![]() |
![]() |
กาบแก้ว![]() |
........เธอช้อนหน้าขึ้นมองเขาขณะที่ชายหนุ่มก้มใบหน้าต่ำลงมา ริมฝีปากของเขาจรดกับริมฝีปากบางๆที่เผยอรับของเธอนั้นจ้อนไม่อาจหักห้ามอารมณ์ไว้ได้ เขาจุมพิตหญิงสาวตามที่หัวใจปรารถนา........
ตอน : ทวงสัญญา
ทันทีที่เห็นหนุ่มจ้อนและน่านนที แอนนามารีก็รีบเอ่ยทักพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหา"สวัสดีค่ะคุณจ้อน สวัสดีค่ะคุณน่าน" เธอยิ้มอย่างเปิดเผย
ทั้งคู่เอ่ยทักทายตอบแอนนามารีเกือบจะพร้อมกันแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แอนนามารีเริ่มมีความรู้สึกว่าคล้ายกับเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา เธอจึงรีบออกตัว
"เอ่อ...แอนน์มาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะ ถ้ากำลังคุยกันเรื่องสำคัญต้องขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ กำลังคุยกันเรื่องงานปาร์ตี้คืนนี้นะครับ" เขาตอบเลี่ยงๆไป
"ปาร์ตี้อะไรคะคืนนี้" สาวผมบลอนด์ถามอย่างสนใจ
"ปาร์ตี้ของพวกทัวร์ญี่ปุ่นนะ คุณแอนน์จะมาร่วมด้วยก็ได้"
"ให้แอนน์มาช่วยบริการแขกดีกว่าค่ะ" แอนนามารีกล่าวด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ
ชายหนุ่มสั่งกาแฟดำให้สาวนอร์วีเจี้ยนผู้มาทีหลัง
"เมื่อวานนี้คุณจ้อนช่วยแอนน์ตามหาคุณพ่ออย่างลำบากลำบน แอนน์ยินดีช่วยทุกอย่างเพื่อตอบแทนค่ะ" เธอกล่าวอย่างจริงใจ
"ขอบคุณมากครับ" จ้อนซึ้งในน้ำใจของสาวนอร์วีเจี้ยน
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"วันนี้ต้องงดตามหาคุณพ่อคุณหนึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มค้นหาต่อ" ชายหนุ่มบอก
"แอนน์ทราบดีค่ะ เมื่อวานเราค้นจนเกือบทั่วเกาะกาหลงแล้ว คุณน่านน่าจะได้ไปด้วย โอ..ผจญภัยกันสุดๆเลย"
"จริงหรือคะ" น่านนทีซักด้วยความสนใจ
"จริงซีขนาดฟิลลิปเป็นลมไปเลยล่ะ คุณน่าน" แอนนามารีบอก
กาแฟดำถูกนำมาเสริฟ
"นี่สงสัยฟิลลิปคงเข็ดไปอีกหลายวัน" จ้อนว่า
"ทำไมหรือคะ พี่จ้อน" น่านนทีหันมาถามชายหนุ่ม
"เมื่อวานเราเจอกันหลายอย่าง ทั้งงูหลามยักษ์เขมือบลิง ทั้งถ้ำลึกลับที่มีหีบศพ แล้วก็ยังเรือไวกิ้งโบราณ และคืนเดือนเพ็ญบนเกาะกาหลง มันเป็นเกาะร้างที่ดูจะมีความลี้ลับน่ากลัว" เขาเล่าให้หญิงสาวฟังคร่าวๆ
"ฟังดูน่าตื่นเต้นจริงๆ" น่านนทีเห็นด้วย "วันหลังให้น่านไปด้วยคนนะ น่านยังไม่เคยไปเกาะกาหลงเลย"
"ดีซีคะ แอนน์จะได้มีเพื่อนคุยบ้าง" เธอว่า
"นะคะพี่จ้อน ให้น่านไปด้วย" น่านนทีหันมาออดจ้อน
"ตกลง แต่ต้องเป็นโอกาสที่เราไปโดยไม่มีอันตราย" จ้อนรับปาก
"ผมได้ให้เด็กของผมเอารูปภาพคุณพ่อของคุณออกแจกจ่ายไปทั่วบริเวณนี้หมดแล้ว ถ้ามีคนพบท่านคงได้ข่าวบ้างไม่ช้าก็เร็ว" เขาหันมาบอกแอนนามารี
"เป็นพระคุณที่สุดเลยค่ะ คุณจ้อน"
"ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วยังไงล่ะครับว่ายินดีช่วยคุณเต็มที่"
ตลอดเวลาที่แอนนามารีพูดคุยอยู่กับหนุ่มจ้อนนั้น น่านนทีสังเกตเห็นว่า แววตาของสาวนอร์วีเจี้ยนผมบลอนด์ที่มองมายังชายหนุ่มนั้น เต็มไปด้วยความนิยมชมชื่น เธอคิดว่าตาเธอไม่ได้ฝาดแน่ เป็นการบังเอิญอะไรเช่นนี้ ที่แอนนามารีเปิดประตูเดินเข้ามาจังหวะพอดีกันกับที่เธอและชายหนุ่มกำลังจะให้สัญญาหัวใจแก่กัน น่านนทีเริ่มรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็พยายามทำใจให้เป็นปกติ เพราะทั้งเธอและจ้อนยังไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว
นับว่าเป็นการดีที่เธอจะได้พิสูจน์หัวใจของชายหนุ่ม ว่าจะมีความมั่นคงต่อเธอเพียงใด ถ้าเปรียบเธอกับสาวผมบลอนด์คนนี้เป็นคู่แข่งกันแล้วไซร้
แอนนามารีนับเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามไม่น้อยเลย !
ปลงเสียเถอะ ! !
สมดังคำพระท่านว่า
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สุดแล้วแต่เวรกรรม !
น่านนทีนึกถึงคุณยายที่ชอบพูดคำนี้อยู่เสมอ เสมือนประหนึ่งจะเตือนให้ระลึกถึงกฎแห่งกรรมอยู่ตลอดเวลา
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวตะวันตกและชาวญี่ปุ่น เริ่มทะยอยกันเข้ามาจนแน่นร้าน เต็มไปหมดทั้งคอฟฟี่ช็อพและห้องอาหาร บรรดาพนักงานต้อนรับ เด็กเสิร์ฟ พ่อครัว แม่ครัว รวมถึงพวกรูมเมทและพนักงานทำความสะอาดต่างวุ่นกันไปหมด นับว่าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่จรจรัลและจันทร์จิราสองพี่น้องเจ้าของ เส้นขนานรีสอร์ต มีความปลาบปลื้มและอิ่มเอมใจเป็นที่สุด
***************
งานปาร์ตี้ของกลุ่มทัวร์ชาวญี่ปุ่น ณ บริเวณชายหาดด้านหน้าเส้นขนานรีสอร์ต เตาย่างบาร์บีคิวส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปไกล เสียงเพลงจากเครื่องเสียงดังก้องกังวาน ผสานกับเสียงร้องเพลงคาราโอเกะคลอไปกับเสียงดนตรีของชาวอาทิตย์อุทัยทั้งหลายที่เริ่มออกรสออกชาดอย่างสนุกสนาน ชายและหญิงบางคู่ก็ออกรอบจับคู่เต้นรำกันบนพื้นทรายนั่นเอง บางกลุ่มก็นั่งคุยกันที่โต๊ะ บ้างก็นอนคุยกันบนเสื่อกกริมหาดทราย บ้างก็นอนเล่นบนเก้าอี้ผ้าใบ ปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติยามค่ำคืน
บริเวณเตาบาร์บีคิว.....!
ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม
มีผู้ที่มาร่วมงานเดินวนเวียนไปมาอยู่ไม่ขาดสาย.......
จ้อน จันทร์จิรา น่านนที เรวดี สุภาวิไลและแอนนามารี ต่างแยกย้ายกันดูแลความเรียบร้อย เดินวนเวียนไปมารอบงาน ฟิลลิปช่วยคุมเครื่องเสียงอยู่กับเด็กหนุ่มที่ชื่อแดง โดยฟิลลิปรับหน้าที่เป็นโฆษกของงานด้วยคู่กับสาวญี่ปุ่นขี้เล่นช่างเจรจานางหนึ่ง รูปร่างเธอสวยเซ็กซี่ไม่เบา
ส่วนโซ้ดหรือนายสดใสหนุ่มหน้าตายซุ่มเดินสังเกตการณ์เงียบๆอยู่รอบนอก เขามีหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของงาน เนื่องจากเขาเป็นคนช่างสังเกตและรอบคอบสิ่งต่างๆที่ผิดปกติโดยรอบบริเวณจะอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา
ที่ริมโขดหินห่างประมาณสองร้อยเมตรจากกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่กำลังสนุกสนานกับงานปาร์ตี้กันอย่างครื้นเครงนั้น มีกลุ่มคนประมาณห้าคนในชุดดำแต่งตัวกลมกลืนเข้ากับความมืด ทั้งหมดมีอาวุธครบมือ ต่างยืนซุ่มบังโขดหินคอยรอฟังคำสั่งเพื่อเข้าปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง
แสงไฟวาบแดงจากการดูดบุหรี่ที่โขดหินห่างออกไปเกิดขึ้นเป็นระยะๆมานานแล้ว โซ้ดอยากจะเดินออกไปดูใกล้ๆเหลือเกิน เพราะจากแสงไฟฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไสวจากงานปาร์ตี้และแสงเดือนยามแรมหนึ่งค่ำนั้น พระจันทร์ยังคงสว่างนวลพอที่จะทำให้โซ้ดสามารถมองเห็นเงาตะคุ่มๆที่ริมโขดหินได้รางๆ แรกทีเดียวเขาคิดว่าเป็นพวกชาวประมงจับกลุ่มคุยกันตามปกติธรรมดา หรือไม่ก็เป็นพวกนักท่องเที่ยวมาแอบสูบกัญชากัน
แต่ยิ่งเพ่งมองและสังเกตดูก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ !
เพราะดูเหมือนว่าคนกลุ่มนั้นจะพยายามยืนหลบหลังโขดหินบังแสงไฟที่ส่องสว่างมาจากงานปาร์ตี้อยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าพวกนั้นมีกันกี่คนและมีความประสงค์สิ่งใด อย่างน้อยเขาคิดเอาเองว่าพวกนี้คงไม่ได้มาดีแน่ๆ
ตั้งแต่โซ้ดเริ่มสังเกตเห็นพวกนั้นกว่าสองชั่วโมงล่วงมาแล้ว ยังไม่มีท่าทีเลยว่าคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้นจะปรากฏตัวให้เห็นหรือเดินลงไปทางชายหาดเลยสักคนเดียว
เพื่อความไม่ประมาท โซ้ดจึงเดินไปที่ชายหาด ลุยน้ำไปที่เรือเล็กที่เข็นขึ้นมาเกยหาดไว้ตั้งแต่ช่วงน้ำลง ขณะนี้น้ำเริ่มขึ้นเรือลอยลำอยู่ลึกเพียงเลยเข่าขึ้นมาหน่อยเดียว ถึงเรือเล็กเขาล้วงมือเข้าไปใต้เบาะรองนั่งหยิบเอา .44 แม็กนั่มคู่ใจออกมาเหน็บไว้ที่เอว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็มีความอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิม หากมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เขาคงแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่มากก็น้อย
โซ้ดสอดส่ายสายตาไปรอบๆงานเพื่อมองหาจ้อน เขาเห็นจ้อนยืนคุยอยู่กับลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่ข้างโต๊ะบุฟเฟ่ต์มือถือแก้วเหล้าบางๆ โซ้ดรีบเดินตรงไปหาทันที เขากล่าวขอโทษชาวญี่ปุ่นคนนั้นก่อนแล้วกระซิบเบาๆกับจ้อน เมื่อทราบจุดประสงค์ของโซ้ด จ้อนจึงหันไปขอตัวเดินตามโซ้ดออกมายืนที่ใต้ต้นมะพร้าวข้างเตาบาร์บีคิว
"ข้าสงสัยพวกมันจริงๆว่ะจ้อน" โซ้ดพูดพลางบุ้ยปากไปทางโขดหินก้อนนั้น
"เอ็งคิดว่าพวกมันเป็นใครกันวะ" จ้อนถาม
"นี่แหละที่ข้าอยากรู้ จะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ข้าพยายามสังเกตดูพวกมันมากว่าสองชั่วโมงแล้ว" โซ้ดบอก
"ก็ทำไมไม่เดินไปถามมันตรงๆเลยวะว่ามันต้องการอะไร" จ้อนว่า
"จ้างให้มันก็ไม่มีวันบอกเอ็งหรอก"
"เอายังงี้ ข้าคิดออกแล้ว" จ้อนดึงแขนโซ้ดให้นั่งลงยองๆกับพื้นทราย
"ยังไงวะ"
"ข้าจะให้คนแกล้งเดินเข้าไปสืบดูพฤติการณ์ของพวกมัน"
"ใครวะ"
"ลุงชู" จ้อนบอก "เอ็งเห็นแกมั่งไหมวะ"
เขาหมายถึงชายชาวประมงที่อยู่ในภาพเขียนที่น่านนทีดูที่คอฟฟี่ช็อพ
"เจอหน้าแกครั้งสุดท้ายตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว คืนนี้ยังไม่เห็นแกโผล่มาเลย สงสัยจะเมาหลับไปแล้วมั้ง" โซ้ดว่า
"ประเดี๋ยวข้าจะไปตามหาแกเอง โซ้ด..ข้าฝากดูทางนี้ด้วย ข้าไปไม่นานหรอก" จ้อนตบไหล่เพื่อนแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
จ้อนหลบออกจากงานปาร์ตี้เดินลัดเลาะไปทางด้านหลังรีสอร์ตอย่างระมัดระวัง ตรงไปที่กระท่อมเล็กหลังหนึ่งซึ่งปลูกติดดินมีราวแหอวนแขวนอยู่ระเกะระกะ เขาเคาะประตูกระท่อมก่อนร้องเรียกเบาๆพอได้ยิน
"ลุงชู...ลุงชู"
เสียงพลิกตัวแกรกกรากบนแคร่แต่ไม่มีเสียงตอบ
"ลุงชู..ลุงชู" จ้อนเรียกซ้ำเสียงดังกว่าเก่า
เสียงขยับตัวบนแคร่อีกพร้อมเสียงร้องถามออกมาดังๆ
"ใครเรียกวะ"
"ผมเองจ้อน"
"อ้าวคุณจ้อนเองเรอะ เดี๋ยวนะครับ"
เสียงสะบัดผ้าขาวม้าหรืออะไรสักอย่าง จากนั้นก็มีเสียงเดินมาแล้วประตูก็เปิดออก
"งานปาร์ตี้คงสนุกมากนะครับ เสียงดังครึกครื้นเชียว" ลุงชูเจ้าของกระท่อมเอ่ยขึ้นก่อน
"เสียงพวกญี่ปุ่นร้องคาราโอเกะกันนะครับ วันนี้คนเยอะเลยสนุกกันใหญ่ นึกว่าลุงจะออกไปเฮ้วด้วยเสียอีก"
"ไม่ไหวหรอกครับ เมามาหลายคืนแล้ว คืนนี้เว้นสักคืน ว่าแต่คุณจ้อนมาหาผม มีอะไรที่จะให้ผมรับใช้หรือครับ" ชายกลางคนถาม
"ผมมีเรื่องสำคัญจะให้ลุงช่วยหน่อย"
"เอาเลยครับ..ว่ามาเลย" เสียงชายวัยดึกกล่าวอย่างแข็งขันขึ้นทันควัน แสดงให้เห็นถึงน้ำใจ รวมทั้งอุปนิสสัยใจคอและความสำคัญที่มีต่อกัน
ลุงชูคนนี้เองที่เป็นหุ่นบนภาพวาดสีน้ำมันในคอฟฟี่ช็อพที่น่านนทียืนดูอยู่เมื่อตอนกลางวัน แกเป็นชาวประมงที่ออกตกปลาและลงอวนทุกวัน
"ผมอยากจะวานลุงให้ไปทำอะไรให้สักหน่อย เดี๋ยวเดียวได้ไหมครับ"
"โอเคซิกาแร็ต ว่ามาเลยคุณจ้อน"
ชายหนุ่มดึงแขนให้แกนั่งลงบนแคร่หน้ากระท่อม พร้อมทั้งอธิบายให้ชายวัยดึกเข้าใจถึงแผนการณ์ที่แกจะต้องกระทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้โดยตลอด แกพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจแจ่มแจ้งพร้อมขอตัวเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมตัว ชายหนุ่มบีบแขนชายชราเบาๆ แล้วหันหลังเดินกลับไปยังงานปาร์ตี้ของชาวอาทิตย์อุทัยที่กำลังสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยงอยู่ที่ชายหาด
***************
ที่งานปาร์ตี้ชายหาด น่านนทีกำลังมองหาจ้อนอยู่พอดีที่ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในงาน เธอเดินตรงมาหาเขาเกือบจะทันทีที่เขาผ่านเตาบาร์บีคิวเพื่อไปหาโซ้ด
"พี่จ้อนคะ" เสียงเธอร้องเรียก
"มีอะไรหรือน่าน" เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นหน้าหญิงสาว
"พี่จ้อนไปไหนมาคะ น่านมองหาตั้งนาน"
"อ๋อ..ไปคุยกับลุงชูมา ชาวประมงคนที่อยู่ในรูปเขียนที่น่านดูเมื่อตอนเช้านี้ไงจ๊ะ" เขาบอกหล่อน
"เหรอคะ น่านมีอะไรจะบอกพี่จ้อนด้วยล่ะ"
"ข่าวดีหรือเปล่า พี่จะได้เตรียมใจไว้"
"ข่าวดีซิคะ เกี่ยวกับที่เราคุยกันเมื่อเช้านี้" เธอพูดตาเป็นประกาย
"เมื่อเช้านี้" จ้อนทวนคำ
"ก็เมื่อเช้านี้ที่พี่จ้อนขอสัญญาไงคะ" เธอพูดย้ำ
"สัญญาเมื่อเช้านี้"
ชายหนุ่มพูดซ้ำ ใจเต้นเหมือนตีกลอง เขานึกถึงสัญญาที่เขาขอหล่อนและหล่อนก็ได้ให้คำมั่นว่าจะอยู่ที่เกาะนานๆและไม่รังเกียจเขาพร้อมทั้งขอให้เขาให้คำมั่นสัญญาแก่เธอเช่นเดียวกัน แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดก็พอดีสาวผมบลอนด์แอนนามารีพรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
เขาทำมือบอกสัญญาณให้หญิงสาวยืนรออยู่
เขาเดินไปหยิบค้อกเทลจากโต๊ะเครื่องดื่มมาให้หล่อนและวิสกี้โซดาสำหรับตัวเองแล้วพาหล่อนเดินไปที่เรือที่เข็นมาเกยตื้นบนหาดทราย
ทั้งคู่ยืนพิงเรือเขายกแก้วขึ้นชนกับแก้วของหล่อน !
"เพื่อสัญญาของเรา" จ้อนพูดเพื่อยืนยันพร้อมยกแก้วขึ้นจิบ
"ค่ะ เพื่อสัญญาของเรา" น่านนทีพึมพำคล้ายละเมอ
"ทีนี้ไหนลองบอกข่าวดีมาซิ" เขาทวง
"เมื่อตอนกลางวันนี้น่านโทร.กลับไปที่อ๊อฟฟิสคะ คุยกับบ๊อสส์ขอเขาลาต่ออีกเจ็ดวัน" เธอบอกข่าวดีแก่เขา
"ข่าวดีจริงๆด้วย พี่อยากจะร้องไชโยให้ดังๆ" เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ
"น่านได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่จ้อนแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาพี่จ้อนบ้างล่ะ เพราะเมื่อเช้านี้พี่จ้อนยังไม่ให้สัญญากับน่านเลย" หล่อนทวงบ้าง
"โอเค ฟังให้ดีนะ" ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ
"กำลังตั้งใจฟังค่ะ" เสียงหญิงสาวเตือนคล้ายกลัวว่าจะมีคนมาขัดจังหวะอีก
"เมื่อน่านไม่รังเกียจพี่และยินดีทำตามที่ให้สัญญา พี่ก็ขอบอกน่านว่าพี่เองก็รักน่านเช่นเดียวกัน"
คำพูดของเขาชัดถ้อยชัดคำ เมื่อพูดออกไปแล้วเสมือนหนึ่งยกภูเขาออกจากอก ความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนหนุ่มรุ่นกระเตาะที่เพิ่งจะเอ่ยปากฝากรักกับสาวเป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน
"พี่จ้อนพูดจริงๆนะคะนี่" น่านนทีแทบไม่เชื่อหูตนเอง เธอพูดกับเขาเหมือนอยากได้ยินซ้ำแล้วซ้ำอีก
"จริงจากขั้วหัวใจเลยเชียวล่ะ" ชายหนุ่มยืนยัน
จ้อนเอามือโอบร่างเพรียวบางเข้ามากอด จูบที่แก้มเบาๆ หญิงสาวซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่มร่างอ่อนระทวย น่านนทีอยากอยู่ในอ้อมกอดของเขานานๆ สัมผัสกระชับจากอ้อมกอดของชายที่เธอรักช่างมีมนต์ขลังเสียเหลือเกิน
เธอช้อนหน้าขึ้นมองเขาขณะที่ชายหนุ่มก้มใบหน้าต่ำลงมา ริมฝีปากของเขาจรดกับริมฝีปากบางๆที่เผยอรับของเธอนั้นจ้อนไม่อาจหักห้ามอารมณ์ไว้ได้ เขาจุมพิตหญิงสาวตามที่หัวใจปรารถนา กลิ่นกายสาวของเธอพาเอาอารมณ์สวาทของเขากระเจิงไปไกล
***************
เมื่อวันที่ : ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๐, ๑๖.๕๒ น.
ว้าว....โรแมนติกจังเลย....
ขอบคุณที่เว้นบรรทัดให้ค่ะ อ่านง่าย สบายตาขึ้นเยอะเลย