![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...แผนการที่จะเข้าไปช่วยลุงชู ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างกระทันหัน...
ตอน : ชิงตัวประกัน
แผนการที่จะเข้าไปช่วยลุงชูได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างกระทันหันโดยผู้ที่วางแผนในการดำเนินการครั้งนี้คือนายดาบตำรวจบุญเที่ยงหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลเกาะขนานแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อได้ตกลงตามแผนปฏิบัติการกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้หมู่ประทิวก็ทิ้งตัวลงยังผืนน้ำและดำน้ำล่วงหน้าไปก่อนอีกวาระหนึ่ง
ครู่ใหญ่ประมาณ 10 นาทีต่อมา ณ อีกด้านหนึ่งของเกาะตรงกันข้ามกับที่เรือโชคโอฬารทอดสมอจอดอยู่ก็ปรากฏเสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้นเมื่อลูกเรือคนหนึ่งบังเอิญเหลือบไปเห็นลูกเรือชาวพม่าสองคนที่ทำหน้าที่ค้นหาอยู่ทางด้านนี้ คนหนึ่งนอนหงายตาเหลือกลิ้นจุกปาก ส่วนอีกคนนอนคว่ำหน้าหัวทิ่มจมอยู่ในน้ำทะเล
"เฮ้ย ! มีพวกเราถูกทำร้ายอยู่ทางนี้โว้ย !"
คนที่ตะโกนคือเดชาไอ้หนุ่มผมยาว มันกระชากปืนกระโดดออกไปยืนจังก้าสอดส่ายสายตามองไปรอบๆตามโขดหินใหญ่น้อยที่กระจายอยู่ทั่วไป
เงาดำวูบผ่านแสงสปอตไล้ท์ที่ส่องมาจากเรือตังเกใหญ่โชคโอฬาร คล้ายกับมีคนกระโดดจากต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เพียงต้นเดียวใกล้แนวโขดหินตะปุ่มตะป่ำแถบนี้ตรงไปยังโขดหินก้อนโตก้อนหนึ่ง เดชากระโดดตามไปใกล้พลางร้องตะโกนถาม
"นั่นใครวะ ?"
เงียบ ! ไม่มีเสียงตอบใดๆทั้งสิ้น !
"กูจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่ตอบกูยิงนะโว้ย !" เสียงเดชาตะโกนก้อง
"หนึ่ง..สอง..สาม"
ปัง !
เสียงกระสุนปืน 11 มม.ดังก้องสะท้านไปทั้งเกาะ นับว่านี่คือกระสุนนัดแรกที่เปิดฉากกัมปนาทเป็นต้นเสียงอันดับแรกของคืนนี้
ยังคงไม่มีเสียงตอบมาจากแนวโขดหินบริเวณนั้นอยู่ดี
ไอ้หนุ่มผมยาวฉุนขาด !
เมื่อได้ยินเสียงพรรคพวกวิ่งกรูกันมาทางเสียงปืนที่มันเพิ่งระเบิดกระสุนออกไปเมื่อตะกี้นี้ มันรีบกระโดดพุ่งตัวตามไปยังหินก้อนนั้นทันทีโดยหวังที่จะเผด็จศึก
แต่พอมันโผล่ตัวออกไปพ้นก้อนหินเท่านั้น เสียงปืนขนาด 9 มม.ในมือของผู้หมู่ประทิวก็ลั่นเปรี้ยงเข้าใส่กลางอกของไอ้หนุ่มผมยาวจนร่างของมันหยุดกึกราวกับวิ่งมาสะดุดตอทรุดฮวบลงทันที
เบิ้มวิ่งนำหน้ามาทางเสียงปืนที่ดังขึ้นตั้งแต่นัดแรกตามติดด้วยไต้ก๋งบุญทวีและลูกเรืออีกสามคน
ปืนทั้งห้ากระบอกระดมยิงไปยังโขดหินก้อนนั้นเสียงดังราวกับประทัดแตกแต่ก็หาได้มีเสียงยิงโต้ตอบออกมาไม่
จากประสพการณ์เมื่อครู่ทำเอาพวกมันลังเลไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าที่จะบุกตะลุยเข้าไป เพราะอาจกลายเป็นศพได้
พวกมันหารู้ไม่ว่าชายที่โผล่ออกมายิงเดชาเมื่อครู่นี้อยู่ในชุดประดาน้ำ ขณะนี้เขาได้เคลื่อนกายลงน้ำแอบเร้นตัวย้ายไปอีกทางหนึ่งเพื่อความปลอดภัย
เสียงปืนที่ระเบิดยิงกันอย่างเมามันหูดับตับไหม้เมื่อครู่นี้นั้นเป็นชนวนดึงเอาจุดสนใจของทุกคนบนเกาะทั้งหมด ต่างก็วิ่งมารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ รวมทั้งตัวโกหลกเอง อาเม้ง ฮันส์ กุลลิคเซ่นและแอนนามารีก็พลอยวิ่งมายืนออกันอยู่ด้านหลังก้อนหินใหญ่ ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะกล้าเข้าไปใกล้โขดหินซึ่งร่างอันสูงใหญ่ของเดชาไอ้หนุ่มผมยาวที่ถูกกระสุนยิงทะลุอก นอนหงายเหยียดยาว เลือดแดงฉานไหลนองไปทั่วพื้นหาดทรายปริ่มน้ำนั้น
***************
จ้อนและโซ้ดกรรเชียงเรือพานายดาบตำรวจบุญเที่ยงมาหยุดอยู่เบื้องหลังเรือโชคโอฬารด้วยความปลอดภัยโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
โซ้ดปีนบันไดแกงเวย์ขึ้นไปบนเรือโชคโอฬารอย่างระมัดระวัง
จ้อนและนายดาบตำรวจบุญเที่ยงลงจากเรือกรรเชียงที่ผูกโยงไว้แล้วกับโซ่สมอเรือ เดินลุยน้ำหลบไปทางใต้ถ้ำลอด ค่อยๆคลานขึ้นฝั่งไปทางเดียวกันกับที่ลุงชูขนสัมภาระเข้าไปซุกและแอบซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำรูหนูโดยที่ทั้งสองไม่เคยรู้มาก่อน
ทั้งสองค่อยๆคืบคลานไปตามก้อนหินตะปุ่มตะป่ำที่มีอยู่ทั่วไปแอบสะกดรอยตามไปทางเสียงปืนที่ยิงรัวกันถี่ยิบเมื่อครู่นี้
จากแสงไฟที่สว่างไสวราวกับกลางวัน หนุ่มจ้อนก็ต้องตกตะลึงจนแทบช็อคด้วยความดีใจที่เห็นร่างสูงระหงผมสีบลอนด์ปลิวไสวไปตามลมยืนอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น
แอนนามารี !
ใกล้ๆกันกับที่เธอยืนอยู่ก็มีชายสูงอายุชาวตะวันตกท่าทางคล้ายกับในรูปภาพไม่มีผิดเพี้ยน
ต้องเป็นมร. ฮันส์ กุลลิคเซ่นบิดาของแอนนามารีอย่างแน่นอน !
จ้อนดึงแขนดาบบุญเที่ยงให้เข้ามาหลบอยู่ที่เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ใกล้ๆกันพลางกระซิบบอก
"สาวฝรั่งผมบลอนด์และฝรั่งผู้ชายสูงอายุอีกคนหนึ่งนั้นคือบุคคลที่เรากำลังตามหาตัวกันอย่างจ้าละหวั่นอยู่ขณะนี้นะครับพี่ดาบ"
"อย่างนั้นก็นับว่าเป็นโชคดีของเราทีเดียว"
"แต่ทำอย่างไรจึงจะพาพวกเขากลับไปกับเราได้ละครับ ?"
"เราต้องพยายามหาทางแยกเอาพวกเขาออกมาจากกลุ่มของนายดิลกให้ได้"
"นั่นซิ ทำอย่างไรดีละครับ ?" จ้อนกังขา
"ผมว่าเราต้องใช้แผนเดิมของหมู่ประทิว คือเบนความสนใจ"
"เบนความสนใจ ?"
"ใช่...เบนความสนใจด้วยเหยื่อตกปลา"
"เหยื่อตกปลา ?"
"โดยเอาคุณจ้อนนั่นแหละเป็นเหยื่อตกปลา"
"ผมนะรึเป็นเหยื่อตกปลา !"
"ใช่คุณเป็นคนเดียวที่คุณแอนน์รู้จักดีและไว้วางใจมากที่สุด ในกรณีนี้คุณแอนน์จะได้รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่เพื่อคอยช่วย เธอจะพยายามแยกตัวออกมาเอง แต่คุณต้องเสี่ยงหน่อยนะครับคุณจ้อน ถ้าพลาดก็หมายถึงชีวิตทีเดียว"
"ผมยินดีเสี่ยงครับพี่ดาบ" จ้อนยืนยันหนักแน่น
"ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ เพราะคุณโซ้ดกำลังรอสัญญาณ จากพวกเราอยู่บนเรือใหญ่ ผมให้สัญญาณเมื่อไหร่ คุณโซ้ดจะดำเนินการตัดไฟฟ้าทันที พวกมันจะงงเหมือนคนตาบอดทีเดียวเมื่อไฟดับใหม่ๆ ถึงตอนนั้นก็เป็นโอกาสทองของพวกเราที่จะกันแยกเอาสองพ่อลูกออกมา"
"ผมต้องเป็นเหยื่อตกปลาด้วยวิธีใดละครับ ?"
"ง่ายมาก เพียงคุณหาทางออกไปแสดงตัวด้วยวิธีที่นุ่มนวลที่สุด เพื่อที่จะบอกให้คุณแอนน์รู้ตัวเท่านั้นว่าคุณมาคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆนี้แล้ว"
"วิธีที่นุ่มนวลที่สุด ?"
"ใช่ เพราะถ้าคุณขืนบุ่มบ่ามพรวดพราดเข้าไปละก็ มีหวังถูกกระสุนปืนอย่างไม่มีปัญหา"
"ตกลงครับพี่ดาบ"
พูดจบจ้อนก็เดินก้มหัวต่ำเรี่ยเกือบถึงพื้นเคลื่อนตัวออกไปหลบอยู่หลังก้อนหินที่อยู่ด้านหน้าอีกก้อนหนึ่ง ตรงนี้ทำให้เขาสามารถที่จะมองออกไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่หลังโขดหินใหญ่ก้อนนั้นอย่างค่อนข้างชัดเจน
จ้อนตะโกนออกไปด้วยเสียงดังพอได้ยินทั่วกัน
"แอนน์ ! ผมเองจ้อน ผมอยู่ทางนี้ !"
เสียงที่ก้องกังวานของนายจรจรัลท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับก้อนหินที่อยู่ข้างร่างไร้วิญญาณของเดชาไอ้หนุ่มผมยาวนั้น ทำเอาทุกคนสะดุ้งหันขวับกลับมาทางเสียงนั้นทันที
นายดิลกและสมุนวาดปากกระบอกปืนกลับเล็งตรงไปทางก้อนหินที่ชายหนุ่มหลบซ่อนตัวอยู่ พร้อมที่จะเหนี่ยวไกได้ทุกขณะ
"แอนน์ ! นี่ผมเอง..จ้อน"
ชายหนุ่มตะโกนซ้ำ
"คุณจ้อน !"
เสียงแอนนามารีขานรับพลางหันมองไปทางเสียงเรียกของนายจรจรัลพร้อมกับทำท่าออกเดิน
"หยุด ! ห้ามขยับตัวเด็ดขาดหนูแอนน์ !"
เสียงนายดิลกตวาดดังก้อง เขาเบนปากกระบอกปืนมาทางหญิงสาว ทำเอาแอนนามารีสะดุ้ง เท้าที่กำลังจะก้าวออกเดินหยุดชะงักอยู่กับที่
เมื่อฮันส์ กุลลิคเซ่นเห็นดังนั้น เขาก็กระโจนพรวดเดียวถึงตัวนายดิลกเอื้อมมือซ้ายปัดปืนในมือของโกหลกกระเด็นลงบนพื้นทรายเบื้องล่าง กำปั้นขวาที่อัดแน่นเพราะมีความแค้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเหวี่ยงตูมเข้าที่กระโดงคางของโกหลกเสียงดังลั่น
พล๊อก !
ทำเอาเจ้าพ่อบางมะขามหงายหลังเซแซ่ดๆ เข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น
เบิ้มสมุนมือขวาของโกหลกคอยระวังตัวอยู่แล้ว จึงเบนปากกระบอกปืน 9 มม.หันมาทางฮันส์ กุลลิคเซ่น แล้วเหนี่ยวไก
"ปัง !"
กระสุนแล่นแหวกอากาศทะลุชายโครงของฮันส์ กุลลิคเซ่น ไวกิ้งรุ่นเก๋าเซถลาราวนกปีกหัก
แอนนามารีหวีดร้องสุดเสียง
"ป๋า !"
เธอตรงเข้ารวบร่างที่เซถลาของบิดาไว้ในอ้อมกอด ทำให้ร่วงลงสู่พื้นกลิ้งไปบนพื้นทรายด้วยกันทั้งคู่
เบิ้มทำท่าจะยิงซ้ำก็พลันได้ยินเสียงของโกหลกออกคำสั่งตวาดด้วยเสียงเฉียบขาด
"หยุด ! พอแล้วเบิ้ม !"
ทำเอาสมุนตัวเอ้ลดปืนลงข้างลำตัวทันทีโดยอัตโนมัติ
นายดาบตำรวจบุญเที่ยงซุ่มสังเกตการณ์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นฮันส์และแอนนามารีล้มลงบนพื้นทราย เขาก็ยิงพลุสัญญาณส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้า
โซ้ดซึ่งเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วด้วยความกระวนกระวาย ทันทีที่เห็นพลุสัญญาณ เขาก็ปลดสะพานไฟที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทันที
แสงสว่างทั้งบนเรือและบนเกาะดับวูบลงอย่างกระทันหัน !
มืดสนิทไปทั้งเกาะ ! !
จ้อนซึ่งคอยทีอยู่ก็กลิ้งตัวไปตามพื้นทรายตรงไปทางที่มร.ฮันส์และแอนนามารีนอนกอดกันอยู่
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเคลื่อนกายไปถึงร่างของหญิงสาว แอนนามารีก็พยุงร่างของไวกิ้งชราให้ลุกขึ้นนั่งพิงร่างของเธอไว้
โกหลกร้องสั่งสมุนทุกคนให้กลับไปที่เรือ !
ทั้งหมดจึงวิ่งกรูกันไปทางชายหาดตรงไปยังเรือตังเกโชคโอฬาร !
ยกเว้นอาเม้งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งยองๆลงข้างๆแอนนามารีและมร.ฮันส์ด้วยความเป็นห่วง
"คุณแอนน์ !"
จ้อนร้องเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ เมื่อเขากลิ้งตัวเข้ามาใกล้ถึงร่างของทั้งสามคนนั้น
"คุณจ้อน !"
เสียงของแอนนามารีอุทานออกมาเบาๆอย่างดีใจด้วยความตื่นเต้น !
อาเม้งขยับปืนในมือดังกริ๊ก จ้องปากกระบอกมาทางจ้อน นิ้วชี้ในโกร่งไกเตรียมพร้อมที่จะกระดิกได้ทุกเมื่อ
"นี่คุณจ้อนเพื่อนของแอนน์เอง อาเม้ง ! กรุณาอย่ายิงเขาเลยเขามาช่วยแอนน์และพ่อ"
เสียงของแอนนามารีพูดขึ้นท่ามกลางความมืดสลัวอันเลือนลางนั้น
ปืนในมือของอาเม้งและของจ้อนลดลงเกือบพร้อมกัน !
"อาหัง ลื้อเป็นอย่างไรบ้างวะ" เสียงอาเม้งถามฮันส์ด้วยความอาทรอย่างจริงใจ
"ผมไม่เป็นไรอาเม้ง ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก"
"อั๊วจะพาลื้อไปส่งที่เรือก่อน รีบพาเตี่ยของลื้อไปหาหมอด่วนเลยนะหนูแอนน์" อาเม้งหันมาสั่งแอนนามารี
"อั๊วฝากลื้อดูแลอาหังด้วยนะ...อาคุณจ้อน !"
ประโยคหลังเขาหันมาพูดกับนายจรจรัลด้วยแววตาเฉยเมยก่อนที่จะช่วยพยุงร่างของฮันส์ กุลลิคเซ่นให้ลุกขึ้นยืนโดยประคองปีกคนละข้างกับจ้อนพาเดินอย่างช้าๆไปทางด้านหลังโขดหินในทิศทางตรงกันข้ามกับที่บรรดาพรรคพวกของโกหลกซึ่งมุ่งตรงไปยังเรือโชคโอฬาร
อาเม้งพาทั้งสองคนมายังเรือซีโอทูโดยเดินลุยน้ำผ่านอ้อมไปทางด้านหลังโขดหิน
อาเม้งและจ้อนช่วยกันอุ้มร่างของไวกิ้งชราขึ้นไปบนเรือซีโอทูค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเนื่องจากฮันส์ กุลลิคเซ่นเป็นชายร่างใหญ่ ทั้งสามขึ้นไปนั่งอยู่บนเรือเรียบร้อยยกเว้นอาเม้งเพียงผู้เดียวเพราะเขาอ้างถึงภาระกิจและบุญคุณของโกหลกที่มีต่อกันแต่หนหลัง ซึ่งเขาจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามที่ได้เคยสัญญาไว้ อาเม้งสาวสมอขึ้นให้เตรียมพร้อมกล่าวคำลา
*********
โกหลกและสมุนพากันวิ่งกรูมุ่งตรงไปยังเรือโชคโอฬารโดยวิ่งผ่านไปทางที่นายดาบตำรวจบุญเที่ยงยืนบังโขดหินอยู่
จากการที่พวกเขาวิ่งกรูกันพรึบพรับราวกับวัวตื่นฝูงนี่เอง ได้ทำให้นายตำรวจชั้นประทวนต้องกระโดดหลบเข้าไปแอบซ่อนอยู่ที่ซอกหินใต้ต้นไม้ตรงปากทางเข้าถ้ำรูหนูที่ลุงชูหลบซ่อนตัวอยู่
เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดท่ามกลางแสงดาวและเดือนเสี้ยวข้างแรมที่เพิ่งโผล่พ้นก้อนเมฆทะมึนนั้น
ฉับพลันนายดาบตำรวจบุญเที่ยงก็ต้องตกตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง !
ด้วยปรากฏว่าก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆกับที่เขานั่งซุกตัวหลบอยู่นั้นเคลื่อนไหวและขยับเขยื้อนได้เอง จนสักครู่ก็ค่อยๆเลื่อนล้มลงคล้ายถูกผลัก !
มือของใครคนหนึ่งยื่นออกมา มองจากเงาสลัวที่สะท้อนวัตถุในมือทำเอานายดาบตำรวจใจหายวาบ !
ปืนรีวอลเวอร์ขนาด 9 มม.สะท้อนแสงจันทร์สลัวที่ส่องลอดเงาไม้นั้นแวบวับ แล้วเจ้าของมือถือปืนนั้นก็ค่อยๆคลานออกมาจนพ้นปากถ้ำรูหนู
นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่จำได้อย่างแม่นยำด้วยความคุ้นเคยว่าผู้ที่โผล่ออกมานั้นคือ
ลุงชู...ชายชาวประมงวัยดึกที่ชอบดื่มเหล้าและตกปลาจนแยกไม่ออกว่าอย่างไหนคืออาชีพกันแน่ !
ขี้เมาคนดังแห่งเกาะขนานที่แม้แต่เด็กยังรู้จัก !
ลุงชูคือชายที่เขาและจ้อนได้วางแผนบุกเกาะกุระเข้ามาเพื่อช่วยเหลือโดยเฉพาะด้วยความเป็นห่วงอยู่นั่นเอง !
"ลุงชู !" นายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่เรียกชื่อแกเบาๆพอได้ยิน
ชาวประมงวัยดึกหันขวับ ปืนในมือขยับดังกริ๊กเบนปากกระบอกมาทางเสียงเรียกนั้น
"ใคร ?" ลุงชูถาม
"ผมเอง...ดาบบุญเที่ยง หันปืนไปทางอื่นเถอะ !"
"ดาบบุญเที่ยง ! สวรรค์ทรงโปรด ! มาได้ยังไงนี่ ?" ลุงชูอุทานด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น พลางหันปากกระบอกปืนลงต่ำ
"ก็มาช่วยลุงนะซี"
"คุณจ้อนละครับ ?"
"กำลังไปช่วยฝรั่งสองพ่อลูกอยู่ทางด้านโน้น" เขาพูดพลางชี้มือไปทางโขดหินริมทะเล
"มากันกี่คนครับคุณดาบ ?"
"สี่คน มีคุณจ้อน คุณโซ้ด ผมและหมู่ประทิว ผมว่าเราไปช่วยคุณจ้อนกันก่อนเถอะ"
"อ้าวแล้วหมู่ประทิวกับโซ้ดละครับ ?"
"หมู่ประทิวอยู่ในชุดประดาน้ำกำลังไปช่วยคุ้มกันคุณโซ้ดที่ขึ้นไปตัด
สะพานไฟบนเรือตังเก เรานัดพบกันที่โขดหินนอกถ้ำลอด รีบไปกันเถอะลุง"
"ไปซิครับ...เดี๋ยวผมขอปิดปากถ้ำรูหนูของผมก่อน"
ลุงชูจัดการปิดกลบปากถ้ำรูหนูที่ช่วยชีวิตแกไว้ แล้วออกวิ่งเหยาะๆตามนายดาบตำรวจหนุ่มใหญ่ไปติดๆ
*********
อาเม้งร่ำลาฮันส์อย่างเพื่อนรักที่รู้ใจ เพราะเวลากว่าสองเดือนที่ฮันส์ตกระกำลำบากถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอยู่ในถ้ำกาหลงนั้น ทั้งคู่ได้ปรับทุกข์ด้วยการพูดคุยระบายความทุกข์ร้อนซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา ต่อหน้าพวกขบวนการร้ายแก๊งนี้แล้ว อาเม้งนั้นคือเพชรฆาตจอมโหดแห่งเกาะกาหลงที่ทุกคนหวั่นเกรง
ลับหลังนายดิลกและพรรคพวกแล้วอาเม้งจะกลับกลายเป็นคนละคนทีเดียว เขาให้ความเมตตาชายต่างชาติต่างภาษาผู้นี้เสมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานานปี คงเป็นด้วยความที่คุยกันถูกคอและถูกชะตากันนั่นเอง
หลังจากหันหลังให้เรือซีโอทูแล้ว อาเม้งก็เดินลุยน้ำขึ้นฝั่งไปทางโขดหินที่ร่างไร้วิญญาณของเดชาไอ้หนุ่มผมยาวนอนแน่นิ่งอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะเดินเลยโขดหินนั้นไป อาเม้งก็ต้องรีบย่อตัวหมอบลงบังโขดหินทันที
อาเม้งกำปืน 9 มม.ประจำกายไว้แน่น พร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกขณะ เพราะเขาเห็นร่างของชายสองคนกำลังวิ่งเหยาะๆมุ่งตรงมาทางนั้น เขานึกว่าคงเป็นสมุนของโกหลกที่ถูกสั่งให้มาตามตัวเขาและสองพ่อลูกชาวนอร์วีเจี้ยน หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาอาจมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บชายสองคนที่กำลังวิ่งมานี้เสีย เพื่อความปลอดภัยของสองพ่อลูกคู่นี้
เสียงจ้อนสตาร์ทเครื่องยนต์เรือซีโอทูครางกระหึ่มขึ้น !
อาเม้งยกปืนขึ้นเล็งไปยังร่างของชายคนที่วิ่งนำหน้า !
ปรากฏว่าฉับพลันนั้นเองเขาก็หยุดวิ่ง ชะงักอยู่กับที่ ทำเอาอาเม้งพลอยชะงักไปด้วย !
พลันหูของอาเม้งก็ได้ยินเสียงชายคนที่หยุดวิ่งนั้นร้องตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์พร้อมกับส่องไฟฉายเป็นลำพุ่งไปยังเรือซีโอทู
"คุณจ้อน ! รอด้วย ! ผมดาบบุญเที่ยงกับลุงชู !"
จ้อนเบาเครื่องยนต์พร้อมยกมือขึ้นป้องหน้า โบกมือให้คนบนฝั่งไหวๆด้วยนัดกันไว้ตามแผน แม้ในแผนจะเป็นเรือกรรเชียงไม่ใช่เรือยนต์ซีโอทูก็ตามนับว่าเป็นเป็นผลดีเกินความคาดหมาย
ต้องขอบคุณอาเม้งผู้มีเมตตา !
อาเม้งลดปืนลงทันที แต่ยังคงหมอบนิ่งรออยู่จนกระทั่งทั้งลุงชูและนายดาบตำรวจบุญเที่ยงขึ้นเรือกันหมด เขาจึงลุกขึ้นและออกวิ่งไปทางเรือตังเกโชคโอฬาร !
***************
เมื่อวันที่ : ๑๕ พ.ค. ๒๕๕๐, ๒๒.๓๙ น.
เข้ามาเกาะชายหาด...เอ๊ย...เกาะหน้าจอติดตามเหตุการณ์ด้วยใจระทึกค่ะ....