![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...ไม่มีการวางก้ามอวดอำนาจบาทใหญ่.....หรือสร้างบารมีจากแหล่ง.....เหมือน.....บางคนในเมืองใหญ่และท้องถิ่นที่เจริญ โดยเฉพาะพวกที่ชอบพูดลื้อพูดอั๊วกับราษฎร ราวกับเพิ่งถูกย้ายมาจากเขตแต้จิ๋วแถบซัวเถาแห่งจีนแผ่นดินใหญ่โพ้นทะเล...
ตอน : หีบสมบัติโจรสลัด
จ้อนและโซ้ดพาสายัณห์ขึ้นเรือแล่นตรงดิ่งกลับไปยังเกาะขนานด้วยความเร็วเต็มสปีดอย่างสุดขีดตลอดระยะทาง เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงเกาะขนานนั้นเป็นเวลาบ่ายมากแล้วดวงตะวันเริ่มยอแสงสีแดงอยู่เบื้องหลังหมู่เมฆที่ริมขอบฟ้าด้านทิศตะวันตก เงาสะท้อนบนผืนน้ำคราพระอาทิตย์ใกล้สู่อัสดงจวนลับขอบฟ้ามองจากเกาะขนานออกไปดูงดงามตระการตา
เลือดยังชุ่มบนบาดแผล ใบหน้าของสายัณห์ซีดราวกับกระดาษ !
ทั้งสองรีบนำสายัณห์ไปส่งที่คลีนิคของนายแพทย์เพิ่มศักดิ์ คุณหมอผู้โอบอ้อมอารี ที่มีแต่ความเอื้ออาทรต่อชาวเกาะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครยากดีมีจนอย่างไร เขาก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกันหมด
หลังจากที่ได้ทำการพยาบาลและชำระบาดแผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมอเพิ่มศักดิ์ก็ยินดีรับสายัณห์ไว้เป็นคนไข้ใน ตามคำขอร้องของจ้อนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
รอยกระสุน 9 มม.ทะลุโคนขาซ้ายเฉียดกระดูกไปนิดเดียว แต่เนื่องจากเสียเลือดมากทำให้สายัณห์หมดสติไปด้วยพิษบาดแผลและความอ่อนเพลีย การที่ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ในคลีนิคของหมอเพิ่มศักดิ์นั้น ทำให้เขาสามารถที่จะมีอาการดีขึ้นในเร็ววัน
จ้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หมอเพิ่มศักดิ์ฟังอย่างคร่าวๆเพื่อให้รู้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา หากมีเหตุร้ายเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นบนเกาะขนาน เพราะขบวนการร้ายของพวกโกหลกและเล่าเปาะหยีนั้นอาจติดตามมาก่อเหตุร้ายที่เกาะขนานอีกก็เป็นได้ จึงควรระมัดระวังและหาทางป้องกันไว้แต่เนิ่นๆเป็นดีที่สุด
ถึงแม้ว่าขบวนการร้ายแก๊งนี้ทางการได้หมายตาไว้เป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่สาเหตุเนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานในการจับกุมกวาดล้างได้ทันท่วงที เพราะการเคลื่อนไหวทุกครั้ง พวกนี้จะย้ายสถานที่ปฏิบัติการอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง โดยเฉพาะในทะเลและตามเกาะแก่งต่างๆนั้นกำลังของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะคอยสอดส่องดูแลก็มีไม่เพียงพอ
*********
จันทร์จิราพาเพื่อนสาวทั้งสามตามมาเยี่ยมสายัณห์ถึงคลีนิคของหมอเพิ่มศักดิ์ทันทีที่ทราบข่าวร้ายด้วยความเป็นห่วง ทั้งสี่สาวเมื่อเห็นอาการของสายัณห์อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยก็พากันโล่งอก จันทร์จิรารีบสอบถามจ้อนถึงการติดตามแอนนามารีทันที
"พี่จ้อนได้ข่าวแอนน์บ้างหรือเปล่าคะ"
"ยังไม่มีวี่แววเลย เจอแต่ลุงชู"
"ลุงชู ?" จันทร์จิราทำหน้าฉงน
"ใช่ ก็ลุงชูนะซี ลุงชูของเรานะเป็นพระเอกเลยรู้หรือเปล่า ถ้าพวกเราไม่ได้ลุงชูป่านนี้กลายเป็นผีเฝ้าเกาะกาหลงกันหมดแล้ว" จ้อนพูดความจริง
"ไปยังไงมายังไง ถึงได้ไปเจอกับลุงชูได้ล่ะพี่จ้อน"
"ก็ลุงชูนี่แหละที่ติดตามแอนน์เขาไปติดๆเลย ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ตอนหลังจากที่เกิดไฟไหม้บังกะโลแล้ว"
จ้อนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนทราบ และเตือนให้ระวังตัว เพื่อต้อนรับเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นบนเกาะขนานนี้ จากน้ำมือของพวกขบวนการร้ายแก๊งนี้ได้ ถ้าหากพวกมันติดตามมาก่อกวนอาละวาดถึงที่เกาะขนานนี่
"แล้วลุงชูไปไหนเสียล่ะคะ ?"
น่านนทีถามขึ้นบ้าง ใบหน้าของเธอที่มองจ้อนคล้ายมีแววกังวลใจและเป็นห่วงอยู่ในที
"อ๋อ แกอาสาที่จะอยู่คอยสังเกตการณ์ดูความเคลื่อนไหวของพวกนั้นอยู่ที่เกาะกุระใกล้ๆกับเกาะกาหลงนั่นแหละ"
"พี่จ้อนจะทำอย่างไรต่อไปคะ ?"
"ก็กลับไปที่เกาะกาหลงอีกนะสิ ปล่อยลุงชูทิ้งไว้คนเดียวน่ากลัวออก"
"พี่จะไปเมื่อไหร่ล่ะคะ"
"เดี๋ยวนี้เลยก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน ไปกันต่อเถอะโซ้ด"
"ไปซีเพื่อน อ้อแต่อย่าลืมแวะที่โรงพักขอกำลังดาบบุญเที่ยงก่อน"
"ไม่ต้องไปหรอก แกเดินมาโน่นแล้ว"
หมอเพิ่มศักดิ์เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งชี้มือไปทางหน้าคลีนิค จ้อนหันไปมองตาม เขาเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสีกากีของนายดาบตำรวจบุญเที่ยงกำลังเดินนำหน้าตามติดด้วยสิบตำรวจตรีประทิวผู้มีร่างเล็กกว่าเล็กน้อยแต่ท่าทางทะมัดทะแมงในชุดสีกากีเช่นเดียวกันตรงเข้ามายังคลีนิคพอดี
"จมูกไวเหมือนเดิมนะพี่ดาบ" โซ้ดเอ่ยทักอย่างคุ้นเคย
"ไม่มีกลิ่นอะไรจะแรงเหมือนกลิ่นคาวเลือดอีกแล้วละโซ้ด"
นายดาบตำรวจบุญเที่ยงเอ่ยตอบยิ้มๆ ใบหน้าที่ดูเป็นกันเองของนายตำรวจชั้นประทวนผู้นี้เป็นที่ประทับใจชาวเกาะขนานทั่วไป
ไม่มีการวางก้ามอวดอำนาจบาทใหญ่ ไม่มีซ่อง ไม่มีบ่อนเบี้ย แหล่งค้ายาเสพติดหรือสร้างบารมีจากแหล่งบันเทิงเริงรมย์ เหมือนนายตำรวจใหญ่บางคนในเมืองใหญ่และท้องถิ่นที่เจริญ โดยเฉพาะพวกที่ชอบพูดลื้อพูดอั๊วกับราษฎร ราวกับเพิ่งถูกย้ายมาจากเขตแต้จิ๋วแถบซัวเถาแห่งจีนแผ่นดินใหญ่โพ้นทะเล
"พี่ดาบมาก็ดีแล้วจะได้แจ้งความและขอกำลังเสริมเสียเลยทีเดียวพร้อมกัน" จ้อนเอ่ยขึ้นบ้าง
"ใจเย็นๆ เอาทีละขั้นตอนคุณจ้อน" ด.ต.บุญเที่ยงว่า
"ก็ได้ครับพี่ดาบ แต่นี่เป็นกรณีฉุกเฉิน ผมขอแจ้งความว่าขณะนี้มีการต่อสู้กันด้วยอาวุธร้ายแรงมีคนบาดเจ็บล้มตาย เหตุเกิดบนเกาะกาหลง"
"มีใครตายบ้างครับคุณจ้อน ?"
"ผมว่าเพื่อเป็นการรวบรัด พี่ดาบไปพร้อมกันกับผมเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า แล้วผมจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังระหว่างเดินทาง พวกเราทิ้งลุงชูไว้ที่นั่นคนเดียว กลัวว่าแกจะพลาดท่าเขาเท่านั้น"
"เอาอย่างนั้นเลยหรือคุณจ้อน ?"
"งั้นซีพี่ดาบ ขืนชักช้าถ้าพวกมันมันเกิดเจอลุงชูเข้าก่อนที่เราจะกลับไปถึงก็จบกัน"
"ยังไงๆพี่ดาบก็เตรียมตัวมาพร้อมแล้วนี่ ไปกันเลยเถอะ" โซ้ดออกปากชวนอีกคน
"เอา...ไปก็ไป เราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมแล้วไม่ใช่หรือหมู่ประทิว"เขาหันมาถาม ส.ต.ต.ประทิวผู้ติดตาม
"พร้อมแล้วครับกระผม ทั้งเสบียงและอาวุธ ทุกอย่างอยู่ท้ายรถครับกระผม" หมู่ประทิวตอบทำท่าตะเบ๊ะพร้อมชิดเท้าตรง
"ไม่ต้องทำท่าเป็นทางการมากก็ได้หมู่ เรามีกันแค่สองคน เดี๋ยวคุณหมอกับคุณจ้อนจะเข้าใจผิดหาว่าผมบ้าอำนาจ"
"มิได้ครับกระผม ขณะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ กระผมควรอยู่ในระเบียบวินัยครับกระผม"
"โอเค..เราไปกันเถอะหมู่ ผมขอฝากรถอีแก่ของผมไว้ที่หน้าคลีนิคนี่นะครับคุณหมอ"
"ยินดีครับคุณดาบ ผมอยากไปด้วยจัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง"
"คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่ต้องการความช่วยเหลือด่วน แล้วผมจะวิทยุมาแจ้งให้คุณหมอทราบ"
"ขอให้ปลอดภัยนะครับทุกคน ผมจะรอฟังข่าว"
นายดาบตำรวจบุญเที่ยงหันไปขอบคุณหมอเพิ่มศักดิ์ แล้วออกเดินไปพร้อมกับนายสิบตำรวจตรีประทิวตรงไปหยิบเอาอาวุธและสัมภาระที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วตลอดเวลา ออกมาจากรถปิ๊กอัพที่ตกรุ่นมาแล้วหลายปี ทั้งคู่เดินกลับมาสมทบกับสองสหาย
แล้วชายทั้งสี่ก็เดินลงไปทางท่าเรือที่อยู่ไม่ไกล เพื่อไปลงเรือรัญจวนใจ ซึ่งขณะนี้เด็กหนุ่มที่ชื่อแดงคนของจ้อนจากเส้นขนานรีสอร์ตได้ทำการตรวจเช็คเครื่องยนต์พร้อมทั้งเติมน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ให้อย่างเต็มเปี่ยมเรียบร้อยแล้ว
***************
ภาพที่ลุงชูมองเห็นในกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องส่องทางไกลที่โซ้ดทิ้งไว้ให้นั้น ทำให้ชายวัยดึกดีใจจนเนื้อเต้น ถึงกับตะโกนเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว ดีแต่ว่ามีลุงชูที่อยู่บนเกาะกุระนั้นแค่เพียงผู้เดียว จึงไม่มีผู้ใดได้ยิน
"หนูแอนน์ ! ไชโย ! เจอหนูแอนน์แล้ว"
ลุงชูลดกล้องส่องทางไกลลง แล้วค่อยๆคลานไต่ลงมาจากยอดเนินหินที่ส่องกล้องแอบดูอยู่เมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
เพราะขณะที่แกกำลังส่องกล้องดูอยู่นั้น แกเห็นแอนนามารีเองก็กำลังยกกล้องโทรทัศน์ส่องมาทางเกาะกุระยังตัวแกอยู่เช่นเดียวกัน
บนเรือโชคโอฬารนั้นลุงชูมองเห็นภาพบุคคล 3 คนยืนอยู่ใกล้ๆกับแอนนามารี สองคนแรกคือนายดิลกและไต้ก๋งบุญทวีที่แกเองรู้จักดีทั้งสองคน ส่วนคนที่สามเป็นชาวตะวันตกที่แกคาดเดาเอาเองว่าคือ มร.ฮันส์ กุลลิคเซ่น บิดาของแอนนามารีสาวผมบลอนด์ที่หายสาบสูญไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้คณะของจ้อนและตัวแกเองก็กำลังติดตามหาตัวอยู่
มร. ฮันส์ กุลลิคเซ่นผู้นี้เองคือต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด !
ลุงชูภาวนาขออย่าให้แอนนามารีเห็นแกเลย ด้วยตัวแกเองไม่แน่ใจว่าแอนนามารีจะเห็นใบหน้าแกชัดและที่สำคัญจะจำแกได้หรือเปล่า หากหล่อนเกิดเห็นแกเข้าและบอกโกหลกที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันนั้นว่ามีคนอยู่บนเกาะกุระนี่เท่านั้น เห็นทีแกจะต้องเข้าตาจนเป็นแน่แท้
ลุงชูกำอาวุธปืนลูกโม่ 9 มม.คู่กายในมือแน่นจนเหงื่อชื้น
เมื่อไต่ลงมาบนพื้นหินเบื้องล่างแล้ว ลุงชูก็รีบเดินบังเหลี่ยมโขดหินตะปุ่มตะป่ำย่อตัวก้มลอดเข้าไปใต้ชะง่อนหินที่เป็นถ้ำลอด ปีนขึ้นไปนั่งบนเรือหาปลาลำน้อยของแกพลางคิดหาแผนการณ์ว่าจะช่วยแอนนามารีและพ่อของเธอให้รอดพ้นออกมาจากเงื้อมมือของนายดิลกได้อย่างไร
ลุงชูเอนกายลงนอนบนเรือหาปลาคู่ชีพ เอามือก่ายหน้าผากมองดูเพดานถ้ำลอดนั้นด้วยความวิตกกังวลถึงปัญหาต่างๆนาๆที่กำลังจะต้องเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
อันดับแรกนั้นแกคิดหาทางแก้ไข หากว่าต้องเผชิญกับพวกเหล่าร้ายที่บังเอิญขึ้นมาบนเกาะและพบแกเข้า การต่อสู้อย่างรุนแรงคงต้องเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตัวแกเองอาจจะต้องจบสิ้นชีวิตลงโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เช่นเดียวกัน หากแต่ว่าก่อนที่แกจะจบสิ้นชีพลงนั้น ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต ซึ่งแกเชื่ออย่างเข้าข้างตัวเองว่า ฝีมือทางปืนอย่างแกนั้นคงเด็ดหัวพวกเหล่าร้ายได้หลายคนกว่าที่พวกมันจะคว่ำแกได้ ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่าไม่น้อยที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้ายที่จะเกิดขึ้นทำนองนี้แต่เพียงผู้เดียว
อันดับที่สองหากแกเกิดถ่วงเวลาเอาไว้จนกระทั่งจ้อนและพรรคพวกตามมาช่วยได้ทันท่วงที ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยและมีกำลังเพียงพอ ก็อาจจะช่วยแอนนามารีและบิดาของเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนายดิลกได้แม้จะต้องสูญเสียบ้างก็คงพอคุ้ม ถ้าเทียบกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคราวที่ได้ต่อสู้กับเล่าเปาะหยีและพรรคพวกคราวที่แล้ว ก็นับว่าพรรคพวกฝ่ายจ้อนทำคะแนนได้ไม่เลวนัก
*********
ในขณะที่ลุงชูกำลังนอนเอกเขนกคิดวาดแผนการณ์ต่างๆเพลินอยู่นั้นหูของแกก็พลันได้ยินเสียงกลิ้งขลุกขลักฟังดูคล้ายเสียงก้อนหินกำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นล่าง แกลืมตาขึ้นมองไปยังเพดานถ้ำทางเสียงที่กำลังดังนั้นทันที แต่ยังไม่ทันที่แกจะทันขยับตัววัตถุหนักๆก้อนโตก็กลิ้งหลุนๆโผล่พ้นออกมาจากซอกหินเพดานถ้ำลอด พาเอาเศษหินเล็กๆและฝุ่นละอองร่วงกราวลงมายังผืนน้ำใกล้เรือหาปลาของแกดังจ๋อมแจ๋มๆ ตามติดด้วยวัตถุก้อนโตนั้นหล่นลงสู่น้ำทะเลใต้ถ้ำลอดเสียงดังสนั่น
ตูม..ม ! !
น้ำกระเด็นแตกกระจายจนเรือกระเพื่อม !
เฉียดเรือหาปลาที่ลุงชูนอนอยู่ไปเพียงไม่ถึงคืบ !
ลุงชูหยิบผ้าขาวม้าขึ้นเช็ดน้ำเค็มที่กระเซ็นเปียกเต็มหน้าจากการตกของก้อนหินประหลาดที่ดันหล่นลงมา จำเพาะเจาะจงเอาตอนที่แกมานอนอยู่บนเรือหาปลาของแกพอดี
หลังจากเช็ดหน้าแห้งดีแล้ว ลุงชูก็แหงนหน้าขึ้นเพ่งมองไปยังซอกหินบนเพดานถ้ำลอดนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของลุงชูนั้นเป็นใบหน้าของหนูถ้ำตัวโตโผล่พ้นซอกหินออกมาให้เห็น มันส่งเสียงจี๊ดจ๊าดจ้องมองตาเป๋งลงมาสักครู่ก่อนที่จะหายหน้าไป ขณะที่มันกำลังจะหลบหน้าหายไปนั้นตีนของมันคงไปตะกุยเอาหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งหล่นลงมากระทบผืนน้ำอีกทีเสียงดังปุ๋ม..ม !
หนูถ้ำกำลังคุ้ยหาอาหารหรือกำลังขุดรูหรือทำอะไรสักอย่างนั่นเอง
ลุงชูค่อยๆเคลื่อนย้ายเรือจากตำแหน่งที่จอดอยู่เดิมไปให้ตรงกันกับซอกหิน ลุกขึ้นยืนมองเข้าไปในซอกหินนั้น เห็นเป็นช่องโตพอที่คนลอดได้แต่ลึกเข้าไปมืดทึบไม่สามารถที่จะมองเห็นได้
สมองของแกสั่งการทันที ! !
นี่คือสถานที่หลบซ่อนตัวยามฉุกเฉินของแกอีกแห่งหนึ่ง !
ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น แกอาจจำเป็นที่จะต้องขึ้นไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำซอกหินคล้ายหนูตัวนี้จนกว่าจะปลอดภัย !
นับว่าไม่เลวทีเดียว !
นายบุญชูไม่ใช่คนที่จะจนมุมง่ายๆ ?
โชคของไอ้ชูยังดีอยู่เสมอ !
นี่ละกระมังคือที่มาของชื่อบุญชู ?
ลุงชูล้วงมือเข้าไปในถุงย่ามข้างเบาะนั่งหยิบเอาไฟฉายขึ้นมาส่องเข้าไปในโพรงถ้ำ
ภาพที่เห็นทำเอาลุงชูต้องขยี้ตาด้วยความฉงน ! ?
หนูถ้ำตัวโตฝูงย่อมๆไม่ต่ำกว่าสิบตัวกำลังไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนกองอะไรสักอย่างที่ดูคล้ายหีบหรือกล่องใบใหญ่หลายใบ ! ?
ขณะที่ลุงชูยื่นหน้าเข้าไปใกล้ปากอุโมงค์เพื่อจะมองดูให้ถนัดว่าสิ่งที่แลเห็นนั้นคืออะไรกันแน่ ฉับพลันก็มีลมพัดผ่านถ้ำลอดวูบใหญ่ ซึ่งดูดเอากลิ่นเหม็นอับฉุนกึกโชยจากอุโมงค์ออกมากระทบจมูกของลุงชูจนทำเอาแกหายใจแทบไม่ทัน !
"คงเป็นกลิ่นมูลสัตว์หรือซากสัตว์อะไรสักอย่าง" ลุงชูรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆอย่างลืมตัว
ภายในอุโมงค์บริเวณนี้ก็ต้องเป็นรังที่อาศัยของหนูถ้ำ
หีบที่เห็นนั้นน่าจะเป็นหีบสิ่งของมีค่าที่เจ้าของนำมาซุกซ่อนไว้ด้วยเหตุผลบางประการ หรือว่ามันคือ.....
หีบสมบัติโจรสลัด ! ?
นึกมาถึงตรงนี้ลุงชูขนลุกซู่ด้วยความตื่นเต้น !
เพราะสมบัติโจรสลัดเป็นตำนานเก่าแก่ที่คนรุ่นก่อนโจทย์ขานกันมานานจนบัดนี้เหลือเพียงตำนานที่เล่าขานกันเล่นเท่านั้น
ลุงชูพยายามชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จนหน้าชิดขอบอุโมงค์หรือถ้ำนั้นแต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากความสูงของปากอุโมงค์อยู่ระดับเดียวกันกับศีรษะของแกพอดีประกอบกับเรือโคลงเคลงทุกครั้งที่ลุงชูขยับตัว
แกมองหาอะไรบางอย่างที่จะเอามารองบนพื้นเรือสำหรับยืนเพื่อปีนขึ้นไปบนอุโมงค์ของถ้ำลอดนี้ ด้วยตัวลุงชูเองนั้นอยากพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่าหีบที่เห็นเหล่านั้นเป็นหีบสมบัติโจรสลัดจริงอย่างที่แกคิด หรือว่าเป็นหีบอะไรกันแน่ แต่ลุงชูก็หาสิ่งของที่ต้องการบนเรือหาปลาลำเล็กของแกไม่ได้เลยสักอย่างเดียว ที่เห็นอยู่ก็มีเพียงเบ็ดตกปลา ตะบองสำหรับทุบปลา ใบพายหนึ่งอัน เชือกสำหรับล่ามเรือและเชือกที่ผูกยึดกับสมอเรือเท่านั้นเอง
ทันใดลุงชูก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับพิสูจน์สิ่งใดทั้งสิ้น ที่หลบซ่อนต่างหากที่แกต้องการเมื่อถึงคราวเข้าตาจนเพื่อลี้ภัยเอาตัวรอดไว้ก่อนดีที่สุด สมบัติมหาศาลก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อมีภัยมาถึงตัว เมื่อคิดมาถึงตอนนี้แกรีบก้าวลงจากเรือหาปลาคู่กาย เดินย่องขึ้นไปบนพื้นบริเวณโขดหินตะปุ่มตะป่ำนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ลุงชูย่อกายเดินก้มหลังหลบให้พ้นรัศมีของกล้องส่องทางไกลและสายตาของคนที่อยู่บนเรือโชคโอฬารที่อาจบังเอิญส่องกล้องมาเห็นเข้า โดยเดินสำรวจรอบๆบริเวณเพื่อหาที่หลบซ่อนแห่งใหม่ที่แกอาจพบและเห็นว่าดีกว่าอุโมงค์เหนือถ้ำลอดที่เดิม เพราะอุโมงค์เหนือถ้ำลอดนั้นหาทางขึ้นยากลำบากมาก
แต่เมื่อเดินมาถึงซอกอับๆริมโขดหินใต้ต้นไม้ขนาดย่อมไม่สูงมากนักมีผลกลมๆห้อยอยู่เต็มต้น ลุงชูพลันเหลือบไปเห็นหนูถ้ำตัวเขื่อง 2-3 ตัววิ่งเข้าออกตรงซอกนั้น ทำให้แกคิดขึ้นมาได้ว่าน่าจะมีทางเข้าอุโมงค์อีกด้านหนึ่งของพวกเหล่าหนูถ้ำทั้งหลายที่ใช้เข้าออกเป็นประจำ เพราะหนูจะออกหากินในเวลากลางคืน และตรงซอกหินที่แกเห็นหนูถ้ำแถวนี้แหละคือทางออกของอุโมงค์ลึกลับเหนือถ้ำลอดนั้น
ชาวประมงวัยดึกค้นหาทางเข้าอุโมงค์อยู่นาน จึงพบว่าหนูถ้ำที่เห็นนั้นออกมาจากโพรงเล็กๆ 2 โพรงตรงซอกโขดหินที่อยู่เบื้องหลังต้นไม้ขนาดย่อมต้นนั้น
ทางเข้าอุโมงค์ประหลาดนี้ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกันกับทางเข้าสู่ถ้ำลึกลับบนเกาะกาหลงอันเป็นสุสานของขุนชำนินาวีประดิษฐ์ผู้เป็นเจ้านายเก่าของลุงชูเองและเป็นพ่อตาของนายดิลกหรือโกหลกที่ขณะนี้กำลังอยู่บนเรือโชคโอฬารซึ่งลุงชูชายชาวประมงวัยดึกอาจจำเป็นต้องเผชิญหน้าภายในเวลาอีกไม่นาน ถ้าหากว่าโกหลกเกิดตัดสินใจที่จะขึ้นมาค้นบนเกาะกุระนี้
จากประสพการณ์ในการที่ได้ค้นพบทางเข้าสู่ถ้ำอันเป็นสุสานของขุนชำนินาวีประดิษฐ์ดังกล่าว
นั่นก็คือ...!
ทางเข้าถ้ำสุสานนั้นอยู่เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ !
ฉะนั้นทางเข้าอุโมงค์เหนือถ้ำลอดแห่งนี้ก็คงต้องอยู่เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ที่มีรูหนูอยู่เบื้องล่างนั่นเอง...! ?
ลุงชูเอาท่อนไม้ค่อนข้างยาวลองคุ้ยแยงตรงขอบด้านบนก้อนหินนั้น กระทุ้งเข้าไปเบาๆก็เกิดเป็นโพรงเล็กๆ ชายวัยดึกแยงท่อนไม้นั้นเข้าไปจนมิด แกลองรอบๆก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ลุงชูจึงสรุปได้ว่า
นี่คือทางเข้าสู่อุโมงค์เหนือถ้ำลอดอีกทางหนึ่งที่อยู่บนพื้นทรายด้านบนของเกาะกุระนี้...!
ลุงชูแอบไชโยอยู่ในใจเพียงคนเดียว !
***************
เมื่อวันที่ : ๒๐ เม.ย. ๒๕๕๐, ๐๓.๓๕ น.
ร่วมลุ้น ขอให้ลุงชูปลอดภัยนะคะ