![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...คราวนี้พาขึ้นงานชั้นบนค่ะ มีชีวิตชีวากว่าชั้นล่างมาก เพราะมีร้านรวงเล็ก ๆ มากมายไปหมด และบรรยากาศการขายของก็เข้มข้น...
ตอน : ไปเที่ยวงานเทศกาลแห่งเจนีวา (Foire de Genève) (สอง)
คราวนี้พาขึ้นงานชั้นบนค่ะ มีชีวิตชีวากว่าชั้นล่างมาก เพราะมีร้านรวงเล็ก ๆ มากมายไปหมด และบรรยากาศการขายของก็เข้มข้น เรียกว่า เดินผ่านร้านไหนเขาต้องมีเทคนิคมาชักชวนเราให้อยากซื้อของของเขาทีเดียวชั้นบนนี้เขานำวัวแม่พันธุ์ชั้นเลิศทั้งหมด ๗ สายพันธุ์มาแสดงด้วยค่ะ พร้อมกับลูกวัวตัวน้อย ๆ ดูน่ารักมาก วันที่ไปดูรจนายังได้เห็นแม่วัวกับลูกวัวหลายคู่ เช่น พันธุ์ไฮท์แลนด์ส (Highlands) พันธุ์อาเบอดีน-อังกัส (Aberdeen-Angus) พันธุ์ซาแลร์ส (Salers) พันธุ์ออ-บรัค (Aubrac) พันธุ์ซิมเมนตาล (Simmental) พันธุ์ลิมูซีน (Limousine) และพันธุ์เอเร็งส์ (Hérens) ออกเสียงแบบฝรั่งเศสนะคะ
ไม่รู้เมืองไทยมีพันธุ์ไหนบ้างที่เหมือนกันนะคะ เรื่องของน้องวัวเหล่านี้คงต้องยกให้น้องเอสแอนด์พีผู้ชำนาญเรื่องสัตว์ของเรามาช่วยให้ความรู้ด้วย
นอกจากนั้น รจนาได้ข่าวว่า วันก่อนเขานำเสือโคร่งมาแสดงด้วย แต่คิดว่าคงไม่กล้านำมาวันเดียวกับแม่วัว เพราะของอย่างนี้ไม่ถูกโรคกันก็รู้อยู่แล้ว
พาไปเที่ยวชมงานจุดอื่น ๆ กันต่อดีกว่า
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มุมแสดงดอกคริสแซนติมั่ม (เก๊กฮวย หรือ เบญจมาศ) สวิส พร้อมเกวียนสวิส เป็นจุดที่เตะตาทันทีที่เราเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านขายตะกร้าอาฟริกัน รจนาชอบมากเลยค่ะ ทรงเขาสวยดี หากไม่ติดว่าเกะกะคงซื้อกลับบ้านแล้ว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านสาธิตมีดปอกผักผลไม้ แม่บ้านยืนดูกันตรึมเลยค่ะ คนขายเขาก็เก่งนะคะ เขารู้ว่าต้องแนะนำอย่างไรให้เราทึ่งกับคุณสมบัติ เสร็จแล้วก็ขายของให้เราปั๊บเลย คนดูต้องตั้งหลัก (หาที่หลบ) ให้ดี รจนาถึงกับต้องยืนไกล ๆ กลัวเขาเรียกซื้อค่ะ นอกจากไม่มีกะตังก์แล้วยังจะแบกไม่ไหวอีกต่างหาก
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านขายเครื่องทำกาแฟสีสดใส ตลาดเครื่องทำกาแฟนี่แข่งขันสูงมากค่ะ มีหลากหลายยี่ห้อและราคา บางทีขายเครื่องให้ฟรี ๆ ไม่คิดค่าเครื่องทำกาแฟ แต่ต้องสั่งซื้อกาแฟของเขาเป็นเวลาสองปี ทำให้เห็นว่า ตลาดกาแฟนั้นเป็นตลาดใหญ่จริง ๆ ได้แต่ภาวนาว่า คนปลูกกาแฟคงได้กำไรจากการปลูกมากเหมือนคนเอากาแฟมาขายให้เราทาน
คนที่นี่นิยมกินกาแฟสดแบบที่คนไทยเรียกกัน กล่าวคือเป็นกาแฟเม็ดที่คั่วและอบมาแล้ว บางทีเขาก็บดใส่ห่อขาย บางทีเราก็ซื้อแบบเม็ดแล้วมาบดเองก่อนจะชงดื่ม โดยเอาอัดใส่กรวยแล้วเสียบเข้าไปที่เครื่อง ให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟที่อัดแน่นลงมา นั่นแหละค่ะ ในเมืองเจนีวา ไม่มีกาแฟผงชงสำเร็จรูปขายตามร้านเลยค่ะ แต่ในซุปเปอร์ฯนั้นมีขายอยู่ สำหรับคนที่อยากชงง่าย ๆ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านนี้ขายตับเป็ดค่ะ ที่เห็นในกระปุกแก้วนั้นมีตับเป็ด ที่เขาเรียกชื่อรวม ๆ ว่า ฟัวกราส์ แปลว่า ตับที่เต็มไปด้วยไขมัน (foie gras) และยังมีขาเป็ดปรุงรสแล้วบ้าง (เนื้อร่วน ๆ เละ ๆ ไม่กรอบนะคะ) เนื้อเป็ดกระป๋องบ้าง เรียกว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเป็ด ๆ ที่ฝรั่งนิยมทานค่ะ เราสามารถสั่งตับเป็ดและนั่งทานที่ร้านเขาได้ เขาจะเอาขนมปังปิ้งกรอบ ๆ มาให้ทานด้วยกัน โดยปกติเขามักจะทานตับเป็ดที่ว่านี้กับซอสผลไม้ออกรสหวาน เช่น แอปเปิ้ลผัดหรือเคี่ยวให้เละ ๆ หรือลูกเบอร์รี่แดง ๆ หวาน ๆ ค่ะ และนิยมดื่มกับไวน์ที่ให้รสหวานเช่นกัน
แต่ที่จริงฟัวกราส์ต้นฉบับนั้นต้องมาจากตับห่านค่ะ เป็นห่านที่น่าสงสารมาก เพราะจะถูกบังคับให้กินอาหารเสริมที่เขาเอามากรอก(บังคับ)ใส่คอจนตับของห่านทั้งอวบและมัน แล้วก็เอามาเชือด เพื่อเอาตับมาทำอาหารเลิศรสราคาแพงนี้ ราคาตับห่านจะแพงกว่าตับเป็ดอย่างน้อยก็สองสามเท่าค่ะ เขาเลยนิยมขายตับเป็ดกันมากกว่า ข่าวไม่ได้บอกว่า ต้องบังคับกรอกอาหารใส่คอเป็ดด้วยหรือเปล่า
รจนาหากว่าไม่ติดว่าไปเดินเที่ยวงานคนเดียว คงชวนพ่อบ้านไปนั่งชิมแล้ว แหะ แหะ เพราะตับเป็ดนี่ก็ของโปรดรจนาค่ะ แต่ไม่กล้าทานมาก กลัวอ้วน.....
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
นี่ก็มุมจิบไวน์ค่ะ คือ เป็นไวน์ของบริษัทหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะ เอามาโปรโมท มีที่ให้ดื่มฟรีหน่อยหนึ่ง ใครอยากดื่มมากกว่านั้นก็นั่งดื่มเป็นเรื่องราว (สั่งและจ่ายเงิน) หากพอใจรสชาติก็อาจจะสั่งซื้อเป็นโหล ๆ (ฝรั่งนิยมสะสมไวน์ไว้ในบ้านค่ะ เพราะเขาดื่มแทนเครื่องดื่มอื่น ๆ)
รจนาสังเกตว่ามุมชิมไวน์นี่จะเป็นมุมที่คนท่าทางจะอารมณ์ดี ได้จิบไวน์ไป คุยกันไป คนขายไวน์ก็อธิบายความเลิศเลอของไวน์ตัวเองไป เช่น องุ่นรุ่นไหน พันธุ์ไหน ผลผลิตปีนี้เป็นอย่างไร ให้รสหวาน หรือรสอื่น จิบกับอาหารแบบไหน ฯลฯ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
นี่ก็มุมชิมไวน์อีกแห่งหนึ่ง มีร้านหนึ่งรจนาเดินผ่าน เขาก็ทักว่า "มาดาม ยูชอบดื่มบอร์โดซ์ไหม" บอร์โดซ์เป็นไวน์แดงมีชื่อของฝรั่งเศส รจนาก็เลยต้องส่ายหัวตอบไปด้วยความเสียใจว่า "ขอโทษที ฉันไม่ดื่มอัลกอฮอล์จ้า" แล้วก็ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเดินจากมา รจนาว่า ตาคนที่ถามคงนึกค้อนรจนาในใจว่า ไม่ดื่มแล้วมาเดินเกะกะอะไรแถวนี้ เพราะเป็นมุมไวน์โดยเฉพาะ อิอิ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มุมนี้สนุกมาก คือ ชายหนุ่มคนนี้ขายผ้าพันคอสารพัดประโยชน์ อย่างที่เห็นในหุ่นนะคะ คือเอาโพกหัวก็ได้ เอามาพันอกเป็นเสื้อเกาะอกก็ได้ หรือใส่ให้เต็มตัวก็ได้ เอาพันคอก็ได้ สารพัดแบบ ราคาก็ไม่แพง รจนาก็รำ ๆ อยากจะซื้อเหมือนกัน แต่ตัดใจได้ เพราะซื้อมาจริงก็ใส่ไม่เป็นอีกนั่นแหละ
มีอีกมุมหนึ่ง คุณผู้หญิงขายชุดชั้นใน ที่รจนาไปยืนขำ คือ คนขายเขาจะใส่เสื้อคอลึก เป็นแบบเสื้อยืด เขาขายชุดชั้นในแบบมีตะขอข้างหน้า และมีคุณสมบัติเลอเลิศประมาณว่า แม้หน้าอกจะเล็ก พอใส่แล้วจะดูหน้าอกใหญ่ประมาณนั้น มีสาวใหญ่สาวน้อยยืนอออยู่หน้าร้านเพียบ ไม่มีผู้ชายเลยค่ะ
คุณผู้หญิงคนขายเธอก็ขายได้สนุกมาก โดยดึงเสื้อชั้นนอกของตัวเองลงมาให้เห็นชุดชั้นในข้างในที่แนบเนื้อเหมือนชุดอาบน้ำ ดูไม่น่าเกลียดอย่างใด แล้วก็แกะตาขอให้ดู ก่อนจะใส่กลับเข้าไป ประมาณว่าให้ดูความแตกต่างของขนาดหน้าอก อย่างนี้ที่เมืองไทยคงไม่มีใครกล้าทำในที่สาธารณะ แต่ฝรั่งเขาทำแบบหน้าตาเฉย จึงดูแล้วไม่น่าเขินอายหรือยั่วยวนแต่ประการใด
สาววัยรุ่นหลายคนชวนกันซื้อชุดชั้นในที่ว่านี้ค่ะ เรียกว่า โฆษณาใช้ได้ผล
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มุมร้านอาฟริกันสุดโปรดของรจนาอีกเที่ยวนึงนะคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
นี่เป็นผักกินก้านที่ขึ้นชื่อของเมืองสวิสค่ะ ชื่อว่า Cardons มีเฉพาะฤดูนี้ จะว่าไปก็เหมือนก้านคึ่นช่ายยักษ์นะคะ
มุมนี้เขามีสาธิตการทำผักที่ว่า แล้วก็ขายด้วย โดยปกติเขาจะเอาไปอบกับซอสเชเมล หรือซอสขาว เอาไว้ทานแกล้มกับอาหารอื่นค่ะ บางทีก็มีคนเอาไปทำพายแบบมังสวิรัติเหมือนกัน เหมือนกินก้านคึ่นช่ายใหญ่ ๆ แต่ไม่เหม็นเขียว
แต่ไฮไล้ท์สำหรับคนรักการทำอาหารอย่างรจนาคือ ไปดูกร็องด์เชฟ (Grand chef) หรือเชฟใหญ่เขาแสดงการทำอาหารค่ะ
วันที่ไปดู เขาสาธิตการทำแผ่นแป้งพาสต้าห่อเนื้อบด ราดซอส ประดับด้วยฟักทองบด กับผัดผักค่ะ ดูแล้วทำง่ายมาก ๆ (แหม เราก็มาคิดว่า ขนาดเชฟใหญ่ เขาน่าจะบอกสูตรอะไรที่พิศดารกว่านี้นะ) แต่ก็สนุกดีค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เชฟของเรากำลังจัดอาหารใส่จาน
การมาดูเชฟนี้ก็ได้ความรู้หลายอย่าง อย่างแรกคือ เชฟก็คือคนธรรมดานี่แหละ หน้าที่ในครัวก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ต้องล้างกระทะ หม้อ ไหเอง (เชฟเขาพูดเองค่ะ ที่จริงเขาคงหมายความว่า เวลายุ่ง ๆ จะไปรอลูกมือมาล้าง มันก็จะไม่ทันกินนั่นเอง)
อย่างที่สองคือ เตาไฟในครัวชั้นเลิศนั้น เขานิยมให้เตาแก้ส ไม่ใช่เตาไฟฟ้าหน้าเรียบ เพราะให้ความร้อนสูงในทันที (และคงประหยัดค่าไฟกว่ากันเยอะเลย) วันนั้นเชฟของเราเลยบ่นว่า ไฟฟ้าร้อนไม่ทันใช้ เจ้าของยี่ห้อที่ให้ใช้เตาก็ต้องมากล่าวแก้ว่า สามารถปรับแบบให้ความร้อนสูงได้
อย่างต่อไปที่หลายคนคงสังเกต คือ เวลาเขาผัดอะไรก็ตาม เช่นวันนั้นเขาผัดผักพวกเห็ดกับผักก้าน ๆ เขาจะไม่ใช้ตะหลิวเลยค่ะ เชฟเขาจะเขย่าอาหารให้ลอยขึ้นมาคลุกเคล้ากัน และเขาจะบดพริกไทยใส่อย่างไม่เสียดายเลย
อย่างต่อไปคือ เชฟเขาจะใช้นิ้วมือจิ้มทุกอย่าง เช่น ต้มเส้นพาสต้า เขาก็จะตักพาสต้าขึ้นมาแล้วเอานิ้วหยิกดูว่า นุ่มหรือยัง ทั้ง ๆ ที่สำหรับเราก็คงจะร้อนทีเดียว
หรือเขาทำซอสราสพาสต้า เขาก็เอานิ้วจุ่มลงไปในหม้อ แล้วเอาขึ้นมาดูดต่อหน้าเราเฉยเลย โดยเขาบอกว่า ไอ้ที่เราคิดไปเองว่า เชฟที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องใช้ช้อนตักชิมอาหารนั่น ลืมไปได้เลย เพราะเขาไม่มีเวลาวิ่งไปหาช้อนหรอก ใช้นิ้วมือนี่แหละดีที่สุด
แม้แต่ เกลือ เชฟก็เอามือขยุ้มแล้วเทลงหม้อต้มพาสต้ากำมือใหญ่ ชนิดที่พวกเราทำตาโตกันทีเดียว (กลัวเค็มอ้ะ)
มีคำพังเพยฝรั่งว่า หากวันไหนอาหารที่เราสั่งมาแล้วเกิดเค็มจัด เราจะถามกันว่าวันนี้ "เชฟตกหลุมรัก" หรือเปล่า เพราะเชฟจะมัวนึกถึงหน้าสาวคนรัก จนลืมว่า ขยำเกลือใส่อาหารไปเท่าไรแล้ว
พาเที่ยวงานก็จบลงแค่นี้นะคะ
เมื่อวันที่ : ๒๘ พ.ย. ๒๕๔๙, ๑๓.๔๕ น.
โห... งานแบบนี้ไอ้โพชอบมากค่ะ ให้อารมณ์ประมาณเกษตรแฟร์บ้านเรา ตอนอยู่บริสเบนเขาก็มีงานแบบนี้เหมือนกันค่ะ มีหลายโซน โซนปศุสัตว์ก็แสดงพันธุ์สัตว์ในประเทศ โซนอาหารก็มี (ตรงนี้วนอยู่นานหน่อยเพราะเค้กอร่อยมั่ก ๆ) โซนการแสดงต่าง ๆ โซนงานฝีมือก็มีนะคะ เดินวนอยู่ได้ทั้งวันเลยค่ะ
...
ส่วนเรื่องวัวฝรั่งในบ้านเรา ถ้าเป็นวัวนม ชาวบ้านจะชอบพันธุ์ผสม Holstein กันค่ะ เพราะคิดว่าวัวนมต้องตัวสีขาว-ดำเท่านั้น (แต่ถ้าถามโพ โพชอบพันธุ์ Jersey มากกว่าแฮะเพราะตัวเล็กน่ารัก เชื่อง ขี้อ้อน แถมตาหวานเชี้ยบเลยค่ะ ^^ <--- วัวหรือหมากันแน่เนี่ย?)
วัวเนื้อพันธุ์ฝรั่งแท้ ๆ ก็ไม่ค่อยมีค่ะ ส่วนมากเป็นลูกครึ่งกันหมด (จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดาราบ้านเราส่วนใหญ่เป็นลูกครึ่ง อิอิ เพราะคนไทยชอบลูกครึ่งนี่เองค่ะ) บางฟาร์มก็เล่นพวกลูกเสี้ยว ประมาณว่ามีหลายพันธุ์รวมอยู่ในตัวเดียว! พันธุ์ที่ใช้ผสมก็มีตั้งแต่พวกแองกัส(ตัวดำๆ ก็มี ตัวแดง ๆ ก็มี) เฮียร์ฟอร์ด (หน้าขาวตัวน้ำตาลแดง) Limousin ก็มีนะคะ (มีคนเคยบอกโพว่าวัวพันธุ์นี้ตัวยาวเหมือนรถ Limousine เขาเลยตั้งชื่อมันแบบนี้อ่ะค่ะ) เอามาผสมกับวัวเนื้อพื้นเมืองบ้านเราที่เป็นวัวเอเซีย บางทีก็ผสมวัวนมค่ะ ลูกออกมาหน้าตาน่ารักมากถึงมากที่สุด โพจะชอบเรียกพวกนี้ว่าไอ้ลูกฝรั่ง หัวทุย ๆ ขนหน้าม้า(แต่อยู่บนหน้าวัว)หยิก ๆ น่ารักชะมัดเลย ข้อดีของวัวลูกครึ่งลูกเสี้ยวเหล่านี้คือทนโรคเมืองร้อนได้ดีกว่าวัวฝรั่งแท้ ๆ ค่ะ
...
ฮือ... เห็นไวน์แล้วอยากชิมไวน์จังค่ะ ฮือ... ยิ่งตอนนี้มี Smoked cheese ค้างเติ่งอยู่ในตู้เย็นยิ่งอยากมีไวน์ไว้กินแกล้มกัน ฮือ...
(อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ค่อยดี หนู ๆ น้อง ๆ ทั้งหลายไม่ควรทำตามนะคะ เพราะนอกจากจะผิดศีลข้อห้าแล้วยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยค่ะ ถึงจะเป็นแค่น้ำผลไม้หมัก แต่แอลกอฮอล์ก็มีผลต่อตับอยู่ดีนั่นแล...)
...
เห็นด้วยค่ะว่าพ่อครัวฝรั่งนิยมใช้มือมากกว่าใช้อุปกรณ์อื่น แต่เวลาดูเขาทำอาหารแล้วไม่ยักกะรู้สึกอี๋เนอะ... แปลกใจตัวเองเหมือนกันแฮะ แต่คิดว่าเรามัวแต่สนุกไปกับท่าทางทะมัดทะแมงของเชฟจนไม่นึกถึงเรื่องตรงนี้มากกว่าค่ะ
...
ขอบคุณไกด์สาวคนสวยที่ช่วยพาเที่ยวงานวัดเมืองเจฯ นะคะ จุ๊บจุ๊บ