![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
ตอน : เหยียบเยอรมนี (เก้า) - คุ๊กซ์ฮาเฟ่น
มาเที่ยวกันต่อดีกว่าเราลาฟร้างค์และชเต๊ฟฟี่ตอนสาย ๆ แล้ว ก็เดินทางต่ออีกประมาณ ๓๐๐ กิโลไปบ้านแม่สามี หรือคุณแม่เวร่า ฝรั่งเขาไม่ถือหากเราเรียกชื่อเขาเฉย ๆ ค่ะ รจนาก็เลยเรียกคุณแม่ว่า เวร่า
บ้านเวร่านี้อยู่ที่เมืองคุ๊กซฮาเฟ่น ซึ่งอยู่ติดทะเลเหนือ ปากแม่น้ำเอลเบ้ ห่างจากฮัมบูร์กไปประมาณ ๑๕๐ กิโล
คุ๊กซฮาเฟ่นเป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลของนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันโดยเฉพาะ หากจะนับก็อาจเทียบได้กับหัวหินของบ้านเรา
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
คุ๊กซฮาเฟ่น (Cuxhaven) เป็นเมืองท่าด้วยค่ะ แต่ก่อนเป็นเมืองหาปลา เดี๋ยวนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวและทางผ่านของสินค้าจากแดนไกลไปลงที่ฮัมบูร์ก การได้ยืนดูเรือขนสินค้า เรือหาปลา เรือท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา นับเป็นความสุขสงบอีกแบบหนึ่งเหมือนกันค่ะ
รจนาไปที่นี่หลายครั้งแล้ว ก็พักบ้านคุณแม่ทุกครั้ง เนื่องจากพ่อบ้านเป็นลูกชายคนโตเป็นที่รักและเกรงใจของคุณแม่ รจนาก็เลยกลายเป็นสะใภ้ใหญ่(ที่ตัวนิดเดียว )
บ้านแม่เป็นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ฝรั่ง คือมีผนังติดกัน แต่มีที่ดินสวนหย่อมเล็ก ๆ ข้างหน้า และสวน(ไม่)เล็ก(นัก)และระเบียงนั่งเล่นข้างหลังบ้านค่ะ
บ้านชั้นบนมีสามห้อง คือ ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก กับห้องทำงานเขียนหนังสือ ข้างล่างมีห้องครัว ห้องนั่งเล่นรวมห้องกินข้าว และมีชั้นใต้ดินสำหรับซักผ้า เก็บของ ห้องทำความร้อนที่ใช้ตากผ้า (หน้าหนาว) ได้ด้วย
เวลาเราไปทุกครั้ง แม่จะสละห้องนอนใหญ่ให้เราสองคนนอน แล้วแม่ก็ไปนอนห้องเล็กค่ะ (น่ารักไหมคะ )
คราวนี้เราได้อยู่กับเวร่าประมาณสี่วันสามคืนค่ะ เราไปถึงตอนบ่ายสองโมงเห็นจะได้ เวร่าก็ทำอาหารโปรดของลูกชายเตรียมไว้รับค่ะ และก็แขวนท้องรอพวกเราด้วย
ทานเสร็จพวกเราทุกคนก็งีบตอนบ่ายกัน ปกติรจนาไม่งีบตอนบ่าย แต่เวลาไปฮอลิเดย์และต้องนั่งรถไกล ๆ ก็งีบกับเขาด้วยเหมือนกัน
เวร่าบอกว่า ครอบครัวไปติดนิสัยงีบตอนบ่ายก็ตอนไปอยู่เลบานอนกับกรีซนี่แหละค่ะ เพราะคนเขางีบกันหมด ก็ต้องงีบด้วย จากนั้นก็ชอบ ก็เลยกลายเป็นกิจกรรมปกติ
เวร่าอายุเกือบ ๗๘ ปีแล้ว สุขภาพแข็งแรง แต่เดินหรือยืนนานนักไม่ได้ ตามประสาคนมีอายุ ทว่ายังเล่นเทนนิสได้ เขาบอกว่า การเล่นเทนนิสกับการเดินนี่มันใช้กล้ามเนื้อไม่เหมือนกัน เวร่านอกจากเล่นได้แล้ว ยังเล่นชนะผู้ชายในรุ่นอายุเดียวกันเสียอีก
นอกจากนั้นเวร่ายังเคยเป็นแช้มป์สเก้ตน้ำแข็งสมัยสาว ๆ จะเป็นในระดับจังหวัดหรืออะไรนี่ รจนาก็จำไม่ถนัดเสียแล้ว
เรียกว่า เป็นสาวเก่งกีฬาค่ะ
ถึงกระนั้นฝีมือการเรือนเย็บปักถักร้อยก็ไม่เป็นรองใคร เวร่าปักผ้าปูโต๊ะแบบต่าง ๆ ถักเสื้อไหมพรม ซ่อมเสื้อขนสัตว์ให้ลูก ๆ เย็บผ้าด้วยมือด้วยฝีมือที่ปรานีตมาก แม้อายุจะมากแล้วก็ตาม
เวร่าเคยเล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจว่า สมัยสาว ๆ ทางโรงเรียนเขาสอนนักเรียนหญิงเรื่องการบ้านการเรือนด้วย เวร่าได้คะแนนที่หนึ่งของชั้นเรียนประจำค่ะ
แต่เวร่าไม่ค่อยใส่ใจเรื่องทำกับข้าวเท่าไรนัก แม้ว่าที่จริงจะมีฝีมือดีก็ตาม คงจะเป็นธรรมดาของคนที่รักกีฬาหรือกิจกรรมนอกบ้าน ที่การทำกับข้าวดูจะเป็นเรื่องเจ่าจุกอยู่กับห้องครัวมากเกินไป และสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ เดินทางไปรับราชการต่างประเทศ เวร่าก็จะมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดและหุงหาอาหารให้
ปัจจุบันเวร่าเล่นเทนนิสสม่ำเสมอ ทำความสะอาดบ้านเอง นัดเล่นบริดจส์กับเพื่อน ๆ ประจำ เล่นหมากรุกเก่ง (ได้ใช้สมอง) ติดตามข่าวสารบ้านเมืองด้วยความสนใจ โดยเฉพาะข่าวเล่นเทนนิส
เวร่าขณะนี้ก็ตัวคนเดียว สามีเสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อนค่ะ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยเงินบำนาญของสามีและของตัวเอง (สมัยยังสาว ๆ เวร่าเคยทำงานกับโรงงานของพ่อตัวเอง จึงมีเงินสะสมเลี้ยงชีพ) รายได้ไม่มากนัก แต่มีบ้านอยู่เอง ไม่ต้องเสียค่าเช่า เป็นคนประหยัด ใช้จ่ายระวัง ก็เลยอยู่ได้สบาย ๆ
ครอบครัวฝรั่งเขาไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยเงินเหมือนอย่างเรานะคะ (เท่าที่เห็น) อาจเพราะรัฐเขามีระบบสวัสดิการสังคมที่ดี มีเงินบำนาญ หรือสะสมเลี้ยงชีพ รักษาพยาบาลฟรีหรือเกือบฟรี (จากภาษีของลูก ๆ และทุกคนนี่แหละ) ทำให้ภาระการเลี้ยงดูไม่ตกอยู่ที่ลูกหลาน
และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูก ๆ นั้นถูกสอนให้โตและเลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่อายุ ๑๘ ปี ส่วนใหญ่จะแยกบ้านไปอยู่เอง หรือหากไม่แยกบ้าน อย่างน้อยก็หาเงินด้วยตัวเองได้แล้วในช่วงนั้น รบกวนพ่อแม่แทบจะน้อยที่สุด พ่อบ้านเองก็ไม่ยกเว้นค่ะ นั่นอาจเป็นเหตุให้ลูก ๆ เองก็ไม่ได้ผูกพันกับพ่อแม่มากจนต้องส่งเสียเลี้ยงดูในยามแก่เฒ่า
นี่รจนาวิเคราะห์จากคนใกล้ตัวและคนที่รู้จักเท่านั้นนะคะ อาจมีแตกต่างตรงข้ามกันไปตามเหตุปัจจัยได้
อ้าว...จะเล่าเรื่องเที่ยว มาเล่าเรื่องครอบครัวฝรั่งได้ยังไง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มาชวนดูเรือที่จอดอยู่หน้าท่าเทียบเรือของเมืองดีกว่า ดูแล้วก็สงบดีนะคะ เวลาทะเลไม่มีคลื่นลม
ที่เมืองคุ๊กซ์นี้มีชื่อเสียงคือ มีสันเขื่อน (dike) ล้อมตลอดเมือง สันเขื่อนนี่ก็คือแนวกำแพงดินที่เขาทำกั้นน้ำทะเลหนุนเป็นความยาวตลอดรายรอบเมืองค่ะ สันเขื่อนจะสูงประมาณสัก ๕ เมตรได้ เรียกว่า หากเรายืนอยู่ด้านในเราจะมองไม่เห็นทะเลเลย
ด้านในเขื่อนเขาจะทำเป็นเลนเดินเล่นและจักรยาน ถึงแม้ไม่เห็นทะเล แต่ก็เขียวสะอาด เสียดายว่า คนที่มาซื้อแฟลตริมทะเล หากได้ชั้นล่าง (ราคาถูก) ก็จะไม่เห็นวิวทะเลเลยค่ะ แต่ก็ได้อยู่ใกล้ทะเล เดินไปเมื่อรก็ได้ ส่วนแฟลตชั้นบนคนขายก็โก่งราคาได้มากหน่อย ตามวิวทิวทัศน์
ส่วนด้านบนเขื่อนเขาก็ทำเป็นที่เดินเล่นค่ะ เดินสบายมาก เขาห้ามจักรยานขึ้นไปแล่น และก็ห้ามสุนัขลงไปหน้าหาดในตอนกลางวันที่เป็นช่วงท่องเที่ยว
ส่วนด้านหน้าเขื่อนติดทะเล ก็เป็นทางเดินกว้างขวาง ตะกร้าท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะวางตรงสนามหญ้าติดตัวสันเขื่อนบ้าง หรือวางตรงชายหาดทรายติดกับน้ำบ้าง แล้วแต่ทำเล
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ฝรั่งเขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ริมน้ำตอนหน้าร้อน ในตะกร้านั่งริมชายหาดที่มีมากมายไปหมดเนื่องจากไม่มีต้นไม้ใหญ่ ๆ ก็เลยต้องมีตะกร้าไว้ให้นั่งหลบร้อน เก็บของได้ แต่ละตะกร้าก็มีกุญแจให้ล็อค แต่สังเกตว่า เขาค่อนข้างไม่กลัวคนขโมยของ - เพราะคงไม่ได้เก็บของมีค่าไว้หน้าหาดอยู่แล้ว
ตะกร้าพวกนี้แบ่งเป็นตะกร้านั่งส่วนตัว จะเป็นสีขาวเสียส่วนใหญ่ กับตะกร้าแบบที่ต้องเช่า (สีเหลือง) พวกที่ต้องเช่าก็มักจะมีหน้าหาดส่วนหนึ่ง พวกที่ไปรเวทก็มีหน้าหาดอีกส่วนหนึ่ง ไม่ปะปนกัน
รจนาชอบมากเลยค่ะ เพราะบ้านเวร่าอยู่ห่างจากสันเขื่อนไปไม่ถึง ๕๐๐ เมตรดี ตอนเช้าตื่นแต่เช้าออกไปเดินเล่นเสียรอบนึง ได้ลมทะเลสดชื่นดีจริง ๆ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตะกร้าหน้าหาดแบบที่อยู่บนสนามหญ้า ส่วนใหญ่จะอยู่หน้าหาดส่วนตัว สภาพยามเย็นโพล้เพล้ มีหมอกจาง ๆ
เวร่าบอกว่า สมัยก่อนก็เคยมีเหมือนกัน แต่ตอนหลัง ๆ จะเช่าเขาดีกว่า เพราะเดือนนึง ๆ ก็ออกมาแค่ไม่กี่ครั้ง เนื่องจากอากาศริมทะเลเหนือเอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้ตะกร้าแล้ว อยากออกมาว่ายน้ำเมื่อไรก็ขับรถมา ง่ายกว่าค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ทางเดินขึ้นสันเขื่อน มีห้องส้วมสุนัขค่ะ มีถุงสำหรับให้เก็บอึสุนัขด้วย และมีถังทิ้งอึด้วย
ที่เมืองคุ๊กซฮาเฟ่นนี้มีอะไรให้ทำหลายอย่าง แม้ว่าจะดูเป็นเมืองเล็ก ๆ สงบ ๆ
ด้านในเมืองเขาก็มีร้านรวงสวยงามไว้ดูดเอาเงินนักท่องเที่ยว ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ ของใช้ ของกิน ของที่ระลึกเกี่ยวกับทะเล ร้านอาหารน่ารัก ๆ หลายแห่ง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มาดูตะกร้าหน้าหาดในบรรยากาศหมอกจาง ๆ เป็นช่วงตอนเย็นค่ะ ดูโรแมนติกปนเศร้านิด ๆ
ด้านหน้าหาด หรือท่าเรือ เขาก็มีเรือนำเที่ยวเกาะใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ชื่อว่า ฮาโกลันด์ โดยเรือนี้จะมาจากฮัมบูร์กและแวะมารับผู้โดยสารเพิ่มที่นี่ และรายการเที่ยวทางเรืออีกหลายรายการ เช่น ไปดูเกาะแมวน้ำ
แล้วยังกิจกรรมว่ายน้ำ ตกปลา ถีบจักรยาน งานออกร้านในหน้าร้อน งานฉลองริมชายหาด งานกระโดดร่มลงหาด งานแข่งรถม้าหน้าหาด (ตอนน้ำลง) ฯลฯ
แต่ที่น่าสนใจและพ่อบ้านชวนมานานแล้วก็คือ การเดินไปที่เกาะนอกชายฝั่งชื่อว่า เกาะนอยว้ากค์ (Neuwerk) เป็นเกาะท่องเที่ยวเล็ก ๆ มีโรงแรมให้พักได้ด้วย ก่อนนั้น รจนาขี้เกียจตัวเป็นขน กลัวการเดินมากก็เลยบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา เที่ยวนี้นึกท้าทาย ตั้งใจไปเดินจริง ๆ
กล่าวคือพื้นทะเลที่หน้าเมืองคุ๊กซ์นี้มีช่วงที่ตื้นมาก ๆ ไม่เกินเมตรครึ่ง เวลาน้ำลงเต็มที่ น้ำจะแห้งไปจนถึงเกาะที่ว่าและลูกเกาะอีกสองเกาะ เราสามารถเดินไปได้ ระยะทาง ๑๒ กิโล แต่ก็ยังมีส่วนที่น้ำลึก ซึ่งต้องออกจากท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง อยู่อีกแนวนึง ไม่ปะปนกันค่ะ
ดังนั้น วิธีไปเที่ยวเกาะนี้ก็มีสามสี่แบบคือ แบบนั่งเรือไป แบบนั่งรถม้าไป (บรรทุกได้ทีละ ๙ คน) หรือแบบเดินไป
คนที่ชอบเดินไปเพราะเป็นความท้าทายและความสนุกอย่างหนึ่งนั้น มักจะเดินขาไป (ประมาณ ๓ ชั่วโมง) และนั่งเรือหรือรถม้าขากลับ
รถม้านั้นต้องจองล่วงหน้า เพราะรับคนได้น้อย และมีไม่มากคัน
สำหรับเรือไม่ต้องจอง
ส่วนการเดินนั้น ก็มีคนนำเดิน (หากต้องการ) โดยจ่ายเงินนิดเดียว ๒ ยูโร และต้องเดินตามเวลาที่เขาบอก เดินกันไปเป็นกลุ่ม ช่วยกันดูแลกัน
เขาจะเริ่มเดินก่อนน้ำลงเต็มที่สัก ๑ ชั่วโมง เพราะหน้าหาดจะแห้งก่อน เดินไป ๆ น้ำกลางทะเลก็แห้งลงไปเรื่อย ๆ อย่างนี้พอเราไปถึงเกาะ ก็ยังอยู่ในช่วงน้ำลงอยู่ ปลอดภัยทุกประการ หากกลัวน้ำมาก็ต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อย
และเราต้องเดินตามกติกา คือ เขาจะมีเครื่องหมายเป็นพุ่มไม้ทะเลหรือไม้หลัก ให้เราเดินตามแนว เราควรเดินเท้าเปล่า (จะใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าก็ได้ ไม่มีใครห้าม แต่เวลารองเท้าเปียกก็เดินไม่สนุกละ) หากเดินออกนอกแนวก็จะเจอเปลือกหอยแตก ๆ คราวนี้ก็ไม่สนุกละค่ะ หรือไปเจอช่วงที่น้ำทะเลเซาะเป็นร่องน้ำ ตรงนี้อันตราย เพราะหากน้ำหนุนมาจะถูกพัดไปง่าย ๆ
เขาไม่อนุญาตให้ถีบจักรยานหรือขับรถไปบนพื้นทะเล
ดังนั้น ไปเที่ยวนี้ รจนาก็ฟิตร่างกายเต็มที่ค่ะ พร้อมจะออกไปเดิน
เช้าวันนั้น ทานข้าวกันแต่เช้า เตรียมเครื่องแต่งกาย เตรียมเป้แบกของ เตรียมรองเท้า (เดินบนเกาะ) ตั้งใจไปกันเต็มที่
แต่ก่อนเวลาออกจากบ้านนิดเดียว ฝนเทลงมาเลยค่ะ แล้วก็ตกอยู่อย่างนั้นจนค่ำ เป็นอันว่าแผนการณ์เลิกล้ม เพราะฝนตกอย่างนี้จะไม่มีใครเดินอยู่แล้ว
ทว่า เรายังไม่ยอมแพ้ วันรุ่งขึ้นอากาศดี พอได้เวลาน้ำลง พ่อบ้านก็เลยบอกให้รจนากับเวร่าออกไปเดินเฉพาะแถวหน้าหาด ไม่ต้องไปไกลถึงเกาะ เพราะตอนนั้นบ่ายแก่มากแล้ว เกือบสี่โมงเย็น และเวร่าก็เดินไม่ไหวถึง ๑๒ กิโลอยู่แล้ว พ่อบ้านมีธุระต้องทำหลายอย่าง เลยไม่ไปด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แม่สามีกับลูกสะใภ้ใหญ่ออกไปลุยทะเลกันสองหญิง
การได้บนเดินบนพื้นทะเลที่ชาวเยอรมันเรียกว่า วัตต์ Watt นี่ก็ดีจริง ๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ของรจนา ทรายนุ่ม นวดเท้า และมีซัลเฟอร์เหลือง ๆ เกาะหน้าทรายในจุดที่ห่างฝั่งไปหน่อย ซึ่งเขาว่าดีต่อสุขภาพมากทีเดียวค่ะ
รจนาเห็นว่าจริงตามนั้น เพราะเราสองคนแม่สามีกับลูกสะใภ้ใหญ่ เดินไปคุยไปช้า ๆ ไม่เร่งรีบ ไม่ได้เดินออกไปไกล แต่เดินเลียบไปตามชายหาด ไปจนถึงที่เขามีหินกั้นแนวน้ำลึก ไปดูเรือใหญ่ที่ผ่านไปมา
หมดเวลาไปทั้งขาไปขากลับ ชั่วโมงครึ่งไม่รู้ตัวค่ะ เพลิน และไม่ปวดเมื่อยขาหรือเข่า แต่ก็เหนื่อย ๆ หน่อย แสงแดดก็อ่อน ๆ กำลังสบาย ไม่แผดเผา
กลับจากเดิน เราก็มานั่งดื่มน้ำกันที่ร้านกาแฟหน้าหาด คุยกันหนุงหนิง พ่อบ้านตามมาสมทบ ก่อนจะพาเรากลับบ้าน เย็นนั้นก็ทานอาหารเบา ๆ กัน ด้วยความผาสุก หลับฝันดี
รจนาคุยกับพ่อบ้านถึงประสบการณ์ครั้งนี้ด้วยความสุข เราสัญญากันว่า คราวหน้าจะต้องไปพิชิตเกาะที่ว่านี้โดยทางเท้าให้ได้ ก่อนที่เราจะแก่หมดแรงเดินเสียก่อน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตะวันตกดินที่ไหน ๆ ในโลกก็สวยเหมือนกันหมด
เมื่อวันที่ : ๒๓ ก.ย. ๒๕๔๙, ๑๖.๐๔ น.
อ่านแล้ว.....อยากไปที่สุดเลยครับ ถ้าพี่รจนามีเวลา กลับมาพาผมไปเที่ยวด้วยนะครับ