นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ลิขิตรักเส้นขนาน #12
กาบแก้ว
......​..ขณะนี้สถานการณ์​กำลังตึงเครียดในการ​ที่​ทั้งสองฝ่าย​กำลังเผชิญหน้ากัน ด้วยต่างรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามก็เตรียม​พร้อมเช่นเดียวกัน...​.....

ตอน : แผนประจันบาน

ภายในหีบห่อ​ที่บรรจุอยู่​ในห้องแคบๆ​ด้านหลังสุสานแท่นหินอ่อนของขุนชำนินาวีประดิษฐ์นั้น​ เต็ม​ไปด้วยข้าวของเครื่อง​ใช้​ส่วนตัว​ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร​มากนัก ​เป็นการรวบรวม​เพื่อจัดเก็บให้มิดชิดเข้า​ที่เข้าทางเสียมากกว่า ลุงชูบอกว่า​เนื่องจากในถ้ำมี​ความชื้นมากจึง​ต้องจัดซ้อนหีบห่อให้โปร่ง​เพื่อ​ที่อากาศ​จะ​ได้ถ่ายเท​ได้สะดวก​ทำให้ห้องแคบๆ​นั้น​ดูมีของอยู่​เต็ม​ไปหมด

แกพาสามสหายย้อนออกมาตามทางเดิม แล้ว​พาแยกเข้า​ไปอีกช่องทางหนึ่ง​​ที่พวก​เขายังไม่เคย​ได้เข้า​ไปสำรวจ ปรากฏว่า​เป็นทางตัน​ที่ทะลุ​ไปโผล่​ที่หน้าผาสูงมองเห็นละอองน้ำแตกกระเซ็น​เป็นฝอยจากคลื่น​ที่สาดซัดขึ้น​มากระทบกัน​พอดี เสียงคลื่นกระแทกหินผาดังก้องกังวานเข้า​ไปในถ้ำ

นับว่านี่​เป็นทางลับเข้าสู่สุสานของขุนชำนินาวีประดิษฐ์อีกทางหนึ่ง​​ที่อันตรายมาก​เพราะไม่มีทางเดินหรือหน้าถ้ำให้เห็นเลย​มี​แต่หน้าผาสูงชันปากถ้ำถูกปกคลุมด้วยละอองน้ำ​เป็นฝอยคล้ายหมอกหนาทึบมองเห็นเพียงแสงสว่างคล้ายอยู่​เบื้องหลังกระจกฝ้า​ที่ไม่​สามารถมองทะลุให้เห็นทิวทัศน์ภายนอก​ได้เลย​

การสำรวจถ้ำสุสานขุนชำนิฯจึงสิ้นสุดลง ลุงชูนำทาง​ทั้งหมดออกมานอกถ้ำแล้ว​ปิดปากถ้ำไว้ดังเดิม เดินกลับมานั่งพัก​ที่โต๊ะหินตาหมากรุก ทุกคนนั่งลงบนม้าหิน​ทั้งสี่ตัวนั้น​

จ้อนนั่งตรงข้าม​กับลุงชู

"ตรง​ที่คุณจ้อนนั่งนั้น​ เดิมบุญช่วยน้องชายของผมนั่งเล่นหมากรุก​กับผม​เป็นประจำ" ลุงชูเปิดเผยอดีต ใบหน้าเศร้าสร้อย

"ทำไม​ต้องมานั่งเล่นหมากรุก​ที่นี่" จ้อนซัก

"​เพื่อพักผ่อน​และระลึกถึงท่านขุน หลังจาก​ที่เรา​ได้เข้า​ไปคารวะ​และทำ​ความสะอาดสุสานแล้ว​" แกอธิบาย

"ระลึกถึงท่านขุน ?" จ้อนทวนคำด้วย​ความสงสัย

"ใช่ ​เพราะเดิมทีโต๊ะตัวนี้ท่านขุนให้ทำไว้ตั้งแต่​เมื่อท่านยังไม่สิ้น ทุกครั้ง​ที่มาเกาะกาหลง ท่านชอบมานั่งพักผ่อน​ที่โต๊ะนี้​เป็นประจำ"

"ทำไมถึงมีเก้าอี้สี่ตัว" สายัณห์ถามบ้าง

"ก็มากันสี่คน เหมือนเวลานี้" แกว่า

"สี่คน ​ใครอีกคนละครับ​" จ้อนถามอีก

"คุณดวงเนตร ลูกสาวคนเล็กของท่าน" แกตอบ

"แสดงว่าคุณดวงเนตรทราบเรื่อง​ราวเหล่านี้​ได้ดี"

"ใช่ เธอมา​กับเราบ่อยมากตั้งแต่เธอยังเพิ่ง​จะรุ่นสาว ท่านขุนรักลูกสาวคนนี้มาก ใบหน้าหวาน ตาคม สวยเหมือนนางฟ้า" แกบรรยายลักษณะลูกสาวอดีตเจ้านายผู้ล่วงลับ​ไปแล้ว​ด้วยดวงตา​เป็นประกาย

"ตอนนี้คุณดวงเนตรอยู่​​ที่ไหนละครับ​"

"อยู่​​ที่เกาะสมุย ​แต่งงาน​กับลูกชายโกหล่วนหุ้น​ส่วน​ที่เคยลงทุนค้าขายทางเรือสำเภาด้วยกันก่อนถูกโจรสลัดปล้นทำลายเรือจนอับปางลงกลางทะเลลึก เธอ​แต่งงานก่อนท่านสิ้นเพียงไม่กี่วัน" พูดถึงตรงนี้ใบหน้าลุงชูสลดลงอย่างเห็น​ได้ชัด ดวงตา​ที่​เป็นประกาย​เมื่อครู่พลอยเศร้าหมองลงด้วย

"ท่านขุนเสียชีวิต​เพราะเหตุใดหรือครับ​"

"ฆ่าตัวตาย" แกตอบพลางยกผ้าขาวม้าขึ้น​ซับน้ำตา​ที่ไหลย้อย​เป็นทางลงมานองแก้ม​โดยอัตโนมัติ

"ฆ่าตัวตาย" จ้อนทวนคำอย่างฉงน "ด้วยอะไร​​และเหตุใดละครับ​ ?"

"ด้วยปืน 9 มม.ประจำตัวของท่านเอง ทุกคนลง​ความเห็นว่าท่านยิงตัวตาย​เพราะท่านไม่อาจทนทรมาน​กับโรคประจำตัวของท่าน​ได้อีกต่อ​ไป"

"ท่านมีโรคประจำตัวอะไร​หรือครับ​" จ้อนซัก

"มะเร็งในสมอง ​แต่ระยะหลังท่านปวดหัว​และเครียด​เป็นประจำก่อน​ที่คุณดวงเนตร​จะ​แต่งงานไม่นาน ​ซึ่งผมว่าสาเหตุ​ที่แท้จริงไม่​ได้มาจากเรื่อง​โรคประจำตัวหรอก หาก​เนื่องมาจากการบีบคั้นเกี่ยว​กับเรื่อง​การ​แต่งงานของลูกสาวมากกว่า" ลุงชูอธิบาย​และวิเคราะห์สาเหตุให้ฟัง

"เรื่อง​การ​แต่งงานของลูกสาว ?" จ้อนกังขา

"ครับ​เรื่อง​​ที่คุณดวงเนตร​จะเข้าพิธี​แต่งงานนี้​เป็นการบีบคั้นจากข้อตกลงเดิม​ซึ่งท่านเคยให้สัญญาไว้​กับโกหล่วนหุ้น​ส่วนของท่าน ​ซึ่ง​เป็นการตกลง​ที่ท่านถือว่าท่าน​ได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ​เพราะ​เมื่อคุณดวงเนตรมีอายุครบยี่สิบปี​จะ​ต้องยกให้​แต่งงาน​กับนายดิลกลูกชายของโกหล่วนทันที ท่านขุนฯเคยปรารภ​กับผม​และน้องชายว่าท่านคบคนผิด คบ​กับโจร​ที่​เป็นมิตรอำพราง ​แต่สัญญาก็​คือสัญญา ท่านเสียใจมาก​ที่มารู้​เอาทีหลัง​เนื่องด้วยคุณดวงเนตรเปรียบเสมือนแก้วตาขวัญใจของท่านทีเดียว"

ลุงชูหยุดพักหายใจด้วยการหยิบ​เอาขวดแบนเล็กของสุราไทยออกมากระดกกรึ๊บผ่านลำคอสองอึกก่อน​ที่​จะเล่าต่อ

"ผม​และบุญช่วยน้องชาย​ได้พยายามหาทางช่วยแก้ปัญหาให้ท่าน ​เพราะพวกเราสืบรู้มาว่า​ที่แท้โกหล่วนก็​คือหัวหน้าโจรสลัดนั่นเอง ถึง​แม้ว่าหน้าฉาก​จะเปลี่ยนอาชีพมา​เป็นพ่อค้าวาณิช ​แต่เบื้องหลังของโกหล่วนก็​คือหัวหน้าโจรสลัด​ที่มีชุมโจร​ที่ใหญ่​เป็นอันดับหนึ่ง​ของภาคใต้ทีเดียว ช่วงนั้น​เราทำการปรับปรุงสุสานกันใกล้เสร็จแล้ว​ ท่านขุนฯสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ผู้ใดรู้นอกจากเราสามคน​และคุณดวงเนตร​โดยให้ถือ​เป็น​ความลับ ​แต่โกหล่วนมันฉลาดจัดการ​แต่งงานใหญ่โต​เป็นการรวบรัด ​โดยจับ​เอาตัวคุณนายเดือนแม่ของคุณดวงเนตรภรรยาของท่านขุนฯไว้​เป็นตัวประกัน​ที่บ้านของโกหล่วนเอง ​โดยมันอ้างว่ารับ​ไป​เพื่อรักษาตัว ​เพราะมันรู้แล้ว​ว่าท่านขุนฯวางแผน​ที่​จะพาลูกสาวหนีเข้ากรุงเทพฯ​เพื่อหลีกเลี่ยงการ​แต่งงาน ด้วย​ความ​ที่รักแม่มากคุณดวงเนตรจึงยอม​แต่งงาน​กับนายดิลกหรือโกหลก ​และสุดท้ายท่านขุนฯก็ถูกฆาตกรรม"

"อ้าว...​ไหนบอกว่าท่านขุนฯฆ่าตัวตาย" จ้อนติง

"​เป็น​ไปไม่​ได้​ที่ท่าน​จะฆ่าตัวตาย ​เพราะท่านเคยบอกผมว่าท่านสืบรู้​ที่ซ่อนสมบัติของท่าน​ที่ถูกโจรสลัดปล้น​ไปแล้ว​"

"แสดงว่าท่านถูกโจรสลัดฆ่า"

"ก็ทำนองนั้น​แหละ​ ​เพราะท่าน​ไปพบ​ที่ซ่อนสมบัติเข้า​โดยบังเอิญในวัน​แต่งงานลูกสาว"

"ในวัน​แต่งงาน ?" จ้อนตลึง

"ใช่ โกหล่วนมันฉลาดมาก มันพยายามรวบรัด​โดยจัดทำพิธี​แต่งงาน​ทั้งหมดในคฤหาสถ์ของมัน​ที่บางมะขาม ​เพราะ​ที่นั่น​สามารถ​ที่​จะต้อนรับแขก​ได้​ทั้งอำเภอ"

"ท่าน​ไปพบสมบัติ​ได้อย่างไร" จ้อนซักอย่างอยากรู้

"ขณะ​ที่​กำลังทำพิธีกันท่านหลบ​ไปเข้าห้องน้ำข้างหลังบ้าน บังเอิญเดินหลงเข้า​ไปในห้องลับ​ซึ่ง​เป็นคลังสมบัติมหึมาหลายชิ้นในนั้น​ท่านจำ​ได้ว่าเคย​เป็นสมบัติของท่าน ​โดยคราวนั้น​กัปตันบอกว่าอับปาง​ไป​พร้อม​กับเรือ​ทั้งสิ้น ถึงตอนนั้น​ท่านจึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ​เลย​ว่าโกหล่วนก็​คือตัวการ​ที่หักหลังกันเองอย่างเลือดเย็น"

ลุงชูหยุดถอนหายใจ แกนั่งหลับตาคล้าย​กับพยายาม​ที่​จะลำดับภาพในอดีต

"สมบัติ​ทั้งหมดในอดีตของท่านขุนฯมันซ่อนอยู่​ในบ้านโกหล่วนนั่นเอง ​แม้ครึ่งหนึ่ง​​จะ​เป็นของโกหล่วน ​แต่ครึ่งหนึ่ง​ก็​คือของท่านๆ​มีสิทธิ์​ที่​จะทวงคืน​ซึ่งท่านก็ทวงคืน​กับโกหล่วนจริงๆ​ในวันรุ่งขึ้น​หลังจากคุณดวงเนตร​แต่งงาน พอวัน​ที่ห้าท่าน​กำลังเตรียมตัว​จะมา​ที่เกาะกาหลง​กับผม ในตอนเช้า​ขณะ​ที่พวกเรา​คือผม​และนายบุญช่วยน้องชาย​ซึ่งเตรียมตัวเสร็จแล้ว​​กำลังรอท่านขุนฯ​เพื่อออกเดินทาง พวกเราก็​ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น​ในห้องของท่าน นายดิลก​ซึ่ง​เป็นลูกเขยท่าน​ได้ห้าวันก็โผล่หน้าต่างตะโกนลงมาจากบนบ้านว่าท่านขุนฯยิงตัวตาย แล้ว​หมอก็ชัณสูตรลง​ความเห็นว่าท่านขุนฯฆ่าตัวตาย​เพราะท่านถือปืนของท่านเองอยู่​ในมือ"

"ทำไมลุงถึงไม่เชื่อว่าท่านยิงตัวตาย" จ้อนซักต่อด้วย​ความสนใจ

"ก็ผม​เป็นคนสนิทของท่าน ทำไม​จะไม่รู้ ธรรมดานั้น​ท่าน​เป็นคนถนัดยิงปืนด้วยมือซ้าย ทุกครั้ง​ที่​ไปด้วยกันไม่ว่า​จะซ้อมยิงหรือออกล่าสัตว์ ​แต่วัน​ที่ท่านเสียชีวิต นายดิลกอ้างว่าท่านยิงตัวตาย ​แต่ทำไมปืนถึง​ได้อยู่​ในมือขวา"

"มือขวา" สามสหายอุทานออกมา​พร้อมกัน

"แถมรอยกระสุนยังทะลุเข้าทางขมับขวาด้วย" ลุงชูอธิบาย​พร้อมยกนิ้วชี้ทำท่ายิงให้ดู

"ลุงสงสัย​ใครละครับ​" จ้อนถาม

"นายดิลกลูกเขยท่านขุนฯ ​เพราะเช้า​วันนั้น​ผมไม่เห็นมีคนอื่นอีกเลย​"

"ลุงให้การ​กับเจ้าหน้า​ที่หรือเปล่า"

"ไม่"

"ทำไมละครับ​"

"ผมสงสารคุณหนูดวงเนตร​และคุณนายเดือนกลัวว่า​ทั้งสอง​จะอยู่​ในอันตราย อีกอย่างตอนนั้น​ผม​กำลังคิดหาทาง​กับคุณดวงเนตรว่าทำอย่างไรจึง​จะย้ายร่างท่านขุนฯมาไว้ยังสุสานนี้​โดยไม่ให้มีผู้ใดรู้​ได้" ลุงชูขยาย​ความ

"คงลำบากน่าดู" สายัณห์ว่า

"ก็ทุลักทุเลมากพอสมควร พวกเราจ้างสัปเหร่อในตอนกลางคืนให้หาร่างมาเปลี่ยนใส่โลงไว้แทนท่านขุนฯ เราย้ายร่างท่านขุนมาในคืนนั้น​เลย​​โดยผมแล่นเรือมาสองคน​กับน้องชายจากเกาะสมุยมาถึง​ที่เกาะกาหลงนี่ในตอนไกล้รุ่งกว่า​จะจัดการธุระเสร็จก็บ่าย รีบเดินทางกลับถึงเกาะสมุย​โดยไม่ทันมี​ใครสังเกต ​เนื่องจาก​ส่วนใหญ่ทุกคน​กำลังยุ่งอยู่​​กับงานศพ​ที่จัดอย่างใหญ่โต ​เพราะว่าท่านขุนฯ​เป็นผู้​ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต"

"ทำไมคุณดวงเนตรถึงไม่หนี​ไปจากเกาะสมุย" จ้อนถามชายชรา

"​เพราะเธอให้เหตุผลว่า​เป็นห่วงคุณแม่ กอปร​กับ​ต้องการอยู่​ดู​ความหายนะของพวกโจรสลัดขี้ฉ้อ ​และ​จะพยายามทวง​เอาสมบัติของท่านขุนฯคืนให้หมด​แม้​จะ​ต้องอุทิศชีวิต​ทั้งชีวิตก็ยอม​โดยเธอตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว อัน​เป็นเหตุผล​ที่ผมไม่อาจปฏิเสธ​ได้ เธอสั่งให้ผม​ไปรับเธอมาคารวะท่านขุนฯ​ที่สุสานนี้ทุกๆ​สามเดือน" ลุงชูสรุป

"ลุงเลย​หนี​ไปอยู่​เกาะขนาน ?"

"​เนื่องจากผมสนิท​และนับถือในน้ำใจท่านกำนันใจเด็ดคุณพ่อของคุณจ้อนผม​กับแม่เพ็ญจึง​ได้พากันอพยพ​ไปอยู่​เกาะขนาน​เป็นการถาวรตราบจนทุกวันนี้"

จากคำพูดของลุงชู​ที่เล่ามาทำให้จ้อนชักเริ่มปะติดปะต่อเรื่อง​ราวต่างๆ​​ได้ลางๆ​

เหตุการณ์​ทั้งหมดเชื่อมโยงกัน​ทั้งสิ้น

สมองของชายหนุ่ม​กำลังลำดับภาพ​ที่เกิดขึ้น​ตลอดเวลาสามวัน​ที่ผ่านมาว่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันบ้าง

นับจากวันแรก​ที่พบแอนนามารี ออกตามหาพ่อของเธอ​ที่เกาะกาหลง เผชิญงูเหลือมยักษ์ พบถ้ำลึกลับบนเกาะ

​ที่งานปาร์ตี้ของกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นมีลูกน้องโกหลกตาม​ไปเผาบังกะโล​เพื่อลักพาตัวแอนนามารี ​โดยมีลุงชูติดตามมาล่วงหน้าอย่างกระชั้นชิดจนกระทั่งถึงเกาะกาหลง แสดงว่าแอนนามารีถูกจับมา​ที่นี่ พวกนั้น​ขึ้น​เรือใหญ่กลับ​ไปทางเกาะสมุย ฉะนั้น​แอนนามารีอาจ​จะยังอยู่​บนเกาะนี้หรืออยู่​บนเรือใหญ่​ที่​กำลังแล่น​ไปทางเกาะสมุย พ่อของเธอ​ถ้าถูกจับก็อาจ​จะยังอยู่​ด้วยกันหรือตาย​ไปแล้ว​

ถ้ำลึกลับ​คือสุสานของขุนชำนินาวีประดิษฐ์นักต่อเรือผู้ตามหาสมบัติของตน​ที่ถูกโจรสลัดปล้น​ไปจนพบ​และสุดท้ายถูกโกหลกลูกชายโจรสลัด​ที่​เป็นลูกเขยฆ่าตาย เมียโกหลกก็​คือคุณดวงเนตรลูกสาวท่านขุนชำนินาวีประดิษฐ์อดีตเจ้านายเก่าของลุงชู โกหลก​คือลูกชายของโกหล่วนหัวหน้าแก๊งโจรสลัด​ที่ปล้น​แม้กระทั่งหุ้น​ส่วนของตนเอง

คุณดวงเนตรยอม​แต่งงาน​กับโกหลก​เพื่อรอเวลา​ที่​จะยึด​เอาสมบัติ​ทั้งหมดคืนมา​และแก้แค้นแทนท่านขุนชำนินาวีประดิษฐ์ผู้​เป็นบิดา


*********


จนบัดนี้จ้อนยังเดาไม่ออกเลย​ว่ามร.ฮันส์ กุลลิคเซ่นถูกจับ​ไป​ที่ใด ทำไม แอนนามารีลูกสาวก็ถูกจับ​ไปด้วย​เพราะเหตุใด

​ใคร​คือตัวการ ?

ขณะเดียวกัน​กับ​ที่จ้อน โซ้ด สายัณห์​และลุงชู​กำลังนั่งวางแผนการณ์ในการติดตามค้นหาแอนนามารีสาวผมบลอนด์​และบิดาของเธอต่อ​ไปอยู่​​ที่โต๊ะหินตาหมากรุกนั้น​ ​ที่หน้าอ่าวก็ปรากฏเรือโชคโอฬารตังเกลำใหญ่ของเล่าเปาะหยีทอดสมอจอดอยู่​ ณ ริมโขดหินสีเทาก้อนมหึมา​ที่เดิม หากบนเรือไม่​ได้มีเพียงเล่าเปาะหยี​และลูกน้องเท่านั้น​ นายดิลกเจ้าพ่อบางมะขามหรือโกหลก ​พร้อมสมุน​ทั้งห้าก็อยู่​บนเรือตังเกลำนั้น​ด้วย

เรือเล็กถูกหย่อนลงน้ำอีกครั้ง คราวนี้เล่าเปาะหยีลงเรือ​ไป​พร้อมด้วยไอ้ทองสุข​และไอ้มินอ่อง ​ส่วนลูกน้องของโกหลก​ที่ลง​ไปด้วยก็มีไอ้สมชาย ไอ้จี่​และไอ้อู๊ด​ทั้งหมดหกคน ​โดยนายดิลกไม่​ได้ลง​ไปด้วย คราวนี้เรือแล่นเข้า​ไปจอดเทียบตีคู่อยู่​​กับเรือเร็วรัญจวนใจ ไอ้มินอ่องกระโดดขึ้น​​ไปสำรวจภายในเรือเร็วรัญจวนใจชั่วครู่เดียวมันก็ออกมาส่ายหน้า

"ไม่มีเลย​สักคนครับ​เจ้านาย"

"อืม..ม..พวกมัน​ต้องซ่อนตัวอยู่​​ที่ใดสักแห่งบริเวณนี้ อาจ​จะหลบอยู่​ในกระท่อมก็​ได้" เล่าเปาะหยีบ่นงึมงัม

"คืนก่อนผม​กับไอ้มินอ่องเดินตามหาพวกมันตั้งนาน​ทั้ง​ที่ในกระท่อม​และบนศาลเจ้ากุหลาบไฟ วนหาอยู่​หลายรอบก็หาพวกมันไม่เจอ ผมว่าพวกมันอาจเจอซอกหินหรือถ้ำ​ที่ใดสักแห่ง​เป็น​ที่หลบซ่อน เราถึงหาพวกมันไม่เจอ เจอะ​แต่ซากงูยักษ์​ที่ใต้ต้นไม้ข้างกระท่อม วันก่อนมีแหม่มผมบลอนด์มา​กับพวกมันคนหนึ่ง​" ไอ้ทองสุขสาธยาย

"อีแหม่มผมบลอนด์นั่นนะเหรอ โดนพวกข้าฉุดมาไว้ในถ้ำกาหลงตั้งแต่​เมื่อคืนนี้แล้ว​" ไอ้ชายบอกอย่างโอ้อวด

"ดีแล้ว​ ​ถ้าอย่างนั้น​ไอ้มินอ่องเอ็งเฝ้าเรืออยู่​​ที่นี่ก็แล้ว​กัน นอกนั้น​ขึ้น​บก​ไป​กับข้า" เล่าเปาะหยีออกคำสั่ง

ปืนสั้น​ทั้งหกกระบอกถูกชักออกมาเตรียม​พร้อม​ที่​จะปฏิบัติการ ​โดยมิ​ต้องให้​ใครสั่ง เล่าเปาะหยีเดินนำลูกสมุน​ทั้งหมดลุยน้ำขึ้น​ฝั่งมุ่งตรง​ไปยังกระท่อมชาวประมงร้างนั้น​ทันที


***************



ลุงชูหูดีกว่า​เพื่อน แก​ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือครางกระหึ่มมาจอด​ที่หน้าหาด แกรีบให้สัญญาณบอกพรรคพวก

"มีเรือมาจอด​ที่หน้าหาด อาจ​เป็นพวกมัน แยกย้ายกันซ่อนตัวดีกว่าคุณจ้อน"

พูดจบแกก็ลุกขึ้น​ยืนเดินย่อง​ไปทางต้นตะเคียนคู่ข้างทางเดินเข้ามายังกระท่อม​เพื่อแอบดู จ้อนเดินตามแกมาติดๆ​ ​ส่วนโซ้ด​และสายัณห์แยก​ไปหลบอีกทางหนึ่ง​สองสหายหลบบังอยู่​ในพุ่มไม้หนาทึบหลังก้อนหิน​ที่ซ้อนกันอยู่​เรียงราย ​โดย​ทั้งสี่​สามารถมองลอดออก​ไปเห็นเหตุการณ์​ที่กระท่อม​ได้อย่างชัดเจน

"มันขึ้น​มากันห้าคน" จ้อนกระซิบบอกลุงชูในขณะ​ที่​เขาเห็นพวกมันเดินตรงมายังกระท่อม จ้อนดู​ไปพลางนับ​ไปพลาง

"เห็นแล้ว​ครับ​" แกกระซิบตอบ

"มันมากันครบเลย​ พวก​เมื่อคืนมาสามคนมีไอ้ชาย ไอ้จี่​และไอ้อู๊ด ​ที่เดินรั้งท้ายตัวใหญ่ๆ​สองคนนั่นคนหัวเถิก​คือเล่าเปาะหยี​ส่วนอีกคน​เป็นลูกน้องชื่อไอ้สุข"

"ดูเหมือน​จะยังรออยู่​บนเรืออีกคน" จ้อนบอก

"พวกมัน​กำลังตามหาพวกเรา ดูท่าทางว่า​จะไม่​ได้มาดีแน่ ถือปืนกันให้ว่อนเชียว เตรียม​พร้อมไว้ดีกว่าคุณจ้อน"

พูดจบลุงชูก็ล้วงมือเข้า​ไปในย่ามหยิบ​เอาปืนลูกโม่ขนาด 9 มม.ออกมาสองกระบอก แกยื่นให้จ้อนกระบอกหนึ่ง​​พร้อมกล่องกระสุนราว​กับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

"ผมมันมีสมญาว่าไอ้ชูปืนคู่ ผมพกสองกระบอกตลอดเวลาเผื่อขาดเผื่อเหลือ" แกกระซิบกระซาบ​กับชายหนุ่มเบาๆ​

จ้อนรับปืนมาจากชายต่างวัยอย่างนึกขอบคุณ ​เขาเองน่า​จะเตรียมการณ์ให้ดีกว่านี้ในการผจญภัยกรณีเช่นนี้ สำหรับโซ้ดนั้น​ไม่​ต้องห่วง​เขาเตรียมอาวุธมาด้วยเต็มอัตราศึกอยู่​แล้ว​

สายัณห์ก็เช่นเดียวกันหลังจากทราบจาก​เพื่อนรักว่าสาวนอร์วีเจี้ยน แอนนามารีนั้น​ถูกลักพาตัว​ไป ​เมื่อมาติดตามอย่างนี้จึงจำ​เป็นอยู่​เอง​ที่​เขา​ต้องพกอาวุธประจำกายมาด้วย

ขณะนี้สถานการณ์​กำลังตึงเครียดในการ​ที่​ทั้งสองฝ่าย​กำลังเผชิญหน้ากัน ด้วยต่างรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามก็เตรียม​พร้อมเช่นเดียวกัน

เล่าเปาะหยีเดินมาหยุดยืนจังก้าคุมเชิงอยู่​​ที่หน้าประตูกระท่อมชาวประมงร้างพลางบงการให้ไอ้ชาย​กับไอ้จี่เข้า​ไปตรวจดูข้างในอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันนั้น​นัยตาเล็กเรียวยาวอันเฉียบคมคล้ายตาเหยี่ยวของเล่าเปาะหยีก็กราด​ไปทั่วบริเวณ ​ไปหยุดกึกอยู่​​ที่ต้นตะเคียนคู่ทางออกสู่ลานหินโต๊ะหมากรุก

ฉับพลันสายตาของเล่าเปาะหยีเหลือบขึ้น​​ไปบนยอดไม้เห็นนกคู่หนึ่ง​​กำลังโฉบบินถลาเข้ามาเกาะ​ที่กิ่งตะเคียนต้นนั้น​ ​แต่เกาะยังไม่ทันไรมันก็ส่งเสียงร้องเรียกคู่ของมันออกบินถลา​ไปยังต้นไม้อื่นไกลออก​ไป

ด้วยสัญชาตญาณระแวงภัยอัน​เป็นสมบัติประจำตัวของเหล่ามิจฉาชีพอย่างเล่าเปาะหยีเตือนให้​เขารู้​ได้ทันทีว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลหลบซ่อนอยู่​​ที่ใต้ต้นตะเคียนคู่นั้น​แน่นอน

​เขากระดิกนิ้วส่งสัญญาณเรียกไอ้ทองสุขให้เข้า​ไปใกล้พลางกระซิบแผ่วเบาพอ​ได้ยินกันสองคน

"ไอ้สุขมึงเห็นต้นตะเคียนสองต้นนั่นไหมวะ"

"เห็นครับ​เสี่ย ทำไมหรือครับ​"

"กูสงสัยว่า​จะมีพวกมันบางคนแอบหลบซ่อนอยู่​​ที่ใต้ต้นตะเคียนคู่นั่นแน่ๆ​ว่ะ"

"เจ้านายเห็นมันเรอะ"

"เห็นมันกูก็เป่าพวกมันกลิ้ง​ไปแล้ว​ซีวะไอ้สุข มึงนี่ช่างซักเสียจริงโว้ยไอ้ห่า.." ​เขากระซิบดุลูกน้องด้วย​ความเคยชิน

"ขอโทษที..เจ้านาย ​จะ​เอายังไงดีละครับ​"

"มึงหาทางอ้อมวก​ไปทางด้านหลังต้นไม้นั่น เจอแล้ว​คุมตัวพวกมันไว้ ​ถ้ามึงเห็นท่าไม่ดีก็จัดการเก็บพวกมัน​ได้เลย​"

"โอเคครับ​เสี่ย เดี๋ยวสวยแน่"

ไอ้ทองสุขอมยิ้มกัดฟันกรอด เดินย่องจาก​ไปทางด้านหน้ากระท่อมแล้ว​เดินวกขึ้น​เนิน​ไปตามทางขึ้น​สู่ศาลเจ้ากุหลาบไฟ

เล่าเปาะหยีปล่อยให้ไอ้อู๊ดยืนเฝ้า​ที่หน้าประตูกระท่อม​แต่เพียงผู้เดียว​ส่วนตัว​เขานั้น​เดินเข้า​ไปสมทบ​กับไอ้ชาย​และไอ้จี่​ที่ในกระท่อม ​เขาเรียก​ทั้งสองคนมาสั่งถึงแผนการณ์​ที่​จะจู่โจมเข้าทางต้นตะเคียนให้รับทราบ การดำเนินงานตามแผนจึงเริ่มขึ้น​​เมื่อ​ทั้งหมดออกมารวมกัน​ที่หน้าประตูกระท่อมอีกครั้งหนึ่ง​

*********


ฝ่ายลุงชู​เมื่อเห็นเล่าเปาะหยีมองเพ่งตรงมาทางต้นตะเคียนแล้ว​กระซิบกระซาบ​กับไอ้ทองสุขจนทำให้ไอ้ทองสุขเดินวกขึ้น​​ไปทางศาลเจ้ากุหลาบไฟ แกก็พอ​ที่​จะเดาออก​ได้ทันทีตามประสานักเลงเก่าว่าไอ้สุขคงเดินอ้อมวกลงกลับมาตีตลบหลัง ทันที​ที่แกเห็นเล่าเปาะหยีเดินเข้า​ไปในกระท่อม แกก็จูงมือกระชากจ้อนให้รีบย้าย​ที่หลบ​ไปทางเดียวกัน​กับ​ที่โซ้ด​และสายัณห์หลบซ่อนอยู่​ ​เนื่องจากทางด้านนี้​เป็นแถบ​ที่มีชัยภูมิในการตั้งรับ​ที่ดีกว่า​เพราะมี​ทั้งก้อนหินสลับซับซ้อน ต้นไม้ใหญ่รวม​ทั้งพุ่มไม้หนาทึบ

ณ ​ที่นั้น​เห็นมีสายัณห์​พร้อมปืน 11 มม.อาวุธคู่มือ แอบหลบซ่อนอยู่​​แต่เพียงผู้เดียว ไม่ปรากฏร่างของโซ้ดเลย​ ทำให้​ทั้งลุงชู​และจ้อนอดสงสัยไม่​ได้ แกคลานเข้ามาใกล้พลางกระซิบถามสายัณห์

"ไอ้โซ้ด​ไปไหนวะ สายัณห์"

สายัณห์บุ้ยปาก​ไปทางเนิน​เขาด้านหลัง​และกระซิบตอบแผ่วเบา

"​ไปคอยต้อนรับไอ้ยักษ์สุข"


***************

 

F a c t   C a r d
Article ID S-2141 Article's Rate 31 votes
ชื่อเรื่อง ลิขิตรักเส้นขนาน --Series
ชื่อตอน แผนประจันบาน --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง กาบแก้ว
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องยาว ซีรีส์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๖๗ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๑๓๗
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : Rotjana Geneva [C-11415 ], [83.180.91.71]
เมื่อวันที่ : ๑๖ เม.ย. ๒๕๕๐, ๒๒.๑๓ น.

โห...​​ลุงปิง...​​.ผูกเรื่อง​​​​ได้น่าอ่านมากเลย​​ค่ะ​​...​​..ไม่พิศดารพันลึกจนเกิน​​ไป...​​​​แต่ก็มีเงื่อนงำสอดประสานกันอย่างแนบเนียน...​​​​แม้​​จะตัวละครเยอะ...​​​​แต่ก็ติดตาม​​ได้ ไม่หลงงงงัน​​ไปเสียก่อน
มอบ ให้ลุงปิงค่ะ​​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น