั้นเบาราวกับเสียงกระซิบเหมือนอยู่ไกลแสนไกล เขาจุมพิตเธออีกครั้งก่อนที่จะผละไปนั่งประจำที่คนขับ โดยไม่พูดกับผู้ใดอีก
จ้อนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ !
เรือซีโอทูแล่นปราดด้วยความเร็วเต็มสปีดมุ่งตรงไปยังเกาะกาหลงราวจรวดพุ่งขึ้นจากฐานยิงสู่อวกาศ !
เมื่อถึงโขดหินมหึมาริมหาดทรายขาวหน้าอ่าวแห่งศาลเจ้ากุหลาบไฟ ทุกคนก็ย้ายจากเรือเล็กซีโอทูขึ้นไปบนเรือเร็ว "รัญจวนใจ" ทันที
โซ้ดเจาะรูเรือซีโอทูด้วย .44 แม็กนั่มสองนัดก่อนลาจาก !
ขณะเดียวกับที่เรือเล็กซีโอทูค่อยๆจมลงสู่ท้องอ่าวเบื้องล่างนั้น...!
เรือรัญจวนใจก็แล่นฉิวออกสู่ท้องทะเลลึกมุ่งหน้าสู่เกาะขนาน ตัดฝ่าคลื่นน้ำแตกกระจายทิ้งพรายฟองฟู่เป็นทางยาว ท่ามกลางความมืดของคืนเดือนแรม !
***************
โกหลกสั่งให้ไต้ก๋งบุญทวีเร่งจัดการทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสามารถส่งกระแสไฟกลับคืนสู่สภาพเดิม และสำรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยด่วน
หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับคืนเป็นปกติ แสงไฟสว่างไสวไปทั่วทั้งบนเรือและบนเกาะกุระ
จากการสำรวจความเสียหายบนเรือ ปรากฏว่าทางเข้าใต้ท้องเรือถูกล้อคไว้อย่างแน่นหนา มีลูกเรือซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ 3-4 คนที่ไม่ได้ลงไปด้วยถูกขังอยู่ภายใน โดยมีช่างไฟฟ้าและวิทยุประจำเรือถูกมัดมือมัดเท้าสลบไสลอยู่บนดาดฟ้าเรือข้างทางลงสู่ห้องเคบิ้นเบื้องล่าง
เจ้าพ่อบางมะขามต้องสูญเสียสมุนไปอีก 3 คนเป็นประเดิมหลังจากการค้นหาสมบัติมหาภัยเริ่มได้ไม่นาน
อาเม้งเป็นอีกคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นจากการสลบยืนงัวเงียอยู่ข้างโขดหินไม่ห่างจากหาดทรายที่เดชาไอ้หนุ่มผมยาวและลูกเรือหนุ่มเมียนม่าอีก 2 คนนอนตายอยู่เท่าใดนัก !
การค้นหาสมบัติมหาภัยจึงจำเป็นต้องเร่งค้นหาต่อไปเพื่อแข่งกับเวลาที่สูญเสียไป อีกประการหนึ่งเจ้าพ่อบางมะขามเกรงว่าพวกที่มาช่วยพาเอาสองพ่อลูกชาวนอร์เวย์กลับไปคงต้องแจ้งเหตุให้ทางการทราบและส่งคนออกมากวาดล้างพวกเขาอย่างแน่นอน
ไต้ก๋งบุญทวีและโกหลกเดินไปพบทางเข้าถ้ำรูหนูโดยบังเอิญ ในขณะที่ออกสำรวจร่องรอยต่างๆทั่วบริเวณ
ผ้าขาวม้าของลุงชูเป็นต้นเหตุ !
เนื่องจากความมืดและอารามที่รีบร้อนในการเอาหินปิดปากถ้ำรูหนูหลังจากที่ลุงชูพบกับนายดาบตำรวจบุญเที่ยงแล้ว !
ขณะที่คลานออกมานอกถ้ำรูหนู ผ้าขาวม้าที่คล้องคอเป็นประจำของแกเกิดเกี่ยวกับเศษไม้ร่วงพาดคาปากถ้ำอยู่ พอแกเอาก้อนหินปิดทับด้วยความรีบร้อนบวกกับความมืดของยามวิกาลและเวลาไม่อำนวยจึงปรากฏว่าก้อนหินปิดทับเอาผ้าขาวม้าเกาะยอลายหมากรุกสีแดงขาวโชว์หลาเด่นอยู่ครึ่งผืน !
โกหลกสั่งให้ทำการขุดค้นทันทีทันควัน !
ไต้ก๋งบุญทวีบอกว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่เจ้าของสมบัติได้บันดาลให้เห็นเป็นนิมิตรอันดีที่จะได้ค้นพบสมบัติมหาศาลเป็นแน่แท้ !
คงเป็นด้วยบุญบารมีของโกหลก !
"บุญบารมีของนายดิลก ยงสุรพันธ์พงษ์ !" โกหลกคิดฟุ้งซ่าน
"สมบัติที่มีค่ามหาศาลนี้ควรคู่กับผู้ที่มีบุญญาภินิหารเท่านั้น !"
*********
ลึกลงไปภายในถ้ำรูหนูนั้น แรกที่เดียวที่พวกโกหลกค้นพบก็คือสัมภาระของลุงชูที่ขนเอามาจากเรือหาปลาเพื่อแอบซ่อนไว้ที่นี่ให้พ้นสายตา ต่ำลงไปอีกหน่อยช่องทางจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะมาโผล่ใต้ถ้ำลอด
สิ่งที่แลเห็นนั้นทำเอาโกหลกยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตื่นตลึง !
หีบมหาสมบัติ !
ใช่แล้วนี่แหละคือหีบมหาสมบัติที่เขาเพียรหามันมาชั่วชีวิต !
บัดนี้...มันกองอยู่ตรงหน้านี่แล้ว !
รอเพียงแค่เปิดมันออกมาเท่านั้น !
โกหลกอ้าปากหัวเราะออกมาก้องถ้ำอย่างลืมตัว ด้วยหลงในอำนาจวาสนาของตัวเองอันไม่มีขีดจำกัด.....!
สมกับเป็นผู้ที่มีบุญญาภินิหารโดยแท้ !
"ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..สมบัติของข้า !
ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..สมบัติของข้า !"
โกหลกหัวเราะร่าเป็นเวลานานทำเอาลูกน้องที่ตามลงมาขุดค้นสมบัติพลอยผสมโรงหัวเราะก้องตามไปด้วย
เสียงหัวเราะกึกก้องนั้นดังลอดออกมาทางปากถ้ำอีกทางหนึ่งที่ใต้ถ้ำลอดนั้นกระทบผืนน้ำทำเอาเสียงหัวเราะยิ่งก้องกังวานสะท้อนไปไกล
การขนย้ายหีบสมบัติทั้งหมดทำได้อย่างง่ายดายเพราะไต้ก๋งบุญทวีได้ทำการชะลอลงมาทางถ้ำลอดโดยผูกหีบสมบัติที่หนักอึ้งแต่ละใบเข้ากับเชือกพรวน เมื่อหย่อนหิ้วลงเกือบถึงผืนน้ำก็เอาเรือกรรเชียงทะยอยบันทุกขึ้นฝั่งทีละหีบๆ จนหมดทั้ง 10 ใบ !
โกหลกสั่งให้ระมัดระวังอย่างยิ่งยวดในการขนย้ายแต่ละครั้งจนเขาแทบประสาทเพราะความลุกลี้ลุกลน !
เจ้าพ่อบางมะขามไม่ไว้วางใจผู้ใดทั้งสิ้น !
เขาสั่งให้ทำการขนขึ้นเรือทั้งหมด !
และนำเข้าไปเก็บไว้ในห้องเคบิ้นส่วนตัวของเขา เพื่อเปิดออกดู !
ภายในห้องสวีทอันเป็นห้องเคบิ้นของเจ้าพ่อบางมะขาม เต็มไปด้วยลูกสมุนตัวเอ้ของโกหลกแทบทั้งสิ้น
นายดิลกนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่เบื้องหลังโต๊ะทำงานไม้มะค่าแกะสลักรูปมังกรคู่เลื้อยพันรอบโต๊ะ
ไต้ก๋งบุญทวีและอาเม้งนั่งอยู่บนโซฟาบุนวมหุ้มด้วยหนังแกะอ่อนนุ่มซึ่งตั้งอยู่มุมห้องด้านหนึ่งข้างประตูทางเข้า
ส่วนเบิ้มและสมุนอีก 2 คนอันมีสมบุญซึ่งเป็นช่างไม้และนครเป็นช่างวิทยุยืนถือเครื่องมือในการเปิดหีบมหาสมบัติทั้งสิบใบ เตรียมพร้อมรออยู่เพื่อออกปฏิบัติการได้ทันที
พื้นห้องที่เป็นพรมสีแดงเลือดนก ถูกปูทับด้วยผ้าใบผืนใหญ่เพื่อกันเปื้อนจากหีบสมบัติทั้ง 10 ใบที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและสิ่งปฏิกูลจากหนูถ้ำตัวใหญ่ฝูงนั้น เนื่องจากการที่พบเห็นในครั้งสุดท้ายนั้นเหล่าบรรดาหนูถ้ำทั้งฝูงได้ยึดเอาเป็นรังของพวกมันเรียบร้อยไปแล้ว
อนึ่งหีบสมบัติทั้งหมดได้ถูกซุกซ่อนไว้ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลานานเกินกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายนอกจึงดูสกปรกเก่าคร่ำเครอะ
สมบุญชายช่างไม้เริ่มลงมือทำความสะอาดก่อนเป็นคนแรก ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที หีบเก่าแก่โบราณใบแรกนั้นก็เอี่ยมอ่องเป็นเงาแวววาวขึ้นมาทันที ลวดลายสลักเสลาบนโลหะที่เห็น ยิ่งมองยิ่งจับตายิ่งนัก สมกับเป็นหีบมหาสมบัติ กระทั่งลวดลายบนกุญแจ ผู้พบเห็นถึงแม้ไม่รักศิลปะก็มิอาจทำใจให้กล้าตัดหรือทำลายได้ลงคอ
โกหลกลุกพรวดพราดจากเก้าอี้นวมแทบจะทันทีที่เห็นเงาแวววาวสะท้อนนัยตา เขาลูบคลำหีบโลหะและกุญแจลวดลายวิจิตรด้วยความพึงใจจนหลงในเสน่ห์แห่งความงดงามนั้น
"เอ็งทำได้ดีมาก..สมบุญ ยอดเยี่ยมจริงๆ" โกหลกกล่าวชมสมบุญช่างไม้หนุ่มเหมือนคนละเมอ
"หีบทุกใบยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีมากเลยนะครับ เจ้านาย" ไต้ก๋งบุญทวีเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม
"ทำความสะอาดหีบทุกใบให้หมด ก่อนที่เราจะทำการเปิด !" โกหลกเจ้าพ่อบางมะขามออกคำสั่ง
"เอ้า...พวกเราช่วยกัน เช็ดถูให้เรี่ยมเลยนะ" ไต้ก๋งบุญทวีหันมาพยักหน้ากับลูกน้องทั้งสามคน พร้อมกับทรุดกายลงนั่งช่วยกันทำความสะอาดหีบสมบัติที่เหลือทั้งหมด
เพียงชั่วครู่ใหญ่ๆ หีบทั้งสิบใบก็สะอาดเอี่ยมหมดจดราวกับเพิ่งยกออกมาจากห้องนิรภัย
อาเม้งลากเอาเครื่องดูดฝุ่นออกมาดูดเศษฝุ่นและขยะจนเกลี้ยง !
ผ้าใบผืนใหญ่เหนือพรมบนพื้นห้องที่ดูสกปรกเมื่อครู่นั้น !
บัดนี้ก็พลันสะอาดเรียบร้อย พร้อมที่จะทำการเปิดหีบสมบัติได้ทันที !
"พร้อมแล้วครับ เจ้านาย" ไต้ก๋งหนุ่มรายงาน
"โอเค...รออีกครึ่งชั่วโมง"
เสียงนายดิลกประกาศิต
"รออะไรละครับ เจ้านาย ?" ไต้ก๋งบุญทวีกังขา
"เราจะเปิดหีบสมบัติกันเวลาเที่ยงคืนตรง !"
เจ้าพ่อบางมะขามยืนยันตามความประสงค์เดิม
เสียงนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังตีบอกเวลา 12 ครั้ง !
เวลายี่สิบสี่นาฬิกา !
เที่ยงคืนตรง !
"โอเค...เปิดได้ !" เสียงนายดิลกกังวานขึ้นพร้อมกับลุกจากเก้าอี้นวมเดินตรงมาที่หีบมหาสมบัติ !
สมบุญช่างไม้ประจำเรือหยิบเลื่อยตัดเหล็กจ่อไปที่กุญแจเพื่อเตรียมตัวตัดกุญแจในการเปิด
นายดิลกใจหายวาบ ร้องเสียงหลง !
"เฮ้ย ! อย่าตัด เดี๋ยวกุญแจเสียหายหมด เสียดายลวดลายสวยงามบนกุญแจโว้ย !"
"ไม่มีลูกกุญแจไขนี่ครับ เจ้านาย" ช่างไม้สมบุญบอก
"ห้ามงัดด้วยนะโว้ย !"
เสียงเจ้าพ่อบางมะขามกำชับ
"ถ้าอย่างนั้น ประเดี๋ยวผมจัดการเองครับ เจ้านาย !" เบิ้มซึ่งเงียบเสียงอยู่นานอาสาขึ้นบ้าง
"เอ็งจะทำยังไงวะไอ้เบิ้ม ?"
"สะเดาะกุญแจครับ"
"เอ้า...ลองดู !"
เบิ้มล้วงมือหยิบเอาพวงกุญแจประจำตัวพวงเบ้อเริ่มออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลือกเอาลูกกุญแจรูปร่างคล้ายเหล็กแหลมตรงส่วนปลายงอนิดหนึ่ง เขาแหย่มันเข้าไปในรูกุญแจล้วงควักอยู่ครู่ใหญ่
กุญแจโบราณก็ลั่นดังคลิ้ก !
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนิ่งงัน เงียบกริบ แทบจะลืมหายใจ !
เบิ้มค่อยๆยกสายยูกุญแจขึ้น ดึงเอาฝาหีบเปิดออกอย่างช้าๆ !
โกหลกโผล่หน้าเข้าไปจนเกือบชิดฝาหีบ ดวงตาเบิกโพลง จ้องเขม็งมองเพ่งดูภายในหีบอย่างใจจดใจจ่อ !
ฝาหีบเปิดอ้าจนสุดบานพับ !
มองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในหีบลายสวยนั้นอย่างชัดเจน !
ทุกคนใจหายวูบด้วยความตกใจระคนสงสัย ! ?
เจ้าพ่อบางมะขามตกตะลึงอ้าปากหวอ !
"เฮ้ย ! ?"
โกหลกตะโกนก้องสุดเสียง
เพราะสิ่งที่ปรากฏภายในหีบสมบัตินั้นหาใช่เพชรนิลจินดาหรือสิ่งมีค่าแต่อย่างใดไม่ !
มันคือก้อนกรวดและก้อนหินหลากสีที่เห็นอยู่ดาดดื่นทั่วไปบนเกาะกุระนั่นเอง !
เจ้าพ่อบางมะขามถึงกับเข่าทรุด เขาคุกเข่าลงข้างๆหีบสมบัติเอื้อมมือกอบเอาหินขึ้นโปรยลงบนพื้นเหมือนคนใจลอย เขาคุ้ยแล้วก็กอบเอาก้อนกรวดก้อนหินหลากสีเหล่านั้นโปรยลงบนพื้นเหมือนคนบ้าคลั่ง จนกระทั่งภายในหีบเหลือแต่ความว่างเปล่า !
ที่พื้นหีบด้านใน เมื่อโกยเอาก้อนกรวดและก้อนหินออกจนหมดแล้วก็ปรากฏตัวหนังสือเขียนด้วยสีดำเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
ปลายเส้นขนาน !
"นี่มันอะไรกันวะ ?" โกหลกรำพึงออกมาดังๆ
"เปิดให้หมดทุกหีบโว้ย ไอ้เบิ้ม !"
นายดิลกตะโกนสั่งลูกน้องด้วยความหวังสุดท้ายว่าหีบที่เหลือทั้งหมด
อีกเก้าใบจะเต็มไปด้วยสมบัติอันมีค่ามหาศาลสมคำเล่าลือ
เบิ้มสะเดาะกุญแจหีบสมบัติที่มีลวดลายสลักสวยงามออกหมดทั้งเก้าดอก วางเรียงกันไว้ก่อนที่จะเปิดหีบสมบัติทีเดียวทั้งเก้าใบพร้อมกัน
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าทำเอาเจ้าพ่อบางมะขามคลุ้มคลั่งด้วยหัวใจแตกสลาย !
ทุกหีบเต็มไปด้วยก้อนกรวดก้อนหินเหมือนกันหมด !
เหมือนแม้กระทั่งข้อความบนพื้นหีบด้านใน !
ซึ่งข้อความนี้เป็นเสมือนปริศนา ?
ปลายเส้นขนาน !
สิ่งที่โกหลกคิดได้เพียงอย่างเดียวขณะนั้นคือปลายเส้นขนานนั้นก็คือปลายสุดของเส้นขนานรีสอร์ตแห่งเกาะขนานนั่นเอง !
"ตามพวกมันไปเกาะขนาน ก่อนที่พวกมันจะทันได้ตั้งตัว !"
เรือตังเกโชคโอฬารจึงครางกระหึ่มอีกครั้งมุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทาง ณ เกาะขนานในเพลานั้นเอง
***************
เมื่อวันที่ : ๑๗ พ.ค. ๒๕๕๐, ๑๘.๕๕ น.
ตามมาให้กำลังใจลุงปิงผู้ประพันธ์ค่ะ.....