![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
...แต่ที่มองเห็นแล้วเสียวลึกเข้าไปสุดขั้วหัวใจคือครีบกระโดงสีน้ำเงินปนเทาสี่กระโดงที่โผล่พ้นน้ำลอยฉวัดเฉวียนส่ายเวียนวนว่ายไปมาอยู่ตลอดเวลาโดยไม่หยุดนิ่ง...
ตอน : ฉลามเพชฌฆาต
อาเม้งพาทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่ที่ปากบ่อกว้างยาวรีแห่งหนึ่งทางด้านท้ายสุดปลายถ้ำ ด้านหลังของขอบบ่ออีกฝั่งหนึ่งนั้นเป็นช่องลมมีแสงสว่างลอดเข้ามาคล้ายช่องกระจกฝ้า ซึ่งไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ เห็นแต่สายน้ำไหลซู่ลงมาราวกับอยู่เบื้องหลังน้ำตกได้ยินเสียงคลื่นกระทบหินผาดังสนั่นหวั่นไหวชัดเจน เป็นทางออกสู่ทะเลของถ้ำอีกด้านหนึ่งตรงที่เป็นหน้าผาหินสูงชันนั่นเอง น้ำที่ตกลงมาเป็นสายนั้นแท้ที่จริงก็คือน้ำทะเลที่เกิดจากคลื่นยักษ์กระแทกกับแท่นหินอันสูงตระหง่าน เนื่องจากมีละอองน้ำกระเซ็นเป็นฝอยอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม่สามารถมองทะลุเห็นได้ทั้งจากภายในออกไปและภายนอกเข้ามาภายในบ่อเบื้องล่างนั้นแลเห็นพรายน้ำเป็นฟองฟู่ น้ำทะเลใสแจ๋วเป็นคลื่นพลิ้วตามแรงกระแทกของคลื่นยักษ์ซึ่งอ่อนกำลังลงแล้วจากการกระทบกับก้อนหินมาหลายทอด
แต่ที่มองเห็นแล้วเสียวลึกเข้าไปสุดขั้วหัวใจคือครีบกระโดงสีน้ำเงินปนเทาสี่กระโดงที่โผล่พ้นน้ำลอยฉวัดเฉวียนส่ายเวียนวนว่ายไปมาอยู่ตลอดเวลาโดยไม่หยุดนิ่ง
มันคือฉลามกินคนสี่ตัวที่หลงติดอยู่ในบ่อหินคล้ายกระชังยักษ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ !
แต่ละตัวมีความยาวไม่ต่ำกว่า 10 ฟุต
สาเหตุที่พวกมันเคลื่อนไหวว่ายวนเวียนไปมาตลอดเวลาโดยไม่หยุดนิ่งนี้ เนื่องจากฉลามเป็นปลาที่ไม่มีโครงกระดูกและถุงลมเช่นปลาอื่น ซึ่งถุงลมนี้ช่วยให้ปลาที่มีโครงกระดูกทั่วไปสามารถลอยตัวอยู่กับที่ได้เมื่อต้องการ แต่สำหรับฉลามนั้น มันจะต้องว่ายน้ำอยู่เรื่อยไปตลอดเวลา
หากหยุดเคลื่อนไหวเมื่อใดมันก็จะจมน้ำตายทันที !
ดังนั้นปลาฉลามจึงเป็นปลาที่ถูกธรรมชาติสาบแช่งให้ดำเนินชีวิตอยู่โดยไม่มีการหลับและพักผ่อนเยี่ยงสัตว์ชนิดอื่นๆ !
เมื่อพวกมันถูกกักขังอยู่ในบริเวณอันจำกัดเช่นนี้ จึงทำให้ฉลามร้ายเป็นเสมือนประหนึ่งเสือติดจั่น ความดุร้ายย่อมมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เบิ้มโยนขาหมูชิ้นใหญ่ที่เอามาจากตู้เย็นของอาเม้งลงไปในบ่อ เสียงกระโดดโผงผางแย่งกันงับเหยื่อของฉลามเพชฌฆาตทั้งสี่ดังโครมครามน้ำในบ่อแตกกระจายเป็นฟอง ครีบหางสีน้ำเงินปนเทาเข้มรูปเดือนเสี้ยวโบกขึ้นเหนือน้ำและฟาดลงฉวัดเฉวียนไปมาดูน่ากลัว ชั่วไม่ทันถึงอึดใจขาหมูชิ้นใหญ่ก็อันตรธานหายไปในพริบตา
แอนนามารีกลั้นหายใจขณะที่มองดูฉลามร้ายด้วยความลืมตัว มือทั้งสองของเธอเกาะแขนผู้เป็นบิดาเกร็งแน่นจน มร.ฮันส์ กุลลิคเซ่นต้องหันมามองดูใบหน้าบุตรี พลางเอื้อมมืออีกข้างยกขึ้นลูบศีรษะแอนนามารีเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน
เดชาไอ้หนุ่มผมยาวดันร่างมินอ่องที่ขณะนี้ถูกมัดมือไพล่หลังแน่น ให้ออกไปยืนที่ปากบ่อ เนื้อตัวมันสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด พยายามดิ้นฮึดฮัดเพื่อขัดขืนอย่างสุดความสามารถ ตาเบิกโพลง มันแหกปากร้องเป็นภาษาเมียนม่าอย่างบ้าคลั่งด้วยความรักตัวกลัวตายฟังดูคล้ายไม่เป็นภาษามนุษย์ แต่มือของไอ้หนุ่มผมยาวเหมือนมีคีมเหล็กจับมือที่ถูกมัดไพล่หลังของมันไว้แน่น ยิ่งดิ้นดูเหมือนจะยิ่งถูกดันใกล้ปากบ่ออาถรรพ์เข้าไปทุกที
เมื่อถึงปากบ่อไอ้หนุ่มเมียนม่าจึงหยุดดิ้นแต่ตัวของมันยังคงสั่นเทิ้มเหมือนเจ้าเข้าสิง ทันทีที่เดชาปล่อยมือและถอยห่างออกมา มินอ่องรีบหมุนตัวกลับหลังหันมาทางโกหลก แต่มันก็ต้องตาเหลือกใจหายวาบ...! !
โกหลกยกปืนในมือเล็งไปยังร่างของมินอ่อง แล้วเหนี่ยวไก
ปัง !
เสียงอัดแน่นของกระสุนที่แหวกอากาศภายในถ้ำดังจนแสบแก้วหู กระสุนทะลุกลางอกของไอ้หนุ่มเมียนม่า ขณะที่มันร้องโหยหวนออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ร่างโชกเลือดของมันค่อยๆหงายหลังหล่นตูมลงไปในบ่อฉลามหิวทั้งสี่ตัว
ตูม !
ทันทีที่ร่างของมันกระทบผืนน้ำเบื้องล่าง เสียงกระโดดฮุบโผงผางของฉลามเพชฌฆาตทั้งสี่ก็ดังโครมครามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครีบหางรูปเดือนเสี้ยวฟาดน้ำขึ้นลงแตกกระจายเป็นระลอกคลื่น คราวนี้น้ำในบ่อที่ใสแจ๋วเริ่มขุ่นข้นเป็นสีเลือดกระจายไปเกือบครึ่งบ่อ
ชั่วไม่ทันถึงห้านาทีร่างไร้วิญญาณของไอ้หนุ่มเมียนม่าก็ถูกฉีกทึ้งงับหายไปหมดสิ้น แล้วความสงบก็กลับคืนสู่ผืนน้ำภายในบ่อ คงเห็นเพียงครีบกระโดงลอยฉวัดเฉวียนไปมาโดยไม่หยุดนิ่งดังเดิม
แอนนามารีนั้นเมื่อได้ยินเสียงปืนจากน้ำมือของโกหลกแผดกังวานก้องและได้ยินเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายของไอ้มินอ่องแล้ว เธอก็พลันสิ้นสติสมประดีไปในอ้อมกอดของผู้เป็นบิดาทั้งที่ยืนอยู่นั้นเอง เธอไม่สามารถที่จะทนเห็นเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมร้ายกาจทารุณที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ได้อีกต่อไป
นับว่าแอนนามารีโชคดีที่สิ้นสติไปเสียก่อนทันได้เห็นเหตุการณ์ที่พวกเหล่าร้ายกำจัดซากศพเพื่อทำลายหลักฐานในทางอาชญากรรมของพวกมันที่ถูกจ้อนและพวกฆ่าตายทั้ง 5 ศพ โดยที่พวกมันส่วนหนึ่งได้ขึ้นไปทำลายหลักฐานบนฝั่งบริเวณสถานที่เกิดเหตุข้างต้นตะเคียนคู่หลังกระท่อมชาวประมงร้าง แล้วนำซากศพของพวกมันทั้งหมดกลับมายังบ่อฉลามเพชฌฆาตภายในถ้ำกาหลง จัดการโยนลงไปในบ่อฉลามเพชฌฆาตทีละร่างจนไม่เหลือซากใดๆให้เห็นเป็นหลักฐานได้เลย ภายในชั่วเวลาไม่นาน
มร.ฮันส์ กุลลิคเซ่น หนาวสะท้านเยือกไปถึงขั้วหัวใจ ด้วยนึกไม่ถึงว่านายดิลก ยงสุรพันธ์พงษ์ จะมีจิตใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
*********
"เอาละ...คุณฮันส์ ผมหวังว่าคราวนี้เราคงได้เริ่มเจรจาทางธุรกิจกันอย่างจริงจังเสียที"
นายดิลกกล่าวกับมร.ฮันส์หลังจากที่ทั้งหมดพากันกลับมาที่หน้าถ้ำกาหลงแล้ว สมุนของโกหลกพากันแยกย้ายไปรออยู่นอกถ้ำจนหมด คงเหลืออยู่เพียง แอนนามารี มร.ฮันส์ โกหลกและอาเม้งเพียงสี่คนเท่านั้น โดยทั้งสามนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกส่วนอาเม้งนั้นยืนคอยบริการอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ๆ
ก่อนที่ฮันส์จะทันกล่าวตอบสิ่งใดกับโกหลก อาเม้งก็ยกกาแฟหอมฉุยมาเสริฟให้ทั้งสามคน และกลับไปยืนซดกาแฟของตัวเองที่มุมอีกด้านหนึ่งของผนังถ้ำใกล้ๆกันนั้น
"ขอกระดาษเปล่าให้ผมแผ่นหนึ่ง ประเดี๋ยวผมจะร่างแผนผังลายแทงมหาสมบัติส่วนของผมให้ตามสัญญา"
โกหลกพยักหน้าพลางหันไปบอกอาเม้งซึ่งกำลังยืนซดกาแฟอยู่
"อาเม้ง...เอากระดาษเปล่าให้คุณฮันส์เขาหน่อยซิ"
"ได้ครับ"
อาเม้งรับคำพร้อมกับหยิบเอากระดาษสมุดโน๊ตเล่มใหญ่แบบไม่มีลายเส้นส่งให้ มร.ฮันส์ กุลลิคเซ่นทั้งเล่มพร้อมกับดินสอดำที่เหลาไว้แหลมเปี๊ยบ
ไวกิ้งชราหลับตาทบทวนนึกถึงภาพลายแทงแผ่นที่สองที่เขาครอบครองต่อจากกัปตันโอลาฟ กุลลิคเซ่นผู้เป็นบิดา เขาจำมันได้ติดตาจนขึ้นใจในอักขระและตัวอักษรทุกตัวที่มีอยู่บนกระดาษเก่าคร่ำคร่าแผ่นนั้น ซึ่งขณะนี้มันถูกเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดีภายในคฤหาสน์นอกกรุงออสโล ณ ประเทศนอร์เวย์มีเพียงตัวเขาและแอนนามารีลูกสาวเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดี เนื่องจากทั้งคู่ได้ศึกษาภาษาไทยมาอย่างแตกฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนนามารีเธอถูกส่งมาเรียนจนจบชั้นมัธยมปลายที่กรุงเทพมหานครก่อนที่จะกลับไปศึกษาระดับมหาวิทยาลัยต่อที่กรุงออสโล
ฮันส์ กุลลิคเซ่นเริ่มลากดินสอดำลงบนแผ่นกระดาษสีขาว
ภาพลายแทงแผ่นที่ ๒ ถูกร่างขึ้นอย่างบรรจง ด้วยฮันส์พยายามที่จะให้เหมือนของจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แอนนามารีลุกขึ้นมายืนข้างๆเอียงคอมองดูภาพที่บิดากำลังร่างอยู่นั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเคยเห็นบิดาซักซ้อมวาดภาพนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย
ภาพเกาะที่มีลายเส้นโยงกันไปมาทั้ง ๔ เกาะคือเกาะขนาน เกาะเต่า เกาะนางยวนและเกาะกาหลงนั้น เฉพาะที่เกาะกาหลงจะมีรูปกากะบาดอยู่บนสมอเรือที่อยู่ในทะเลใกล้ชายหาดด้านหน้าดอกกุหลาบ และปรากฏมีเส้นลากจากสมอเรือกับเกาะขนานอีกเส้นหนึ่ง
ด้านล่างสุดของภาพเขียนไว้เช่นเดียวกันว่า
แผ่นที่ ๒
เมื่อนายดิลกนำลายแทงแผ่นที่ ๑ ของตนออกมาเทียบกับลายแทงแผ่นที่ ๒ ที่ฮันส์ร่างขึ้นมาใหม่
ระหว่างลายแทงแผ่นที่ ๑ และแผ่นที่ ๒ นั้นผิดกันตรงกากะบาด
เพราะลายแทงแผ่นที่ ๑ นั้นจะปรากฏรูปกากะบาดคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างดอกกุหลาบและสมอเรือ ส่วนแผ่นที่ ๒ กากะบาดจะเลื่อนไปอยู่ที่บนสมอเรือแทนที่จะคั่นอยู่ตรงกลาง แถมยังมีเส้นลากจากสมอเรือเพิ่มขึ้นมาอีกเส้นหนึ่งตรงไปยังเกาะขนาน
ปริศนาเริ่มมีให้ขบคิดได้หลายทาง ?
นี่เองที่ทำให้ฮันส์ กุลลิคเซ่นมุ่งมาหาสมอเรือบนเกาะกาหลงจนต้องถูกจับเป็นเชลย
แต่อนิจจาไม่ปรากฏว่ามีใครเคยเห็นสมอเรือบนเกาะกาหลงหรือบริเวณรอบๆเกาะกาหลงเลย
หรือว่ามีสมอเรือจมอยู่ที่หาดทรายขาวหน้าศาลเจ้ากุหลาบไฟ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นายดิลกชักจะพอมองเห็นแนวทางที่จะนำไปพบแหล่งที่ซ่อนของมหาสมบัติตามลายแทงแผ่นที่ ๒ แล้ว
"คุณฮันส์...คุณมีความเห็นอย่างไรกับลายแทงทั้งสองแผ่นนี้"
โกหลกถามพร้อมทั้งเลื่อนลายแทงแผ่นที่ ๑ เข้ามาเปรียบเทียบเคียงคู่กันกับแผ่นที่ ๒ ที่ฮันส์เพิ่งจะวาดเสร็จใหม่ๆ
"ผมว่าแผ่นของผมที่มีกากะบาดบนสมอเรือนั้นน่าจะเป็นที่ซ่อนแห่งใหม่ของขุมทรัพย์มหาสมบัตินี้" ฮันส์ให้ความเห็นตามลายแทง
"ถ้าอย่างนั้นเราจะเริ่มต้นค้นหาสมอเรือตามลายแทงของคุณเป็นอันดับแรก" โกหลกตัดสินใจทันที
นายดิลกสั่งให้เตรียมชุดประดาน้ำที่มีอยู่ในเรือโชคโอฬารทั้งหมดไว้ให้พร้อม เพื่อออกดำน้ำสำรวจรอบๆบริเวณหน้าหาดทรายขาว รวมทั้งอุปกรณ์ค้นหาโลหะใต้น้ำคือแม่เหล็กยักษ์ โดยใช้เรือซีโอทูลากไปลากมาทุกตารางนิ้ว ถ้าพบโลหะสงสัยที่เป็นเหล็กก็ให้ขุดค้นโดยละเอียด หวังจะเจอสมอเรือตามลายแทงหรืออาจจะพบสมบัติมหาศาลทีเดียวเลยก็อาจเป็นได้
ขบวนการค้นหาสมบัติโจรสลัดข้ามชาติได้เริ่มขึ้นไม่นานหลังจากเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างได้ถูกเตรียมพร้อม โกหลกลงมาบัญชาการเองเลยทีเดียว ตั้งแต่ตระเตรียมอุปกรณ์ประดาน้ำบนเรือโชคโอฬาร จนกระทั่งการผูกแม่เหล็กยักษ์เข้ากับเรือซีโอทู ชุดดำน้ำทั้งหมดมีอยู่เพียง 3 ชุด ลูกเรือที่เป็นนักประดาน้ำประจำทั้งสามคนจึงต้องทำหน้าที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะทุกคนรู้ดีว่ารางวัลที่พวกตนจะได้รับนั้นมีค่ามหาศาล
โกหลกสั่งให้ไต้ก๋งบุญทวีนำเรือโชคโอฬารเข้ามาจอดให้ใกล้ชายหาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรือโชคโอฬารจึงย้ายที่จอดจากที่เคยจอดข้างโขดหินใหญ่สีเทา มาจอดทอดสมออยู่หน้าหาดทรายขาว ห่างจากฝั่งเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ไมล์เท่านั้น
โกหลกพาฮันส์และแอนนามารีขึ้นมาคอยสังเกตการณ์อยู่บนเรือโชคโอฬารด้วยการมอบกล้องส่องทางไกลให้คนละชุด โดยทั้งสองอยู่ภายใต้การควบคุมของไต้ก๋งบุญทวีคนสนิทของนายดิลก ที่เขาได้ส่งมาเป็นตัวแทนคอยดูแลธุรกิจของเขาบนเรือโชคโอฬารนานแล้ว
โกหลกให้สัญญาณเริ่มต้นค้นหาสมอเรือ ต้นกำเนิดแหล่งที่ซ่อนของสมบัติมหากาฬที่มีอายุมากกว่าหนึ่งชั่วอายุคนที่ผ่านมา เหล่านักประดาน้ำที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วบนเรือซีโอทู ต่างก็ทิ้งตัวลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่างและแหวกว่ายตามรอยแม่เหล็กยักษ์ที่เรือซีโอทูลากไปติดๆ
ทุกครั้งที่แม่เหล็กสะดุดจนเรือกระตุก เรือซีโอทูจะถูกสั่งให้หยุดรอดูสัญญาณจากนักประดาน้ำอีกครั้งว่าใช่เป้าหมายคือสมอเรือหรือหีบสมบัติหรือไม่ แต่ส่วนมากจะเป็นเศษเหล็กจากเรือประมงลำเล็กที่ถูกทอดทิ้งเนื่องจากบริเวณที่ค้นหานี้เป็นช่วงน้ำตื้น วัตถุที่พบจึงมีแต่สิ่งของที่ไม่มีค่าใดๆทั้งสิ้น ไม่มีวี่แววของสมอเรือไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ให้เห็นเลยสักอันเดียว
"ผมว่าเราคงหาสมอเรือไม่พบในบริเวณนี้หรอกครับเจ้านาย"
เสียงเบิ้มตะโกนจากเรือซีโอทูมายังเรือโชคโอฬารบอกโกหลก ขณะที่เรือแล่นผ่าน เมื่อการค้นหาได้ผ่านพ้นไปเป็นรอบที่สอง
"มันอาจจะฝังอยู่ลึกก็ได้ ค้นหาต่อไป"
นายดิลกตะโกนตอบลงไปจากเรือใหญ่
"แถวนี้น้ำตื้นขึ้นเรื่อยๆนะครับ"
"ค้นหาทุกตารางนิ้วจนถึงบนหาดทราย เลิกเมื่อไหร่จะบอก"
นายดิลกยืนยันในการค้นหา ทำเอาเบิ้มเงียบเสียงไป พร้อมทั้งยกมือทำท่าตะเบ๊ะ และสั่งให้ลูกน้องทำการค้นหาต่อไป
"ผมว่าแนวที่สมอเรือควรจะอยู่ น่าจะออกไปไกลฝั่งมากกว่านี้นะครับคุณดิลก" ฮันส์ให้ข้อคิดเห็น
"คุณเอาอะไรมาวัด คุณฮันส์ ?"
"จากการคาดคะเนของผม โดยธรรมชาติแล้วในการที่บุคคลใดจะซ่อนทรัพย์สมบัติที่มีจำนวนมหาศาลนั้น ควรจะหาที่ลับเช่นในถ้ำหรือฝังไว้ใต้ดินมากกว่าที่จะขุดทะเลฝังอย่างที่เรากำลังค้นหากันอยู่อย่างนี้"
"คุณคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ ?"
"ใช่ ผมคิดอย่างนั้น"
"ถ้าเป็นไปอย่างที่คุณคิดแล้ว มันควรจะเป็นที่ใดล่ะ ?"
"มันควรจะเป็นบนเกาะหรือบนโขดหินที่ใดที่หนึ่ง คล้ายโขดหินใหญ่ก้อนนั้น"
ฮันส์พูดพลางชี้มือไปทางโขดหินมหึมา ที่เรือโชคโอฬารเคยมาจอดทอดสมอเพื่อขนถ่ายสินค้าบ่อยๆ
"หรือไม่ก็บนพื้นดินบริเวณใกล้ๆแถวนี้" เขาชี้กราดไปบนหาดทราย
"คงไม่ใช่บนพื้นดินแน่ เพราะตามรูปบนลายแทงของคุณ สมอเรือมันอยู่ในทะเลนี่" นายดิลกแย้ง
"แต่ที่บนโขดหินใหญ่นั้นก็ไม่ได้อยู่ที่หน้าหาดทรายที่ตรงกันกับดอกกุหลาบไฟตามลายแทงเช่นกัน" ฮันส์ว่า
"ตรงหน้าศาลเจ้ากุหลาบไฟห่างจากที่นี่ออกไปก็เห็นมีแต่.... !"
นายดิลกชะงักคำพูดลงเพียงแค่นั้น เมื่อเขาเหลียวมองออกไปสู่กลางทะเลลึก สิ่งที่เขามองเห็นก็คือเกาะเล็กๆซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลเท่าใดนัก แลเห็นอยู่ลิบๆ โดยเขาไม่เคยสังเกตหรือสนใจมาก่อนเลย
"ไต้ก๋ง..เกาะนั้นชื่ออะไร" โกหลกหันมาถามบุญทวีไต้ก๋งหนุ่มใหญ่พลางชี้มือออกไปกลางทะเล
"อ๋อ..นั่นคือเกาะกุระ เกาะเล็กนิดเดียว" บุญทวีตอบเจ้านาย
"ไต้ก๋งเคยขึ้นไปบนเกาะไหม ?"
"เคยครับ แต่นานหลายปีมาแล้วไม่มีอะไรเลย น้ำก็ไม่มี แห้งแล้งมากมีต้นไม้เล็กๆเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น"
"อืม..ม! ความคิดของคุณน่าสนใจมากทีเดียว คุณฮันส์"
"อย่างไรหรือครับ ?" ฮันส์ถาม
"ก็ที่คุณว่าสมบัติมหาศาลน่าจะฝังอยู่บนเกาะนะซี ผมคิดว่าผมพบเกาะที่น่าจะเป็นแหล่งซุกซ่อนสมบัติแห่งใหม่ที่สลัดรุ่นคุณปู่ของผมนำไปเก็บไว้อย่างมิดชิด ชนิดที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว"
นายดิลกพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางเกาะกุระให้ฮันส์ กุลลิคเซ่นดู
"ถ้าเราพบสมอเรืออยู่บนเกาะกุระเมื่อไหร่นั่นแหละ ชัวร์แน่นอนว่าเราต้องพบสมบัติอย่างไม่มีปัญหา"
"อาจเป็นไปได้มากอย่างที่คุณว่า" ฮันส์ยอมรับ
แอนนามารีหยิบลายแทงที่ฮันส์ร่างไว้มาจากมือผู้เป็นบิดา เมื่อเทียบอัตราส่วนกับความจริงแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ เพียงแต่ว่าไม่มีภาพเกาะอยู่ในลายแทงทั้งสองแผ่นเท่านั้น
เธอยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องไปทางเกาะกุระ ขณะที่ปรับโฟกัสเข้าไปใกล้เรื่อยๆนั้น ใจเธอเต้นแรงเมื่อแลเห็นศีรษะของใครคนหนึ่งบนยอดเนินหินเหนือเกาะกำลังยกกล้องส่องมาทางเธอเช่นกัน ในตอนที่เขาลดกล้องลงนั้นโฟกัสในกล้องของเธอก็เห็นใบหน้าเขาชัดพอดี ก่อนที่เขาจะเลื่อนกายหลบหน้าหายไป
ลุงชู..ชายขี้เมาที่เธอเห็นคุยอยู่กับจ้อนและโซ้ดในคืนที่เกิดเหตุไฟไหม้ และเธอถูกจับตัวมานั่นเอง !
แสดงว่าจ้อนและพรรคพวกได้ติดตามมาช่วยเธอและบิดาอยู่ใกล้ๆนี่เอง
แอนนามารียกกล้องส่องทางไกลขึ้นเล็งส่องออกไปดูอีกครั้งหนึ่งก็ไม่ปรากฏใบหน้าของลุงชูให้เห็นอีก ทำให้เธอโล่งอกไปถนัดเพราะโกหลกและฮันส์ กุลลิคเซ่นก็กำลังยกกล้องขึ้นส่องไปยังเกาะเช่นเดียวกัน หากแต่ทั้งคู่ส่องกล้องไปหลังจากที่ลุงชูได้หลบหน้าไปแล้ว
เธอหวั่นใจกลัวว่านายดิลกจะเห็นลุงชูเข้า...!
ความโหดร้ายทารุณอันน่าสยดสยองของชายผู้นี้ ยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดเวลา ! !
***************