![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...วันนี้พาไปเที่ยวเมืองดังเมืองหนึ่งชื่อว่า นูชาเต็ลค่ะ (Neuchâtel) แปลว่า เมืองปราสาทใหม่ ชื่อนี้เป็นชื่อของทะเลสาบด้วยและเป็นทะเลสาบสวิสที่ใหญ่ที่สุดค่ะ...
ตอน : นักเรียนภาษาพาเพลิน (สิบ) - Neuchâtel 1
วันนี้พาไปเที่ยวนอกเมืองเชอเนฟอีกดีกว่าจะพาไปเที่ยวเมืองนูชาเต็ลค่ะ (Neuchâtel) แปลว่า เมืองปราสาทใหม่ ชื่อนี้เป็นชื่อของทะเลสาบด้วย ไก๊ด์ของเราบอกอย่างภูมิใจว่า ทะเลสาบนูชาเต็ลเป็นทะเลสาบของชาวสวิสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตฯค่ะ แต่ฟังดังนี้แล้วต้องเข้าใจว่า ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อีกอย่างน้อยสามแห่ง คือ
ทะเลสาบเลม็อง Lac Leman (ส่วนที่ติดกับเจนีวาจะเรียกว่า ทะเลสาบเจนีวา ซึ่งก็เป็นทะเลสาบเดียวกัน) และครอบคลุมไปถึงเมืองโลซานน์ (Lausanne) ม็องโทรซ์ (Montreux) และเวเว่ย์ (Vevey) ในตอนเหลือของทะเลสาบ และตอนใต้ของทะเลสาบเป็นของประเทศฝรั่งเศส ครอบคุลมเมืองอีวัวร์ (Yvoire เมืองท่องเที่ยวเอกในย่านนี้) และอีกหลายเมือง เมืองเวเว่ย์นั้นเป็นที่ตั้งของบริษัทเนสเล่ย์ที่พวกเรารู้จักกันดีค่ะ
ส่วนอีกทะเลสาบหนึ่งอยู่ติดชายแดนสามประเทศ คือ สวิตฯ เยอรมนี และออสเตรีย เรียกว่า ทะเลสาบคอนสต๊านซ์ Lac Constance เรียกว่า Bodensee ก็เรียกค่ะ เป็นภาษาเยอรมันแบบว่า ทะเลสาบชายแดน
ทะเลสาบอีกแห่งด้านใต้ของประเทศ อยู่ติดกับอิตาลี คือ ทะเลสาบลูกาโน่ Lac Lugano ในภาษาอิตาเลียนจะเรียก Lago Lugano
ทั้งสามทะเลสาบที่ว่านี้แม้ว่าบางแห่งอาจจะมีขนาดใหญ่กว่านูชาเต็ล แต่มิได้เป็นของสวิตฯเพียงประเทศเดียว ดังนั้น เขาจึงกล่าวว่า นูชาเต็ลเป็นทะเลสาบสวิสแท้ ๆ ที่ใหญ่ที่สุดค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
วันนั้นเรานั่งรถไฟกันไปเหมือนเคย แต่เมืองนี้อยู่ไกลกว่าโลซานน์ นั่งรถประมาณสองชั่วโมง รจนาได้เจอเพื่อนนักเรียนคนสิงคโปร์ (ผู้หญิง) ก็เลยคุยกันมาตลอดทาง เขาเป็นครูสอนภาษาอยู่ที่บ้าน แล้วช่วงนี้ปิดเทอมเลยมาเที่ยวยาว พี่สาวอยู่ที่เจนีวานี่เองก็เลยมาพักอย่างสะดวกสบาย
แล้วก็เจอคนตรวจตั๋วรถไฟที่เป็นสามีของเพื่อนคนไทยโดยบังเอิญ ก็เลยเจ๊าะแจ๊ะกันตอนที่เขาตรวจตั๋วเสร็จแล้ว วันนั้นเขาเลยเดินมาส่งพวกเราลงรถกัน รจนาเลยถ่ายรูปเพื่อน (เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว) ไว้เป็นหลักฐาน เขาใส่สูทอย่างหล่อเลยค่ะ
สถานีรถไฟนั้นอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลสาบ เราต้องนั่งรถเคเบิ้ลรอดอุโมงค์จากสถานีลงมา ก็นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกดี
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ที่เมืองนี้เขาภูมิใจกับหินสีน้ำผึ้งของเขามาก เพราะเป็นหินที่ได้มาจากภูเขาที่อยู่ไม่ไกล และได้สร้างบ้านแปงเมืองก็ด้วยหินนี้
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
สะพานที่ระลึกของเมืองค่ะ มีนกเกาะดูน่ารักเชียว สมัยก่อนนั้นน้ำในทะเลสาปยังสูงกว่านี้อีกสามเมตร ตัวเมืองจำนวนมากยังเป็นดินเป็นโคลนอยู่ใต้น้ำ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมืองนูชาเต็ลอันสวยงามเมื่อมองจากริมฝั่งน้ำค่ะ ส่วนหนึ่งของเมือง (ด้านล่าง) ก็ก่อกำเนิดขึ้นได้เพราะเขาขยันระบายน้ำไปทิ้งที่อื่นค่ะ เลยได้พื้นที่เพิ่มมา
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
คุณไก๊ด์กิติมศักดิ์ของเราค่ะ กำลังอธิบายลักษณะทางภูมิประเทศของเมืองอยู่ ไก๊ด์คนนี้รจนาชอบค่ะ เพราะพูดเสียงดังฟังชัด สู้กับเสียงรถบนถนนได้สบาย เขาอธิบายทุกอย่างเป็นภาษาฝรั่งเศส แต่หากเราไม่เข้าใจคำไหน เขาก็หาคำในภาษาอังกฤษบอกเราได้ด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ไปไหน รจนาก็อดจะแอบถ่ายรูปของกินไม่ได้ ตู้ขายชีสค่ะ เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ โดยส่วนใหญ่จะมีชีสที่ทานเหมือนกันทั้งประเทศอยู่หลายแบบ แต่ในขณะเดียวกัน แต่ละเมือง แต่ละมลรัฐ เขาก็จะมีชีสเฉพาะอย่างด้วยเช่นกัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
สัญญลักษณ์แห่งเสรีภาพประจำเมือง เป็นผู้หญิงถือตราชู (แห่งความยุติธรรม) แต่ทำไมต้องถลกกระโปรงด้วยก็ไม่รู้นิ รจนาก็ไม่กล้าถามคุณไก๊ด์
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หอนาฬิกาประจำเมือง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองเก่าในยุโรปทีเดียว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ขณะที่ วัว คือ สัญญลักษณ์ทางการเกษตรที่สำคัญของประเทศสวิสค่ะ เห็นเขาทำวัวปลอม ระบายสีสันน่ารัก ก็เอามาฝากกัน
เคยเล่าหรือเปล่าคะว่า รัฐบาลสวิสนั้นเขาเลี้ยงดูชาวไร่ชาวนาของเขาเป็นอย่างดี ให้เงินอุดหนุนการเกษตรมากมาย จนคนสวิสเองก็บ่น ๆ ว่า อาหารการกินแพงก็เพราะต้นทุนการผลิตสูง ภาษีก็เอาไปช่วยชาวนาเสียเยอะ
ชาวนาที่เลี้ยงวัวก็ได้เงินช่วยจากรัฐ นับเป็นรายหัวของวัวที่เลี้ยงค่ะ มีสถิติปีหนึ่งเขาบอกว่า วัวสวิสนี่มีรายได้ปีละพันกว่าฟรังก์เชียวนะ น่าอิจฉาวัวไหมค่ะ อยู่เฉย ๆ วัน ๆ ก็เคี้ยวเอื้องอย่างเดียว ตอนเช้ามีคนมารีดนมให้ ก็มีเงินใช้ (แฮ่ม แต่ก็มีวัวตัวที่ถึงเกณฑ์ต้องถูกเชือดด้วยเหมือนกันแหละ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
วิหารใหญ่ประจำเมือง หินสีน้ำผึ้ง สะท้อนแสงอาทิตย์อุ่นยามอัศดง ดูงามไม่น้อย วิหารที่นี่ไม่ได้ชื่อว่า มหาวิหาร (Cathedral) แต่ได้ชื่อว่า เป็นคอลเลจ ภาษาฝรั่งเศส เรียก Collegien เพราะไม่มีบิชอปมาประจำค่ะ แต่ใช้เป็นทำกิจกรรมทางศาสนาให้ชุมชนและเป็นที่เล่าเรียนเขียนอ่านของพระ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แล้วก็สวนด้านในวิหารค่ะ รจนาเห็นมีต้นกล้วยปลูกอยู่ด้วย คิดว่าแปลกดี (อีกแล้ว) เพราะที่จริงเมืองหนาวอย่างนี้ปลูกกล้วยไม่ขึ้น นี่เขาคงปลูกได้เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ประตูโค้งที่อยู่หลังวิหารนี่ไม่ใช่แค่ประตูเฉย ๆ ค่ะ แต่เขาสร้างได้เก๋มาก ขอให้พิจารณาดูขอบโค้งของประตูให้ดี (ขอบหิน) เขาจะทำเป็นร่องสามร่อง หากเราไปพูดกระซิบใส่ร่องใดร่องหนึ่งข้างหนึ่งของประตู แล้วเพื่อนไปแนบหูฟังที่ร่องที่ตรงกันอีกด้านหนึ่งของประตู เราจะได้ยินเสียงกระซิบนั้นค่อนข้างชัดเจนทีเดียว รจนาลองไปฟังดูแล้ว ได้ยินจริง ๆ ค่ะ น่าทึ่งมาก การเดินทางของเสียง แฮ่ม....เลยเก็บรูปมาฝาก ตามประสาคนขี้เห่อนิ
ยังมีเที่ยวนูชาเต็ลต่ออีกตอนนะคะ
เมื่อวันที่ : ๑๔ พ.ย. ๒๕๔๙, ๑๗.๔๗ น.
แหม! ได้ความรู้เพียบค่ะ ขอบคุณที่นำภาพ และเรื่องราวดีๆ มาฝากค่ะ