![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...เราตื่นขึ้นมาเช้าวันเสาร์ แสงแดดสวยมาก ๆ แจ่มใส ฟ้าก็จัดจ้า....พ่อบ้านเครียดกับงานมาทั้งอาทิตย์ก็เลยบอกรจนาว่า เราขับรถไปเที่ยวกันดีกว่า...
ตอน : วิ่งตามตะวันในวันเสาร์
คนไทยคงขำกลิ้งที่อ่านเรื่องรจนากับพ่อบ้านวิ่งตามตะวัน......
กล่าวคือช่วงที่ผ่านมา (เดือนพฤศจิกายน) เป็นฤดูใบไม้ร่วง พระอาทิตย์จะขึ้นแบบเฉียง ๆ ไม่ยอมตรงหัวเราสักที บางทีก็ผลุบหายไปในกลีบเมฆเสียอย่างนั้น ทำเอาเราแทบจะลืมพระอาทิตย์ไปเลย.....
แต่แล้ววันหนึ่ง เราตื่นขึ้นมาเช้าวันเสาร์ แสงแดดสวยมาก ๆ แจ่มใส ฟ้าก็จัดจ้า ราวกับยังเป็นหน้าร้อนอยู่ก็ไม่ปาน....พ่อบ้านเครียดกับงานมาทั้งอาทิตย์ก็เลยบอกรจนาว่า เราขับรถไปเที่ยวกันดีกว่า
ว่าแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ชงชา คั้นน้ำส้มทาน พ่อบ้านเอาแผนที่ประเทศฝรั่งเศส (เพื่อนบ้านเรา) มาเปิดแล้วก็ชี้ให้รจนาดูว่า เราไปที่นี่แล้วกัน ตรงนี้มีน้ำตกสวย ไอเคยไปครั้งนึงแล้ว
เอาสิคะ ไปไหนไปกัน เราไปวิ่งตามตะวันนี่นะ
พวกเราใช้ระบบนำร่องเรียกว่า TomTom Go ค่ะ เราโปรแกรมชื่อเมืองที่เราต้องการไป และบอกว่าให้ใช้เส้นทางแบบไหน (สั้นที่สุด หรือ ทางด่วน หรือให้ผ่านเมืองไหน ฯลฯ) แล้วก็เดินทางตามลุงทอมทอมสั่งค่ะ แต่เนื่องจากพ่อบ้านก็รู้เส้นทางมากเหมือนกัน บางครั้งเราก็ดื้อ ไม่ไปตามลุงทอมทอมบอก แต่ไปทางที่เราอยากไป ร้อนถึงลุงทอมฯก็ต้องโปรแกรมเส้นทางให้เราใหม่ สนุกดีค่ะ
วันนั้น เรามีแสงแดดทั้งวัน แต่แสงจะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ เพราะเป็นแดดปลายปี (เหนื่อยแล้ว อยากพัก) รจนาจะคอยบอกพ่อบ้านว่า รีบหน่อยนะ เดี๋ยวตะวันจะตกดินเสียก่อน พอเราเห็นแสงอาทิตย์ตรงไหน เราก็จะวิ่งไปตรงนั้น จึงเรียกว่า เป็นการ "วิ่งตามตะวัน" ในวันเสาร์ไงคะ
ตลอดเส้นทางเราขับรถเปิดประทุนค่ะ อุณหภูมิประมาณ ๑๐ กว่าองศา เย็นใช้ได้ เราต้องแต่งตัวอย่างหนา สวมทั้งหมวกและถุงมือเพื่อไม่ให้หนาวเกิน เป็นการท่องเที่ยวกับสายลมแสงแดดอย่างแท้จริง และได้อากาศบริสุทธิ์เหลือใจ.....แก้มงี้เย็นเจี๊ยบเลยค่ะ (มิใช่แม่เนื้ออุ่นเสียแล้ว นะคุณเก็จแก้วนะ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เส้นทางอันสวยงาม ผ่านหมู่บ้านที่เงียบสงบ มีแต่ท้องฟ้าเป็นเพื่อน เส้นทางในชนบทสวิสและฝรั่งเศสส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้ วันนั้นเราวิ่งในเทือกเขาจูร่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาอัลป์สค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เราไปถึงเมืองกลางทางชื่อว่า St Claude เมืองนี้มีของพิเศษคือเป็นที่ผลิตไปป์สูบยาค่ะ พวกเราคิดว่า จะไปชมมิวเซียมแสดงกล้องสูบยา แต่เขาดันปิดเสียนี่ ก็เลยไปเก็บรูปโบสถ์ยอดแหลม ๆ ของเขามาแทน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ในเมืองเขาก็มีตึกเก่า ๆ ตึกนี้เขามีชื่อหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ ระบายไว้แพรวพราวค่ะ กะว่าให้เรารู้ว่าเมืองนี้เคยตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ชื่ออะไรบ้าง รจนาเห็นว่าสวยดี
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านไปป์แถวหน้าโบสถ์มีหลายร้าน แต่เขาปิดทานอาหารกลางวันกันหมด เราเลยไปยืนดูกันหน้าร้านแทน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ไปป์พวกนี้ก็หน้าตาน่ารัก เหมือนนกเลยนะคะ คิดถึงลุงเปี๊ยกเพราะจำได้ว่า ลุงเปี๊ยกชอบกล้องไปป์....แต่จะชอบสูบด้วยหรือเปล่าจำไม่ได้เหมือนกันค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ออกจากเมืองไปป์แล้ว เราก็มองหาอะไรทานกัน โชคดีเจอร้านอาหารที่เป็นโรงแรมด้วย อยู่ติดกับทะเลสาบที่ชื่อว่า Lac de l'Abbaye หรือทะเลสาบแห่งอาราม (โบสถ์)
มุมที่เห็นนี้มองจากหน้าต่างห้องอาหารของโรงแรมริมทะเลสาบที่รจนาไปนั่งทานมาค่ะ....หากได้มานั่งทานอาหารกับเพื่อน ๆ อย่างพี่แอ๊ด พิลกริม น้องโพ พญาไฟ ป้าแก่ คุณเก็จแก้ว น้องพันนที แสนรัก อุณากร โดโรธี รันนรา ดาวบนดิน ป้าหมูรจนา ป้าทองของแท้ กางเขนดง คงจะสนุกไม่น้อย....คนหลังนี่หายไปกับสายลม แต่เข้าใจว่าคงยังแวะเวียนมาอ่านข่าวที่หน้ากระดานอยู่บ้างนะคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ในโรงแรมเขาก็มีตู้ใส่ของแบบเก่า ๆ ระบายสีดอกไม้ สไตล์พื้นบ้าน มีตะกร้าใส่ฟักทองลูกเล็ก ๆ วางไว้ด้วย หน้านี้เป็นหน้าฟักทองจริง ๆ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ขับรถไปหาน้ำตกดูกัน น้ำตกนี้มีชื่อว่า Eventail (เอว็องไตย์) แปลว่า พัด ค่ะ เราจอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินแค่ ๑๐๐ เมตรก็ถึงจุดชมวิว ได้เห็นน้ำตกจากด้านบน น้ำที่ไหลมาสู่น้ำตกนี้มาจากแม่น้ำที่ชื่อว่า Herrison (แอริซ็ง)
ดูจากจุดนี้แล้วเราต้องขับรถไปอีก ๑๗ กิโลเมตร เพื่อจะไปดูน้ำตกจากข้างล่าง รจนาก็บ่นนิด ๆ ว่า แหม หากเราลงไปที่หุบเขา แสงตะวันก็หายหมดสิ เพราะจุดที่เราดูจากข้างบนนั้นจะสูงมาก ยังมีแสงอาทิตย์อยู่ แต่ข้างล่างนั้นจะอับแสง .....แต่ไปก็ไป....เราอยากเห็นน้ำตกใกล้ ๆ เหมือนกัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แล้วเราก็ได้มาเห็นน้ำตกข้างล่างสมใจ เราจอดรถแล้วเดินอีกแค่ ๕๐๐ เมตรก็ถึงน้ำตกค่ะ นี่คือน้ำตกเดียวกับที่เห็นในภาพข้างบน แต่ดูอย่างนี้แล้วดูเหมือนจะเล็กกว่าข้างบนนะคะ แถว ๆ บ้านดาวเคียงเดือนมาน้ำตกบ้างไหมคะ ส่วนลูกพี่เชิงดอยกับลุงชารอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ คงเห็นสิ่งสวยงามแบบนี้บ่อย ๆ เหมือนกัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
น้ำตกกับคนที่ไปชม เปรียบเทียบขนาดดูนะคะ
หากเราอยากจะเดินไปที่น้ำตกในระดับที่สองจากด้านบนก็ได้ เขาประมาณเวลาไว้ว่า ๓๕ นาทีค่ะ เพราะต้องเดินลัดเลาะไป จะไปปีนตรง ๆ ไม่ได้
แต่หากอยากไปให้ถึงลานน้ำตกบนสุดต้องใช้เวลา ๑ ชั่วโมง พ่อบ้านถามว่าจะไปไหม รจนาเห็นตะวันคล้อยลงทุกที ไม่อยากให้มืดก็เลยบอกว่า คราวนี้ยังไม่ไปละ คราวหน้าดีกว่านะ คราวหน้าจะชวนใครไปดี ใครที่ชอบเดินป่าเดินเก่ง ๆ อ้อ...รู้สึกจะพิลกริมคนแรกละที่ไปพิชิตมาทั่วแล้ว ทั้งภูกระดึง ทีลอซู และหลาย ๆ ที่ในเมืองไทยที่ว่าไปยาก ๆ มะขวิดก็ชอบลุยเหมือนกัน น่าจะชวนได้ไม่นาก ส่วนจำปาดะ กับน้องมาร์ ไม่รู้จะชอบไหม
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ก็ดูอลังการพอสมควร แต่หน้าตาเหมือน "พัด" ตรงไหน พวกเราลองพิจารณาดูนะคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มีน้ำตกอีกสาย เล็ก ๆ กระปริบกระปรอย มีน้ำนิดเดียว แต่ไหลลงไปรวมกับน้ำตกใหญ่ที่อยู่ใกล้กัน แต่ก็โรแมนติกไปอีกแบบ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
กระแสน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก "พัด" ค่ะ ดูเล็กนิดเดียว ไม่สมกับขนาดน้ำตกเลยนะคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
พอเราออกจากน้ำตกแล้ว ตะวันก็เริ่มคล้อย โดยเฉพาะพวกเราอยู่ในหุบเขา มองขึ้นไปจะเห็นแสงตะวันกำลังยอแสงอ่อนบนยอดเขา โลมเลียต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสีเป็นแดง อมส้ม เหลือง และทอง ดูละลานตามากเลยทีเดียวค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
วันนี้เราวิ่งตามตะวันทั้งวัน และได้เห็นตะวันก่อนจะชิงพลบที่ปลายนาอันไกลโพ้น
กลับถึงเจนีวาแล้ว พวกเรายังนัดเพื่อนไปทานฟองดูชีสกันอิ่มใหญ่ (เป็นคนไทยแต่งงานกับคนสวิสสองคู่) ก่อนจะกลับบ้านนอนหลับอย่างสุขารมณ์ที่ได้มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม......
ขอส่งความฝันอันแสนอบอุ่นใจมาถึงเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยค่ะ
เมื่อวันที่ : ๐๗ ธ.ค. ๒๕๔๙, ๐๘.๒๘ น.