![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...เพื่อนร่วมงานของพ่อบ้านสองคน สาวน้อยกับหนุ่มไม่น้อยตกหลุมรักกันมาหลายปี เมื่อถึงเวลาอันงามก็ได้ฤกษ์แต่งงานกันเสียที...
ตอน : ไปร่วมพิธีแต่งงานที่เมืองบอนน์ เยอรมนี
ฤดูใบไม้ผลินี้ รจนาชีพจรลงเท้ามาก ๆ ค่ะ เดี๋ยวไปโพรวองซ์ เดี๋ยวไปอังกฤษ (กวนพิลกริม) เดี๋ยวไปเยอรมนี แล้วยังมีโปรแกรมจะตามมาในช่วงฤดูร้อนด้วยค่ะเพื่อนร่วมงานของพ่อบ้านสองคนสาวน้อยกับหนุ่มไม่น้อยตกหลุมรักกันมาหลายปี ชายหนุ่มเป็นนักข่าวชาวอาร์เจนติน่าวัยใกล้เกษียณ (แต่ยังหล่อปิ๊ง) สาวน้อยเป็นนักกฎหมายชาวเยอรมันอนาคตสดใส (สวยน่ารักมาก ๆ) เมื่อถึงเวลาอันงามก็ได้ฤกษ์แต่งงานกันเสียที
ทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่คอสต้าริก้า ตามหน้าที่การงานของหญิงสาว และได้ทำพิธีแต่งงานกันทางกฏหมาย จดทะเบียนสมรสที่นั่น ก่อนจะกลับมาบ้านเกิดของหญิงสาวเพื่อทำพิธีในโบสถ์ตามความเชื่อทางศาสนาของฝ่ายเจ้าสาวค่ะ อ้อ...เจ้าบ่าวเป็นชาวยิว หย่าร้างมานานแล้ว และมีลูกชายแล้วหนึ่งคนเป็นหนุ่มค่ะ ส่วนเจ้าสาวก็กำพร้าพ่อ มีพี่ชายหนึ่งคนเป็นนายแพทย์ผู้มีความสามารถมากคนหนึ่ง หล่อ และพูดได้หลายภาษาค่ะ (แต่แต่งงานแล้วนะเจ้าคะ งูบนหัวของใครที่ทำท่าว่าจะโผล่ออกมาเริงร่า ขอให้สงบไว้ก่อนค่ะ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แท่นพิธีแต่งงานในโบสถ์
ด้วยความที่เจ้าสาวทำงานใกล้ชิดกับพ่อบ้านมาก่อนสมัยประจำอยู่เจนีวา พวกเราก็เลยได้รับเชิญไปร่วมงานแต่งงานด้วย กรุงบอนน์กับเจนีวาอยู่ห่างกัน ๗๐๐ กว่ากิโลเมตร เดินทางโดยเครื่องบินไม่ค่อยสะดวก เพราะไม่มีเครื่องไปตรง จะไปรถไฟก็นาน เราก็เลยตัดสินใจเดินทางโดยรถยนต์ค่ะ
ยาวนานและเหน็ดเหนื่อยดี
งานแต่งงานจัดปลายเดือนพฤษภาคมที่โบสถ์บนยอดเขาที่ชื่อว่า ปีเตอร์ หรือภาษาเยอรมันออกเสียงว่า ปีเตอร์สแบร์ก (Petersberg) เป็นยอดเขาที่มองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงบอนน์ และแม่น้ำไรน์ที่ขดตัวเลียบไปกับขุนเขาค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
โรงแรมที่เคยเป็นปราสาทต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาก่อน
ข้าง ๆ กับโบสถ์บนยอดปีเตอร์สแบร์กนี้ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทเก่าที่เคยใช้เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองของรัฐบาลมาในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันรัฐบาลขายสิทธิให้เอกชนมาทำโรงแรมหรูค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ทิวทัศน์แม่น้ำไรน์มองออกมาจากห้องรับรอง
เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เลยมาทำพิธีทางศาสนาที่โบสถ์ แล้วก็เลี้ยงอาหารเย็นที่โรงแรมค่ะ
งานในโบสถ์ก็เรียบง่าย มีเล่นออร์แกน มีกล่าววาทะทางศาสนาที่เจ้าสาวเลือกไว้ คือ "เธอไปไหน ฉันไปด้วย"
เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็สวยสมใจค่ะ แต่สังเกตว่า เขาเน้นแบบงามหรู กึ่งชุดตอนบ่ายและชุดกลางคืน แต่ไม่ฟู่ฟ่าค่ะ เจ้าสาวใส่ชุดผ้าไหมสีครีม สายเดี่ยว ทับด้วยเสื้อแจ้กเก็ตตัวสั้นผ้าลูกไม้ อยากจะเดาว่าเป็นเสื้อแต่งงานเก่าของแม่เจ้าสาว แต่ก็ไม่ได้ถามไว้
ในมือเจ้าสาวถือดอกกุหลาบสีครีม ในโบสถ์แต่งด้วยดอกกุหลาบกับดอกไม้สีครีมและชมพูอ่อน รจนาคิดว่าใช้ดอกไม้น้อยมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา คิดว่าเพิ่งเริ่มฤดูสปริง อากาศยังเย็นอยู่มาก คงหาดอกไม้ไม่ค่อยได้ หรือได้ก็แพงมาก ทางผู้จัดเลยต้องประหยัดไม่ทำฟู่ฟ่ามากค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เจ้าสาวกับพี่ชาย
มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ โบสถ์นั้นจะหลังคาสูง ปกติจะไม่ค่อยมีเครื่องทำความร้อน คนที่ไปโบสถ์สามารถใส่เสื้อโค้ทติดตัวได้ไม่ต้องถอด งานนี้พ่อบ้านกำชับรจนาให้เอาโค้ทตัวใหญ่สุดไปเผื่อหนาว ปรากฎว่าในโบสถ์หนาวมากจริง ๆ คือหนาวกว่าที่ควรจะเป็นในเดือนนี้ คนอื่น ๆ ใส่เสื้อผ้าสวยงาม สาว ๆ ใส่ชุดเปิดไหล่เซ็กซี่ทีเดียว แต่สุดท้ายต้องขอยืมเสื้อแจ้งเก็ตคุณผู้ชายมาห่มกันหนาวกัน รจนากับพ่อบ้านอุ่นสบายเพราะเตรียมตัวไปดีค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ดอกไม้ที่จัดไว้ตรงเก้าอี้นั่งในโบสถ์ เรียบ ๆ แต่สีหวานสมกับเป็นงานแต่งงาน
เสร็จจากพิธีในโบสถ์ เราก็ไปที่ห้องรับเลี้ยงแบบค้อกเทล มีเครื่องดื่มพวกแชมเปญ ไวน์ น้ำผลไม้ และน้ำเปล่ามาเสิร์ฟ รจนาก็ได้สองอย่างหลังนี่แหละค่ะ ทานกับของว่างพวกขนมปังเปิดหน้า ทานไป ๆ เขาก็เร่เอาถาดของกินร้อน ๆ มาเสิร์ฟ มีลูกพรุนพันด้วยหมูเบค่อนทอด กุ้งชุบงาทอด กับไส้กรอกเลือดห่อแผ่นเกี๊ยวฝรั่งทอด รจนาก็ลองทานทุกอย่าง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ห้องจัดเลี้ยงนี้อยู่ติดระเบียงกว้างมองเห็นแม่น้ำค่ะ แต่เสียดายเราต้องจัดงานข้างใน เพราะฝนครึ้ม และโปรยเป็นระยะ ๆ
ระหว่างนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะชวนแขกทีละกลุ่มเล็ก ๆ ออกไปถ่ายรูปที่ระเบียง ทนหนาวสั่นกัน พอถ่ายรูปเสร็จ เจ้าสาวก็ต้องรีบวิ่งเข้าในตัวตึกก่อนจะหนาวจนไม่สบายเสียก่อน
แขกที่ไปน่าจะมีประมาณ ๕๐ คนค่ะ เขาจะจัดโต๊ะ จัดชื่อให้นั่งด้วยกันไว้ ส่วนใหญ่ใครมาด้วยกันเขาก็ให้นั่งด้วยกัน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
โต๊ะก็ใช้เทียนสีชมพูกับดอกไม้สีชมพูค่ะ และมีเมนูอาหารที่หน้าปกเป็นรูปปราสาทหรือโรงแรมปีเตอร์สแบร์กแห่งนี้
เรื่องอาหารงานแต่งงาน มีหลายคอร์สทีเดียวค่ะ คือเริ่มต้นด้วยของทานเล่นชิ้นเล็ก ๆ เป็นพาเต้ (หน้าตาเหมือนหมูยอ) ซุปเห็ดน้ำใส สลัดปลาแซลม่อนรมควันกับหน่อไม้ฝรั่ง อาหารจานหลักก็เป็นเนื้ออบราดซอสรสเข้ม ส่วนของหวานคือขนมหวานชิ้นเล็ก ๆ อย่างละนิดละหน่อยค่ะ มีสตรอเบอร์รี่ชุบชอคโกแล็ต เค้กเล็ก ๆ เชอร์เบ็ตก้อนเล็ก ๆ
หากมีโอกาสรจนาจะนำรูปไปลงในคอลัมน์ "รจนาหัวป่าก์" นะคะ
เราทานไป ดื่มไป คุยไป ดึกหน่อย ดนตรีก็เริ่มบรรเลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เปิดฟลอร์ แล้วเจ้าสาวก็พยายามเต้นรำกับแขกชายทุกคนเป็นการให้เกียรติแขกที่มาค่ะ รจนาหมดสิทธิ์เต้นรำเข้าจังหวะ เพราะเต้นไม่เป็น พ่อบ้านก็ขอตัวเพราะไม่ได้เต้นนานแล้วกลัวไปเหยียบเท้าคนอื่น เราสองคนได้แต่ออกไปดิ้นนิดหน่อยตอนที่มีเพลงแบบมัน ๆ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
โต๊ะของเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีพี่ชายเจ้าสาวกับเพื่อนสนิทเจ้าสาวนั่งขนาบค่ะ
พอใกล้เที่ยงคืนทางโรงแรมก็เอาเค้กแต่งงานมาตั้ง เที่ยงคืนปุ๊บก็เป็นการตัดเค้ก และแจกให้แขก รจนาชิมไปหน่อยนึง อร่อยดีค่ะ แต่ก็อิ่มกับอาหารเย็นจนทานอะไรไม่ค่อยลงแล้ว
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เพื่อนสนิทเจ้าบ่าวออกมาอวยพรในบรรยากาศแสงเทียนละมุน
ระหว่างทานอาหาร พี่ชายของเจ้าสาวก็มากล่าวให้พรและให้ข้อคิดซึ่งน่ารักมาก ๆ เลย พี่ชายของเจ้าสาวบอกว่า น้องจำได้ไหม ตอนเราเด็ก ๆ เราสองคนไปแข่งขันขี่เรือพายกัน ปรากฎว่าตลอดการแข่งขัน พวกเราสองคนไปไม่ถึงไหน ไม่ได้ออกจากท่าด้วยซ้ำ เพราะเราต่างคนต่างพายกันไปคนละทิศละทาง ขอให้น้องจำสิ่งนี้ไว้เป็นบทเรียน และพิจารณาเสมอว่า เรากับคู่ชีวิตพายเรือไปทางเดียวกันหรือเปล่า
รจนาฟังแล้วก็ซาบซึ้งไปด้วยค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เจ้าบ่าวเต้นรำกับเจ้าสาวโดยมีแขกยืนล้อมฟลอร์และจุดพลุไฟเล็ก ๆ ดูน่ารักดีค่ะ
พี่ชายเจ้าสาวยังยกคำกล่าวของ ฟอนบิสมาร์ค ในวันแต่งงานกับภรรยาสุดที่รักของเขาว่า "ที่รัก ฉันแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่เพราะฉันรักเธอมาก แต่ฉันแต่งงานกับเธอเพื่อให้ฉันได้รักเธอมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป"
ฟังมาถึงตอนนี้ รจนาอดน้ำตาคลอไม่ได้ค่ะ ความรู้สึกซาบซึ้งหวานแหววกับการแต่งงานของตัวเองนั้นผ่านมาแล้วตั้งห้าปี เป็นการแต่งงานง่าย ๆ ที่เร่งรีบ เพราะเราต้องโยกย้ายมาเจนีวาทันที พวกเราเองก็เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของความรักแบบโรแมนติกเหมือนฝันในช่วงพิธีแต่งงานมากเท่าไร (แต่ก็จำได้ว่ามีความสุขที่มีเพื่อน ๆ มาเป็นกำลังใจ) แต่มาได้ความซาบซึ้งในช่วงใช้ชีวิตใหม่ในต่างแดน การปรับตัวเข้าหากัน และผ่านความยากลำบากด้วยกันกับคุณพ่อบ้าน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดเค้กแต่งงานตอนเที่ยงคืน
เพราะจะเปรียบไปการแต่งงานก็เหมือนความฝันของคนสองคนกลายเป็นความจริง ส่วนชีวิตหลังแต่งงานก็คือ การอยู่กับ "ความจริง" ของชีวิตคู่ค่ะ บ่อยครั้งไม่ง่ายเลย
งานนี้คงต้องคิดถึงเจ้าสาวกับพี่ชายที่พายเรือไปคนละทางให้บ่อย ๆ แล้วถามตัวเองว่า "เรากำลังทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า"
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |



ตอนสุดท้ายที่ไม่ควรจะพลาด คือ ตอนที่เจ้าสาวหันหลังแล้วโยนดอกไม้ให้สาวโสดผู้โชคดีคนต่อไป ปรากฎว่า ผู้โชคดีคนนั้นก็คือเพื่อนร่วมงานสาวชาวเยอรมันนักกฎหมายของเราอีกคนหนึ่งที่พวกเราก็ลุ้นอยู่แล้วว่าเมื่อไรจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มนิสัยดีดีกรีด้อกเต้อร์อองดรัว (นักกฎหมาย) ของเธอเสียที
เฮ้อ....โล่งใจไปกับเธอด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เจ้าสาวโยนดอกไม้ไปตกถึงมือสาวน้อยผู้โชคดีคนถัดไป
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เฮ้อ คนที่มีความรักในหัวใจนี่อะไรมันก็ดูหวานไปหมดนิ
เมื่อวันที่ : ๑๑ มิ.ย. ๒๕๔๙, ๐๓.๒๙ น.
ให้ข้อคิดที่ดีค่ะ คนมีครอบครัวสมควรได้มาอ่านนะคะ
ส่วนพิลกริม เริ่มปวดหัวตั้งแต่ยังไม่แต่งงานแล้วค่ะ เลยไม่อยากปวดหัวเพิ่มมากขึ้น อิๆๆ อ้อ อีกอย่างก็ไม่อยากสร้างความปวดหัวให้ใครด้วยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ