![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...ตะวันรอนจวนจะลับขอบน้ำทะเล อันเป็นสัญญาณคืนสู่ราตรี แสงสีแดงที่สะท้อนระยิบระยับริมขอบฟ้าและผืนน้ำค่อยๆมืดมิดลงทีละน้อยๆจนในที่สุดก็เหลือเพียง...
ตอน : ค้นขุมทรัพย์
ตะวันรอนจวนจะลับขอบน้ำทะเลอันเป็นสัญญาณคืนสู่ราตรี แสงสีแดงที่สะท้อนระยิบระยับริมขอบฟ้าและผืนน้ำค่อยๆมืดมิดลงทีละน้อยๆจนในที่สุดก็เหลือเพียงสีเทามืดทะมึนของยามค่ำคืนดวงดาวสว่างสุกสะกาวพราวไปทั้งท้องฟ้าโกหลกสั่งให้เลิกทำการค้นหาสมอเรือและสมบัติโจรสลัดที่บริเวณอ่าวหน้าศาลเจ้ากุหลาบไฟ เรือโชคโอฬารถอนสมอตั้งแต่ดวงอาทิตย์จวนเจียนใกล้จะลับจมหายไปในขอบน้ำสู่ความมืด เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มก้องได้ยินไปไกลด้วยเป็นเวลาอันสงบเงียบ มวลหมู่นกกาและทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนเกาะกาหลงพากันสงบสำเนียงสิ้น ได้ยินอยู่ก็เพียงเสียงจักจั่นเท่านั้นที่กรีดเสียงระงมไปทั่วแนวไพร แสงไฟฟ้าบนเรือติดพรึบสว่างไสวทีละดวงจนครบทำให้บนดาดฟ้าเรือสว่างราวกับกลางวัน
เรือโชคโอฬารบ่ายโฉมหน้าไปทางด้านตรงข้ามกับศาลเจ้ากุหลาบไฟมุ่งตรงไปยังเกาะกุระตามลายแทงที่ฮันส์ กุลลิคเซ่นไวกิ้งชราได้วาดขึ้นจากความทรงจำในอดีตที่ได้ฝึกปรือมาตลอดจนเกือบค่อนอายุของเขาก่อนที่จะเดินทางมุ่งสู่แผ่นดินสยามอีกครั้งเพื่อตามหาสมบัติที่ปรากฏบนลายแทงนี้
ส่วนตัวโกหลกเองนั้นก็มีความหวังอย่างยิ่งยวดว่า ณ บนเกาะกุระแห่งนี้แหละคือแหล่งที่ซ่อนของสมบัติอันมีค่ามหาศาลของโจรสลัดรุ่นคุณปู่ผู้เกรียงไกรตามลายแทงแผ่นที่สองนั้น
แอนนามารีใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงที่เห็นเรือแล่นตรงไปสู่เกาะกุระอันเป็นเกาะที่เธอแลเห็นลุงชูชายขี้เมาพรรคพวกของจ้อน ชายหนุ่มหน้าตาคมคายเจ้าของรีสอร์ตแห่งเกาะขนานที่กำลังติดตามมาช่วยเธอและบิดาจากกล้องส่องทางไกลเมื่อตอนเย็นวันเดียวกันนี้เอง
เมื่อนึกถึงจ้อนชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างสูงโปร่งเป็นสง่า ท่าทางแข็งแรงบึกบึน ผมหยิกหยักศกปลิวไสวล้อลม รอยยิ้มอย่างเปิดเผยบนใบหน้าของชายหนุ่มทุกคราวที่เธอได้พูดคุยด้วย ทำให้หัวใจเธอประหวัดถึงเขาอย่างช่วยไม่ได้ นี่เธอกำลังหลงรักหนุ่มสยามผู้นี้อยู่หรืออย่างไร ?
หัวใจที่เคยว่างเปล่าจากความผูกพันธ์ของสายใยแห่งความรักของแอนนามารีมาเป็นเวลานานพอสมควรชั่วระยะหนึ่งแล้วนั้นก็พลันหยุดกึกลงตรงใบหน้าคมคายสมส่วนของหนุ่มชาวเกาะแห่งเมืองสยามผู้มีเสน่ห์ผู้นี้
เขาจะคิดอย่างไรกับเธอหนอ ?
หรือว่าเขามีความรักอยู่แล้วกับน่านนที สาวน้อยผมยาวหน้าหวานคนนั้นใช่หรือไม่ ?
เพราะเธอเห็นเขาคลอเคลียอยู่กับน่านนทีในงานปาร์ตี้ของชาวอาทิตย์อุทัยที่ทางรีสอร์ตจัดขึ้นบนหาดทรายบริเวณหน้าเส้นขนานรีสอร์ตอันเป็นคืนวันเกิดเหตุ ที่เธอถูกจับตัวมาจากเกาะขนาน
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา แอนนามารีรู้ว่าจ้อนนั้นยังเป็นหนุ่มโสด เพราะฉะนั้นถ้าเขาและเธอมีหัวใจตรงกัน การที่เขาจะเลือกใครไม่ว่าเธอหรือน่านนที มันเป็นเรื่องของหัวใจรักที่จะต้องพิสูจน์และตัดสินใจเมื่อเวลานั้นมาถึง
เธอจะรอจนถึงวันนั้นถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ !
ใช่เธอจะรอจนถึงวันนั้น ?
แอนนามารีตื่นจากภวังค์ในความนึกคิดนั้น เมื่อเธอรู้สึกตัวว่าเรือโชคโอฬารเริ่มชะลอความเร็วลงจนเกือบหยุดนิ่ง เสียงตะโกนบอกให้ทิ้งสมอลงน้ำ พลันเรือก็กระตุกหยุดนิ่งเมื่อสมอถึงพื้น
เกาะกุระที่เธอส่องกล้องทางไกลมาเห็นลุงชูแอบอยู่บนเนินหินก้อนใหญ่สีเทา เมื่อมองดูในยามค่ำคืนกลับดำทะมึนตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
ป่านนี้เขาจะหลบซ่อนกายอยู่ตรงไหนหนอ ?
แอนนามารีอ้อนวอนขอให้พระเจ้าจงคุ้มครองเขาจากการพบเห็นของโกหลกและพรรคพวกด้วยเถิด เพราะเธอรู้ดีว่าหากเขาถูกค้นพบและถูกจับได้แล้ว คงไม่แคล้วที่จะต้องถูกนำตัวไปสังเวยเป็นเหยื่อของฉลามเพชฌฆาตทั้งสี่แห่งถ้ำกาหลงอย่างแน่นอน !
แล้วจ้อนชายในดวงใจของเธอล่ะ เขาอยู่บนเกาะเล็กๆนี้ด้วยหรือเปล่าหนอ ?
ถ้าหากมีการค้นหากันเกิดขึ้นภายในคืนนี้ เธอจะไม่ยอมหลับนอนเป็นอันขาด เธอจะพยายามหาทางช่วยเหลือพวกเขาจนสุดความสามารถ เธอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่า.....
เธอและบิดาจะไม่เอาชีวิตมาทิ้งบนแผ่นดินสยามอย่างไม่มีค่าเช่นนี้แน่นอน
ความละโมบในทรัพย์สมบัติของผู้อื่นนั่นเอง ที่ทำให้เธอและบิดาต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ !
ทั้งๆที่ความจริงแล้วตระกูลของเธออยู่กันมาได้อย่างสบาย โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ใดหรือทรัพย์สินของผู้อื่นใดๆเลยแม้เพียงน้อยนิด การเดินเรือเป็นอาชีพที่คนในครอบครัวกุลลิคเซ่นได้ปฏิบัติสืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว
ฮันส์ กุลลิคเซ่นเดินมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างบุตรสาวที่ข้างกราบเรือด้านขวาซึ่งแอนนามารียืนเอามือเกาะลวดสลิงเส้นโตที่โยงมาจากเสากระโดงเรือสายตาเพ่งมองไปบนเกาะกุระที่มองเห็นมืดทะมึนนั้นแน่วนิ่ง เขาเอื้อมมือซ้ายที่ข้อมือปรากฏรูปสมอเรือบนดอกกุหลาบสีแดงขึ้นโอบไหล่เธอพร้อมกับบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
"คิดอะไรอยู่หรือลูก ?" เขาถามบุตรีเป็นภาษานอร์วีเจี้ยน
"กำลังคิดถึงสมบัติที่เรากำลังค้นหากันนี่แหละค่ะ ป๋า" เธอตอบบิดาด้วยภาษาเดียวกัน
"คิดว่าอย่างไร ?"
"แอนน์คิดว่าเราควรถอนตัวจากเรื่องนี้ค่ะป๋า !"
"ถอนตัว..! ลูกหมายความว่าอย่างไรแอนน์ ?"
"หมายความว่า...ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องค้นหาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมาเป็นของเราเลยไม่ใช่หรือคะ ?"
"แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งของลายแทงนั้น"
"ส่วนหนึ่ง ?"
"ใช่...ลูกดูที่ข้อมือซ้ายของป๋าซิ หรือแอนน์จะบอกป๋าว่ารอยสักนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของลายแทง"
"แอนน์ไม่รู้ว่าคุณปู่ท่านคิดอย่างไรของท่าน ถึงได้สักรูปนี้ไว้บนข้อมือของป๋า ?"
"ป๋าคิดว่าท่านคงอยากให้ป๋าได้ครอบครองสมบัติตามลายแทงนั้น ตามแบบฉบับของนักเผชิญภัยชาวไวกิ้งที่แท้จริง"
"แต่แอนน์ไม่เห็นด้วย"
"ทำไม ?"
"เพราะเท่าที่ผ่านมาก็เลวร้ายพอแรงอยู่แล้ว แสดงว่าทรัพย์สมบัติเหล่านี้มีอาถรรพ์ ทำให้เกิดความวิบัติ"
"ความวิบัติ ?"
"ใช่ความวิบัติ เล่าเปาะหยีและพรรคพวกต้องตายบนเกาะกาหลงก็เพราะอาถรรพ์ของลายแทงสมบัติมหาภัยนี่ใช่หรือไม่ ความละโมบอยากได้เป็นเจ้าของทรัย์สินของผู้อื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองนั้นทำให้เกิดความวิบัติในครั้งนี้ และที่เราประสบกันมาทั้งป๋าและแอนน์ เหตุการณ์อย่างนั้นยังไม่เรียกว่าความวิบัติพออีกหรือคะ"
"โอ..แอนน์ลูกรัก !" ฮันส์ กุลลิคเซ่นคราง
"ที่ป๋าถูกจับมาทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็เพราะอาถรรพ์แห่งลายแทงมหาภัยนี้จนเกิดความวิบัติแห่งชีวิตเช่นเดียวกัน ดีนะคะที่ป๋าไม่กลายเป็นเหยื่อฉลามเพชฌฆาตเหล่านั้นไป"
พูดถึงตรงนี้แอนนามารีก็หยุดถอนหายใจ น้ำตาของเธอไหลซึมออกมาจากเบ้าลงสู่ร่องแก้มเบื้องล่างอย่างไม่รู้ตัว
"ลูกพูดเหมือนกันกับหลวงพ่ออ้นแห่งวัดเกาะขนานราวกับว่าลูกพ่อเป็นชาวพุทธ"
"หลวงพ่ออ้น ?"
"ใช่หลวงพ่ออ้น ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะขนาน ป๋าเคยแวะไปคุยกับท่านเมื่อก่อนที่จะถูกจับตัวมาไว้ที่นี่ ท่านได้ให้ข้อคิดหลายอย่างในการดำเนินชีวิตของชาวพุทธที่สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้อื่นหรืออยากได้ของผู้อื่นที่ไม่ใช่ของตนซึ่งทำให้โลกนี้วุ่นวาย ป๋ายังจำคำพูดของท่านได้ดี อ้อ ! ยังมีพระภิกษุชาวยุโรปอีกองค์หนึ่งจากเกาะเต่ามาจำพรรษาอยู่ชั่วคราวที่วัดเกาะขนาน ท่านก็ได้พยายามให้ข้อคิดเรื่องธรรมะของพระพุทธองค์แก่ป๋าเช่นเดียวกัน"
"พระภิกษุชาวยุโรป ?"
"ใช่ชื่อท่านหาญธัมโมเดิมชื่อฮันส์เช่นเดียวกันกับพ่อเป็นชาวเยอรมันท่านได้ปวารณาตนเป็นศิษย์ตถาคตเดินตามรอยวิถีพุทธ ซึ่งท่านผู้นี้ก็เช่นเดียวกันได้ให้ข้อคิดดีๆแก่ป๋ามากมาย แต่ขณะนั้นป๋าไม่มีความคิดใส่ใจในเรื่องดังกล่าว สนใจแต่เพียงการค้นหาแหล่งที่ซ่อนของสมบัติมหาศาลนี่แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ป๋าเห็นจะต้องไปกราบคารวะหลวงพ่ออ้นและท่านหาญธัมโมเมื่อกลับไปได้อย่างปลอดภัยในคราวนี้"
"แอนน์คิดว่าเราควรถอนตัวจากเรื่องราวร้ายๆเหล่านี้เสียที เมื่อได้รู้ตื้นลึกหนาบางพอสมควรแล้ว เราไม่ควรเอาตัวมาเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป มันเป็นอันตรายกับชีวิตของเรามากเลยนะคะป๋า"
"ตกลงลูกรัก เมื่อปรากฎว่าเหตุการณ์กลับคืนเป็นปกติแล้ว"
"แอนน์ดีใจจังเลยคะป๋า"
หญิงสาวกระโดดกอดบิดาแล้วจูบฟอดใหญ่ที่แก้มของเขาอย่างลืมตัว
"ต่อไปนี้เราจะทำไปเพื่อเหตุผลอันสมควรเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง"
ฮันส์ กุลลิคเซ่นประกาศกับบุตรสาวเบาๆด้วยท่าทางแข็งขันคล้ายกับจะเป็นการให้สัญญาไปด้วยในตัว
"มีอีกอย่างหนึ่งนะคะป๋าที่แอนน์อยากจะให้ป๋าระวังตัว" เธอพูดพลางหันไปทางโกหลกอย่างระมัดระวังในคำพูดนั้น
"มีคนที่คอยช่วยเหลือเราแอบซ่อนอยู่บนเกาะนี้ แอนน์เห็นหน้าพวกเขาคนหนึ่งตอนส่องกล้องดูเมื่อตอนเย็นนี้เอง เราต้องหาทางช่วยไม่ให้พวกเขาถูกจับได้ ถ้าถูกจับได้เมื่อไหร่พวกเขาคงต้องกลายเป็นเหยื่อฉลามร้ายนั่นอย่างแน่นอนที่สุด"
เหตุการณ์ที่สองพ่อลูกคุยกันนั้นอยู่ในความสนใจของนายดิลกและไต้ก๋งบุญทวีอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าทั้งสองคนฟังภาษานอร์วีเจี้ยนไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง
เมื่อแลเห็นแอนนามารีกระโดดขึ้นกอดบิดาและแสดงอาการดีใจจนผิดสังเกต หรือว่าอาจจะเป็นเพราะพวกเขาถูกหลอกให้มาค้นหาผิดที่ก็เป็นได้นายดิลกคิดมากไปอย่างหวาดระแวง เนื่องจากในชั่วชีวิตของเขาที่ผ่านมานั้น เขาไม่เคยไว้วางใจใครเลยแม้แต่คนในครอบครัวเขาเอง ฉะนั้นเขาจึงหันหน้ามาแสร้งถามด้วยความสงสัยกึ่งสรรพยอก
"คุยอะไรกันสนุกเชียวนะสองพ่อลูกคู่นี้ ?"
"แอนน์เขาดีใจที่เราจะได้พบสมบัติกันแล้ว" ฮันส์ตอบโกหลกไปตามที่คิดว่าเหมาะสม
"เธอสมควรที่จะดีใจอยู่หรอก เพราะเราจะพบสมบัติกันจริงถ้าหากว่าลายแทงฉบับของคุณไม่ได้เก๊หรือคุณเม้กมันขึ้นมาเองนะคุณฮันส์"
โกหลกตอบแกมขู่ดวงตาเป็นประกายวาวแวว เขาคิดในใจว่าคนพวกนี้ไม่น่าไว้วางใจ จำเป็นที่จะต้องวางอำนาจขู่ให้เห็นไว้ก่อนว่าเขาเองนั้นรู้เท่าทัน แต่ถ้าหากว่าเมื่อใดสามารถจับได้ว่าพวกเขาโกหกก็เป็นอันจบเกมกันที่บ่อฉลาม ตามตำนานอาถรรพ์แห่งเกาะกาหลง
"คุณจะเริ่มต้นค้นหาสมบัติกันต่อคืนนี้เลยหรือคุณดิลก ?" ฮันส์ถาม
"แน่นอน ! เกาะเล็กนิดเดียว เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึงหนึ่งไมล์ เรามีเรือเล็กรวมทั้งอุปกรณ์ในการสำรวจและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองอยู่แล้วอย่างพร้อมเพรียง หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันแล้วเราจะเริ่มต้นค้นหาทันที ผมคาดว่าเราคงทำงานกันสัก 4-5 ชั่วโมง ถ้าไม่เจอพรุ่งนี้เราค่อยเริ่มต้นค้นหากันใหม่ เชิญคุณฮันส์ที่ห้องอาหารข้างล่างนะครับ"
พูดจบนายดิลกก็ผายมือให้ฮันส์และแอนนามารีเดินเข้าไปทางประตูใต้สะพานเดินเรือผ่านห้องรับรองสู่ห้องอาหารที่อยู่ถัดไป เลยเข้าไปหน่อยจะเป็นห้องเคบินอีกสี่ห้องติดๆกัน
เท่าที่ผ่านมาฮันส์สังเกตเห็นว่าภายในเรือโชคโอฬารได้ถูกตบแต่งไว้อย่างหรูหราไม่เลวเลยสมควรที่จะเป็นเรือสำราญหรือเรือยอชท์เสียมากกว่าที่จะเป็นเรือตังเกเพื่อจับปลาลากอวนอยู่กลางทะเล
ฮันส์คิดไม่ผิดหรอกมันเป็นเพียงเรือใช้สำหรับค้าของเถื่อนเท่านั้น !
โชคโอฬารเป็นเรือตังเกที่ถูกตบแต่งภายนอกให้เป็นเรือที่มีอุปกรณ์จับปลาที่ทันสมัยที่สุดในอ่าวไทย โดยกันส่วนหนึ่งของห้องเย็นสำหรับเก็บปลาดัดแปลงให้เป็นช่องลับสำหรับขนถ่ายของเถื่อนที่ผิดกฏหมายหลายประเภทนับตั้งแต่ยาเสพติดไปจนถึงทองคำเถื่อน แต่ภายในนั้นถูกออกแบบมาสำหรับเป็นเรือรับรองของผู้บริหารระดับหัวหน้าขบวนการทั้งในประเทศและจากต่างประเทศที่ติดต่อค้าขายกันตลอดเวลา ยิ่งในปัจจุบันนั้นระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้กิจการค้าของเถื่อนยิ่งเจริญเติบโตขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นระบบต่างๆภายในจึงเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมมูลเช่นเดียวกันกับเรือสำราญของบรรดามหาเศรษฐีโดยทั่วไป
เดิมทีเดียวนั้นเล่าเปาะหยีเป็นผู้จดทะเบียนในฐานะเจ้าของเรือ เป็นฉากบังหน้าในนามเรือประมงน้ำลึกเพื่อดำเนินธุรกิจจับปลาทูน่าส่งโรงงานปลากระป๋องโดยมีโกหลกหรือนายดิลกเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังในฐานะนายทุนและเจ้าของกิจการ แต่แท้จริงแล้วเรือโชคโอฬารไม่เคยได้ออกทะเลเพื่อจับปลาอย่างจริงจังเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วจะใช้ไปในการขนส่งของเถื่อนและยาเสพติดที่ขนถ่ายกันกลางทะเลดังกล่าว
อีกประการหนึ่งเรือโชคโอฬารนั้นเปรียบเสมือนกองบัญชาการของขบวนการผิดกฏหมายโดยมีนายดิลก ยงสุรพันธ์พงษ์เป็นตัวการใหญ่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ส่วนเล่าเปาะหยีหรือนายโอฬาร เล่าระบือนามนั้นเป็นเพียงผู้ประสานงานและดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการณ์ของขบวนการเท่านั้น
ความจริงแล้วเล่าเปาะหยีไม่น่าพลาดท่าเสียทีจนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของชาวเกาะที่ไม่ใช่นักเลงหัวไม้หรือพวกขบวนการร้ายใดๆเลย หากแต่เป็นเพราะเขาชะล่าใจและประมาทเกินไปจนไม่ทันได้ระวังตัว เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาเขาเคยพบแต่พวกชาวเกาะหรือชาวบ้านที่ไม่มีพิษสงสิ่งใดเลย เพียงพวกนี้ได้ยินชื่อของเขาเท่านั้นก็แทบจะวิ่งหนีจนหางจุกตูดแตกกระเจิงกันอย่างไม่เป็นกระบวน หรือไม่พวกนั้นก็ยอมอยู่ใต้อาณัติโดยยินยอมทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการ มิฉะนั้นก็จะถูกเขาสังหารและนำตัวไปสังเวยฉลามเพชฌฆาต
อาเม้งยืนคุมอยู่ตรงหน้าประตูห้องอาหารภายในเรือโชคโอฬาร ขณะที่ลูกเรือผู้เป็นพนักงานทำหน้าที่บริกรได้ทยอยกันนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาเสริฟแก่บุคคลทั้งสี่อันประกอบด้วยโกหลก ไต้ก๋งบุญทวี ฮันส์และแอนนามารี อาหารที่ถูกนำมาวางบนโต๊ะนั้นเป็นอาหารที่ตกแต่งไว้ดูน่ากิน และกลิ่นหอมฉุยชวนให้น้ำลายไหล แชมเปญรสเลิศถูกรินใส่แก้วอย่างประณีต
"เชิญครับ" โกหลกผายมือไปทางอาหารบนโต๊ะพร้อมกับยกแก้วขึ้นเพื่อเชิญทุกคน
***************
"อาหารรสเยี่ยมจริงๆครับคุณดิลก" ฮันส์ กุลลิคเซ่นเอ่ยขึ้นภายหลังที่ได้รับประทานอาหารไปได้สักครู่
"พ่อครัวมาจากเมืองจีนครับ เป็นเพื่อนกับอาเม้ง ผมให้อาเม้งไปรับมาอยู่ประจำที่นี่โดยเฉพาะเลยครับ" เขาพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางอาเม้ง
"จริงๆอาหัง อาเคี้ยงเพื่อนอั๊วอีเป็นกุ๊กใหญ่อยู่เหลาที่ฮ่องกงตอนที่อั๊วไปรับอีมา" อาเม้งรีบบรรยายคุณสมบัติเพื่อน
"บนเรือเดินสมุทรของผม ถ้าได้กุ๊กฝีมือเยี่ยมๆอย่างนี้ไปอยู่สักคนรับรองลูกเรือแฮปปี้กันหมด" ฮันส์ว่า
"ถ้าลื้อต้องการยังมีเพื่อนอั๊วอีกคน อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ต้องการเมื่อไหร่บอกมาอั๊วจะจัดการให้"
"ขอบคุณอาเม้ง เอาไว้ให้ผมกลับไปนอร์เวย์ก่อนแล้วจะติดต่อมา"
ฮันส์พูดกับอาเม้งอย่างเอาใจ เขารู้ดีว่าอาเม้งนั้นพูดจากใจจริงและพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง เพราะประสพการณ์จากการที่ถูกนายดิลกพ่อค้าของเถื่อนคนโฉดใจเหี้ยมผู้นี้จับมาจองจำไว้กว่าสองเดือนในถ้ำกาหลงยังตรึงติดแน่นอยู่ในหัวใจของไวกิ้งวัยดึกอยู่เสมอ หากไม่ได้ความเมตตาจากชายร่างผอมหน้ากระดูกแต่น้ำใจงามที่ชื่ออาเม้งผู้นี้คอยช่วยเหลือแล้วไซร้ ชีวิตของเขาเองบัดนี้คงไม่เหลือแม้ซากให้เห็นแล้ว
"ด้วยความยินดีอาหัง" อาเม้งตอบรับเบาๆ
"คุณฮันส์ คุณจะลงไปดูการค้นหาสมบัติบนเกาะกุระ ด้วยกันกับพวกเราหรือเปล่า ?" โกหลกถาม
"ไปซีครับ ผมไม่ยอมพลาดแน่" ฮันส์ยืนยันหนักแน่น
"แอนน์ลงไปด้วยค่ะ"
"ดี ผมจะให้คุณสองคนไปพร้อมกับอาเม้ง ส่วนผมจะควบคุมการค้นหาด้วยตัวเอง โดยจะสั่งการผ่านไปทางไต้ก๋งบุญทวี ลูกน้องไต้ก๋งมือดีๆทั้งนั้นหวังว่าทุกอย่างคงเสร็จเรียบร้อยก่อนเที่ยงคืน"
"ถ้ายังค้นหาไม่เจอละค่ะ" แอนนามารีถามขึ้นบ้าง
"พอถึงเที่ยงคืนเราจะหยุดพักทันทีไม่ว่าจะเจอสมบัติหรือไม่ก็ตาม เอาไว้วันรุ่งขึ้นเราค่อยค้นหาต่อไปใหม่"
ฮันส์คิดค้านอยู่เพียงคนเดียวในใจว่าเวลานี้นายดิลกก็พูดอย่างนี้ พอถึงตอนที่พบสมบัติแล้วนายดิลกจะกลับกลายเป็นนายดิลกอีกคนหนึ่ง ที่มีดวงวิญญาณแห่งความชั่วร้ายเข้าสิงสู่ คงต้องมีอีกหลายชีวิตทีเดียวที่ต้องสังเวยดวงวิญญาณ เพื่อเซ่นอาถรรพ์แห่งเกาะกาหลง ภายในถ้ำมหาภัยที่มีฉลามกินคนว่ายฉวัดเฉวียนโชว์ครีบกระโดงโฉบเฉี่ยวไปมาอยู่ตลอดเวลานั่นเป็นแน่แท้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
*********
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จสรรพอย่างเป็นทางการมื้อแรกในรอบสองเดือนกว่าๆ ทั้งสองพ่อลูกชาวนอร์วีเจี้ยนก็ได้รับการเชื้อเชิญให้ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรืออีกครั้งหนึ่ง
พอขึ้นมายืนบนกราบเรือด้านขวานั้นบันไดแกงเวย์ได้ถูกหย่อนพาดลงไปยังเรือกรรเชียงลำเล็กที่จอดรออยู่เบื้องล่าง
บนเกาะกุระสว่างไสวไปด้วยแสงไฟฟ้าจากหลอดฟลูออเรสเซ้นท์และสปอตไล้ท์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ครางกระหึ่มออกมาจากห้องเจ็นเนอเรเต้อร์ทางด้านท้ายของดาดฟ้าเรือ สายเคเบิ้ลกันน้ำทั้ง 2 เส้นถูกขึงจากเสากระโดงเรือตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ติดโขดหินก้อนโตริมหาด ลูกเรือ 3-4 คนเดินกันขวักไขว่ไปมาด้วยความชำนาญงาน ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมในการที่จะเริ่มต้นค้นหาสมบัติโจรสลัดที่มีค่ามหาศาลซึ่งอาจซุกซ่อนอยู่ ณ แห่งใดแห่งหนึ่งบนเกาะกุระนี้
โกหลกไต่บันไดแกงเวย์ลงไปเป็นคนแรกตามติดด้วยแอนนามารีโดยมีฮันส์ กุลลิคเซ่นไต่ตามลงมาเป็นคนที่สาม ทั้ง 3 คนลงเรือกรรเชียงทีมีลูกเรือ 2 นายพากรรเชียงเข้าฝั่ง
ส่วนไต้ก๋งบุญทวีนั้นไต่ตามลงมาทีหลังพร้อมกับอาเม้งเป็นคนสุดท้าย โดยทั้งสองต้องรอเรือกรรเชียงลำเดียวกันกลับมารับอีกเที่ยวหนึ่ง
การเริ่มต้นค้นหาสมบัติบนเกาะกุระครั้งนี้สะดวกมากเพราะไต้ก๋งบุญทวีได้สั่งให้ลูกเรือที่ชำนาญการเตรียมจัดระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ในการขุดค้นไว้แล้วอย่างพร้อมเพรียง
สปอตไล้ท์ที่ฉายทะลุผ่านใต้ถ้ำลอดนั้นว่างเปล่า !
ผืนน้ำสงบนิ่ง...!
ไม่ปรากฏร่องรอยของลุงชูและเรือหาปลาคู่ชีพของชาวประมงวัยดึกเลยแม้แต่น้อย...!
***************
เมื่อวันที่ : ๒๐ เม.ย. ๒๕๕๐, ๒๑.๑๖ น.
ขอบคุณลุงปิงนำเรื่อง "ลิขิตเส้นทางขนาน" มาลงอย่างสม่ำเสมอค่ะ อ่านไปอ่านมาก็ติด(ใจ)ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะเนี่ย.....
ยังไง รจนาขอหยุดพักไปปฏิบัติธรรมสักสองวันนะคะ แล้วจะเข้ามาติดตามใหม่ค่ะ