![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
ตอน : เยือนถิ่นเบรอตาญน์ (สอง)
ใกล้ ๆ กับเมืองลาโบล มีเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง พวกเราเลยขับรถเลียบทะเลไปดูกันค่ะ เส้นทางสวยงาม มีรถวิ่งน้อย มีจุดนั่งพักชมวิวตลอด ชายฝั่งทะเลเป็นหินผาเป็นหลักค่ะ นาน ๆ ที่จะเห็นชายหาดที่เล่นน้ำได้ ทำให้เราดีใจที่ได้พักที่ลาโบลซึ่งมีชายหาดยาวเหยียดเมืองแรกที่ได้ไปเยือน คือ ครัวซิค (Croisic) เป็นเมืองท่าสำหรับเรือหาปลาค่ะ ปลาที่ตลาดลาโบลส่วนใหญ่ก็มาจากท่าเรือนี้แหละค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
จตุรัสกลางเมือง มีน้ำพุพุ่งชื่นใจต้อนรับวันร้อน ๆ แดดสวย ๆ เมืองและหมู่บ้านส่วนใหญ่ในยุโรปจะต้องมีจุดน้ำพุ หรืออ่างน้ำหินขนาดใหญ่ (สมัยก่อนมีไว้ให้ม้าที่เดินทางผ่านไปมาได้ดื่มน้ำจากอ่างน้ำนี้)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แม่หญิงแอบมองใครจากทางหน้าต่าง กับแมวน้อย (ของพี่แอ๊ด) ดมอะไรอยู่ใกล้ ๆ ดูทีแรกนึกว่าของจริง เพราะเป็นบานหน้าต่างจริง ๆ แต่ดูอีกทีจึงเห็นว่าเป็นภาพวาด ชอบใจความคิดเจ้าของบ้านที่ทาสีผนังบ้านให้คนผ่านไปมาได้ฉงนเล่น
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ดอกเจอราเนียม ราชินีแห่งฤดูร้อนในยุโรปค่ะ เป็นดอกไม้ที่ขายดีที่สุดในช่วงหน้าร้อน ประมาณกันว่า ปีนึง ๆ ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านต้น (ใครหนอไปคอยนับทำสถิติไว้?)
เฉพาะที่สวิสเซอร์แลนด์เอง ปีหนึ่ง ๆ ขายเจอราเนียมได้ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านต้นค่ะ ที่บ้านรจนาเอง ปีนี้ก็ซื้อมา ๑๐ ต้นได้ สีชมพูอ่อน สีชมพูบานเย็นเข้มจัด สีแดงอมส้ม สีชมพูกลาง ๆ สังเกตแล้วว่าสีบานเย็นกับสีแดงจะงามที่สุด สีชมพูอ่อนจะไม่ค่อยงามเท่าไร
ดอกที่เห็นนี้อยู่บริเวณที่จอดรถริมท่าเรือค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ฝั่งตรงข้ามดอกเจอราเนียมก็เป็นร้านอาหารค่ะ หน้าร้อนเขาจะมาเปิดร้านกันข้างนอก กางร่มกันแดด ให้แขกได้รับไอแดดและชมทิวทัศน์เต็มที่ ร้านอาหารร้อยทั้งร้อยในยุโรปอาจกล่าวได้ว่า "ไม่มีแอร์" ค่ะ อาจจะยกเว้นร้านอาหารจีนหรือร้านตามโรงแรม
อ้อ แล้วเครื่องดื่มในเมืองยุโรปส่วนใหญ่ แม้แต่ในหน้าร้อนก็จะไม่มีน้ำแข็งให้มากมายนะคะ หากขอมาก ๆ เขาคิดเงินเพิ่มค่ะ บางทีทานโค้กก็จะได้น้ำแข็งสัก ๔-๕ ก้อนก็บุญแล้ว ทั้งนี้เพราะเขาไม่เคยเจออากาศร้อนจัด ๆ กันมาก่อน มาช่วง ๓-๔ ปีที่ผ่านมา อากาศร้อนขึ้นมาก แต่ร้านต่าง ๆ ยังไม่มีที่ทำน้ำแข็งขนาดใหญ่ (เพราะร้อนไม่กี่เดือน)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หน้าตาบ้านช่องห้องหอของชาวครัวซิคอีกแบบหนึ่งค่ะ รจนาชอบดูหน้าบ้านของคนอื่นค่ะ หากเจ้าของบ้านเผลอเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เราก็แอบมองเข้าไปในบ้านอีกด้วย คิกคิก
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ที่คือปากท่อระบายน้ำที่ไหลลงมาจากหลังคาค่ะ แม้แต่สิ่งละอันพันละน้อยเขายังเอาใจใส่รายละเอียดทำให้น่าสนใจ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านขายโปสการ์ดสีสันน่าซื้อนะคะ ร้านค้าเล็ก ๆ พวกนี้จะปิดตอนกลางวันค่ะ เที่ยงครึ่งก็ปิดแล้ว กลับมาอีกทีก็บ่ายสามโมงค่ะ เขาไม่ห่วงว่าจะต้องรีบทำเงินทำทอง ชีวิตเป็นไปอย่าง "สบาย ๆ" แบบชาวยุโรป
จะว่าเขาหยิ่งไม่ง้อลูกค้าคงจะไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นเพราะว่า เขาไม่มีปัญญาจ้างลูกจ้างมากมาย บางร้านเจ้าของดูเองคนเดียว กลางวันกลับบ้านไปทำกับข้าวกิน ไปทำความสะอาด ซักผ้า ถูบ้าน ดูลูก ทำสวน หรือมีนัดทานข้าวกับเพื่อนบ้าน แล้วก็ถือโอกาส "เซียสต้า (นอนพักกลางวัน)" กันเสียหน่อย ส่วนใหญ่บ้านอยู่ใกล้ ๆ ไม่ต้องเดินทางเป็นชั่วโมง ทำให้เขาไปกลับได้สบาย ๆ ใน ๒ ชั่วโมง ค่ะ
อีกอย่างหนึ่ง ตอนกลางวันเอง นักท่องเที่ยวก็ไปกินข้าวกินปลากัน ไม่ค่อยมีใครจะมาซื้อของที่ระลึกในตอนนั้น เปิดไปก็เท่านั้น อาหารกลางวันมื้อหนึ่ง ๆ ก็ใช้เวลาทานไม่น้อย ส่วนใหญ่เกินชั่วโมงขึ้นไป ทานไป ชมวิวไป คุยกันไป พักผ่อนไป เพราะเขาไม่ได้ทำแบบ "ทานด่วน" ไม่มีร้านแฮมเบอร์เก้อร์เกลื่อนเมือง แต่จะมีมุมขายแซนด์วิชให้คนซื้อแล้วเดินไปนั่งทานในสวนหรือริมทะเล
นอกจากนั้น ในหน้าร้อนส่วนใหญ่ในเดือนสิงหาคม ชาวยุโรปจะหยุดงานกันเป็นล่ำเป็นสันค่ะ ส่วนหนึ่งเพราะอากาศร้อน ได้ออกนอกบ้าน (หลังจากอุดอู้กับหน้าหนาวมานาน) เด็ก ๆ ก็ปิดเทอม ต้องหาอะไรทำ และเขามักจะเที่ยวกันในยุโรป จะไปทวีปเอเชียก็ต้องหน้าหนาวของเขาค่ะ
ส่วนธุรกิจต่าง ๆ จะชะลอตัว บางร้านเล็ก ๆ หรือร้านอาหารก็จะติดป้ายว่า "ปิดพักร้อน" (เหมือนสงกรานต์บ้านเรา) สองอาทิตย์เป็นอย่างน้อย ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ นั้นจะยังเปิดอยู่ แต่ก็ลดกำลังคนลง หรือหาคนมาเสริมเฉพาะหน้าร้อน เพราะพนักงานตัวจริงลาพัก
ธุรกิจใหญ่ ๆ หน่อยอาจจะไม่เปิด แต่จะเหลือคนทำงานไม่มากคน และจะสั่งซื้อสั่งซ่อมอะไรก็รอไปเถอะค่ะ สั่งได้ แต่กว่าของจะมาต้องรอเดือนกันยาไปแล้ว ปีแรกที่ไปถึงยุโรป รจนาก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ตอนหลังก็ปรับตัวไปตามลำดับ เขาเที่ยวเราก็เที่ยวบ้าง
มาเที่ยวกันต่อดีกว่านะคะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตึกสำนักงานของกัปตันเรือหาปลาค่ะ ดูสวยงามเหมือนสโมสรเรือใบประมาณนั้น มองแล้วนึกเปรียบเทียบกับท่าเรือหาปลาของบ้านเรา ผิดกันไกลเลยใช่ไหมคะ อย่างน้อยที่สุด กัปตันและลูกเรือหาปลาของเขาคงไม่ได้นุ่งกางเกงเลแน่เลย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
กระจกสีสวยงามในวิหารประจำเมืองค่ะ เป็นวิหารที่ขึ้นชื่อและเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งค่ะ ข้อดีของการเข้าโบสถ์ตอนหน้าร้อน ๆ อย่างนี้ก็คือ เย็นสบาย ๆ ค่ะ ได้หลบแดดด้วย ส่วนหน้าหนาวก็จะอุ่นกว่าข้างนอก (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี เพราะหลังคาสูง)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ร้านอาหารตรงหัวโค้งริมถนน ดอกไม้กับฟ้าสวย ๆ รจนาชอบบ้านเมืองเขาก็ตรงนี้แหละค่ะ เวลาที่เราเลี้ยวไปตรงซอกซอยไหน มักได้เจอสิ่งสวย ๆ งาม ๆ โดยไม่คาดหมายเสมอ
ก่อนจะจบบทความเล่าด้วยรูปก็ต้องพาไปชิมอาหารของครัวซิคเสียหน่อยตามแบบรจนา
วันนั้นเราได้ทานอาหารกลางวันริมท่าเรือ (ไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องลองทานอาหารที่นั่นสิคะ) เป็นอาหารและเครื่องดื่มขึ้นชื่อ คือ กาเล็ตต์ (Galette) กับ ไซเดอร์ (Cidre) ค่ะ
อย่างที่เล่าไปแล้วว่าไซเดอร์เป็นเครื่องดื่มกึ่งไวน์ แต่ดีกรีมักจะอ่อนกว่ามาก และทำจากน้ำแอปเปิ้ล (ไวน์ทำจากองุ่น) เนื่องจากรจนาไม่ดื่มของมึนเมา พ่อบ้านเลยถามทางร้านว่า มีไซเดอร์แบบไม่มีอัลกอฮอล์ไหม เขาก็บอกว่ามี (ซึ่งที่จริงก็คือเครื่องดื่มของเด็ก ๆ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ทีแรกตอนนั่งที่โต๊ะ รจนาก็สงสัยว่าทำไมมีถ้วยดินเผาตั้งอยู่ เขาเอาไว้ทำอะไร พอเขาเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็เลยถึงบางอ้อ เขาดื่มไซเดอร์จากถ้วยดินเผานี่ค่ะ น่ารักมาก รสชาติของไซเดอร์ก็หวานธรรมชาติเหมือนน้ำแอปเปิ้ล แต่น่าติดใจจากความซาบซ่าเหมือนน้ำอัดลมค่ะ เพียงแต่เขาไม่ได้เติมน้ำตาล
และอาหารจานหลักก็คือ กาเล็ตต์ ซึ่งต้องอธิบายว่าก็คือแป้งเครป หรือขนมเบื้องฝรั่งเศสแบบเค็มนั่นเอง โดยกาเล็ตต์นี้เขาจะใช้แป้งสาลีแบบไม่ขัดสี (โฮลวีท) และจะออกรสเค็ม (แต่ก็มีส่วนผสมน้ำตาลในแป้ง) แผ่นแป้งที่ทำสุกแล้วจะออกสีน้ำตาลค่ะ ขณะที่เครปจะใช้แป้งสาลีขัดขาว ผสมน้ำตาล ไข่ เนยมากหน่อย จะได้เนื้อเบา ทานกับแยมหวาน ๆ หรือคาราเมล หรือน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลไอซิ่ง สารพัดของหวาน ๆ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
วันนั้นเราสั่งกาเล็ตต์กับเบค่อนและชีส มันฝรั่งผัด หน้าตาออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ มีผักสลัดแนมมานิดหน่อย เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ ทานแล้วอิ่มแน่นตึ้กเลยค่ะ รสชาติเค็ม ๆ ของหมูเบค่อน กับชีส และมันฝรั่ง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แถบถิ่นที่เราไปเที่ยวนี้ กาเล็ตต์และเครปคืออาหารเบา ๆ (ที่ไม่เบา) ที่ขึ้นชื่อมากค่ะ จะเห็นร้านขายเครปทั่วทุกหนทุกแห่ง เรียกว่า Crèperie
ว่าจะไม่เขียนเรื่องของกินแล้วเชียวนา อดแว้บไม่ได้
เมื่อวันที่ : ๐๑ ส.ค. ๒๕๔๙, ๑๑.๕๑ น.
ถ้วยใส่ไซเดอร์นี่หน้าตาคล้ายถ้วยใส่ชาแถวนี้เลยนิ ...