![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...เราไปที่หอโอเปร่าเซ็มแปร์ (Semperoper) กันแต่เช้า เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เรียกว่า ใครมาแล้วไม่ได้ไป เหมือนกับไปกรุงเทพฯแล้วไม่ไปเยี่ยมวัดพระแก้ว ทำนองนั้น...
ตอน : เหยียบเยอรมนี (เจ็ด) - เดรสเด็น ๔
เรานอนหลับสบายใช้ได้ แม้จะมีเสียงรถจากถนนหน้าแฟลต รู้สึกจะเล่าไปแล้วว่า แกร์ฮาร์ดอยู่แฟลตชั้นหกไม่มีลิฟต์ เพราะเป็นอาคารที่พักราคาถูก พวกเราก็เลยต้องเดินขึ้นลงบันไดหลายชั้น รวมทั้งหมด ๙๙ ขั้น (เลขดีนะคะ)ต้องกล่าวชมระดับบันไดของเขาว่า แต่ละขั้นไม่ชันมาก ตัวทางเดินบันไดก็กว้างขวาง สะอาด มีหน้าต่างเปิดรับลม (และปิดกันหนาวได้) ทุกชั้น ทำให้การเดินขึ้นเป็นเรื่องไม่ยากนัก สถาปนิกเขาก็คงคำนึงถึงจุดนี้เหมือนกันว่า เมื่อไม่มีลิฟต์ก็ต้องทำบันไดให้ดีที่สุด
แกร์ฮาร์ดนั้นชินแล้วเพราะเดินขึ้นลงทุกวัน พ่อบ้านก็ไม่ใช่คนขี้บ่น รจนาเองได้เดินขึ้นบันไดแบบนี้ก็ดีใจ เพราะเป็นการบังคับให้ตัวเองได้ออกกำลังกาย เดินไปก็นับขั้นบันไดไป และจับลมหายใจแบบทำสมาธิไปด้วย ก็ถึงชั้นบนโดยไม่ยากลำบากแต่ประการใด
อาหารเช้าบ้านคนเยอรมันที่อบอุ่นอีกแล้ว แกร์ฮาร์ดต้อนรับเราอย่างเต็มที่ ออกไปซื้อขนมปังร้อน ๆ ใหม่ ๆ หอม ๆ แต่เช้า มีแยม มีน้ำผึ้ง มีแฮม แถมมีขนมเค้กพื้นบ้านอีก แต่พวกเราขอไม่ทานขนมเค้กในช่วงเช้า บอกว่าจะมาฉลองศรัทธาตอนเที่ยง หลังจากไปเที่ยวตัวเมืองแล้วกลับมาเก็บของกัน
แกร์ฮาร์ดชงชาและกาแฟเลี้ยง รจนาทานชา พวกผู้ชายทานกาแฟกัน
วันนี้อากาศดีขึ้น โชคดีจริง ๆ ฟ้าสวยมาก ๆ พวกเราตัดสินใจกลับไปที่กรุงเก่าอีกครั้ง ถ่ายภาพในแสงสวย พ่อบ้านมัวแต่โทรศัพท์ติดต่อธุระ รจนาก็เดินวนหามุมถ่ายภาพสวย ๆ
เราไปที่หอโอเปร่าเซ็มแปร์ (Semperoper) กันแต่เช้า เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เรียกว่า ใครมาแล้วไม่ได้ไป เหมือนกับไปกรุงเทพฯแล้วไม่ไปเยี่ยมวัดพระแก้ว ทำน้องนั้น
เราไปถึงแต่เช้าก่อนสิบโมง เพราะได้ยินว่า เขาเปิดให้เข้าชมตอนสิบเอ็ดโมง เห็นมีคนรอเข้าคิวอยู่แล้ว สัก ๒๐ คน แต่เขาบอกว่ายังไม่เปิดให้ชมจนกว่าจะอีกสัก ๔๕ นาที แกร์ฮาร์ดก็เลยอาสาเข้าคิวให้เรา เราอาศัยเดินดูใกล้ ๆ และไปถ่ายรูปนิดหน่อย
พอได้เวลาเราก็รีบเดินกลับไปที่หอโอเปร่า ปรากฎว่า เขาเปิดเร็วกว่าที่คิด ตอนกลับไปถึง แกร์ฮาร์ดกลายเป็นคิวแรก คาดว่า คนหลังเขาคงเข้าไปก่อนหลายคนแล้ว และเขายืนรอจนเรากลับมา (น่ารักจริง ๆ ค่ะ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อสั่งเสียกันดีแล้ว แกร์ฮาร์ดขอตัวไปทำธุระและจะกลับมารับเราตอนประมาณบ่ายโมง กะว่าให้เราชมโรงละครเสร็จในหนึ่งชั่วโมง และมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงไปชมมิวเซียมกรุสมบัติใกล้ ๆ
ค่าเข้าชมจำไม่ได้ค่ะ เพราะจ่ายรวมกันกับค่ามัดจำหนังสือ แต่น่าจะประมาณคนละ ๘ ยูโร เพราะมีไก๊ด์นำชมด้วย และรจนาซื้อตั๋วสำหรับถ่ายรูปด้วย ๒ ยูโร ผีถึงป่าช้าแล้ว ยังไงก็ต้องเผา
แบบนี้จึงได้ภาพเอ๊กคลูซีฟมาฝากเพื่อน ๆ ไงคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หอแสดงโอเปร่าดูเก่าแก่เคร่งขรึม บรรจุคนดูได้ ๑,๔๐๐ คน ถือเป็นหอโอเปร่าขนาดกลาง บริเวณหน้าหอโอเปร่านี้เขาเรียกว่า จตุรัสโรงละคร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สวยที่สุดของยุโรปค่ะ นำภาพมาฝากแล้วในตอนก่อน ๆ นะคะ
บุคคลผู้ก่อสร้างหอโอเปร่าแห่งนี้ก็คือ Gottfried Semper หอโอเปร่าก็เลยได้ชื่อตามเขา หอที่เราเห็นนี้เป็นหอใหม่ค่ะ สร้างทับของเดิมในระหว่างปี ค.ศ. ๑๘๗๑ ถึง ๑๘๗๘
สไตล์ของหอโอเปร่านี้เป็นไปในรูปแบบอิตาเลียนไฮท์เรอเนสซองต์ มีทั้งหมดสองชั้น (แบบไทยจะเรียกว่า สามชั้นค่ะ เพราะฝรั่งเขาไม่นับชั้นระดับพื้นดิน) ด้านในของเขาจะอลังการก็ตรงภาพเพดาน โคมไฟ เสาที่ประกบด้วยหินอ่อนนี่แหละค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เขามีทัวร์แบบภาษาอังกฤษด้วย แต่วันนั้นไม่มี มีแต่ภาษาเยอรมัน (ซึ่งทำให้เดาได้เหมือนกันว่า เขามีนักท่องเที่ยวเยอรมันมากกว่า) รจนาก็ได้พ่อบ้านช่วยแปลให้เวลาไก๊ด์พูดภาษาเยอรมัน แต่ก็ไม่ลำบากมาก เพราะเขามีหนังสือนำเที่ยวภาษาอังกฤษให้เรายืม (จ่ายเงินมัดจำห้ายูโร พอคืนหนังสือก็ได้เงินคืน) เราก็อาศัยอ่านแบบรวดเร็ว โดยเปิดดูภาพที่ตรงกับห้องที่เราเข้าไป แล้วก็อ่าน แต่ตอนหลัง ๆ ฟังพ่อบ้านแปลสนุกกว่า
เวลาเราซื้อบัตรถ่ายรูปแล้ว เขาจะให้เป็นสติ๊กเก้อร์แบบเอามาติดไว้บนเสื้อได้ ที่จริงเขาก็ไม่มาตรวจหรอกว่าเรามีบัตรจริงไหม เพราะเขาเชื่อใจ แต่รจนาสังเกตเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวบางคนไม่มีสติ๊กเก้อร์ติด แต่เขาก็ถ่ายรูป อย่างนี้ก็ไม่อาจตัดสินได้เหมือนกัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ส่วนนักท่องเที่ยวเยอรมันแท้ ๆ เขามารยาทดีมากเลยค่ะ เขาจะฟังไก๊ด์อย่างตั้งใจจนจบ ไม่ขัดจังหวะ ไม่เดินเปะปะ แล้วก็ไม่ถ่ายรูปด้วย จะมีแค่คนสองคนจริง ๆ ที่น่าจะมาไกล (เช่น รจนา) ก็ถ่ายรูปกันหน่อย แต่ก็ถ่ายอย่างระวัง ไม่ให้รบกวนไก๊ด์หรือคนที่กำลังฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กดี เดินตามไก๊ด์ต้อย ๆ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ไก๊ด์สาวของเราทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อธิบายความเป็นมาและเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเราทราบ เป็นนักศึกษาวิชาจิตวิทยาค่ะ เขาบอกว่า อยากจะเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์เหมือนกัน แต่จบแล้วหางานยาก สู้เรียนทางจิตวิทยาดีกว่า แล้วก็มาหาเงินในช่วงหน้าร้อน คุณภาพนักศึกษาของเราไม่เลวเลยนะ พิล แบบนี้คงไม่ได้จ้างใครทำรายงานให้แหง ๆ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตรงห้องโถงทางขึ้นก่อนจะเข้าห้องแสดงเขาจะให้เราดูหินอ่อนสีเขียว ๆ ที่เขาสะกัดเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาประกบเสาคอลัมน์ทั้งหลาย กล่าวกันว่า เทคนิคนี้ใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายสูงกว่าใช้หินอ่อนจริง ๆ ทั้งแท่งเสียอีก ซึ่งหินอ่อนแบบปะกบแบบนี้ เวลาเราจับจะไม่เย็นเหมือนหินอ่อนทั้งแท่ง แต่ว่ากันว่า อยู่ทนทานกว่า พอเก่าแล้วก็ไม่ดูหม่นหมอง เป็นเพราะเทคนิคการขัดถูและถนอมก่อนจะนำมาแปะปะกบค่ะ
รจนาเห็นว่าภาพวาดเพดานสวยดี เรียกว่า เขาออกแบบมาเนี้ยบทีเดียว มองไปมุมไหนก็สวยหยดย้อยไปหมด น่าภูมิใจที่เขารักษาไว้ได้จนพ้นภัยสงครามระเบิดหล่น
หอโอเปร่าเซ็มแปร์นี้มีชื่อเสียงก้องเยอรมนีไม่เพียงเพราะความเก่าแก่งดงามและทำเลที่ตั้ง แต่คุณภาพของหอแสดงที่ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน จนไม่น่าเชื่อว่าสถาปนิกในยุคนั้นคิดได้อย่างไร
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตอนนั่งอยู่บนที่นั่งชมการแสดง จะเห็นว่ามีกรุ๊ปทัวร์ทีเดียวกันประมาณ ๕ กลุ่ม ไก๊ด์ก็พาไปแยกนั่งตามชั้นต่าง ๆ เสียงจะได้ไม่ตีกัน เขาบอกว่าตรงที่เรานั่งนี่ราคาที่นั่งดูประมาณ ๖๐ ยูโร (ตั๋วถูก จะเห็นการแสดงไม่ดีนัก) เขาทำช่องระบายอากาศไว้หลังเก้าอี้ทุกตัว เหมือนกับเป็นแอร์คอนนิด ๆ ทำให้หายใจได้สะดวกหน่อยคะ
ส่วนที่นั่งชั้นข้างล่างเราไปอีกหนึ่งชั้น ที่เห็นเยื้อง ๆ ตรงด้านซ้ายของภาพ เป็นที่นั่งแบบราคาแพงสุดคือ แต่ก่อนคือที่นั่งของพระมหากษัตริย์ รจนาจำราคาไม่ได้ คลับคล้ายว่าจะ ๑๒๐ ยูโรหรือไงเนี่ย ถูกผิดต้องขออภัยด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
โคมไฟชานเดอเลียร์ในหอแสดงนันงดงาม น้ำหนักหลายตัน รจนาคงไม่อยากนั่งข้างล่างตรงโคมไฟเท่าไร วันนั้นมีช่างมาเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลายร้อยดวงพอดี
เราไปในหน้าร้อน เขาไม่มีการแสดงค่ะ โอเปร่าเขานิยมแสดงในหน้าหนาว เพราะคนหนีไปเที่ยวข้างนอกไม่ค่อยได้ ต้องชมอะไรที่อยู่ในตึกแทน
กล่าวกันว่า รีเฟล็กซ์อะคูสติกของหอแสดงนี้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งนี้โดยใช้แนวก่อสร้างที่แสนฉลาด รูปสลักต่าง ๆ มุมเหลี่ยมโค้งที่บรรจงสร้างนั้น ต่างช่วยสะท้อน ช่วยดูดซับ ช่วยรับ ช่วยส่งเสียงดนตรีอันไพเราะไปเป็นทอด ๆ ทำให้คนที่ได้นั่งชั้นบนสุดด้านตรงข้ามกับเวทีนั้น เวลามีเสียงดนตรีจะเกิดการสะท้อนจากข้างหลัง รู้สึกเหมือนกับว่ามีวงดนตรีเล่นอยู่ข้างหลังพวกเขากระนั้น จนต้องแอบหันไปมอง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
คนสมัยก่อน (ที่รักดนตรี) นี่เขาเป็นอัจฉริยะด้านการก่อสร้างหอแสดงไปพร้อม ๆ กัน นะคะ
ด้วยเหตุนี้ไก๊ด์สาวจึงบอกว่า หอเซ็มแปร์แล้วที่จริงเหมาะกับการแสดงคอนเสิร์ตมากที่สุด เพราะคุณลักษณะทางอะคูสติกอันพิเศษนี้เอง
ไก๊ด์ของเราทำหน้าที่อย่างดี บรรยายทางซ้ายบ้างขวาบ้าง ให้พวกเราได้ยินทั่วถึง เขาบอกว่าที่หอนี้เขาแสดงกันดีมาก แม้แต่เฮลิคอปเต้อร์จริง ๆ ก็ยังนำมาร่วมแสดงได้
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หลังจากอิ่มใจกับหอแสดงโอเปร่าแล้ว พวกเราก็ข้ามไปดูกรุสมบัติใกล้ ๆ ที่ Stattliche Kunstsammlungen โดยไปดูชุดแสดงที่ชื่อว่า New Green Vault (Neues Grünnes Gewölbe) รจนาก็แปลไม่ถูกค่ะ เพราะ Vault นั้นแปลได้ทั้งว่า ห้องหลังคาโค้ง ห้องใต้ดิน ประมาณนั้น
เอาเป็นว่าเราได้เห็นสมบัติอันอลังการ เครื่องกระเบื้องชั้นเลิศที่พระยามหากษัตริย์เท่านั้นจะครอบครองได้ เพชรนิลจินดา (แบบที่เอามาแสดงได้) มากมาย ภาพเขียนภาพวาดอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มิอาจประมาณได้ งานประดิษฐ์ แก้วเจียระไน
ที่น่ารักอย่างหนึ่งก็คือ เม็ดเชอร์รี่ที่ช่างแกะสลักเขาก็ช่างสรรค์ทำ คือนำมาแกะเป็นเรื่องราว เป็นหน้าคน เป็นช่อดอกไม้ ในเม็ดเล็ก ๆ นั่นแหละค่ะ เราต้องดูผ่านแว่นขยายจึงจะเห็นรายละเอียดที่น่าทึ่ง (ทำให้นึกถึงแม่ของสังข์ทองที่สลักฟักเป็นเรื่องราวมาเตือนความจำของคุณลูก แต่ลูกฟักยังไงก็คงใหญ่กว่าลูกเชอร์รี่นิ)
ที่รจนาติดใจมากที่สุดคือ ชุดน้ำชาของพระราชาของเขาค่ะ ใหญ่โตมหึมา มีทั้งทองเงินเพชร แต่ได้ข่าวว่า ท่านเจ้าของมีไว้ชมเท่านั้น ไม่เคยได้ดื่มชาจากชุดน้ำชานี้จริง ๆ
แล้วยังมีชุดแสดงทองและอัญมณีอันอลังการ ทำเป็นลักษณะพระราชวังของจักรพรรดิชาวจีน พร้อมลานพระราชวังที่ห้อมล้อมด้วยเจ้านายและขุนนาง ทั้งหมดตีด้วยทองและเงิน ตกแต่งอย่างวิจิตร เรียกว่า เห็นแค่ตรงนี้ก็คุ้มเงินค่าเข้าชมคนละ ๖ ยูโร
มิวเซียมนี้ค่อนข้างเล็ก ๆ แต่ก็มีของให้ดูหาน้อยไม่ เขาห้ามถ่ายรูปค่ะ เลยหมดสิทธิเอาภาพมาให้ชม
เมื่อวันที่ : ๒๑ ก.ย. ๒๕๔๙, ๑๖.๑๑ น.
สวยงามจังเลยค่ะ..