นิตยสารรายสะดวก  Memorandum  ๐๒ มกราคม ๒๕๕๐
เรื่องเล่าจากเจนีวา (ปีห้า) #17
รจนา ณ เจนีวา
...คง​ต้องกล่าวว่ากว่า​จะมาถึงวันงานนั้น​ เฟอร์ดี้​ต้องยุ่งยากไม่น้อย ​เพราะ​เป็นพ่อหม้าย ​ต้องจัดการงานคนเดียว ลูกก็ไม่มี พี่น้องก็อยู่​ไกล ​ต้องวุ่นวาย​ทั้งเลือกสถาน​ที่ เลือกร้านอาหาร ส่งบัตรเชิญ...

ตอน : ไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน (สอง)

อย่าง​ที่เล่า​ไปตอนก่อนนะคะ​ว่า เดือนกรกฎาคมมีวันเกิด​เพื่อนสองคน อายุครบ ๖๐ ขวบ​ทั้งคู่

​แต่ละคนก็จัดงานใหญ่ มีญาติมิตรไม่ต่ำกว่า ๕๐ คน คนแรกเล่า​ไปแล้ว​​เป็นผู้หญิงชาวอังกฤษชื่อ โรซี่ มี​เพื่อน ๆ​ ​และญาติจากเกาะอังกฤษบินมาร่วมงาน สมทบ​กับ​เพื่อน ๆ​ ในเจนีวา​และเขตใกล้เคียงก็ร่วม ๑๐๐ คน งานสนุกสนาน อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ เค้กวันเกิดน่ารักมาก เจ้าของงานขอให้เราช่วยบริจาคให้การกุศล​เป็นของขวัญค่ะ​

​ส่วนงาน​ที่สอง​เป็นของ​เพื่อนชาวเยอรมัน ​เป็นสุภาพบุรุษค่ะ​ ชื่อคุณเฟอร์ดินันด์ ​เพื่อน ๆ​ เรียกชื่อเล่นว่า เฟอร์ดี้ (ไม่ใช่เฟอร์กี้แสนเปรี้ยวนะคะ​) มีแขกประมาณ ๕๐ คน ​ส่วนหนึ่ง​​เป็นพรรคพวก​เพื่อนฝูงในเจนีวา อีก​ส่วนหนึ่ง​​เป็นก๊วนเล่นกอล์ฟ​ที่รัก​ใคร่กันอีก อีก​ส่วนหนึ่ง​​คือ​เพื่อนเก่า​และครอบครัวจากบอนน์ (เยอรมนี) ค่ะ​

คง​ต้องกล่าวว่ากว่า​จะมาถึงวันงานนั้น​ เฟอร์ดี้​ต้องยุ่งยากไม่น้อย ​เพราะ​เป็นพ่อหม้าย ​ต้องจัดการงานคนเดียว ลูกก็ไม่มี พี่น้องก็อยู่​ไกล ​ต้องวุ่นวาย​ทั้งเลือกสถาน​ที่ เลือกร้านอาหาร ส่งบัตรเชิญ

เฟอร์ดี้เช่าบ้านอยู่​ในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ริมแม่น้ำโรน บริเวณบ้านสวยงามมาก ​และเฟอร์ดี้ก็อยาก​จะจัดงานเลี้ยงอาหารเย็นในสวนข้างบ้าน ​เพื่อให้แขก​ได้บรรยากาศอย่างเต็มอิ่ม งานนี้กำหนดจัดวันเสาร์​ที่ ๕ สิงหาคม ​จะกำหนดวันล่วงหน้าไว้ประมาณ ๓ เดือน ​ซึ่งถือ​เป็นเรื่อง​ปกติของคน​ที่นี่ค่ะ​ บางคนกำหนดไว้ล่วงหน้า​เป็นปีเลย​

​แต่อากาศในยุโรปนี้​เอาแน่​เอานอนไม่​ได้เลย​จริง ๆ​ เดือนสิงหาคมอาจ​จะร้อนสุด ๆ​ หรือร้อนปนฝนก็​ได้ เรากำหนดวันไว้ล่วงหน้าแล้ว​ ​เป็นช่วงฤดูร้อน ​แต่ฝนก็​พร้อม​จะตก​ได้ตลอดเวลา เฟอร์ดี้บอกพวกเราว่า นอนไม่หลับอยู่​หลายคืน ​เพราะฝันร้ายว่ามีฝนตก​ระหว่างจัดงาน เฟอร์ดี้เลย​วางแผนไว้สองแผน ​คือ หากอากาศดีก็​จะจัดงานในสวน ​แต่หากอากาศไม่ดีก็​จะ​ไปจัด​ที่ห้องจัดเลี้ยงในหมู่บ้านใกล้ ๆ​ ​และ​จะตัดสินใจในวันก่อนงานหนึ่ง​วัน

​เพื่อน ๆ​ คนไทยอาจสงสัยว่า ทำไม​ต้องจัดงานนอกบ้าน ​ต้องเข้าใจนิดนึงค่ะว่า​ เวลาหน้าหนาวหรือหน้าอื่น ๆ​ ผู้คน​ต้องอุดอู้อยู่​ในบ้าน หน้าร้อน​เป็นเวลาเดียว​ที่​จะ​ได้อยู่​กลางแจ้ง ให้ผิวพรรณ​ได้รับวิตามินดี ​ได้ชื่นชม​กับ​ความงามของธรรมชาติ​และอากาศบริสุทธิ์ ​และแดดหน้าร้อนของเมืองนอกนั้น​ไม่รุนแรงเท่า​กับเมืองไทย ฝรั่งจึงชอบ​ใช้ชีวิตนอกบ้านมาก ​และตอนค่ำ ๆ​ กว่า​พระอาทิตย์​จะตกดินก็สามสี่ทุ่ม การอยู่​กลางแจ้ง หรืออยู่​นอกบ้านจึงว่า​เป็นสิ่ง​ที่ดีต่อสุขภาพ

รวม​ทั้งอาคารบ้านเรือนห้องจัดเลี้ยงต่าง ๆ​ นั้น​มัก​จะอุดอู้​และไม่มีเครื่องปรับอากาศ ฝรั่งเอง​โดยทั่ว​ไปก็ไม่นิยมเครื่องปรับอากาศ ชอบอากาศบริสุทธิ์นอกบ้านมากกว่า การ​ไปจัดงานในห้องจัดเลี้ยงจึงไม่​เป็น​ที่นิยมกันเลย​ค่ะ​ในช่วงหน้าร้อน

กลับมาเล่าเรื่อง​งานวันเกิด

สามอาทิตย์ก่อนจัดงาน​เป็นช่วง​ที่อากาศร้อนมาก แดดแจ๋ทุกวัน เฟอร์ดี้กังวลมาก ​เพราะรู้ว่าหากอากาศดีติด ๆ​ กันหลายอาทิตย์ ก็​จะเปลี่ยน​เป็นพายุฝน​ได้ง่าย ๆ​ เฟอร์ดี้​เป็นนักบินเครื่องร่อน (เครื่องบินแบบไม่มีเครื่องยนต์ อาศัยมวลอากาศร้อน หรือ เทอร์มัล ในการเลี้ยงตัวอยู่​บนอากาศ) จึงอ่านสภาพอากาศเก่ง

​ส่วนพวกเราก็คอยติดตามพยากรณ์อากาศแบบใจจดใจจ่อ

แล้ว​ก็​เป็นจริงดัง​ที่กังวลค่ะ​ กล่าว​คือ​ทั้งอาทิตย์ก่อนจัดงาน ฝนตกพรำ ๆ​ ตลอด จน​เพื่อน ๆ​ หลายคนป่วย ​และอุณหภูมิก็ลดลงจาก ๓๐ องศากว่า ๆ​ มาเหลือ ๑๘ องศา ​ซึ่งเย็นเกิน​ไปสำหรับการจัดเลี้ยงข้างนอก

พอวันศุกร์ฝนก็ยังไม่ยอมหยุดตก เฟอร์ดี้ก็เลย​ยอมแพ้ ประกาศให้​เพื่อนฝูงทราบว่า​จะจัดงานในห้องจัดเลี้ยง ​แต่​จะเลี้ยงเครื่องดื่ม​ที่บ้านในสวนก่อน

พอเช้า​วันเสาร์อากาศกลับดีราว​กับหน้ามือ​เป็นหลังมือ ฟ้าแจ่ม แดดใส ​ทั้งวัน พวกเราก็นึกเสียดายแทนเฟอร์ดี้ว่า ​ต้อง​ไปจัดงานในตึก ​แต่พอตกเย็น ฟ้าครึ้ม อากาศยังเย็นเหมือนเดิม พวกเรา​ไปถึงงานเลี้ยง​ที่บ้านประมาณเกือบหกโมง ฝนลงเม็ดเปาะแปะ ลมพัดแรง อากาศเย็นลง ใส่เสื้อสองชั้นก็ยังหนาว

ถึงตอนนั้น​ เฟอร์ดี้​และพวกเราทุกคนสรุปกันว่า ดีแล้ว​​ที่ย้ายงานเข้า​ไปไว้ในตึก

​ที่เล่าเสียมากมาย​ก็​เพื่อให้เห็นภาพว่า ชีวิต​ความ​เป็นอยู่​ของคน​ที่นี่​ต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศมากมาย​เพียงไหนนะคะ​ เรียกว่า ​ต้องรอ​ความปรานีจากฟ้าดินจริง ๆ​

คลิกดูภาพขยาย

ห้องจัดเลี้ยงค่ะ​ ​และโต๊ะทานอาหาร ​เขาจัดโต๊ะ​ได้เรียบง่ายน่ารักมาก ​คือ ​เขา​เอาริบบิ้นสีเขียวอ่อนแบบแถบหนา ๆ​ พาดกลางโต๊ะตามยาว แล้ว​ก็​เอาเถาองุ่นหรือใบไม้​ที่​เป็นก้านยาว ๆ​ มีรูปใบสวย ๆ​ หน่อย​วางจัดพาด​ไปตามริบบิ้น ดูเหมือนใบไม้เลื้อย​กับริบบิ้นสีเขียว แล้ว​​เอา​ที่เขี่ยบุหรี่ใส ๆ​ ทับไว้​เป็นระยะ ไม่ให้ใบไม้ดูรุ่มร่าม

แล้ว​ก็​แต่งโต๊ะด้วยแก้วไวน์สามใบเรียงสามขนาด ผ้าเช็ดปากสีชมพู พับง่าย ๆ​ แล้ว​ก็​เอากระดาษทิชชู่เช็ดปากสีเขียวแทรกตรงกลาง ​เพื่อให้เกิดสี​ที่สมดุล​กับแถบริบบิ้นสีเขียวอ่อน

ง่าย ๆ​ แค่นี้เอง ​แต่ดูดีค่ะ​


คลิกดูภาพขยาย

อาหารเย็นนั้น​​เป็นบุฟเฟต์นานาชาติค่ะ​ ​เนื่องจากเฟอร์ดี้คิดว่า​จะจัดเลี้ยงกลางแจ้ง อาหารหลักก็เลย​​เป็นเนื้อย่างบาร์บีคิวหลากชนิด ​ทั้งเนื้อซี่โครงแกะ เนื้อวัว เนื้อไก่ ไส้กรอกเนื้อแกะ ​และปลาแซลม่อนเสียบไม้ย่าง ​แต่ละอย่างก็มีซอสให้ทานคู่กัน ​และมีโพเลนต้า ​คือแป้งข้าวโพดกวน​กับนมแบบอิตาเลียนให้ทานคู่กัน แทนมันฝรั่งบด

คลิกดูภาพขยาย

​ส่วนเครื่องเคียงก็มีหลากหลายอย่าง เช่น สลัดมอซซ่าเรลล่าชีส​กับมะเขือเทศ ทาบูเลต์ (ข้าวฟ่างผสมเครื่องเทศแบบเลบานีส) สลัดผัก สลัดพาสต้า สลัดถั่วเลนทิล สลัดแครอตขูด

คลิกดูภาพขยาย

บรรยากาศในงานยามสังสรรค์พูดคุยกันค่ะ​ ​ที่เห็นเสื้อผ้าไหมสีแดง ๆ​ นั่นของรจนาเองค่ะ​ ​และมีคนรู้จักกัน​เขาก็ใส่เสื้อผ้าไหมเหมือนกัน ลายสวยมากเลย​ค่ะ​

อากาศแบบนี้ทำให้แขก​ที่​เป็นสุภาพสตรี​แต่งตัวลำบากมาก ​เพราะหากอากาศครึ้ม ๆ​ ​เขาแทบ​จะถือ​เป็นกฎเลย​ว่า ไม่ใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด ​แต่​จะใส่สีโทนขรึม ๆ​ ให้เข้า​กับบรรยากาศ หรือไม่ก็ใส่สีดำ​ไปเลย​ แล้ว​เลือกสร้อยคอหรือผ้าคลุมไหล่หรือเสื้อคลุมให้มีสีสันหน่อย​

ปกติหน้าร้อน ผู้หญิงมัก​จะใส่สายเดี่ยวเปิดไหล่กัน ​แต่อากาศเย็นอย่างนี้ก็​ต้องงด​ไปค่ะ​ แล้ว​ยัง​ต้องพกเสื้อคลุมหรือผ้าคลุมไหล่กันให้วุ่นวาย​เพื่อไม่ให้หนาวเกิน พอเข้าในตึกก็ถอดเสื้อตัวนอกออก​ได้ ดูหวาน ๆ​ สม​เป็นสุภาพสตรีมากขึ้น​

คลิกดูภาพขยาย

การจัดงานแบบเยอรมัน​เขาทำแปลกค่ะ​ ​คือ​เขาไม่มีธรรมเนียม จุดเทียนวันเกิดแล้ว​เป่าเค้ก ​คือ​เขา​เอาขนมนมเนยมาวางไว้ หน้าตาน่าอร่อย​และเต็ม​ไปด้วยไขมัน​และน้ำตาล​ทั้งนั้น​ ​แต่ก็ทำมาอย่างสวยงาม แล้ว​แขกก็ทะยอย​ไปรับขนม​ซึ่ง​จะมีพนักงานคอยเสิร์ฟให้เรา ​ซึ่งก็ดีค่ะ​ ทำให้ไม่วุ่นวายเลอะเทอะ

รจนา​ไปถาม​เพื่อนเยอรมันสองสามคนว่า เอ๊ะ ไม่มีจุดเทียน​และเป่าเค้กวันเกิดหรือ ทุกคนบอกตรงกันว่า ธรรมเนียมเยอรมันหากทานอาหารเย็น​และเสิร์ฟเค้กหลังอาหาร ​เขาไม่มีระเบียบเป่าเทียนหน้าเค้กจ้ะ​ ​จะทานเค้กเหมือนของหวานปกติ ​และการเป่าเทียนนั้น​​เขาถือว่า​เป็นเรื่อง​ของเด็ก ๆ​ ​และการเลี้ยงวันเกิดเด็ก ​เขา​จะเลี้ยงตอนบ่ายแก่ ๆ​ ​พร้อมน้ำชากาแฟ​กับของหวาน​เป็นตัน ๆ​

อืมม์ ก็​เป็น​ความรู้ใหม่ของรจนา หลังจาก​ที่​แต่งงาน​กับคนเยอรมันมา ๕ ปี

คลิกดูภาพขยาย

นี่ก็หน้าตาบุฟเฟต์ขนมต่าง ๆ​ มีผลไม้พวกกล้วย สับปะรด ​และผลไม้รวมด้วย สังเกตจากจำนวนของขนมหวาน ก็พอเดา​ได้ว่า ชาวเยอรมันรัก​และชื่นชมการทานของหวาน ๆ​ ไม่น้อยทีเดียว จำนวนขนมมากพอ ๆ​ ​กับอาหารคาวเลย​ทีเดียว



การเข้าสังคมในงานแบบนี้ก็ไม่มีอะไร​มากมาย​ หลัก ๆ​ ก็​คือ ​พร้อม​ที่​จะยิ้ม ​พร้อม​ที่​จะทำ​ความรู้จักคนอื่น ชักชวน​และพูดคุย​กับคนอื่น ๆ​ ถามเรื่อง​ครอบครัว เรื่อง​งาน เรื่อง​กีฬา เรื่อง​งานอดิเรก เรื่อง​ศิลปะ เรื่อง​การเดินทาง หรือถามว่า​เป็นอะไร​​กับเฟอร์ดี้ ​เป็นญาติหรือ​เพื่อนทางไหน แค่นี้ก็มีเรื่อง​คุยต่อแล้ว​ค่ะ​

การคุยก็อย่าผูกขาด​เป็นคนพูดเสียฝ่ายเดียว ​ต้อง​เป็นฝ่ายถามบ้าง

รจนา​กับพ่อบ้านตัดสินใจแยกกันนั่งคนละโต๊ะค่ะ​ ​เพราะทำให้เรา​ได้รู้จักคนอื่น รจนาไม่ค่อย​จะเขินอายเหมือนสมัยก่อน ๆ​ นั่งไหนก็นั่ง​ได้ ตราบใด​ที่​เขาพูดภาษาเรารู้เรื่อง​ ​ถ้าไม่รู้เรื่อง​ก็ส่งยิ้ม​กับภาษาใบ้​ไปชั่วคราวก่อน

มานึก ๆ​ ดู ทุกคนก็​เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีกล้า มีเก่ง มีเคร่งขรึม มีสนุกสนาน มีขี้อาย มีมั่นใจ รจนาพบว่า รอยยิ้ม​ที่จริงใจ ​ความ​พร้อม​ที่​จะ​เป็นมิตร การรู้จักมารยาทสังคมอีกนิดหน่อย​ ​เป็นใบเบิกทาง​ที่ดี ทำให้เรา​ไปไหนก็​ไป​ได้ค่ะ​

​แต่ก็มีบางช่วง​ที่​เพื่อนร่วมโต๊ะชาวเยอรมันเริ่มเหนื่อยพูดภาษาอังกฤษ ​เขาก็หัน​ไปพูดภาษาบ้าน​เขากัน รจนาก็เลย​นั่งเฉย ๆ​ พักหู พักปาก​ไปชั่วคราว แล้ว​ก็แอบเดิน​ไปถ่ายภาพอาหารบ้าง ​ไปเข้าห้องน้ำบ้าง

สังเกตว่า ​เพื่อน​ที่พูดภาษาอังกฤษบางคนก็จับกลุ่มคุย​แต่พวกของตัวเอง ไม่​ได้คุย​กับฝั่งเยอรมันเท่าไรเลย​ค่ะ​ นานาจิตตัง บางคนก็ถนัดเข้าพวก​กับคนอื่น ๆ​ บางคนก็ไม่ถนัด ไม่ว่ากัน

​โดยทั่ว​ไป เราอาจ​จะนั่งโต๊ะใดโต๊ะหนึ่ง​จนทานอาหารครบทุกอย่าง หรือจนทานอาหารคาวหมด แล้ว​เราอาจ​จะสลับ​ไปนั่งโต๊ะอื่น ๆ​ บ้างก็​ได้ เฟอร์ดี้ ทำตัว​เป็นตัวอย่าง ​โดยแวะเวียน​ไปคุยจนครบทุกโต๊ะ ถือ​เป็นมารยาทของเจ้าภาพ​ที่ดี ไม่คุย​กับกลุ่มไหนกลุ่มเดียว พอเฟอร์ดี้ลุก ​ที่นั่ง​เขาก็ว่าง คนอื่นก็​ไปแจม​ได้ ​แต่​ที่จริง​แต่ละโต๊ะก็นั่งกันไม่เต็ม มีเก้าอี้ว่างอย่างน้อยโต๊ะละหนึ่ง​ตัว ทำให้การสลับโต๊ะทำ​ได้สะดวก​

คลิกดูภาพขยาย

นี่ขนมของรจนาค่ะ​ ​ได้มาอย่างละนิดละหน่อย​ นี่ยังไม่หมด​ที่​เขามีเสิร์ฟนะคะ​ มีเค้กมะนาว (หน้าเมอแร็งก์ขาว ๆ​) เชอร์เบ็ตมะม่วง เชอร์เบ็ตราสป์เบอร์รี่ สับปะรด ครีมคาราเมล ลูกมะเดื่อเชื่อม ​กับแอปเปิ้ลชตรูเดิ้ล (พายยัดใส้แอปเปิ้ล ลูกเกด ​และผงอบเชย) ค่ะ​


กว่า​จะใกล้งานเลิก เราก็​ได้ทำ​ความรู้จัก​กับหลายโต๊ะหลายคนเพิ่มขึ้น​ค่ะ​ ขนาดเดิน​ไปเข้าห้องน้ำ รจนาก็ยัง​ไปผูกมิตร​กับคุณผู้หญิงชื่อ อังเจลิก้า เลย​ทีเดียว ​เพราะทีแรกยังไม่เจอหน้ากัน ​ไปเจอกันในห้องน้ำครั้งแรก หาเรื่อง​คุย​ได้สารพัด ดินฟ้าอากาศ อาหาร งาน​ที่ทำ

ชาวเยอรมัน​ที่พบในคืนนั้น​หลายคน เคย​ไปเมืองไทยกันมาแล้ว​ รู้จักต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ตลาดน้ำ คลองบางกอกน้อย วัด​พระแก้ว ภูเก็ต เกาะสมุย...​.เรา​เป็นคนไทยก็เลย​ยืด​เป็นธรรมดาว่า ​เขารักชอบประเทศของเรา หลายคนมาเ​ที่ยวมากกว่าหนึ่ง​ครั้ง

สำหรับของขวัญวันเกิด เฟอร์ดี้ไม่​ได้ขออะไร​​เป็นพิเศษสำหรับวันเกิด ​เพื่อนของพวกเราชื่อ คาริน ก็เลย​มาชวนพ่อบ้าน​กับรจนาว่า เราเชิญเฟอร์ดี้​ไปเ​ที่ยวสุดสัปดาห์​กับพวกเรา​ที่สปารีสอร์ตสักแห่งดีไหม พ่อบ้าน​กับรจนาก็เห็นด้วย ปกติเฟอร์ดี้สนิท​กับพวกเราค่อนข้างมาก ​เพราะพ่อบ้านก็​เป็นนักบินเหมือนกัน ดังนั้น​​ไปไหน​ไปกันจึงถูกใจพวกเรามากค่ะ​

แล้ว​รจนาก็มาคิดว่า​จะทำ​เป็นของขวัญอย่างไร ก็เลย​​ไปซื้ออัลบั้มใส่ภาพ ​และพิมพ์การ์ดสีหวาน ๆ​ แบบเขียน​เป็นคำอวยพรวันเกิด ให้พลิกอ่านทีละหน้า แล้ว​ก็บอกว่า ของขวัญวันเกิดของพวกเราสามคน​คือ เชิญเฟอร์ดี้​ไปเ​ที่ยว​กับพวกเราสุดสัปดาห์ ​โดยมีสถาน​ที่ให้เลือก ๓-๔ แห่ง ​และบอกว่าพวกเราว่างในช่วงวันหยุดไหนบ้าง แล้ว​​จะมาวางแผนรายละเอียดกันอีกทีว่าวันไหน​ที่ไหนแน่ ๆ​

​ทั้งหมดนี้รจนาออกแบบสีสันสดใส มีรูปสถาน​ที่ มีภาพสนามกอล์ฟ มีภาพเครื่องร่อน ​และหน้าสุดท้าย​เป็นลายเซ็นอวยพรของพวกเรา มีภาพเราสามคนกำ​กับด้วย ​ใช้เวลานั่งดีไซน์อยู่​สองวันค่ะ​

คารินชอบอกชอบใจ​กับไอเดีย...​.

แล้ว​​ถ้า​ได้​ไปเ​ที่ยวสปาวีคเอ็นด์​เมื่อไร​จะมาเขียนเล่าให้ฟังนะคะ​

ปล. ขอโปรดอย่าคิดว่า รจนา​เป็นแม่บ้านไฮโซมี​แต่เรื่อง​เ​ที่ยวนะคะ​ รจนา​เป็นคนธรรมดา ติดดิน ครอบครัวก็​เป็นชาวนา คุณพ่อ​เป็นทหารยศน้อย พ่อบ้านรจนาเองก็มาจากครอบครัวข้าราชการธรรมดา ​แต่ตัว​เขาขยันเรียนก็เลย​มีหน้า​ที่การงานดีหน่อย​ รวม​ทั้งเรา​ใช้ชีวิตด้วย​ความไม่ประมาท ไม่ก่อสร้างหนี้สิน เงินเดือน​ที่​ได้มาก็เลย​พอ​ใช้

​ทั้งหมดนี้อาจกล่าว​ได้ว่า​เป็นการ​ใช้ชีวิตปกติของชาวยุโรป ไม่​ได้ถือ​เป็นเรื่อง​หรูหรา​แต่ประการใด ชาวยุโรปยากดีมีจนอย่างไร ​เขาก็มัก​จะจัดงบประมาณให้ครอบครัว​ได้​ไปเ​ที่ยวฤดูร้อนกันเสมอค่ะ​ เ​ที่ยวแบบถูกหน่อย​ (แค้มปิ้ง พักบ้าน​เพื่อน) หรือราคาปานกลาง (โรงแรมสามดาว) หรือราคาแพง (โรงแรมห้าดาว) ก็ว่ากัน​ไป

 

F a c t   C a r d
Article ID S-1701 Article's Rate 121 votes
ชื่อเรื่อง เรื่องเล่าจากเจนีวา (ปีห้า) --Series
ชื่อตอน ไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน (สอง) --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง รจนา ณ เจนีวา
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๒ มกราคม ๒๕๕๐
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ฉันเขียนให้เธออ่าน
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๓๑๙ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๕๐๐
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : pilgrim [C-9045 ], [82.3.32.76]
เมื่อวันที่ : ๐๑ ก.ย. ๒๕๔๙, ๒๒.๑๖ น.

อู้ฟู่​​ทั้งสองงานเลย​​จ้ะ​​ ตามมากินซะอิ่มเลย​​

เอ สงสัยจัง แล้ว​​คุณพ่อบ้าน​​กับรจนา ฉลองวันเกิดมีเป่าเทียน ตัดเค้กหรือเปล่าจ๊ะ​​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น