![]() |
![]() |
![]() |
เราดูเหมือนเป็นมนุษย์ปฏิบัติ เป็นคนทำงานก็ปฏิบัติงาน เป็นพ่อแม่ก็ปฏิบัติหน้าที่พ่อแม่ เป็นลูกก็ทำหน้าที่ลูก เป็นนักเรียนก็ปฏิบัติหน้าที่นักเรียน
เราอยู่กับการปฏิบัติมากกว่าอยู่กับการพิจารณาสิ่งที่เราทำ
ชีวิตฉันในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น เต็มไปด้วยการปฏิบัติ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย กิจกรรมมากมายไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน
แทบจะไม่เคยมีเวลาพิจารณา ดูแลและรักษาใจของตัวเองเลย
เวลาทั้งหมดดูเหมือนทำเพื่อคนอื่น ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำก็เพื่อให้งานก้าวหน้า ทุกอย่างไม่ติดขัด
ใช้เวลาปรนนิบัติดูแลคนที่รักก็เื่พื่อให้เขามีความสุข
เป็น "การให้" ที่ไม่ต้องคิด ทำจนเป็นอัตโนมัติ และสุขใจที่ได้ให้ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด อดตาหลับขับตานอนแค่ไหน

และเมื่อมาพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว การให้ทั้งหลายแหล่ของฉันก็เพื่อการได้มาซึ่งชื่อเสียง การยอมรับ ฐานะทางการงาน ฐานะทางสังคม ความได้ภาคภูมิใจในความสามารถ ความดีงาม ร้อยแปดที่มนุษย์เราจะคาดหวังได้
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการหล่อเลี้ยงอัตตา-ตัวตนของตนเองทั้งสิ้น ให้ตัวเองดูเป็นคนดีเหนือคนอื่น
แต่จริงหรือว่า ฉันเหนือกว่าคนอื่น ?
จะมีประโยชน์อะไรที่จะดีกับคนทั้งโลก แต่ลืมดีกับตัวเอง
ฉันเกือบลืมไปว่า คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่ฉันต้องดูแลและใส่ใจ ก็คือ "ตัวเอง" นั่นเอง
เสาร์อาทิตย์นี้ ฉันตัดสินใจไม่ไปร่วมกิจกรรมกับคนข้างตัว เขาไปทำในสิ่งที่เขารัก เขาอยากให้ฉันมีัส่วนร่วมด้วย ฉันเองก็อยากไป และปกติก็จะไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีคำถาม
แต่พอมาคิดทบทวนแล้ว ยังไม่ได้มีเวลาให้ตนเองอย่างจริงจังเลยในช่วงที่ผ่านมา เดี๋ยวก็จะต้องเดินทางไกลอีกแล้ว อยากจะใช้ชีวิตนิ่ง ๆ เสียบ้าง
จึงตัดใจไม่ไปร่วมกิจกรรมของเขา ซึ่งต้องขับรถไปสี่ห้าชั่วโมง ... ฉันตัดสินใจอยู่บ้าน
เป็นการตัดสินใจที่ยาก เพราะเหมือนนกคู่กัน พอไม่ได้ทำอะไรร่วมกันก็ดูเหมือนเป็นการทิ้งคู่ของเรา ความรู้สึกผิดย่อมมีอยู่ในใจ
แต่ฉันคิดว่า ตัดสินใจถูก
เพราะสองวันที่ผ่านมา ฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ได้อ่านหนังสือแปลที่รอฉันอยู่้สองปีแล้วรวดเดียวจบ ได้เติมอาหารใจให้ตัวเอง ได้ออกไปชอปปิ้งเงียบ ๆ ใจสงบท่ามกลางผู้คน ได้ซื้อของสวย ๆ เก๋ ๆ แต่งบ้านและใช้ในครัว เสียเงินไปไม่กี่บาท แต่ได้หัดใช้เวลาอย่างละเลียด ค่อย ๆ เสพรับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวแบบไม่ต้องหมุนเป็นเครื่องจักรยนต์กลไกเหมือนในที่ทำงาน
สองวันฉันได้ไปเที่ยวตลาดขายของเก่าสองแห่ง แห่งหนึ่งในเมืองสวิสติดริมน้ำ อีกแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ติดริมน้ำอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองแห่งอยู่ไกลจากบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นตลาดกลางแจ้ง ในหมู่บ้านที่สวยงาม แดดอุ่นละไม และสายลมเย็นชุ่มใจ
ฉันได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เกียจคร้าน ลูกค้าที่เดินดูติชมของสบาย ๆ พ่อค้าแม่ขายก็นั่งขายของกันสบาย ๆ จิบกาแฟ กินขนมปัง คุยกันเบา ๆ มองดูคนที่ผ่านไปมา บางร้านก็ไม่มีคนอยู่ด้วยซ้ำ ไม่มีกลัวของหาย ไม่มีการต่อราคาแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่มีบรรยากาศครึกครื้นแบบตลาดนัดบ้านเรา แต่มีชีวิตแทรกอยู่ในความเกียจคร้านแห่งบรรยากาศนั้น
ทำให้ฉันรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของมวลหมู่มนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ทำตัวเป็นแต่มนุษย์งานนั่งหน้าจอวันละสิบกว่าชั่วโมง
ฉันได้ซื้อถ้วยชาใช้แล้ว แท่นรองเทียน และกระป๋องทองแดงสำหรับรดน้ำต้นไม้ ของจุก ๆ จิก ๆ ที่ให้ความสุขทางอารมณ์ โดยไม่เดือดร้อนกระเป๋าตังค์
และได้ทำอะไรแบบเด็ก ๆ อีกครั้ง เช่น ซื้อฮอตดอกเดินกินในตลาด กิจกรรมที่เลิกทำมานานแล้วตั้งแต่แก่ตัวลง
ฉันได้นั่งจิบชา กินครัวซองต์ในร้านริมทะเลสาบ และนั่งอ่านหนังสือแปลเกี่ยวกับฟานก๊อกฮ์อย่างเพลิดเพลิน
การได้ขับรถออกไปในชนบทที่งดงามของฤดูใบไม้ผลิเหมือนยาชะโลมใจที่อ่อนล้าให้ได้ฟื้นฟูตัวเองอีกครั้ง
คงสรุปได้ว่าเป็นสุดสัปดาห์ที่ดี เตรียมฉันให้พร้อมรับสัปดาห์ใหม่แห่งงานหนักต่อไป
ฉันดีใจที่หาเวลานี้ให้ตัวเองได้ ทำให้รู้สึกว่า ได้หยุดเวลาอันวุ่นวาย มาค้นพบความสงบใจตัวเอง ผ่านกิจกรรมธรรมดา ๆ ที่ไม่พิศดารอะไรเหล่านี้ แต่เป็นกิจกรรมที่เติมต่อพลังชีวิตในพร้อมรับวันใหม่อย่างสงบเย็น
(ภาพประกอบจาก photoplatforma)
รจนา เจนีวา
จากใจ..บรรณาธิการ,
๐๕ เมษายน ๒๕๕๒
![]() | |
![]() | |
editorial | นิตยสารรายสะดวก |
เมื่อวันที่ : 10 พ.ค. 2552, 15.29 น.
ชอบที่ Editorial เขียนจังค่ะ จริง ๆ เราทำชีวิตให้วุ่นวายกันไปหมดในทุก ๆ ๆวัน
จนลืมสิ่งสำคัญที่สุดคือใจเราเอง อยากเป็นนักเขียนที่ที่บ้างจังค่ะ จะต้องอย่างไรบ้างค่ะ