![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...รจนาต้องชมคนเยอรมันอย่างหนึ่งว่า เขาพยายามสร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ดูสวยงามน่าทานค่ะ รจนาไปบ้านมาเรนสามครั้ง เขาจะจัดโต๊ะไม่เหมือนกันสักครั้ง...
ตอน : คริสต์มาสกับครอบครัวเยอรมัน (หนึ่ง)
ปีนี้พวกเราไม่ได้ไปเมืองไทยกัน ก็เลยเปลี่ยนเข็มไปฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวของพ่อบ้านที่เยอรมนีแทนก่อนไป พวกเราติดต่อกันทางโทรศัพท์ ครอบครัวนี้เขามีธรรมเนียมเรื่องของขวัญแปลกเหมือนกัน คือ เขาจะถามว่าเราอยากได้อะไร เราก็ต้องคิดหาของที่เราอยากได้แต่ไม่แพงจนเกินไป แล้วก็บอกเขาไปสองสามอย่าง ให้เขาเลือกเองว่าจะให้อะไร หรือไม่ก็บอกประเภทของสิ่งของแล้วให้เขาไปเลือกมา
ปีนี้ แม่เวร่าอยากได้นาฬิกาปลุกเรือนใหม่ น้องสาวมาเรนอยากได้น้ำหอม น้องชายฮารัลด์และครอบครัวอยากได้หม้อฟองดูชีส รจนาอ้อนพ่อบ้านว่า อยากได้เสื้อกันหนาวตัวใหม่ บอกแม่เวร่าว่าอยากได้ถ้วยชาสองใบไว้ดื่มชากับพ่อบ้าน บอกน้องชายฮารัลด์ว่าอยากได้ของใช้เกี่ยวกับการดื่มชา....พ่อบ้านอยากได้ของที่เกี่ยวกับรถยนต์ และถุงเท้าใหม่
ก่อนเดินทางเราต่างก็วุ่นวายกับการซื้อของฝาก นอกจากนั้นรจนายังมีแขกมาทานข้าวบ้านหลายชุดด้วยกัน เครื่องล้างจานก็เกิดขัดข้อง มีใบมีดจากเครื่องปั่นอาหารหล่นลงไปขวางการทำงาน ไม่มีเวลามานั่งแงะ ก็เลยต้องล้างจานด้วยมือเหมือนสมัยอยู่เมืองไทยไปก่อน ก็เลยค่อนข้างวุ่นนิดหน่อยก่อนเดินทาง...
เราจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกชื่อว่า อีซี่เจ็ท EasyJet ค่าตั๋วหากซื้อล่วงหน้าสักสองเดือนก็จะไม่แพงมากเท่าไร....วันเดินทางคือ วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคมค่ะ สนามบินก็เลยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ต้องไปเข้าคิวยาวเป็นเวลานานทีเดียว
เครื่องก็เสียเวลา กว่าจะได้ออกก็เหลดไปประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ ก็พอไหว ช่วงเทศกาลอย่างนี้ต้องทำใจหน่อย
เราเดินทางชั่วโมงครึ่งก็ถึงเมืองฮัมบูร์ก อากาศหนาว ประมาณ ๑ องศา เราไปรับรถเช่าที่เราจองไว้พร้อมกับตอนที่ซื้อตั๋ว ใช้เวลาไม่นานก็ปร๋อออกจากสนามบิน ไปเช็คอินที่โรงแรมที่จองไว้ในเมืองค่ะ เราเข้าพักโรงแรมก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่เรายังนัดไปเจอมาเรนกับแม่เวร่าที่บ้านมาเรน ก็เลยรื้อกระเป๋าด้วยความรวดเร็ว หยิบของฝาก แล้วก็ตรงไปบ้านมาเรน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มาเรนน่ารักมาก จัดโต๊ะกินข้าวแบบง่าย ๆ เสียสวยงาม เอาผ้ารองจานกับผ้าเช็ดปากของจิมทอมป์สันที่เราเคยซื้อให้เขานานแล้วมาใช้....พ่อบ้านก็เหนื่อยเต็มที่ รินไวน์แดงหกใส่ผ้าไหมแสนสวย แต่โชคดีว่า ผ้าเขาทอแน่นมาก ไวน์ไม่ไหลซึมลงผ้าเลย เยี่ยมจริง ๆ
รจนาต้องชมคนเยอรมันอย่างหนึ่งว่า เขาพยายามสร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ดูสวยงามน่าทานค่ะ รจนาไปบ้านมาเรนสามครั้ง เขาจะจัดโต๊ะไม่เหมือนกันสักครั้ง และก็จะเปลี่ยนผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองจาน กระดาษเช็ดปาก ถ้วย จาน ชาม ด้วย เรียกว่า เขาพยายามสร้างความประทับใจให้เราเต็มที่....รจนารู้สึกว่า การที่พ่อบ้านเป็นลูกชายคนโต รู้สึกจะเป็นที่รักของแม่และน้อง ๆ ทุกคน และทำหน้าที่เหมือนหัวหน้าครอบครัวหน่อย รจนาเป็นสะใภ้ใหญ่ ก็เลยได้รับความรักจากทุกคนไปด้วย
อาหารเย็นวันนั้นที่บ้านมาเรน มีพายขนาดพอคำ ไส้ปลาซัมม่อนกับผักโขมค่ะ ร้อน ๆ อร่อยมากทีเดียว นอกนั้นก็เป็นขนมปังกับเนื้อเย็น พวกแฮม ชีส และตับบด ซึ่งเป็นอาหารเย็นตามปกติของชาวเยอรมัน
เราคุยกับมาเรนและแม่เวร่าจนเที่ยงคืนกว่า ก็ลากลับไปนอนโรงแรม มาเรนอยู่อพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ ไม่สะดวกที่จะรับรองเราสองคนกับแม่เวร่าพร้อมกัน แม่เวร่าก็เลยพักกับมาเรน (อ้อ แม่เวราเดินทางมาจากอีกเมืองนึงค่ะ)
วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันจนสาย แล้วก็ใช้เวลาออกไปซื้อของกันนิดหน่อย เรียกว่าเป็นของขวัญนาทีสุดท้าย
จากนั้นก็ไปเดินดูงานริมน้ำกัน เขาก็ประดับไฟสวยงาม มีต้นคริสต์มาสกลางน้ำ สูง ๓๐ เมตร กล่าวกันว่า ปีนี้ทั้งเมืองฮัมบูร์กหาต้นคริสต์มาสที่สูง ๓๐ เมตรไม่ได้เลย ต้องไปซื้อมาจากเมืองอื่น
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
บรรยากาศคนเดินท่ามกลางอากาศหนาวในตลาดคริสต์มาส มีร้านรวงขายของขวัญนาทีสุดท้าย และร้านขายของกินเล่นร้อน ๆ พวกแป้งจี่ทอด เกาลัดคั่ว ไส้กรอก ไวน์ร้อน ๆ เครื่องดื่มหวาน ๆ ร้อน ๆ ผลไม้ชุบน้ำหวานสีต่าง ๆ มีเต๊นท์ขายไวน์ร้อน ๆ ค่ะ เป็นไวน์แดงที่ผสมพวกเครื่องเทศลงไป นิยมดื่มในช่วงคริสต์มาส
หลังจากเดินเล่นหนาว ๆ ริมน้ำแล้ว ตอนเย็นมาเรนก็เชิญเราไปกินข้าวเย็นที่บ้านอีกครั้ง เย็นนี้มาเรนทำฟองดูเนื้อค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
การจัดโต๊ะก็น่ารักอีกเหมือนเคย หม้อไฟตรงกลางคือน้ำมันร้อน ๆ ที่เราเอาเนื้อเสียบไม้ยาว ๆ จุ่มให้สุก ก่อนจะจิ้มกับน้ำจิ้มแบบต่าง ๆ (น้ำจิ้มฝรั่ง) มีสลัดผัก แตงกวาดอง เห็ดกระดุมสด ๆ พริกหวานหั่นชิ้นเล็ก ๆ ให้ทานแกล้มค่ะ
แม้แต่อาหารมื้อนี้เขาก็จะถามเราไว้ล่วงหน้าว่า เราอยากกินเนื้ออะไร เพราะฟองดูเนื้อจะใช้เนื้อหมูก็ได้ เนื้อวัวก็ได้ เนื้อไก่และไก่งวงก็ได้......
กล้วยไม้ที่เห็นริมโต๊ะคือกล้วยไม้จากเมืองไทยค่ะ รจนาสั่งร้านขายของไทยที่เจนีวาให้ช่วยสั่งมาจากเมืองไทย แล้วก็หอบขึ้นเครื่องบินเอาไปฝากทั้งมาเรน แม่เวร่า และมาเรียน แฟนของฮารัลด์ คนละช่อ
เรากินและคุยกันจนดึกอีกตามเคย กว่าจะได้กลับโรงแรมก็ประมาณตีหนึ่ง เรียกว่า ช่วงนี้นอนดึกตื่นสายกันทุกวัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ที่โรงแรมเขาทำขนมเค้กคริสต์มาสเป็นรูปบ้านวางไว้ให้แขกดู ปกติเด็ก ๆ จะเป็นคนทำ ขนมนี้ โดยใช้คุ้กกี้ ครีมแข็ง ลูกกวาด และขนมหวานอื่น ๆ มาประกอบกันเป็นบ้าน และจะต้องช่วยกันทานบ้านหลังนี้ให้หมดภายในคืนวันที่ ๒๔
วันถัดไปคือ วันอาทิตย์ที่ ๒๔ เป็นวันที่ชาวเยอรมันจะทานอาหารค่ำคริสต์มาสกันค่ะ แต่ก่อนนั้น พวกเขาก็พากันไปโบสถ์เพื่อฟังการร้องเพลงคริสต์มาส มาเรียนพาพวกเราไปที่โบสถ์ใกล้ ๆ บ้าน มีเด็ก ๆ มาร้องเพลง มีพระผู้ใหญ่มาเล่าเรื่องคริสต์มาส โบสถ์คนแน่นมาก ไม่มีที่นั่ง เราต้องยืนอยู่พักใหญ่ จนคณะนักร้องย้ายจากชั้นสามลงไปชั้นล่าง เราจึงไปนั่งแทนที่ได้ รจนาก็ค่อนข้างเบื่อค่ะ รับตามตรง เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยพยายามอยู่กับลมหายใจแทน หลับตาสมาธิไปด้วย...ดีกว่าอยู่เฉย ๆ นาน ๆ ทีพ่อบ้านก็แปลให้ฟังสักทีนึงว่า เขาร้องอะไร พูดอะไร พิธีการนี้ไม่นานเท่าไรค่ะ สักไม่ถึงชั่วโมงดี
หลังจากโบสถ์พวกเราก็ไปทานอาหารเย็นกันที่บ้านมาเรียน ฝรั่งเขาชอบใช้แสงเทียนมากกว่าแสงไฟฟ้าค่ะ ค่ำนั้นก็เลยสลัว ๆ ได้บรรยากาศชวนง่วงดี
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มาเรียนจัดบ้านสวยน่าอยู่ค่ะ โต๊ะทานข้าวก็จัดน่ารัก มีการจุดเทียนเพิ่มความโรแมนติคด้วย กล้วยไม้กลางโต๊ะก็จากเมืองไทย
นอกจากนั้นเขายังเอาก้านสนมาใส่แจกัน ประดับด้วยริบบิ้นสีแดง และลูกแก้วกลม ๆ ค่ะ ที่ถ่ายมาจะเห็นว่ามืดหน่อย...คือบรรยากาศในเย็นวันคริสต์มาสจริง ๆ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ต้นคริสต์มาสที่บ้านมาเรียน สูง ๓ เมตรกว่า มองเห็นโต๊ะกินข้าว และห้องครัวที่อยู่ท้ายสุด ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยแสงเทียน ต้นคริสต์มาสนี้เราจะต้องเอาไปวางทิ้งไว้ตรงจุดที่เขาจะมาเก็บขยะสีเขียวภายในอาทิตย์แรกของมกราคมค่ะ หากไม่ทัน เราจะต้องตัดก้านและขนไปทิ้งเอง
พ่อบ้านบอกว่า ชาวเยอรมันจะนิยมทานแค่สลัดเป็นอาหารเย็นในวันก่อนคริสต์มาส (๒๔) เท่านั้น หรืออาหารจานเดียว แต่จะทานบรั๊นช์มื้อใหญ่ในวันที่ ๒๕
อาหารเย็นวันที่ ๒๔ จึงมิได้อู้ฟู้เต็มโต๊ะอย่างที่เราคิด (แบบอเมริกัน)....ทำให้รจนาผิดคาดทีเดียว แต่ก็ดีค่ะ เพราะทานไม่ไหวแล้ว
ค่ำนั้น แม่เวร่าทำสลัดปลาแฮริ่งใส่มายองเนส แตงกวาดอง มันฝรั่ง หัวบีทรู้ท (สีแดง) และถั่ว รสชาติอร่อยดีค่ะ
ที่จริงเราต้องทานแค่นี้ แต่มาเรียนเขาอยากทานห่าน เพราะครอบครัวของเขานิยมทานห่านกันทุกคริสต์มาส เขาก็เลยอบขาห่านมาเป็นอาหารจานที่สองด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หน้าตาของขาห่านอบ กับผักกระหล่ำปีแดงต้มกับลูกเกาลัดค่ะ ผักอร่อยดี แต่ขาห่านค่อนข้างเหนียว....ถึงตอนกินขาห่านพวกเราก็อิ่มแปร้กันแล้ว จึงทานกันแทบจะไม่หมดเลยค่ะ
รจนาชอบผ้าเช็ดปากของเขาค่ะ ปักเป็นรูปเทวดาตัวน้อย ๆ แต่ก็ขำตัวเอง เพราะไม่กล้าเอาเช็ดปาก หรือพวกอะไรที่เป็นสีแดง ๆ ของมัน ๆ เลยค่ะ เกรงใจเขาต้องซักรีดลำบาก....ศัตรูตัวสำคัญสำหรับผ้าเช็ดปากและผ้าปูโต๊ะสีขาวก็คือ ไวน์แดงค่ะ เพราะหากหกใส่แล้ว ซักไม่ออกเลย ต้องใช้ผงเคมีเฉพาะเท่านั้น....อันนี้เจอเองกับตัวบ่อย ๆ ก็เลยใช้ของคนอื่นอย่างระมัดระวัง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ค่ำนั้นยาวนานมาก พอเราไปถึงบ้าน เขาก็หาน้ำชากาแฟกับขนมหวาน คุ๊กกี้คริสต์มาสมาให้ทานเล่น แล้วก็คุยกัน เด็ก ๆ ก็ตื่นเต้นอยากเห็นของขวัญ เขาก็แจกของขวัญกัน (บางส่วน) นี่ก็เป็นชั่วโมงแล้ว จากนั้นก็มาทานสลัดคุณแม่เวร่า จากนั้นก็กลับไปนั่งเล่น และเปิดของขวัญอีกเป็นชั่วโมง ก่อนจะกลับมาทานขาห่าน แล้วก็กลับไปเปิดของขวัญต่อ ก่อนจะกลับมาทานชากาแฟและขนมอีก...ขั้นตอนทั้งหมดกว่าจะลุล่วงและลากลับบ้านได้ก็เที่ยงคืนค่ะ
โดยปกติที่โบสถ์เขาจะมีการร้องเพลงอีกครั้งตอนใกล้ ๆ เที่ยวคืน แต่ไม่มีใครอยากไปแล้วค่ะตอนนี้ ทั้งอิ่มทั้งง่วง กลับบ้านนอนดีกว่า
จะเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลที่เต็มไปด้วยการกิน กิน กิน และกินจริง ๆ ค่ะ เรียกว่า เห็นอาหารแล้วก็เข็ดไปเลย โดยเฉพาะพวกขนม
เดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่าเรื่องของขวัญและสิ่งประดับต้นคริสต์มาสนะคะ
เมื่อวันที่ : ๐๒ ม.ค. ๒๕๕๐, ๐๑.๕๔ น.
แก้วตามมาฟังคุณรจเล่าบรรยากาศคริสต์มาสให้หายคิดถึงค่ะ
เป็นการฉลองคริสต์มาสที่น่าอบอุ่นดีจังค่ะ... ครั้งนี้แก้วจะไม่แย่งหม่ำนะคะคุณรจ รับรองได้เล้ยยยย... ก้อมะช่ายว่าแก้วเลิกตะกละ หรืออะไรหรอกนะคะ... เหตุผลมีอยู่ว่า แก้วเองก็ยังอิ่มกะปาร์ตี้ปีใหม่อยู่อ่ะจิคะคุณรจขา อิ อิ อิ