![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
ตอน : ย่ำลอนดอนกับพิลกริม (สอง)
ตอนก่อนเล่าถึงไปดูร้านอาหารเคลื่ีอนที่ของคุณไหมหนันที่เมืองลุยแชม จากนั้น พวกเราก็ขึ้นรถไฟกลับลอนดอน คุยกันไป สนุกกับการเปลี่ยนรถไฟใต้ดิน และก็เสียว ๆ กลัวเขาวางระเบิดด้วย ดีว่าฟ้าดินยังเป็นใจ ปลอดภัยจนไปถึงที่พักนักเรียนไทยของพิลกริม เพื่อให้พิลกริมเอาเป้ใบใหญ่ไปเก็บ แล้วจึงเดินทางต่อเข้าไปดูละคร นัดคุณพ่อบ้านที่สถานีพิคคาดิลลี ตรงน้ำพุรูปคิวปิด รจนาก็เช้ยเชย ความที่ไม่มีกามเทพมาแผลงศรนานแล้ว ตอนโทรไปบอกพ่อบ้านว่านัดพบกันที่ไหน ก็บอกว่า เธอมองหารูปปั้นเทพที่มีปีก ยืนแผลงศรตรงน้ำพุนะ ร้อนถึงพิลกริมต้องมาบอกว่า นี่คือคิวปิดเจ้าค่ะ![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
กว่าพ่อบ้านจะหลงทาง เปลี่ยนรถไฟมาเจอพวกเราในที่สุดก็อีกเกือบชั่วโมง (นึกว่ารจนาจะบ้านนอกคนเดียวเสียอีก) พวกเราคุยกันได้ไม่กี่คำก็ต้องวิ่งไปที่โรงละคร พ่อบ้านอยากทานเบียร์เย็น ๆ เราก็หาบาร์ที่โรงละครไม่เจอ (ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง) ก็เลยไปคาเฟ่ใกล้ ๆ ที่เสียงดนตรีดังมาก ต้องตะโกนคุยกัน
พิลกริมกับรจนาคุยกันเรื่องไปดูละครว่า ปกติคนไปดูละครจะต้องแต่งตัวประกวดประชันกันอย่างเต็มที่ ที่จะแต่งตัวปอน ๆ ไปแทบจะไม่มีเลย รจนาเองก็สังเกตที่เจนีวาเวลาคนไปดูโอเปร่าก็จะแต่งตัวกันสวยงดงาม แต่ไม่สดค่ะ คือ ไม่มีสีสด ๆ จะมีแต่สีดำ ๆ ทึม ๆ เป็นหลัก จะมีอะไรแวววามก็นิดหน่อย ที่จะมัลติคัลเลอร์แบบบ้านเรา เห็นยากส์มาก ผ้าไหมแพรพรรณอย่างคนไทยนิยมก็ไม่มีค่ะ จึงมักมีรจนาคนเดียวในโรงโอเปร่าที่ใส่ผ้าไหม
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แต่ละครฮิตในลอนดอนคงต้องยกเว้นกันบ้างเรื่องการแต่งตัว เพราะใครมาลอนดอนก็อยากมาดูละคร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็หาใช่ว่าจะหอบเสื้อผ้าหรู ๆ มาด้วยทุกคน ดังนั้น ผู้ชนละครจึงมีคละเคล้าทั้งคนอังกฤษ (หรือคนอยู่ในลอนดอน) และนักท่องเที่ยว คนอังกฤษก็คงจะแต่งตัวเรียบร้อย ใส่สูท ใส่ชุดราตรี แต่นักท่องเที่ยวก็ดีที่สุดเท่าที่จะมีติดตัวมา คือเช้านั้นใส่ชุดอะไรไปเที่ยวในเมือง เย็นนั้นก็ใส่ชุดนั้นแหล่ะค่ะ รจนากับพ่อบ้านก็เหมือนกัน เราก็แต่งตัวชุดเที่ยวธรรมดานี่แหละ แต่ก็ไม่ขัดเขินเพราะมีนักท่องเที่ยวเยอะที่แต่งคล้าย ๆ กัน
จากนั้นก็เข้าโรงละครเฮอร์มาเจสตี้ ไ้ด้ที่นั่งชั้นล่างสุด ห่างจากเวทีมาสักห้าหกแถวได้ เห็นตัวละครชัดเจนดีค่ะ แต่รจนานั่งหลังฝรั่งตัวสูง หัวโต เลยมองเห็นไม่เต็มที่เท่าไร
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ละครเริ่มช้ากว่าเวลาสักสิบนาีที แต่ก็เริ่มเลย ไม่มีโหมโรงใด ๆ (พวกเราแอบนินทาว่านักร้องคงยังเดินทางมาไม่ถึง) ต้องยอมรับว่าละครอังกฤษเขาก็จัดได้อลังการจริง ๆ เสียงร้องก็ไพเราะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลัง โดยเฉพาะตัวท่านแฟนธ่อม (ซึ่งตัวจริงหล่อชนิดกลับไปนอนฝันถึงได้ - อันนี้ดูจากภาพถ่ายนะคะ) ฉากก็จัดดี เวทีดูเหมือนจะเล็กแออัดไปสักนิด แต่เขาก็ปรับใช้ประโยชน์จัดฉากได้ในรูปแบบต่าง ๆ
สัญญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของละครเพลงแฟนท่อมออฟดิโอเปร่าก็คือใบหน้าที่ปิดด้วยหน้ากากครึ่งหนึ่งของชายในชุดขาวดำ กล่าวกันว่าละครเรื่องนี้มีผู้ชมทั่วโลกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านคน เป็นละครที่แสดงบนเวทีบรอดเวย์นานที่สุด นำไปแสดงใน ๑๑๙ เมืองใน ๒๔ ประเทศ (คงยังไม่มาถึงประเทศไทย)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ละครและเพลงเรื่องนี้ประพันธ์โดยแอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ ฉากของเรื่องก็คือโรงละครในกรุงปารีสค่ะ เพลงดังจากละครเรื่องนี้ีที่รู้จักกันไปทั่วโลกมีสี่เพลงด้วยกันคือ The Phantom of the Opera, The Music of the Night, All I Ask of You และ Wishing You Were Somehow Here Again ละครเรื่องนี้ได้รางวัลต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วนค่ะ แล้วมีการนำไปสร้างเป็นหนังตามสไตล์ รจนาเองรู้สึกจะเคยเห็นนำไปสร้างเป็นหนังทีวีแบบซีรี่ส์ด้วยค่ะ
สิ่งที่เ่ด่นที่สุดในเรื่องของฉากก็คือโคมไฟชานเดอเลียขนาดมหึมา กว้างสามเมตร ใช้แก้วเจียระไน ๖๐๐๐ ชิ้น โดยในแต่ละก้านโคมจะมีแก้ว ๓๕ ชิ้น น้ำหนักประมาณ ๑ ตัน โคมไฟต้นฉบับดั้งเดิมที่โรงละครแห่งปารีส (ฉากของการแสดง) นั้นใช้คนทำทั้งหมดห้าคนเป็ํนเวลาสี่อาทิตย์ ตอนเริ่มต้นของละครจะมีฉากโคมไฟหล่นใส่เวทีดูน่าหวาดเสียวมาก และยังมีโคมไฟแกว่งไปแกว่งมาบนศีรษะคนดู รจนานึกภาวนาในใจไม่ให้โคมหล่นใส่หัวใครเสียก่อน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
รจนาจะไม่เล่ารายละเอียดของเรื่องนะคะ เพราะจำไม่ได้ จำได้แต่เพลงจริง ๆ คือไปดูเพื่อฟังเสียงเพลง มากกว่าไปดูเื่พื่อติดตามเรื่องราว ซึ่งกล่าวโดยสั้น ๆ ก็คือมีปีศาจโรงละครที่หลงรักสาวนักละครรุ่นเยาว์และเฝ้าส่งเสริมให้เธอฝึกฝนเสียงร้อง จนได้ดิบได้ดี แต่สาวมิได้รักแฟนท่อมตอบ แต่ไปรักนักแสดงหนุ่มอีกคนหนึ่งแทน ก็เลยกลายเป็นเรื่องเศร้าไป
สงสารก็แต่พิลกริม ดูเรื่องนี้มาสามรอบแล้ว คงจำได้หมดทุกตอน แต่ก็ยังอุตส่าห์มาดูเป็นเพื่อนรจนา มีสุภาพบุรุษชราท่านนึงนั่งข้างพิลกริมก็มาดูเป็นรอบที่สามเหมือนกัน ท่านบอกว่าดูทีไรก็น้ำตาคลอสงสารปีศาจทีนั้น
พอเราเลิกจากละครออกมาสี่ทุ่มกว่า พบว่าฟ้ายังสว่างอยู่นิด ๆ ตื่นเต้นทีเดียว แล้วหน้าโรงละครก็มีสามล้อ (สามล้อจริง ๆ ค่ะ) มาจอดดีดกระดิ่งกริ๊งกร๊างเชิญชวนนักท่องเที่ยวนั่งรถเล่น หากไม่ติดว่าพิลกริมต้องรีบเข้าที่พักก่อนสี่ทุ่มครึ่ง และรจนากับพ่อบ้านต้องนั่งรถไฟกลับบ้านอีกค่อนชั่วโมง พวกเราก็คงลองนั่งสามล้อเมืองลอนดอนกันแล้วละค่ะ แต่ยังไงก็ยังนำภาพมาฝากแล้วกัน (ภาพนี้ถ่ายอีกวันนึงค่ะ)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
วันรุ่งขึ้น เราสองคนนัดพบพิลกริมในเมืองบ่าย ๆ หน่อย เพราะกลับจากละครก็ดึกแล้ว อยากนอนตื่นสาย ๆ พอเจอกันก็ชวนกันไปทานอาหารจีนที่ย่านไชน่าทาวน์ เดินดูเมืองไปด้วยเพลิดเพลินดีค่ะ เพิ่งพบว่าใจกลางเมืองลอนดอนนี่ไม่ใหญ่เลย เดินเล่นสบาย ๆ เวลานั่งรถใต้ดินรู้สึกเหมือนว่าไกล
พิลกริมรู้จักร้านอาหารจีนอร่อย พวกเราเลยได้ทานเป็ดปักกิ่งทอดกรอบ และอาหารชุด รสชาติดี อาหารสด ไม่เลี่ยนน้ำมันเหมือนอาหารจีนทั่วไป พ่อบ้านทานเป็ดปักกิ่งห่อแป้งอย่างเอร็ดอร่อย พิลกริมอยากจะเลี้ยงพวกเรา แต่พ่อบ้านไม่ยอมค่ะ งานนี้ ส่วนผู้จัดการร้านก็มาคุยกับพวกเราเจ๊าะแจ๊ะหลังอาหาร บอกว่าชอบเมืองไทยชอบอาหารไทยมาก มีเมนูอาหารไทยแทรกด้วย (แต่พวกเราไม่ได้ลอง)
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หลังจากอิ่มสบายกับอาหารจีนแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจเดินไปบริติชมิวเซียมซึ่งต้องเดินสักสิบกว่านาที พ่อบ้านยืนยันให้เดินย่อยอาหาร ที่จริงรจนาอยากขึ้นรถไปมากกว่า (แบบว่าไม่ค่อยขยันเดิน) พิลกริมกับรจนาค่อนข้างงง ๆ กับเส้นทาง พ่อบ้านดูแผนที่รถใต้ดินแล้วก็บงการเสร็จสรรพว่า เดินไปทางนี้ทางนี้นะ ทีแรกรจนาก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่เออ....ไปแล้วก็เจอจริง ๆ แหละ เราอาศัยดูป้ายบอกทางประกอบไปด้วย สุดท้ายรจนาก็เป็นคนเห็นพิพิธภัณฑ์เสียก่อน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
บริติชมิวเซียมใหญ่โตโอ่อ่าน่าประทับใจมาก จัดได้สวยงามน่าดู ใหญ่โต เดินสบาย ห้องแสดงส่วนใหญ่เปิดให้ชมฟรี และถ่ายรูปได้ ไม่หวงห้าม พวกเราเลือกไปดูส่วนที่เกี่ยวกับอียิปต์โบราณ แล้วก็สมใจ ได้ดูมัมมี่สด ๆ โลงศพโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ทั้งที่ดูมีค่าอลังการ และแบบสามัญ ล้วนแล้วแต่น่าสนใจ พ่อบ้านสนใจอักษรเฮียโรกริฟฟิตเป็นพิเศษ ชวนรจนาไปยืนอ่าน ซึ่งอ่านแล้วก็จำไม่ได้สักเท่าไร รจนาสนใจวิธีการที่เขาห่อมัมมี่ก็ไปยืนอ่านอย่างเพลิดเพลิน เขาอธิบายพร้อมภาพประกอบ ห้องแสดงมีคนชมเยอะคับคั่งพอสมควร บางช่วงถึงกับต้องเบียดกัน โดยเฉพาะที่มีของสวย ๆ งาม ๆ ทอง ๆ ดังนั้นแม้จะเดินผ่านมัมมี่จริง ๆ กับโลงศพทั้งหลาย ก็ไม่น่ากลัวเท่าไร แต่รจนาสงสัยว่า หากให้มาเดินดูคนเดียวตอนกลางคืนคงไม่กล้าแหง ๆ กลัวมัมมี่จะลุกมาคุยด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
หลังจากเดินดูกันจนเมื่อยล้าแล้วเราก็ไปนั่งทานน้ำชากับขนมสะโคนของอังกฤษ ขนมอร่อยจริง ๆ ทากับคล็อตเต็ทครีมและแยมค่ะ แต่ที่ไม่ประทับเลยคือน้ำชาซึ่งเสิร์ฟมาในน้ำที่แทบจะหายร้อนแล้ว เสียชื่อเมืองน้ำชาจริง ๆ เพราะรจนาชอบทานชาร้อน ๆ มาก ส่วนพิลกริมสั่งชาตะไคร้ก็ไปได้ชาคาโมไมล์แทน ดื่มไปจนหมดแล้วจึงพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ แต่พวกเราก็สนุกสนานกันดีกับการนั่งทานของว่าง คุยกัน แล้วนาทีเด็ดก็มาถึงเมื่อสาวสามคนที่โต๊ะข้าง ๆ ลุกขึ้นยืน เราจึงเห็นว่าสาวคนหนึ่งนั้นใส่กางเกงขาสั้นถึงต้นขา และใส่ถุงน่องลวดลายงดงาม แต่ที่งามกว่านั่นคือขาของเธอค่ะ เธอไม่ใช่คนสูง แต่ขาเรียวสวยมาก ๆ ถุงน่องยิ่งทำให้เซ็กซี่อีกเป็นทวีคูณขนาดรจนาเป็นผู้หญิงยังมองแบบไม่อยากละสายตาเลย ของสวย ๆ งาม ๆ อย่างนี้ พอสะกิดพ่อบ้านให้หันไปดู พ่อบ้านเอี้ยวไปดูไม่วางตา อ้าปากค้าง ชนิดที่รจนาแทบจะเห็นงูโผล่ออกมาจากหัวเลยค่ะ ต้องค้อนหลายตลบกว่าพ่อบ้านจะยอมเลิกมอง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ออกจากบริติชมิวเซียมพวกเราไปเจอร้านขายผ้าห่ม เสื้อผ้า ผ้าพันคอขนสัตว์ของสก๊อตแลนด์ ก็เลยชวนพ่อบ้านไปซื้อผ้าห่มสำหรับใช้ในรถยนต์หนึ่งผืน และได้ผ้าพันคอกันคนละผืน ของพ่อบ้านสีน้ำเงินเรียบ ๆ ของรจนาสีออทั่ม (น้ำตาลออกแดง ผสมส้มและเขียวอ่อน ๆ) พ่อบ้านเห็นแล้วก็ชมว่ารจนาใส่แล้่วดูดี จากนั้นรจนาก็ขอไปซื้อหาชาอังกฤษไปฝากคนที่เมืองเจนีวาค่ะ เดินกันไม่ไกลเท่าไรก็เจอร้านชาขึ้นชื่อ มีนักท่องเที่ยวไปซื้อกันตรึม รจนาแค่ไปซื้อชาเอิร์ลเกรย์สามห่อ กับที่กรองชาแบบกระบอกพลาสติกล้างง่ายสองอันค่ะ ปกติรจนาชงชาในถุงผ้า (แบบที่เขาชงโอเลี้ยง แต่เล็กกว่า) รจนาไปเห็นที่กรองพลาสติกที่เยอรมนีก็เลยติดใจ ตามมาซื้อถึงเมืองอังกฤษ เหตุที่ไม่ซื้อของมากกว่านี้เพราะเดินทางโดยรถยนต์คันจิ๋วกลัวจะไม่มีที่ใส่ค่ะ
พิลกริมติดตามมาเป็นเพื่อนด้วยความอดทนและมีน้ำใจ เราได้คุยกันนิดหน่อยเรื่องการใช้ีชีวิตต่างแดน ความยากลำบากของการปรับตัว การอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่ก็ไม่มากอย่างที่เราควรจะได้คุยกัน อาจเพราะต้องวิ่งเข้าวิ่งออกสถานีรถไฟ เราไปดูละครกันก็คุยกันไม่ได้แล้ว แต่ก็เหมือนเราได้แลกเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่าง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตอนเราลาจากกัน รจนาไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นพิลกริมน้ำตาคลอ คงจะผงเข้าตานิ แต่รจนาประทับใจกับการได้เจอกัน รู้สึกตื้นตันตอนลาจาก เราไม่ได้ทำอะไรหวือหวาพิสดาร ไม่ได้เที่ยวลุยดะไปทุกแห่ง แต่ได้ใช้เวลาผจญภัยน้อย ๆ ด้วยกัน บางทีความเงียบสงบในระหว่างมิตรสองคนอาจมีค่ามากกว่าคำพูดร้อยพันคำเจื้อยแจ้วก็ได้ และอาจแทนความเข้าใจได้ยิ่งกว่าคำสัญญาทั้งหลาย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
รจนาเอ่ยปากบอกพิลกริมว่า หากผิดพลาดประการใดของอภัยด้วย พิลกริมบอกว่าขำดี เพราะไม่ได้คิดว่ารจนาทำอะไรให้ต้องอภัย รจนารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ว่า บางทีเราไม่รู้ตัวว่าเราทำอะไรละเมิดคนอื่น เพราะเราคิดว่าตัวเราดีแล้ว บางทีเราก็ไปทำให้คนอื่นเขาลำบากเพราะเราอยากได้โน่นอย่างทำนี่ แค่พิลกริมต้องละงานเรียนมาใช้เวลากับรจนาก็เ็ป็นเรื่องรบกวนหนึ่งอย่างแล้ว ความอดทนของเพื่อนที่ไม่ปริปากบ่นหากเราทำอะไรเฉิ่ม ๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่้ต้องพิจารณาด้วยความละเอียดอ่อนเช่นกัน ด้วยความคิดเช่นนี้ รจนาก็เลยบอกพิลกริมไปเช่นนั้นจ้ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ไม่รู้เรื่องเล่า "ย่ำลอนดอนกับพิลกริม" จะสนุกสมใจท่านผู้อ่านไหมนะคะ การที่คนสองคนเจอกันโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเรียนหนังสือด้วยกัน ไม่เคยทำงานด้วยกัน เพียงแต่มีเพื่อนร่วมกันคนหนึ่ง ก็เป็นเหมือนฉากหนึ่งในชีิวิต หนังสือหน้าหนึ่ง ที่อาจจะไม่สะดุดตา แต่ก็สะดุดใจ บันทึกไว้ในใจแล้ว เป็นหน้าหนึ่งและวันเวลาหนึ่งเราที่เรามองย้อนหลังแล้ว แม้ไม่ถึงกับหัวเราะร่า แต่ก็สามารถยิ้มน้อย ๆ ให้กับตัวเองด้วยความอบอุ่นใจได้
ขอบคุณนะคะ พิลกริม สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วรจนาจะรอวันที่พิลกริมจะกลับมาเยี่ยมเมืองผู้ดีมีขนสวิตเซอร์แลนด์ อีกครั้งหนึ่ง
ภาพเก็บตกแถมท้าย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ถ้วยโถโอชาแบบอียิปต์ รจนาเป็นคนที่ชอบอะไรแบบอียิปต์มากเลยค่ะ ไม่รู้เคยเป็นมัมมี่มาก่อนหรือเปล่า หุหุ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ภาพป้อมปราสาทแห่งลอนดอนที่จับมาได้แบบเร่งรีบตอนรถเราแล่นข้ามสะพาน อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนจริง ๆ ค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ต้นไม้ทิ้งดอกที่วัดอมราวดี วัดพุทธสายวัดป่า ตอนเหนือกรุงลอนดอน
เมื่อวันที่ : ๐๔ มิ.ย. ๒๕๔๙, ๑๖.๕๔ น.
เหมือนได้เที่ยวไปด้วยเลยค่ะ พี่รจนา
และอบอุ่นในมิตรภาพของพี่ทั้งสองค่ะ