![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
........ปัง ! เสียงระเบิดของกระสุนปืนกัมปนาทก้องไปทั้งเกาะ เสียงดังสะท้อนกังวานกระทบหินผาดังทอดกลับไปมาเป็นช่วงๆ ฝูงนกแตกฮือบินกันพรึบพรับ........
ตอน : สู้ยิบตา
ปัง !เสียงระเบิดของกระสุนปืนกัมปนาทก้องไปทั้งเกาะ เสียงดังสะท้อนกังวานกระทบหินผาดังทอดกลับไปมาเป็นช่วงๆ ฝูงนกแตกฮือบินกันพรึบพรับ พลันเสียงสัตว์ป่าและแมลงเงียบกริบ และดูเหมือนกระแสลมก็พลอยนิ่งเงียบไปด้วย ใบไม้แทบไม่ไหวติง ปานประหนึ่งเป็นช่วงจังหวะที่โลกกำลังหยุดหมุน
ปัง !
เสียงระเบิดของกระสุนปืนก็กัมปนาทอีกครั้งในเวลาเกือบจะใกล้ชิดกันหากแต่เสียงที่ก้องดังคราวนี้พาเอาสรรพสำเนียงที่พลันหยุดเงียบหายไปเมื่อครู่กลับคืนสู่ภาวะปกติ กระแสลมพัดผ่าน ใบไม้พลิ้วไสวดังเดิม
ร่างกำยำบึกบึนล่ำสันของทองสุขนอนเหยียดยาวแน่นิ่งไม่ไหวติง เลือดเป็นลิ่มๆไหลเป็นทางย้อยจากหน้าผากลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง ตาเบิกโพลง ในมือกำอาวุธปืนคู่กายแน่นไม่ยอมปล่อย
โซ้ดเหน็บ .44 แม็กนั่มไว้ที่เอวดังเดิม กระโดดแผล็วเข้าไปในหมู่ก้อนหินที่เห็นซับซ้อนสลับกับพุ่มไม้หนาทึบซุกเร้นกายคอยเชิงอยู่ในที เมื่อเขาได้ยินเสียงวิ่งตุ้บตั้บผ่านต้นตะเคียนคู่มาทางลานหินโต๊ะหมากรุก
เล่าเปาะหยีพยักหน้าไปทางไอ้อู๊ดพร้อมโบกปืนในมือเป็นเชิงให้สัญญาณในการบุก ไอ้อู๊ดวิ่งพรวดตรงมาทางช่องต้นตะเคียนคู่ตามเสียงปืนที่ดังขึ้นสองนัดติดๆกันเมื่อครู่ ครั้นพอมันวิ่งพ้นเลยหว่างต้นตะเคียนทั้งสองเข้าสู่เขตลานหินโต๊ะหมากรุก ไอ้อู๊ดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวใจหายวาบ
"ไอ้อู๊ด ! กูอยู่นี่ !"
มันหันขวับไปทางเสียงเรียกพร้อมกับหันปากกระบอกปืนไปทางเดียวกันหมายสาดกระสุนเข้าใส่เจ้าของเสียงเรียกนั้นเพราะมันจำเสียงได้ทันทีว่านั่นไม่ใช่เสียงไอ้ทองสุขแน่นอน
แต่ก่อนที่มันจะทันกระดิกนิ้วลั่นไก ปืนในมือของลุงชูผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกมันก็แผดเสียงแหวกอากาศดังก้อง กระสุน 9 มม.แล่นตัดขั้วหัวใจของมันพอดี ไอ้อู๊ดหงายหลังล้มตึงนิ้วชี้ในโกร่งไกปืนชักกระตุกลั่นไกขึ้นฟ้าดังโป้งเสียงสะท้อนพื้นลานหินก้องกังวานไปทั่วแนวป่า ร่างของมันนอนหงายแผ่สองสลึงแน่นิ่ง
ไอ้ชายและไอ้จี่ที่วิ่งตามมาติดๆ ทั้งคู่สาดกระสุนรัวไปทางหมู่ก้อนหินที่ลุงชู จ้อนและสายัณห์ซ่อนตัวอยู่นั้นเสียงดังเฟี้ยวฟ้าวกังวานก้อง
เล่าเปาะหยีอาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามหลบวิถีกระสุนวิ่งมาหลบบังซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นตะเคียนใหญ่หนึ่งในสองต้นนั้น
จ้อนเล็งปืนวาดตามไปยังร่างของไอ้ชายที่วิ่งพลางรัวกระสุนไปพลางนำหน้าไอ้จี่ไปนั้น ทันทีที่มันวิ่งถึงโต๊ะหินตาหมากรุกเพื่อหลบเข้าที่กำบัง จ้อนก็ลั่นไกเปรี้ยงเข้าที่กลางอกของมัน ร่างของไอ้ชายหมุนติ้วล้มคว่ำหน้าพาดร่างอยู่บนโต๊ะหมากรุกนั่นเอง
ไอ้จี่กระโดดทิ้งตัวหมุนกลิ้งเข้าไปหลบอยู่ที่ข้างก้อนหินใหญ่อีกด้านหนึ่งของลานหินโดยมีโต๊ะหินตาหมากรุกคั่นกลางอยู่ระหว่างตัวมันและกลุ่มของจ้อน สายัณห์และลุงชู ไอ้จี่จัดการบรรจุกระสุนใหม่คอยทีอยู่ มันมองไปที่ร่างของไอ้ชายที่นอนคว่ำหน้าหายใจรวยรินอยู่บนโต๊ะหินเลือดแดงฉานไหลนองเต็มโต๊ะไปหมด ปืนในมือมันสั่นระริกไหวด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
เสียงก้อนหินที่โยนมาตกลงข้างตัวมันทำเอาไอ้จี่ตาเหลือกกระชากปืนในมือเหนี่ยวไกไปทางเสียงดังนั้นสองนัดซ้อนติดๆกัน ดวงตาทั้งคู่ของมันระวังข้างหน้าทีข้างหลังทีหลุกหลิกอยู่ตลอดเวลา
คราวนี้โซ้ดหยิบหินก้อนใหญ่กว่าเดิมขว้างมาตกบนพื้นด้านหลังที่ไอ้จี่นอนอยู่ดังตุ้บ มันตกตลึงผลุดลุกขึ้นยืนทันควันหันปากกระบอกปืนไปทางเสียงนั้นอีกครั้งหมายลั่นกระสุนเต็มเหนี่ยว เป็นจังหวะพอดีกับที่สายัณห์เล็งปืนจ้องตรงมาตามเสียงนั้นเช่นเดียวกัน เพราะพอไอ้จี่ลุกขึ้นยืนสายัณห์ก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุน 11 มม.ทะลุเข้าที่ชายโครงของมันพอดี ร่างไอ้จี่ยืนหมุนคว้างควงสว่านทรุดลงกองกับพื้นตัวงอแน่นิ่งไป
เล่าเปาะหยีเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ในเสี้ยววินาทีแห่งการเผด็จศึกนั้นเล่าเปาะหยีก็กระตุกเอาระเบิดมือออกมาจากเอวถอดสลักทำท่าเหวี่ยงเต็มแรงไปยังหมู่ก้อนหินที่จ้อน สายัณห์และลุงชูใช้เป็นที่กำบังอยู่นั้นหวังที่จะให้จบเกมส์การต่อสู้ในครั้งนี้
หากแต่ปืนในมือของโซ้ดซึ่งจ้องเขม็งเล็งอยู่บนเนินนานแล้วก็พลันชิงลั่นเปรี้ยงออกมาก่อน กระสุน .44 แม็กนั่มทะลวงอกเล่าเปาะหยีเลือดพุ่งกระฉูด ระเบิดในมือค่อยๆร่วงลงสู่พื้นดิน เสียงระเบิดสังหารดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว
ตูม ! !
ร่างของนายโอฬาร เล่าระบือนามหรือเล่าเปาะหยีแหลกกระจายปลิวว่อนไม่มีชิ้นดี
เป็นอันจบสิ้นกันทีสำหรับวายร้ายข้ามชาติตัวยงแห่งวงการค้ายาเสพติดที่มีเครือข่ายโยงใยอันมโหฬารพันลึก
หากมันคงเป็นเพียงการปิดฉากเฉพาะกลไกหรือตัวจักรเพียงตัวหนึ่งเท่านั้น ฟันเฟืองหรือกงจักรแห่งวงการอุบาทว์ก็ยังคงมีต่อไปตราบเท่าที่ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเสี่ยงยังมีมูลค่ามหาศาลเป็นที่ล่อตาล่อใจของผู้ที่ต้องการมีอิทธิพล อำนาจและเงินตรา
เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เขามีบารมีล้นฟ้า ! !
ที่ใครๆก็ต่างมุ่งแสวงหาด้วยกันทั้งนั้น ! !
เล่าเปาะหยีนั้นเขามีครบทุกอย่างที่เขาต้องการแล้วในชีวิตนี้ เพียงแต่เขาเลิกล้างมือหยุดมันไว้แค่นั้น หากแต่วิถีชีวิตของบุคคลประเภทนี้เปรียบเสมือนขึ้นขี่หลังเสือแล้วยากที่จักลงได้สมดังคำพังเพยโบราณไม่มีผิดเพี้ยน เขาจึงต้องมาจบสิ้นชีวิตลงแม้ร่างกายตัวเองก็ยังหาชิ้นแทบไม่เจอ
***************
ท่ามกลางเสียงปืนที่เริ่มดังรัวกันก้องกังวานไปทั่วทั้งเกาะนั้น ไอ้มินอ่องพอจะนึกเดาเหตุการณ์ออกว่าต้องมีการสูญเสียกันอย่างมโหฬารไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้งสองฝ่าย มันจึงติดเครื่องเรือคุมเชิงรออยู่เผื่อวินาทีฉุกเฉิน มันรีบเหวี่ยงสมอขึ้นเรือเมื่อได้ยินเสียงระเบิดตูมใหญ่นั้น
ฉะนั้นเมื่อทั้งสี่คนรวมตัวและวิ่งตรงมายังชายหาด ครั้งแรกทีเดียวนั้นไอ้มินอ่องคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน เพราะกว่ามันจะทันกลับหัวเรือก็สายไปเสียแล้ว แต่พอมันเห็นร่างถนัดเท่านั้นจึงรู้ว่าไม่ใช่ มันจึงยกปืนขึ้นเล็งเหนี่ยวไกลั่นเปรี้ยงมายังร่างของคนทั้งสี่ที่กำลังวิ่งมา
ปัง !!
ปัง !!
กระสุนโคลท์ 9 มม.กระทบร่างสายัณห์ทะลุโคนขาซ้าย สายัณห์ทรุดฮวบลงไปกระแทกพื้นทราย มันรัวยิงนัดที่สองก่อนที่จะเร่งเครื่องเบนหัวเรือออกนอกฝั่ง ทว่าอาจเป็นด้วยอารามรีบและตื่นเต้นทำเอาวิถีกระสุนที่ยิงมานั้นห่างเป็นศอก กระสุนกระทบพื้นทรายฟุ้งกระจาย
โซ้ดยกปืนเล็งไปที่เรือแล้วเหนี่ยวไก
ปัง ! !
กระสุน .44 แม็กนั่มทะลุช่วงด้านหน้าหัวเรือตอนปริ่มน้ำขณะที่เรือเลี้ยวโค้งออกสู่นอกฝั่งพอดี ไฟเบ้อร์กล๊าสกระจุยรูโหว่ น้ำทะเลทะลักเข้าสู่ลำเรือขณะที่เรือทะยานวิ่งประทะผืนน้ำราวประปาก๊อกแตก ไอ้มินอ่องสบถเป็นภาษาเมียนม่าในลำคอเมื่อเห็นน้ำเริ่มทะลักเข้าลำเรือสูงขึ้นเรื่อยๆ
หนุ่มเมียนม่ารู้ตัวดีว่าไม่สามารถที่จะพานาวาลำน้อยฝ่าคลื่นออกไปหาเรือตังเกลำใหญ่ได้ เพราะเรือจะต้องอับปางลงกลางคันอย่างแน่นอนเนื่องจากน้ำที่ไหลทะลักเข้าเรือนั้นเร็วมาก
มันรีบบ่ายหัวเรือตรงไปทางแนวซอกหลืบโขดหินที่เต็มไปด้วยร่มไม้ครึ้มอันเป็นทางลับสู่ถ้ำกาหลงทันที
แต่ก่อนที่เรือจะทันเข้าใกล้ลานหินปากทางเข้าถ้ำกาหลงอันเป็นแนวร่องน้ำลึกน้ำทะเลก็เข้าเต็มลำเรือพอดี ไอ้มินอ่องรีบสละเรือว่ายน้ำตรงเข้าไปที่ลานหินหน้าปากถ้ำกาหลงนั้น
ขณะเดียวกันเรือก็ค่อยๆอับปางจมลงสู่ก้นทะเลเบื้องล่าง
หากหนุ่มเมียนม่ามีประสาทสัมผัสที่สามารถล่วงรู้ถึงอนาคตได้ มันคงยอมตายด้วยกระสุนปืนหรือลอยคอโต้คลื่นอยู่กลางทะเลลึกเสียยังดีกว่าที่มันกำลังจะผจญอยู่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้เป็นแน่แท้
เพราะ ณ ที่ลานหินปากถ้ำกาหลงนั้น ชายร่างผอมผิวเหลืองซีด กระดูกหน้าโหนก แก้มตอบ ตาลึก กำลังยืนจังก้ารอมันอยู่แล้ว
อาเม้ง ! พระกาฬแห่งถ้ำกาหลงนั่นเอง !
ทันทีที่มันแหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นหน้าอาเม้งเข้าเท่านั้น หัวใจของไอ้มินอ่องก็แทบจะหยุดเต้น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมามันไม่เคยพูดคุยกับอาเม้งเลยสักครั้งเดียว
เพราะมันเป็นคนของเล่าเปาะหยี !
ส่วนอาเม้งนั้นเป็นคนของโกหลก เจ้าพ่อบางมะขาม !
ทั้งมันเองยังรู้ดีว่าอาเม้งคือมือพิฆาตเจ้าของอาถรรพ์แห่งคืนเดือนเพ็ญของเกาะกาหลง
เกาะกินคน ! !
หนุ่มเมียนม่าเอื้อมมือเกาะยึดปุ่มหินที่ยื่นออกมาค่อยๆไต่ขึ้นไปบนลานหินหน้าถ้ำกาหลง แม้มันรู้ดีว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพญายมมันก็ยินดียอมเสี่ยง เพราะมันเป็นหนทางเดียวเท่านั้นในสถานะการณ์ปัจจุบันที่จะเอาตัวรอดได้ในขณะนี้
เสียงวิทยุสื่อสารที่กำลังออกคำสั่งดังแว่วๆอยู่ในมือที่แนบข้างหูของอาเม้งนั้นรัวเร็วถี่ยิบเป็นภาษาจีน ทั้งอาเม้งก็ตอบเป็นภาษาเดียวกันที่ไอ้มินอ่องคุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง มันรู้แต่เพียงว่าผู้พูดคือโกหลกคงจะสั่งการอะไรบางอย่างแก่อาเม้งเท่านั้นเอง
ยังไม่ทันที่มันจะลุกขึ้นยืน ปืนในมือของอาเม้งก็จ่อหมับเข้าที่หน้าผากของมัน แล้วปืนอาวุธคู่กายของมันก็ถูกยึดไปเหน็บไว้ที่เอวของอาเม้งเช่นเดียวกัน
"เข้าไปในถ้ำ" อาเม้งพูดเสียงต่ำดุๆในลำคอ
"อาเม้งจำผมไม่ได้เหรอ ผมมินอ่องลูกน้องเล่าเปาะหยีไง"
"อั๊วจำได้"
"เราเป็นพวกเดียวกันนะ"
"อั๊วรู้แล้ว"
"พวกมันกำลังตามมา"
"พวกไหน"
"พวกเกาะขนาน"
"พวกมันตามลื้อมาทำไมวะ อั๊วได้ยินทั้งเสียงปืนกับเสียงระเบิด"
"พวกมันมาตามหาผู้หญิงฝรั่ง แหม่มผมบลอนด์"
"มันมากันกี่คน"
"สี่คน"
"ทำไมลื้อมาคนเดียววะ"
"มากันหกคน ผมเฝ้าเรือคนเดียว อีกห้าคนขึ้นฝั่งตามพวกมันไป"
"แล้วทำไมลื้อหนีมาคนเดียววะ"
"พวกเราเสียท่ามัน คิดว่าคงถูกพวกมันยิงตายหมด"
"ลื้อเห็นหรือว่าพวกเราตายหมด"
"ไม่เห็น"
"อ้าว ! แล้วแล้วลื้อขับเรือหนีมาทำไมวะ"
"พวกเขายิงกันสนั่น พอสิ้นเสียงระเบิดเห็นพวกมันสี่คนวิ่งมา ผมติดเครื่องเรือรออยู่แล้วจึงยิงสู้กับมัน โดนมันยิงเรือทะลุผมขับเรือหนี เห็นว่าไปไม่ถึงเรือใหญ่แน่จึงขับเรือหลบเข้ามานี่"
"เล่าเปาะหยีล่ะ"
"สงสัยตายด้วย"
"ลื้อไม่เห็นแล้วลื้อพูดได้ยังไงวะว่าอีตายแล้ว..หา?" อาเม้งถามเสียงตะคอก
"ก็ไม่เห็นมีใครวิ่งออกมาเลย เห็นมีแต่พวกมันเท่านั้น"
"พวกมันอาจจะกำลังวิ่งหนีพวกเราออกมาก็ได้" อาเม้งตั้งข้อสังเกต
"ก็ผมไม่เห็นพวกเราเลยสักคนเดียว" ไอ้มินอ่องทำหน้าละห้อย
"พวกมันอยู่ครบทุกคนหรือวะ?"
"ครบทั้งสี่คน"
"เป็นไปไม่ได้ เดี๋ยวเราไปดูกัน ลื้อจำทางลัดไปศาลเจ้าได้ไหม?"
"ได้ครับ"
"เอ้า..เอาปืนลื้อคืนไป ลื้อเดินนำหน้า"
อาเม้งโยนปืนโคลท์ 9 มม.คืนให้มินอ่อง มันรีบกระโดดตะครุบรับด้วยความดีใจ มันเดินนำหน้าลัดเลาะไปตามซอกไหล่เขาที่ขรุขระและรกครึ้มจนแทบมองไม่รู้ได้เลยว่านี่คือทางเดินลับอันเป็นทางลัดจากถ้ำกาหลงวกขึ้นเขาอ้อมไปยังศาลเจ้ากุหลาบไฟ
เมี่อทั้งสองคนเดินขึ้นเนินมาได้สักครู่หนึ่งขณะกำลังเดินผ่านกอไผ่หนาทึบ ทั้งคู่ก็พลันได้ยินเสียงเรือเร็วติดเครื่องถอยหลังกลับหัวเรือเร่งเครื่องมุ่งตรงมาทางเขตซอกหลืบทางลับเข้าสู่ถ้ำกาหลงอันลึกลับนั้น
อาเม้งชะเง้อดูจากบนเนินมองเห็นเรือแล่นพุ่งน้ำแตกเป็นฟองพรายฟู่อยู่เบื้องหลังเป็นทางยาว เนื่องจากปากทางเข้าสู่ถ้ำกาหลงลึกลับซับซ้อนมากคงยากที่จะหาพบ
อาเม้งคาดคะเนเอาว่ากว่าที่พวกนั้นจะหาทางเข้าสู่ถ้ำกาหลงได้ก็คงใช้เวลานานพอดู โขดหินที่มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มซับซ้อนหลายชั้นอย่างนั้นถ้าคนที่ไม่เคยเข้าไปด้านในแล้วจะไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่ามีปากทางเข้าถ้ำอยู่ด้านในสุด คงคิดว่ามันคือโขดหินรกร้างริมเกาะหินทั่วๆไป โดยเฉพาะเรือเร็วที่ค่อนข้างใหญ่การที่จะวิ่งเที่ยวซอกแซกหาคงจะยากสักหน่อย
"กาเหว่าเรียกกาหลง กาเหว่าเรียกกาหลงได้ยินแล้วตอบด้วย"
เสียงวิทยุส่งระหัสเรียกจากเครื่องในมือของอาเม้ง
"กาหลงพูด ทราบแล้วเปลี่ยน" อาเม้งกรอกคำพูดลงไปทันที
"เป้าหมายกำลังค้นหาทางเข้าฐานอยู่ เตรียมพร้อมด้วย เปลี่ยน" เสียงโกหลกชัดแจ๋ว
"อยู่นอกฐาน กำลังไปดูความเสียหายแนวรบ เปลี่ยน"
"ระวังเป้าหมายพบเรือซีโอวัน เปลี่ยน"
"ซีโอวันอับปาง ไม่ต้องห่วง เปลี่ยน"
"กำลังเบนความสนใจเป้าหมายทางนี้ รายงานความเสียหายแนวรบด้วย โชคดี เปลี่ยน"
"โชคดี ทราบแล้ว เปลี่ยน"
เสียงเรือตังเกลำใหญ่ติดเครื่องครางกระหึ่ม สมอเรือถูกกว้านขึ้นเข้าที่เสียงดังกังวานได้ยินไปไกล เรือค่อยๆเคลื่อนตีวงผ่านโขดหินสีเทาใหญ่อ้อมไปทางด้านหน้าผาของเกาะกาหลงที่มีหน้าผาสูงชันโต้คลื่นอยู่โครมครืนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เรือโชคโอฬารแล่นเอื่อยๆตัดเกลียวคลื่นไปอย่างช้าๆ
แปลกเหลือเชื่อที่ด้านหน้าผาสูงที่คลื่นลมแรงราวทะเลบ้านี้ ด้านหลังเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาดกลับเงียบสงบจนดูลึกลับน่ากลัวจากป่ารกชัฏและตำนานอาถรรพ์
โกหลกสั่งให้ไต้ก๋งนำเรือโชคโอฬารแล่นไปดักหน้าเรือรัญจวนใจอีกด้านหนึ่งของเกาะโดยอ้อมเป็นวงกลมเพื่อหลอกล่อเบนความสนใจในการที่จะไม่ให้เรือรัญจวนใจมีโอกาสค้นพบถ้ำกาหลง เขาสั่งให้ลูกเรือทุกคนเตรียมพร้อมที่จะถล่มด้วยอาวุธหนักทุกชนิดประดามีเมื่อเข้าประชิดเรือรัญจวนใจ
แปลกมาก ! ! ที่เมื่อเรือโชคโอฬารแล่นเอื่อยๆโผล่พ้นหน้าผาสูงชันเข้าสู่เขตโขดหินสลับซับซ้อนรกครึ้มหนาแน่นไปด้วยต้นไม้น้ำใกล้แนวช่องทางซอกหลืบปากทางเข้าสู่ถ้ำกาหลงนั้น โกหลกและพรรคพวกกลับมองไม่เห็นวี่แววของเรือรัญจวนใจเลยสักนิดเดียว
โกหลกสั่งให้จอดเรือและทอดสมอลงจอดรอดูทีท่านิ่งอยู่บริเวณนั้นก่อน เขาสั่งให้เอาเรือเล็กอีกลำหนึ่งคือซีโอทูหรือโชคโอฬาร 2 ลงออกตระเวนหาตามแนวซอกหลืบลึกลับต่างๆทั่วบริเวณโดยรอบ
เรือซีโอทูออกค้นหาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือรัญจวนใจ ซ้ำเมื่อออกมาดูที่หน้าอ่าวก็ไม่เห็นเรือตกปลาที่จอดอยู่คู่กันอีก เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักว่าแค่ชั่วเรือตังเกใหญ่แล่นรอบเกาะเพียงรอบเดียวจะคลาดกันเร็วขนาดนี้
โกหลกนึกถึงสองพ่อลูกที่อยู่ในกรงภายในถ้ำกาหลง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจหลบหนีออกไปพร้อมกับพวกที่มากับเรือรัญจวนใจแล้วก็เป็นได้
"กาหลงเรียกกาเหว่า กาหลงเรียกกาเหว่า ทราบแล้วตอบด้วย"
เสียงสัญญาณเรียกเข้ามาจากอาเม้ง
"กาเหว่าทราบแล้ว เปลี่ยน" เสียงโกหลกพูดตอบกลับไป
"รายงานความเสียหายจากแนวรบ"
"ว่าไป"
"นางนวลตายสี่ อินทรีโดนระเบิดเละ"
"ใครหนีมากับซีโอวัน"
"มินอ่อง"
"กาหลงรีบกลับฐานด่วน เปลี่ยน" เสียงโกหลกสั่งหนักแน่น
"เป้าหมายอยู่ไหน เปลี่ยน"
"ไม่รู้หาไม่เจอ พวกมันเอาเรือตกปลาไปด้วย เปลี่ยน"
"ได้ยินเสียงเครื่องเรือที่หน้าหาด แต่ไม่ได้ดู คิดว่ามันไปทางโขดหินใหญ่สีเทานั่น กำลังเดินทางกลับฐาน เปลี่ยน"
"พบกันที่ในฐาน เปลี่ยน"
โกหลกหน้าถอดสีเมื่อรู้ว่าเล่าเปาะหยีตาย ทั้งคู่ร่วมงานกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม เมื่อหุ้นส่วนคนสำคัญต้องมาจบชีวิตลงบัดนี้ทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นและชิงชังสองพ่อลูกชาวนอร์วีเจี้ยนอย่างมากที่เป็นต้นเหตุสำคัญในการสูญเสียครั้งนี้ เป็นเพราะความชะล่าใจและประมาทในฝีมือของพวกที่มาจากเกาะขนานนั่นเอง
ด้วยเล่าเปาะหยีและพวกคงนึกว่าพวกนี้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาไม่มีพิษสงอะไร
ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่าขบวนการของพวกโกหลกต้องมาเจอกับหนามยอกอกเข้าอย่างจัง !
โกหลกลงเรือซีโอทูสั่งให้ไปส่งที่ถ้ำกาหลงในทันทีพร้อมสมุนคู่ใจสองนายคือเบิ้มหนุ่มใหญ่ร่างสูงหัวหน้าชุดที่ฉุดแอนนามารีมาจากเกาะขนานในคืนก่อนและอีกคนคือเดชาหนุ่มหน้าแหลมผมยาวที่ลุงชูเห็นที่โขดหินในคืนนั้นเช่นเดียวกัน ส่วนพวกสมุนที่เหลืออยู่บนเรือภายใต้การควบคุมของบุญทวีไต้ก๋งให้เตรียมพร้อมที่จะถล่มพวกที่มาจากเกาะขนานที่อยู่บนเรือรัญจวนใจและเรือหาปลาได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งด้วยอาวุธร้ายแรงทั้งหมดที่มีอยู่บนเรือตังเกโชคโอฬาร
ด้วยเหตุนี้แผนการณ์ทุกอย่างในการค้นหาสมบัติโจรสลัดตามที่ได้ตกลงไว้กับมร. ฮันส์ กุลลิคเซ่นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยกระทันหัน !
***************