![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
........ขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น ได้มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น ! !
แอนนามารีหายตัวไปอย่างลึกลับ ! !........
แอนนามารีหายตัวไปอย่างลึกลับ ! !........
ตอน : แผนร้าย
"เฮ้ยไอ้ชาย มึงแน่ใจนะว่า อีสาวผมบลอนด์เป็นลูกสาวไอ้ฝรั่งในถ้ำ" บุรุษร่างทมึนรูปร่างสูงกว่าเพื่อนถามด้วยน้ำเสียงดุๆเหมือนพูดอยู่ในลำคอ"โธ่..แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกพี่" เสียงไอ้ชายยืนยัน
"มันบอกเอ็งเรอะ" ชายร่างใหญ่ถามอีก
"ผมได้ยินมากับหูตอนที่พวกมันเอารูปไอ้หรั่งไปแจกที่ท่าแม่หาดเกาะเต่าเมื่อวานนี้" มันยืนยันเหมือนเดิม
"เจ้านายสั่งมาให้พวกเรารอบคอบหน่อยโว้ยคราวนี้ เราต้องการเพียงอีแหม่มผมบลอนด์คนเดียวเท่านั้น" บุรุษร่างใหญ่คนเดิมสำทับ
"มัวรออะไรอยู่เล่าลูกพี่ ลุยเข้าไปจับมันลากไปเลยดีกว่า" ชายชุดดำหนึ่งในห้าถามเหมือนรำคาญเต็มที่
"ใจเย็นไอ้น้อง เจ้านายสั่งมาให้ทำอย่างเงียบเชียบที่สุด ถ้าไม่มีการต่อสู้ได้ยิ่งดี" คนท่าทางเป็นลูกพี่พูดปราม
"แม่งมันไม่ยอมเดินออกมานอกกลุ่มเลย" เจ้าคนที่ชื่อชายพูดขึ้นอีก
"ถ้าจำเป็นต้องรอถึงงานเลิกก็ต้องยอม แล้วเราค่อยตามไปลากมันจากบังกะโล" เจ้าคนหัวหน้ายืนยันอย่างเดิม
"คงต้องรอกันเงกซีวะคราวนี้" หนึ่งในห้าบ่นพร้อมดูดบุหรี่แดงขึ้นวาบใหญ่อย่างเสียอารมณ์
"ขืนพวกมึงใจร้อนอย่างงี้ อีกหน่อยก็เสียงานหมด"
เจ้าคนร่างใหญ่ที่ท่าทางเป็นหัวหน้าดุตะคอกลูกน้องอย่างเริ่มมีโมโห ทำเอาบรรดาลูกน้องที่บ่นพึมพำกระปอดกระแปดเงียบกริบ
"มีคนเดินมา" เสียงใครคนหนึ่งพูดเตือนเบาๆพอที่จะได้ยินกันทุกคน
**********
ร่างนั้นเดินโซเซคล้ายคนเมาแอ่นหน้าเด้งหลัง ตรงมาทางโขดหินที่ทั้งห้าคนซุ่มอยู่ เขาบ่นงึมงำเหมือนหมีกินผึ้ง พอใกล้ถึงโขดหินเขาล้มลงเหมือนคนเดินสะดุดขาตัวเอง
ใบหน้าทิ่มไปบนพื้นทราย !
ส่วนมือซ้ายนั้นยังคงกอดขวดเหล้าแน่นอยู่กับตัว !
เขาค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งเอามือขวาเปิดฝาขวด มือซ้ายกระดกขวดเหล้าเข้าปากอึกใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเดินโซเซตามเดิมตรงไปที่โขดหิน
เขายืนพิงโขดหิน ยกขวดเหล้าเข้าปากกระดกอีกอึกหนึ่งแล้วหันไปมองคนที่ยืนรวมกันอยู่ทั้งห้า หรี่ตามองพลางพูดอย่างอ้อแอ้
"เอาซักกรึ๊บไหมพวกบาดคอกำลังดี...เอิ๊ก..ก"
"เต็มคราบเลยนะลุง เดินจะไม่เป็นอยู่แล้ว" เสียงไอ้ชายพูดขึ้น
"เฮ้ย..ย ข้ายางม่ายเมา พวกเอ็งทำมายไม่ไปสนุกกับพวกไอ้ยุ่นวะ" แกพูดพลางชี้มือโบ๊เบ๊เปะปะไปทางปาร์ตี้ที่ส่งเสียงครึกครื้นดังกังวานอยู่ตลอดเวลา
"พวกข้าอยากคุยกันเงียบๆ เชิญลุงไปคนเดียวเหอะ" เสียงแหบๆของพวกมันหนึ่งในห้าพูดขึ้นบ้าง
"ว่าแต่ลุงจะไปไหนต่อ" ไอ้ชายถาม
"ก็ไปหาที่รักของข้าซีวะ ถามด้.า..ย.ย" แกพูดพลางบ้วนน้ำลายปรี๊ด
"อ้อ..ป้าเพ็ญ" มันพูดเหมือนรู้จักดี
"พวกเอ็งรู้จักเมียข้าด้วยเรอะ" เสียงชายวัยดึกพูดกระชาก
"รำคาญหนีไปอีกแล้วซีท่า"
"อีเมียไม่รักดี ช่างหัวมัน" แกพูดลิ้นพันกัน เปิดฝาขวดกระดกเหล้าเข้าปากอีกกรึ๊บ
"ไม่เห็นมาทางนี้ สงสัยไปคอยดักลุงอยู่กับพวกไอ้ยุ่นละมั้ง" มันว่า
"เออ..กะเดี๋ยวข้าจะกลับไปดูมัน ขอยากาแร้ตให้ข้าซักมวนซิ"
"เอ้านี่ลุง" ไอ้ชายควักบุหรี่ส่งให้แกหนึ่งมวน
"ขอบใจ"
แกรับบุหรี่ ควานมือตบตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงคล้ายหาไม้ขีดหรือไฟแช็ก ไอ้คนหนึ่งเหมือนรู้ใจดีดไฟแช็กแก๊สสว่างพรึ้บยื่นให้ที่ปากชายวัยดึก แกดูดบุหรี่พ่นควันโขมง
"บ๊ายบาย มายเฟรนด์ เอิ้ก..ก" ชายขี้เมาพูดพร้อมโบกมือลา
แกหมุนตัวกลับสะดุดขาตัวเองล้มลงอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ถึงกับนอนหงายแผ่สองสลึง ขวดเหล้าหลุดจากมือ แกค่อยๆรวบรวมกำลังยันกายลุกขึ้นเดินโซเซต่อไปแต่ไม่ลืมที่จะหยิบขวดเหล้าติดมือไปด้วย
ชายวัยดึกเดินเป๋ไปเป๋มาแอ่นหน้าเด้งหลัง อย่างช้าๆ ตรงหายไปทางปาร์ตี้ริมหาดทรายนั้น
***************
"มึงว่าไอ้เฒ่านั่นมันจำพวกเราได้ไหมวะ" เจ้าคนตัวโตที่เป็นหัวหน้าถามคล้ายคลางแคลงใจ
"จำไม่ได้หรอกลูกพี่ ไม่เห็นมันเอ่ยชื่อใครซักคน" ใครคนหนึ่งตอบ
"ดีแล้วที่มันจำไม่ได้ ถ้ามันมีปัญหาก็เก็บมันเสียอีกคน" มันพูดพร้อมกับเอาด้ามปืนเคาะโขดหินเป็นจังหวะเบาๆเหมือนกำลังใช้ความคิด
"เราตามเข้าไปในงาน หาทางลากอีแหม่มนั่นออกมาดีไหมลูกพี่ ให้ข้าไปเองก็ได้" เจ้าคนหนึ่งใจร้อนรับอาสา
"กูบอกพวกมึงแล้วยังไงว่าอย่าใจร้อน กูไม่อยากให้งานเสีย เจ้านายเขาต้องการให้มันบอบช้ำน้อยที่สุด" มันดุลูกน้องอีก
"แต่เราน่าจะหาทางอื่นหลอกพามันไปก็ได้" เจ้าคนเดิมทำเป็นหัวดีออกความเห็น
"กูกำลังคิดหาทางอยู่เหมือนกัน" มันว่า
"เอาอย่างนี้ดีกว่าลูกพี่" เสียงเจ้าคนหัวดีเสนออีก "แกล้งระเบิดเรือสักลำหนึ่งเป็นยังไง พอพวกมันเฮโลมาดูก็ฉุดมันไปตอนชุลมุนกันนั่นแหละ เอาอย่างนี้ไหม"
"ความคิดมึงก็เข้าท่าดีหรอกวะ แต่จะเอาเรือที่ไหนระเบิดล่ะ อีกอย่างทีนี้พวกทางการตำรวจบกเอย ตำรวจน้ำเอย กรมเจ้าท่าเอย เผลอๆมีทหารเรือด้วยมาสำรวจกันเพียบทีนี้พวกมึงไม่ต้องกระดิกกระเดี้ยไปไหนกันแล้ว" เสียงลูกพี่มันสาธยายเหมือนผู้ชำนาญการ
"แล้วจะเอายังไงดีละลูกพี่" ลูกน้องกังขา
"กูกำลังใช้ความคิด ว่าทำอย่างไรถึงจะหลอกให้มันออกมาจากงานปาร์ตี้เส็งเคร็งนั่นได้"
เจ้าคนร่างสูงบ่นเหมือนกำลังใช้ความคิด มือยังคงเคาะด้ามปืนกับโขดหินอยู่เหมือนเดิม ทันใดนั้นมันก็ยิ้มร่า ดีดมือเปาะ
"ข้าคิดออกแล้ว ฟังทางนี้พวกเรา"
มันเรียกลูกน้องเข้ามาสุมหัว
***************
"อ้าว..คุณจ้อนมายืนแอบอยู่นี่เอง"
เสียงลุงชูดังมาจากทางต้นมะพร้าวใกล้ๆกับเรือขึ้นคานแห้งที่จ้อนและน่านนทียืนโอบกอดกันพิงอยู่ ทั้งคู่ผละถอยห่างออกจากกันโดยอัตโนมัติ แต่ยังคงกุมมือกันอยู่
"เรียบร้อยแล้วล่ะคุณจ้อน" แกรีบรายงานต่อทันที
"น่าน..นี่ไงลุงชู พระเอกในภาพเขียนของน่าน" จ้อนแนะนำน่านนทีกับลุงชู
"สวัสดีคะ ลุงชู" เธอเอ่ยทัก จมูกได้กลิ่นเหล้าคลุ้งจากร่างชายชรา
"อ้อ..สวัสดีจ๊ะหนู คุณคนสวยนั่นเอง เจอกันทุกวัน ไม่ยักรู้ว่า...."
แกรีบเบรคคำพูดหยุดชะงักทันควัน เกือบพลั้งปากพูดส่งเดชออกไปแล้วไหมล่ะ เพราะตั้งนานมาแล้วที่แกไม่เคยเห็นชายหนุ่มกระหนุงกระหนิงกับสาวคนไหนเลย ทำเอาแกแปลกใจอยู่ครามครัน
"เออนี่ลุงเดี๋ยวค่อยคุยกัน ผมไปตามไอ้โซ้ดก่อน"
ชายหนุ่มรีบพูดตัดบทกลัวว่าชายวัยดึกจะพลั้งปากถามความจริงเรื่องของหัวใจ ทำให้น่านนทีลำบากใจที่จะตอบ
"น่านรออยู่ที่นี่กับลุงชูก่อนนะ ผมไปตามโซ้ดเดี๋ยวมา" เขาบอกหล่อน
"น่านขอตัวไปช่วยงานทางด้านโน้นกับจันทร์ดีกว่าค่ะ แอบหลบมานานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณลุง" ประโยคหลังเธอหันมาบอกชายชรา
"โชคดีจ๊ะหนู" ลุงชูมองตามหลังน่านนทีขณะที่เธอเดินจากไปอย่างชื่นชม ดูเธอเหมาะกับเจ้านายหนุ่มของแกเสียเหลือเกิน
"ตาแหลมจริงนะครับคุณจ้อน" แกหันมากล่าวกับชายหนุ่มขณะที่เขาก็กำลังจะผละจากแกเพื่อไปตามโซ้ดเพื่อนรัก ทำเอาชายหนุ่มหยุดกึก
"อะไรหรือครับลุง"
"ผมว่าคุณจ้อนตาแหลม สาวน้อยคนนี้เรียบร้อยนิสัยดีแทบไม่มีที่ติยิ้มแย้มกับทุกคน ใบหน้าสวยหวานซึ้ง น่ารักอีกต่างหาก" แกบรรยายสรรพคุณให้เสร็จสรรพ
"แล้วลุงเห็นเป็นยังไง" จ้อนถามเหมือนขอความเห็นจากญาติผู้ใหญ่
"ก็เหมาะสมกับคุณจ้อนของผมที่สุด ว่าแต่คุณจ้อนเถอะอย่าทำให้เธอผิดหวังล่ะ" แกพูดออกมาจากใจ เพราะรู้จักชายหนุ่มมาตั้งแต่แบเบาะ
"ผมนะหรือลุง จะทำให้เธอผิดหวัง"
"แหม..ไอ้ผมก็พูดไปตามเนื้อผ้าที่เห็นเพราะยังไม่ปักใจ"
"หมายความว่าอย่างไร ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี" จ้อนกังขา
"ก็หนูแหม่มผมบลอนด์ ผมเห็นตามติดกันมาสองวันแล้วไม่ใช่รึ เห็นว่ามาจากทางประเทศที่คุณจ้อนเคยไปร่ำเรียนมาด้วยนี่"
แกพูดแทงใจดำทำเอาหนุ่มจ้อนสะดุ้งโหยง ลุงชูช่างรู้รายละเอียดทั้งหมด นำมาปะติดปะต่อกันจนเหมือนนิยายรักสามเส้า เขามองหน้าชาวประมงวัยดึกอย่างแปลกใจ
"แอนนามารีเขามาตามหาพ่อเขานะครับ ผมเลยต้องไปช่วย" เขาว่า
"ผมบอกคุณจ้อนแล้วยังไงละครับว่าผมพูดไปตามเนื้อผ้า มันอยู่ที่ตัวและหัวใจของคุณจ้อนเอง" แกพูดราวกับจะให้ข้อคิด
"ลุงพูดจริงๆหรือนี่" ชายหนุ่มถามเหมือนรำพึงกับตัวเอง
"แน่นอน ผมขออวยพรให้คุณจ้อนโชคดีในการเลือกคู่ครอง"
"ขอบคุณมากลุงชู ผมจะเก็บเอาไปเป็นข้อคิด"
จ้อนพูดพร้อมยกมือไหว้ด้วยความคารวะ ชายชรารีบรวบมือของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองแก พร้อมทั้งโน้มกายเข้าไปใกล้ พูดเบาๆเหมือนกระซิบ
"ลุงเทคะแนนให้แม่หนูน่านเมื่อกี้นี้เกินครึ่งแล้ว ลุงทายใจคุณจ้อนถูกหรือเปล่า" แกพูดพร้อมหัวเราะหึๆ มองตามหลังชายหนุ่มไปพลางหยิบขวดเหล้ามาเปิดฝายกขึ้นกระดกกรึ๊บด้วยความสบายใจ
***************
จ้อนส่งสัญญาณให้โซ้ดเดินตามเขาไปที่มุมมืดด้านหลังโต๊ะยาวของกลุ่มชาวอาทิตย์อุทัยที่กำลังสำราญกับงานปาร์ตี้เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
ที่นั่นลุงชูนั่งหลบพิงเรือที่ขึ้นคานแห้งอยู่คนเดียว โซ้ดได้กลิ่นเหล้าโชยเหม็นหึ่งมาจากตัวแก
"พวกมันมีกันห้าคน"
"พวกไหน" โซ้ดถาม
"มีไอ้ชาย ไอ้จี่แล้วก็ไอ้อู๊ด อีกสองคนข้าไม่รู้จักชื่อ"
"พอจำมันได้หมดไหม" โซ้ดถามอีก
"ได้ซิเพราะข้าหลอกให้มันขีดไฟจุดบุหรี่ให้ข้าเห็นหน้าพวกมันถนัดหมดเกือบทุกคน" ชายวัยดึกคุย
"สำมะคัญมากลุงชูนี่" จ้อนว่า
"มีพวกไอ้ชายสามคนมาจากเกาะเต่า มีอีกคนตัวโตไม่พูดแต่ข้าว่าคลับคล้ายคลับคลาเคยเห็นมันเดินอยู่กับพวกโกหลกจากเกาะสมุย"
"แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ" จ้อนซัก
"ไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้า ไอ้นี่หน้าแหลมไว้หนวดด้วยผมยาว" ชายชราพยายามหลับตานึกถึงภาพที่เห็น
"พวกมันต้องการอะไรรู้ไหมลุง" โซ้ดถามขึ้นบ้าง
"ข้าไม่ได้ถามอะไรมันกลัวเป็นพิรุธ แต่ข้าแกล้งล้มลงสองครั้งเห็นพวกมันถือปืนกันทุกคน ถึงพวกมันพยายามซ่อนยังไงมันก็ยังสะท้อนเงาจันทร์ให้เห็นอยู่ดี" ชายวัยดึกพูดคล้ายคุยอวดเชิงนักเลงไปในตัว
"นี่ลุงล่อเหล้าเข้าไปเต็มคราบเลยซิ กลิ่นงี้หึ่งเลย" โซ้ดว่า
"เฮ้ย..โซ้ดเอ๊ย คนอย่างข้าทำอะไรมันต้องให้แนบเนียนหน่อย" แกคุยทับส่ง
"อะไรลุง" โซ้ดชักงง
"อ้าว...ก็ไอ้กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งที่เอ็งว่าเนี่ยนะ ข้าเอาเหล้าราดตัวไปตั้งเกือบครึ่งขวด" แกว่าพลางหัวเราะเอิ๊กชอบใจ
"อ้อ..ถ้ายังงั้นข้าต้องขอโทษลุงด้วย แหมจะมีลูกเล่นทั้งทีทำไมไม่บอกให้รู้กันก่อน สมเป็นนักเลงเก่าจริงๆ" โซ้ดกล่าวชมพร้อมหัวเราะตาม
"ขอบคุณมากลุง กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง" จ้อนบอก
"จะให้ลุงทิ้งพรรคพวกไปยามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้นะเรอะ ไม่ได้หรอก ยังไงๆข้าขึ้นแล้วต้องสานต่อ" แกพูดเหมือนนักเลงเก่า
"ตามใจลุงเถอะ แต่ลุงต้องระวังตัวให้ดี อย่าลืมว่าพวกมันมีอาวุธกันทุกคน" จ้อนเตือน เขารู้สึกซาบซึ้งและนับถือในน้ำใจของชายวัยดึกขึ้นอักโข
"แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงผมหรอกคุณจ้อน"
"ขอบคุณลุงมากที่ทีน้ำใจ"
"นี่โซ้ด" ชายวัยดึกหันมาทางโซ้ด
"มีอะไรหรือลุง"
"ระวังพวกผู้หญิงด้วย พวกมันอาจมุ่งร้ายผู้หญิงคนใดคนหนึ่งก็อาจเป็นได้ โดยเฉพาะผู้หญิงในกลุ่มของพวกเรา" แกบอก
"ครับ" โซ้ดรับคำ
"ถ้าไม่ใช่คนของเราก็อาจเป็นพวกนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ข้ารู้สึกชักสังหรณ์ใจยังไงชอบกล" ลุงชูพูดเหมือนกับคนมีญาณวิเศษ
"หรือจะเป็นพวกที่ตามเรามาจากเกาะกาหลง" โซ้ดคิดไปไกล
"พวกไหน" ลุงชูซักพลางทำตาโต
"ไม่รู้เหมือนกันแต่มันมีอะไรแปลกๆที่นั่น" โซ้ดตอบ
"แปลกยังไงวะโซ้ด เล่าให้ข้าฟังบ้างซิ" แกซักอีก
"ช่างมันเถอะลุง ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ตอนที่เรากลับกันนั้นมืดแล้วผมเห็นเรือใหญ่ลำหนึ่งทอดสมออยู่นอกเกาะ ไม่แน่ใจว่ามันแอบตามเรามาหรือเปล่า" โซ้ดว่า
"ข้าไปตกปลาก็เคยเจอเรือตังเกหรือเรือใหญ่มาจอดใกล้ๆเกาะกาหลงบ่อยๆ เห็นพวกมันขึ้นฝั่งไปเหมือนกัน แต่ข้าเข้าใจว่าพวกมันขึ้นไปไหว้ศาลเจ้ากุหลาบไฟมากกว่า" แกบอก
"ลุงไปที่เกาะกาหลงบ่อยหรือ" จ้อนถามแกบ้าง
"เมื่อก่อนนี้ไปบ่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้ว"
นี่ถ้าเป็นกลางวันจ้อนคงมองเห็นแววตาเศร้าของแกเมื่อพูดถึงเกาะกาหลง !
"ลุงเคยขึ้นไปบนเกาะไหม" จ้อนถามอีก
"เคยซิ ข้าขึ้นไปบ่อยไปไหว้ศาลทุกครั้ง เมื่อก่อนตอนน้องชายลุงยังอยู่เราไปกันบ่อยมาก" แกเล่าอดีตให้ฟัง
"ถ้ายังงั้นลุงก็เคยเดินสำรวจรอบๆเกาะละซี" ชายหนุ่มซัก
"แน่นอน ลุงสำรวจหลายรอบแล้ว แต่มันเป็นป่ารกทึบนะเกาะกาหลงเนี่ย สัตว์ป่าก็เยอะแต่ไม่มีคนล่าเพราะกลัวอิทธิฤทธิ์ศาลเจ้ากุหลาบไฟ ขนาดธรรมดาในคืนเดือนเพ็ญยังไม่มีใครกล้าขึ้นเกาะเลยล่ะจะบอกให้ เพราะอะไรรู้ไหมคุณจ้อน"
"เขาว่าถ้าใครขึ้นเกาะกาหลงในคืนนั้นจะไม่ได้กลับลงมาอีกเลย" จ้อนบอก
"ใช่..ถูกต้อง เกาะกินคน"
"เกาะกินคน" จ้อนทวนคำ
"มันเป็นเพียงตำนานแต่คนก็ยังเชื่อกันจนทุกวันนี้ เกาะกาหลงจึงเป็นเกาะเดียวที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด" แกเล่า
"คราวหน้าถ้าพวกผมไปกันอีก คงต้องขอแรงลุงให้ช่วยนำทาง"
"ด้วยความยินดี" แกรับคำด้วยความเต็มใจ
"ว่าแต่เราจะเอายังไงกับพวกห้าคนนั่นดี" จ้อนขอความเห็นเพราะกังวลอยู่เหมือนกัน
"หรือมันจะปล้น แต่ไม่เคยปรากฏเลยนี่มันจะหนีไปไหนพ้นนี่มันเกาะใครคิดปล้นก็เท่ากับคิดฆ่าตัวตาย" ลุงชูให้ความเห็น
"มันต้องแอบทำอะไรกันสักอย่าง มันคงรอสัญญาณจากพวกมันอยู่" โซ้ดตั้งข้อสังเกต
"ข้าไม่ชอบที่มันมาแอบซุ่มอยู่ในถิ่นของเรา นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนข้าออกไปฉะกับมันแล้ว" เสียงแกพูดท่าทางคล้ายไม่ค่อยพอใจ
"ไม่ห่วงว่าพวกเราทำธุรกิจ ผมไล่ยิงมันตกทะเลไปแล้ว" โซ้ดว่า
"ไม่เป็นไร พวกเราเตรียมพร้อมไว้ก็แล้วกัน" จ้อนว่า
"ยังไงข้าก็ช่วยอีกแรง" ชายวัยดึกยังคงยืนยันเหมือนเดิม
**********
กลิ่นควันไฟลอยคลุ้งมาตามลม เสียงประทุลั่นดังเปรี๊ยะ มองเห็นเปลวไฟลุกโชนมาจากทางบังกะโลหลังดงมะพร้าว เสียงกู่ตะโกนกรีดร้องกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นตระหนก
ไฟไหม้ ! !
ไฟไหม้ ! !
ชาวอาทิตย์อุทัยที่กำลังสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง ต่างกู่ร้องตะโกนเรียกกันอื้ออึงวุ่นวายอลหม่าน พากันวิ่งตรงไปทางที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบังกะโลหลังหนึ่งอยู่ด้านในสุดเป็นที่พักของหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัยรุ่นคนหนึ่ง โชคดีที่ในนั้นมีแต่กระเป๋าเดินทางและเสื้อผ้านิดหน่อยเท่านั้น ส่วนเอกสารและของมีค่าเขานำติดตัวไปด้วยโดยใส่ไว้ในเป้สะพายใบเล็กที่สะพายติดตัวอยู่ตลอดเวลา
จ้อนและโซ้ดควบคุมการดับไฟอย่างรวดเร็วด้วยอุปกรณ์ช่วยดับเพลิงอันทันสมัย สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะนักทัศนาจรชาวอาทิตย์อุทัยที่กำลังสนุกสนานกับปาร์ตี้ชายหาด ซึ่งขณะนี้ปาร์ตี้นั้นต้องปิดไปโดยปริยาย
แต่เพื่อเอาใจลูกค้า จ้อนจึงสั่งนำอาหารที่เหลือที่ได้เตรียมไว้แล้วย้ายเข้ามาบริการลูกค้าภายในห้องอาหารและคอฟฟี่ช็อพ กลายเป็นอินดอร์ปาร์ตี้ที่สนุกสนานไปอีกแบบ
ขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น ได้มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น ! !
แอนนามารีหายตัวไปอย่างลึกลับ ! !
***************
เมื่อวันที่ : ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๐, ๑๗.๐๐ น.
ว้าว....เริ่มตื่นเต้นแล้ว....