![]() |
![]() |
Hiromi![]() |
.....ฉึก..เพล้ง....เสียงวัตถุแหลมคมพุ่งกระทบด้านหลัง ความรุนแรงของมันเพียงพอจะทะลุร่างอันบอบบาง ตู้ปลาทั้งใบถูกกระแทกแตกไม่มีชิ้นดี...
ตอน : ฆาตรกรรม
เกริ่นนำ...นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการส่วนตัว เนื้อเรื่องหรือแม้แต่ตัว ละครในเรื่องก็เกิดจากการสมมุติ ข้อความบางตอนอาจจะล่อแหลมไปบ้าง ผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
................................................................................................
16.00 น.
หวอๆๆๆ
เสียงรถตำรวจหลายสิบคัน เปิดไซเรนดังสนั่นเพื่อขอทาง ทำให้ บรรยากาศยามเย็นที่เงียบเหงากลับดูคึกคักทันตาเห็น ฝูงคนถูกกันออกห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่นำแถบกั้นสีเหลืองมาขึงไว้โดยรอบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายทะยอยเดินเข้ามาสมทบบริเวณด้านหน้าของอาคาร สายตาหลายสิบคู่เพ่งมองเข้าไปในความมืด เหมือนกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง
"กระจายกำลังให้ทั่ว" นายตำรวจยศร้อยเอกผู้หนึ่งออกคำสั่งอย่าง เข้มแข็ง อธิบายแผนการณ์อย่างคร่าวๆ
"เคลียร์ผู้ไม่เกี่ยวข้อง นำหน่วยแม่นปืนไปประจำที่อาคารฝั่งตรงข้าม ปิดทางเข้าออกให้หมด จ่ารายงานสถานการณ์ปัจจุบันอีกทีสิ"
จ่าอายุอานามอยู่ในวัยใกล้เกษียณ ตรงเข้ามาแสดงความเคารพ
"กลุ่มคนร้ายอาวุธครบมือประมาณเก้าถึงสิบคน จับตัวประกันเอาไว้คาดว่ามีประมาณห้าคน คนร้ายขอเงินสดสิบล้านบาท และพาหนะสำหรับหนี พร้อมเติมน้ำมันเต็มถัง ครับผม"
"ผมจะไม่ให้พวกมันแม้แต่บาทเดียว"
อวิรุทธ์น้ำเสียงแข็งกร้าว ขยับแว่นดำเล็กน้อย ก่อนจะหยิบปืนพกออกจากซองหนังในสภาพขึ้นไกเตรียมพร้อม ตำรวจที่เหลือพากันแยกย้ายกระจายกำลังตามจุดต่างๆ ภายในอาคารยังเงียบสงบ อวิรุทธ์ยกมือทำสัญญาณเตรียมพร้อม ตำรวจสองนายตรงเข้าเปิดประตูหน้า แล้วส่งสัญญาณให้ตำรวจข้างหลังยิงระเบิดควันเข้าไป
"พล็อก" ระเบิดควันสองลูกพุ่งเข้าสู่ตัวอาคารอย่างแม่นยำ ควันสีขาวหนาทึบเริ่มแผ่กระจายเป็นวงกว้าง หน่วยสวาท (S.W.A.T) พร้อมอาวุธครบมือ สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ กรูกันลงจากรถตู้สีดำอย่างรวดเร็ว
"ไปๆๆ" เสียงเร่งเร้าของหัวหน้าหน่วยดังถี่ขึ้น พร้อมส่งสัญญาณนิ้วแก่ลูกทีมให้ไปตามจุดที่นัดหมายไว้ เสียงปืนกลดังรัวกึกก้องหลังจากหน่วยสวาทคนสุดท้ายเข้าสู่ตัวอาคารได้ไม่นาน
สิ้นเสียงปืน ตัวประกันทั้งหมดถูกช่วยเหลือออกมานอกอาคาร นางพยาบาลที่เฝ้ารออยู่ด้านนอก รีบเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
"ขอรายงานครับ" หัวหน้าทีมวิ่งหน้าตื่นออกมา
"ลูกสมุนถูกจับตายจนหมด ส่วนตัวหัวหน้าหนีไปได้ ครับผม" แล้วหันไปสั่งลูกทีมให้ช่วยกันลำเลียงศพคนร้ายออกมากองไว้ที่พื้นด้านนอก
อวิรุทธ์ออกอาการไม่พอใจ รีบวิ่งเข้าไปในตัวอาคาร ถึงแม้เวลานี้จะถูกตัดไฟจนหมดทั้งตึกแล้ว แต่สายตาของเขายังพอมองเห็นได้ไม่ลำบาก จากคำบอกเล่าของหน่วยสวาท หนทางเดียวที่มันจะหนีไปได้ คือ ....ดาดฟ้า
เขาอาศัยบันไดที่อยู่ด้านข้างลิฟท์ ดีนะที่อาคารนี้ไม่สูงมากนัก ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เปิดไฟในตัวอาคารเป็นแน่
เมื่อมาถึงชั้นบนสุด ประตูทางเข้า ออก ถูกแง้มเล็กน้อย อวิรุทธิ์ยกเท้าถีบไปอย่างแรง ปืนในมือถูกยกขึ้นในท่าเตรียมพร้อม
บริเวณดาดฟ้ากลับใช้เป็นที่ตากเสื้อผ้า เขาลดปืนในมือต่ำลงเล็ก น้อย มืออีกข้างแหวกเสื้อผ้าออกทีละตัวๆด้วยความระมัดระวัง จนมาถึงด้านในสุด กลับไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ
"ไม่พบตัวหัวหน้า ทราบแล้วเปลี่ยน" อวิรุทธิ์รายงานผ่านทางวิทยุรับส่ง ขณะกำลังจะหันหลังกลับ
เสียงวัตถุแหลมคมแหวกอากาศมาทางด้านหลัง เขาไวพอที่จะยกวิทยุสื่อสารในมือขึ้นป้องกัน เสียง "ฉึก" ดังขึ้น วิทยุของเขาถูกกระแทกจนร่วงหล่น ชายหนุ่มกำหมัดทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งการ์ดในท่าเตรียมพร้อม บุรุษลึกลับพุ่งมือเข้าใส่ ประกายแวววาวปรากฏขึ้นอีกครั้ง อวิรุทธิ์ไขว้มือซ้ายขวาหนีบมือคู่ต่อสู้เอาไว้ แล้วพลิกบิดกระชากดึงร่างชายผู้นั้นเข้ามา เข่าข้างขวากระทุ้งเข้าที่ท้องน้อย จนร่างนั้นงองุ้มด้วยความเจ็บปวด
ชายหนุ่มเมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ ตวัดเท้าเตะเข้าที่ขาด้านพับนอก ร่างของบุรุษลึกลับก็ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น อวิรุทธิ์กระโดดขึ้นคร่อม มือซ้ายค้ำไว้ที่คอหอย มือขวากำหมัดยกขึ้นเตรียมตะบันหน้าเต็มที่
"เฮ้ยๆๆ พอ ไม่เล่นแล้ว อะไรวะแค่ซ้อมช่วยตัวประกัน จะเอากันถึงตายเลยเหรอ"
อวิรุทธิ์เผลอยิ้มออกมา มือขวาของเขาเปลี่ยนจากกำหมัด มาเป็นตบแก้มชายคนนั้นอย่างเบาๆ
"ใครจะกล้าฆ่าร้อยตำรวจเอกพาสกร อนาคตพี่เขยได้ลงคอ" เขาฉุดภาสกรขึ้นจากพื้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นเงาดำจางๆเคลื่อนที่ผ่านด้านหลังเพื่อนรักไปอย่างรวดเร็ว อวิรุทธ์สอดส่ายสายตาสำรวจบริเวณดาดฟ้าจนทั่ว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
"มีอะไรเหรอ ไอ้รุท"
"สงสัยจะตาฝาดว่ะ ไปกินเบียร์กันดีกว่า" อวิรุทธิ์เดินนำหน้า ปล่อยให้ภาสกรยืนเซ่ออยู่คนเดียว
"ท่าจะบ้า รู้แบบนี้ไม่น่ายกน้องสาวให้เลย พับผ่าสิ"
****************************************************
22.00 น.
คอนโดกลางใจเมือง
กริ๊งๆๆ..
สาวร่างงามระหง ผุดลุกจากที่นอน สีหน้าบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า เอื้อมมือมารับโทรศัพท์อย่างเสียไม่ได้
"ฮัลโหล..พี่เหรอคะ" ณภัสร์ส่งเสียงออกไปอย่างแง่งอน
.......ตู้ดๆๆๆ เสียงสัญญาณขาดหายไป อะไรกันดึกป่านนี้ยังโทรมาผิดอีก หรือว่าเป็นพวกโรคจิตก็ไม่รู้ ณภัสร์กระแทกหูโทรศัพท์ด้วยความโมโห เธอเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน ยังต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนี้อีก
กริ๊งๆๆ..
เธอรำคาญสุดขีด ยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วรีบตะคอกใส่ทันที
"นี่คุณ ญาติผู้ใหญ่ไม่เคยอบรมหรือไง ถึงโทรมากวนชาวบ้านอยู่ได้"
"เฮ้ย ไอ้พัดไปกินรังแตนที่ไหนมา นี่พี่เองนะ"
"อ้าว พี่กรเหรอ ก็นึกว่าพวกโรคจิตโทรมากวนน่ะ ขอโทษนะคะ" ณภัสร์สางผมตัวเองแก้เขิน นึกไม่ถึงว่าเป็นพี่ชายตัวเองโทรมา
"เออ พี่จะบอกว่าคืนนี้กลับดึกนะ ไปหาอะไรกินกับเจ้ารุทมันหน่อย"
"เจ้าค่ะ แล้วก็อย่ากลับดึกนะ พัดเป็นห่วง" ในใจนึกถึงแต่ร้อยตำรวจเอกอวิรุทธ์คู่หมั้น ไม่รู้ว่าพี่ชายจะพาไปเสียคนหรือเปล่า
"รับรองพี่ไม่พาเจ้ารุทไปเหลวไหลหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง"
"อืม พี่คะ พรุ่งนี้ช่วยโทรตามช่างแอร์ให้ด้วยนะ"
เสียงพี่ชายตอบรับอย่างเซ็งๆ แล้วรีบวางสาย ณภัสร์เองก็รู้สึกเกรงใจพี่กรอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิตไป เธอก็มีพี่ชายคนนี้ที่คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใย ไม่ใช่เธอจะไม่ยอมทำอะไร แต่เป็นเพราะพี่ชายออกหน้าแทนไปเสียทุกเรื่อง อีกไม่กี่เดือนก็ถึงวันวิวาห์ ของเธอแล้ว พี่กรคงดีใจที่มีเพื่อนรักมารับภาระนี้แทน ส่วนตัวเองจะได้มีเวลาคิดถึงเรื่องครอบครัวเสียที
"ทำไมวันนี้รู้สึกร้อนจัง" ณภัสร์รำพึงกับตัวเองเบาๆ
เธอเดินไปเปิดหน้าต่างคอนโดให้กว้างกว่าเดิม ท้องฟ้ากรุงเทพฯยามราตรีช่างสวยงามเสียจริง ม่านหน้าต่างถูกผลักออกจนสุด เสียงโทรศัพท์ทั้งสองครั้งขับไล่ความง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารปลาที่เลี้ยงไว้ตั้งแต่กลับจากทำงาน
แต่แปลกจังวันนี้ทำไมปลาในตู้ดูเงียบเชียบ เธอจึงเอื้อมมือไปเปิดสวิทซ์ไฟที่ด้านบนของตู้ปลา แสงไฟจากหลอดนีออนสว่างขึ้น เธอตกใจกับสภาพที่เห็น ปลาทองหลายสิบตัวตายลอยคอเต็มไปหมด!! ส่วนด้านบนของฝาตู้มีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ เธอค่อยๆเปิดอ่านอย่างช้าๆ
...ปลาอยู่ คนอยู่ ปลาตาย คนตาย..
..ฉึก..เพล้ง....เสียงวัตถุแหลมคมพุ่งกระทบด้านหลัง ความรุนแรงของมันเพียงพอจะทะลุร่างอันบอบบาง ตู้ปลาทั้งใบถูกกระแทกแตกไม่มีชิ้นดี สายน้ำแตกกระเซ็นออกมากระทบกับร่างเธอจนเปียกโชก เธอยกมือขึ้นกุมบาดแผล พื้นห้องแดงฉาน กลิ่นคาวคละคลุ้ง ณภัสร์สิ้นเรี่ยวแรงทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บปวด
วินาทีสุดท้ายเธอนึกถึง พ่อ.. แม่.. พี่.. และ ชายคนรัก
..คลิ๊ก..
...เสียงเปิดปิดสวิทซ์..คอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มทำงานดังกระหึ่ม!!!!.....