...แล้วเสือใหญ่ตัวนั้นก็โผล่ออกมาจากพงหญ้า ! พรานทุกคนยิงออกไปทันทีเกือบจะพร้อมๆกัน มีกระสุนเพียงนัดเดียวที่ถูกตรงสีข้างของเจ้าเสือนั่น นอกนั่นยิงผิดหมด !...

ดงทึบบนดอยอินทนนท์วันนี้เงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงใบไม้ไหว พรานใหญ่หกคนเพ่งสายตาไปทางเดียวกันหมด คนที่สังเกตการณ์อยู่บนคบไม้สูงเคาะสันมีดพกเบาๆกับฝักมีดสามครั้ง มันเป็นสัญญาณถึงอีกห้าคนที่หมอบซุ่มอยู่ที่พื้นดินว่าเสือลายพาดกลอนกำลังเข้ามาสู่ระยะยิงแล้ว

ทุกคนเกร็งตัว ยกอาวุธขึ้นเตรียมยิง แล้วเสือใหญ่ตัวนั้นก็โผล่ออกมาจากพงหญ้า ! พรานทุกคนยิงออกไปทันทีเกือบจะพร้อมๆกัน มีกระสุนเพียงนัดเดียวที่ถูกตรงสีข้างของเจ้าเสือนั่น นอกนั่นยิงผิดหมด ! มันร้องออกมาเบาๆแล้วกระโจนกลับออกไปทางเดิม

มีเสียงเคาะสันมีดพกดังมาจากคบไม้อีกสี่ครั้ง คราวนี้เป็นสัญญาณว่า "แม่มด" กำลังเดินเข้าสู่ดงทึบตรงนี้แล้ว

พรานทุกคนรีบหลบหาที่ซ่อนตัวทันที สองคนเข้าไปเบียดซุกกันอยู่ในพงหญ้าสาบเสือหนาทึบสูงท่วมหัว อีกสามคนเข้าไปนั่งหลบอยู่ในดงบอนริมน้ำ คนที่คอยดูต้นทางบนต้นไม้ทำตัวแนบกับกิ่งไม้ใหญ่ให้ดูกลมกลืนไปกับต้นไม้ เหมือนงูเหลือมที่พันตัวนิ่งอยู่บนคาคบ...วันนี้เป็นวันที่แม่มดจะมาเก็บสมุนไพรวิเศษไปทำยา

หญิงแก่คนหนึ่งหลังโกงด้วยอายุ แกใส่เสื้อเก่ารุ่มร่าม ใส่งอบใบใหญ่ ถือไม้สอยและหิ้วตะกร้าเดินเข้ามาใกล้ที่ซ่อนตัวของเหล่าพราน เสือตัวที่ถูกยิงเดินตามมาติดๆ มันไม่ตายด้วยอาวุธเพียงแค่นี้ มันเป็นเสือที่หญิงแก่เลี้ยงเอาไว้ เสือของ แม่มด !

หญิงแก่ก้มลงเก็บใบกระเพราแดงที่ขึ้นอยู่แถวนั้นใส่ตะกร้า แล้วก็เก็บพริกขี้หนูป่า ตรงที่ร่มชื้นใกล้บึงใหญ่แกเก็บใบบัวบก ผักกูด แล้วจึงเดินไปที่ริมบึง เด็ดยอดผักบุ้งนาใส่ตะกร้าของแกอีกหอบหนึ่ง

เสียงแกรกกรากดังขึ้นในพงหญ้าสาบเสือ พรานคนหนึ่งขยับตัวปัดมดแดงที่กำลังรุมกัดเขาอยู่ เสือของแม่มดตัวนั้นทำหูผึ่งแล้วส่งเสียงคำรามในลำคอ พวกพรานใหญ่ใจเต้นระทึก กลัวว่ามันจะจู่โจมเข้ามาตรงที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ หญิงแก่คงจะรู้ว่าพวกพรานซ่อนตัวอยู่แถวนี้ แกพูดลอยๆขึ้นว่า

"เออ อย่าให้กูเห็นหน้าเชียวนะ ! มึงซ่อนได้ซ่อนไป กูเห็นเมื่อไรกูจะไปฟ้องแม่มึง !" แล้วหญิงแก่หลังโกงก็หิ้วตะกร้าเดินกลับออกไปจากดงใหญ่ หมาสีน้ำตาลที่มาด้วยวิ่งตามไปติดๆ...

เด็กๆ พากันออกมาจากที่ซ่อนเมื่อ "ยายสา" ที่เข้ามาเก็บผักพื้นบ้านเมื่อกี้นี้กลับไปแล้ว

"วันนี้กูยิงเสือได้คนเดียวนะโว้ย" เจ้าคนที่เอาหนังสติ๊กยิงถูกหมาของยายสาคุยอวดเพื่อน เกมที่เขาเล่นกันวันนี้คือล่าเสือบนดอยอินทนนท์ ปนไปกับเกมค้นหาสมบัติ

"แต่อาทิตย์ที่แล้วกูยิงเสือดำได้" อีกคนอวดบ้างแล้วยิงหนังสติ๊กเข้าใส่ต้นไม้ต้นหนึ่งแสดงความแม่นให้ดู เมื่อเจ็ดวันที่แล้วเขายิงถูกหมาดำตัวเล็กจากวัดที่เข้ามาเดินในป่านี้...

ธุรกิจค้าที่ดินซึ่งล่มสลายลงเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ที่จัดสรร "ลานสวนแก้ว" นอกเมืองอันมีเนื้อที่แปดสิบไร่เป็นที่รกร้าง ป่าคืบคลานกลับเข้ามาสู่ที่ดินซึ่งคนพยายามจะทำให้เป็นเมือง ถนนคอนกรีตที่ตัดแบ่งที่ดินเป็นแปลงๆ มีไม้เลื้อยขึ้นคลุมไปหมดจนมองไม่เห็นถนน เสาไฟฟ้าสองข้างถนนดูดั่งอนุสาวรีย์แห่งความวิบัติที่เรียงรายไปทั่ว เสาบางต้นถูกไม้เลื้อยพันไต่ขึ้นไปจนถึงยอด สายไฟนั้นถูกขโมยตัดไปนานแล้ว

กระทั่งป้อมยามที่ปากประตูโครงการก็ถูกคนงัดเข้าไปเอาโต๊ะ เก้าอี้และบานหน้าต่าง มันงัดเอาแม้แต่เหล็กดัดกันขโมย ทั้งไม่ลืมที่จะถอดเอาหลอดไฟบนเพดานห้องไปด้วย จนทั้งที่จัดสรรไม่มีวัตถุอะไรอีกแล้วที่เคลื่อนย้ายได้ จะมีก็แต่ป้ายไม้เก่าเล็กๆห้อยอยู่หน้าป้อมยามหน้าประตูที่เขียนว่า "ทรัพย์ธนาคาร" แต่มันก็ยังอยู่ดี ไม่มีใครอยากขโมย

เพียงแค่แปดปี ที่ดินทั้งแปดสิบไร่ซึ่งเคยถูกออกแบบสวยงามเพื่อแบ่งขาย กลายเป็นป่าทึบในบางส่วน โดยเฉพาะตรงที่เขาปลูกไม้ใหญ่ไว้สำหรับเป็นสวนสาธารณะนั้นร่มครึ้มเป็นดงชัฏ ที่ดินบางตอนกลายเป็นทุ่งหญ้าคากว้าง ปนไปกับไมยราบยักษ์และหญ้าสาบเสือ บึงใหญ่ด้านหลังมีน้ำลึกเขียวน่ากลัว นกเป็ดผี เป็ดแดงและนกน้ำอื่นๆมาอาศัยอยู่รอบๆบึงใหญ่นี้ พวกมันหลบหากินอยู่ตามกอบัวและกอกกใกล้ชายตลิ่ง

ที่นี่มีทั้งทุ่งโล่ง ดงทึบและบึงกว้าง ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปใน "ป่าชุมชน" ใกล้หมู่บ้านนี้ ลือกันว่ามีผีดุ !

แต่ก็มีคนที่ไม่กลัวผีอยู่เหมือนกัน ที่พากันเวียนแวะเข้าไปที่นี่เป็นประจำ อย่างเด็กๆจอมซนในหมู่บ้านซึ่งจะพากันเข้าไปแอบยิงเป็ดผีที่บึงใหญ่ พวกเขาจะค่อยๆคลานไปจนถึงริมตลิ่งแล้วชะเง้อดูเป็ดผีตัวเล็กที่ว่ายชูคออยู่ตามกอกก แต่แค่เงื้อหนังสติ๊กขึ้น มันก็ดำน้ำหายวับไปในพริบตา เร็วเหมือนผี ! อีกสามสี่อึดใจก็ไปโผล่ขึ้นห่างออกไป เด็กๆก็จะคลานตามไปอีก และมันก็ดำน้ำหนีไปอีก บางครั้งเขายิงมันทันก่อนที่จะดำน้ำแต่ก็ไม่โดน ไม่เคยมีใครยิงเป็ดผีได้เลย แต่ถึงยังไงพวกเขาก็สนุกกับความพยายาม และเรียกชื่อเกมนี้ว่า "เกมยิงเรือดำน้ำ"

นอกจากนี้พวกเขายังพยายามจะดักนกกวักด้วยแร้ว แต่ฝีมือยังอ่อนไปจึงไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกจากแมลงทับสีเขียววาววับตอนเข้าพรรษา กับกว่างชนตัวดำมะเมื่อมในตอนออกพรรษา... เอามันมาเลี้ยงเล่น

รังนกกระจาบบนยอดไม้สูงเป็นที่หมายตาสำหรับจะพิสูจน์คนกล้า พวกเด็กๆรู้จักแทบจะทุกตารางเมตรในป่าชุมชนนี้ ว่ามีอะไรอยู่ที่ไหน รู้ว่าจะขุดหาไข่แมงมันได้ตรงไหนในหน้าหนาว รู้ว่าเห็ดโคนที่จอมปลวกใหญ่จะขึ้นเมื่อไร พวกเขาได้ความสนุกในการซุกซนอย่างเด็ก และสมมติให้ป่าชุมชนนี้เป็น "ดอยอินทนนท์" สำหรับไปผจญภัยในวันโรงเรียนหยุด ดอยอินทนนท์ที่เขายังไม่เคยไปเลยในชีวิตจริง ! ทั้งๆที่มันก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าใด

หนุ่มนักล่าหลายคนในหมู่บ้านก็ชอบป่าชุมชนนี้ พวกเขาจะใช้วันว่างงานซึ่งเป็นวันส่วน ใหญ่ของชีวิต แบกปืนอัดลมทำเอง มันยิงได้ทั้งนกและปลา เข้าไปนั่งซุ่มอยู่ใต้ไม้ใหญ่ริมบึง รอปลาที่จะลอยหัวขึ้นมา หรือนกที่อาจหลงมาเข้าทางปืนของเขา บางทีเขาจะยิงได้พังพอนตัวโตซึ่งมีอยู่ชุกชุม เอามันไปทำแกงอ่อม ! หนุ่มนักล่าจะไปซุ่มอยู่อีกด้านหนึ่งของบึงใหญ่ ตรงที่ไม่มีเด็กๆเล่นกันอยู่ ต่างถ้อยที่ถ้อยอาศัยกันและกัน

พวกดักนกจะมาพร้อมตาข่ายและกรงนกต่อ นกปรอดหัวจุกเป็นเป้าหมายหลัก และนกเขาเป็นเป้าหมายรอง พวกนี้จะเป็นคนจากภาคอื่น ไม่ใช่คนท้องที่นี้ เมื่อได้นก ก็จะเอามันลอบส่งเข้ากรุงเทพเพื่อขายต่อ

ทุกเช้าไม่ว่าจะเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ก็ตาม "ยายสา" หญิงชราที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักจะหิ้วตะกร้าใบใหญ่เข้าประตูโครงการมา บางวันหมาที่แกเลี้ยงไว้ก็ตามมาด้วย โครงการร้างลานสวนแก้วเป็นที่เก็บหาของป่าสำหรับทำมาหากินของแก

ยายสาเลี้ยงตัวได้กับป่าชุมชนนี้ เริ่มที่ปากทางเข้าแกเก็บใบผักกุ่มอ่อนเอาไปดอง ที่ถนนสายสองซึ่งปลูกต้นขี้เหล็กไว้ แกจะสอยยอดขี้เหล็ก แล้วก็เอามีดที่ติดมารานกิ่งเสียบ้างให้มันแตกพุ่มใหม่ ตรงถนนสายสามแกจะสอยดอกสะเดาทะวายที่เขาปลูกทิ้งไว้ใส่ตะกร้า และถ้ามีตำลึงขึ้นอยู่ตรงไหนก็จะเด็ดยอดมันมาด้วย

ใกล้บึง เคยมีคนไปทำสวนครัวแล้วก็ทิ้งร้างไป ยายสาจึงเพียงแค่เอาจอบถากหญ้าที่โคนต้นกระเพรากับต้นมะเขือพวงเสียบ้าง แล้วก็คอยเก็บมันไปทุกสองสามวัน ใกล้ดงใหญ่มีพริกขี้หนูเม็ดเล็กที่ขึ้นเองจากนก กลายเป็นพริกป่าหอมฉุนขึ้นอยู่กระจัดกระจาย แกเก็บได้ครั้งละสองสามกำมือเกือบทุกวัน ที่ริมบึงตรงที่ชื้นหน่อย ในหน้าฝนยายสาจะเก็บผักกูดกับใบบัวบก

ยายสาจะเอาผักพวกนี้ไปนั่งขายที่ตลาดเย็นหน้าวัด แกขายผักป่าพื้นบ้านที่ไม่มีต้นทุนได้พอกินทีเดียว และแกก็พอเพียงกับมัน...

เมื่อโรงเรียนปิดเทอมหน้าร้อน กลุ่มเด็กๆที่ชอบเที่ยว "ดอยอินทนนท์" จะมาที่ป่านี้กันแทบทุกวัน เขาเอาเชือกเส้นโตมาผูกห้อยไว้บนกิ่งก้ามปูใหญ่ริมบึง แล้วโหนตัวจากริมตลิ่งออกไปที่ชายน้ำ ปากก็ส่งเสียงร้องโห่ไปด้วยแล้วปล่อยตัวลงไปในน้ำดังตูมใหญ่ มันเป็น "เกมทาร์ซาน" กำลังโหนเถาวัลย์ออกไปสู้กับจรเข้ต้นกล้วยซึ่งพวกเขาช่วยกันตัดและแบกมาจากข้างทาง

บางคนแอบเอามีดทำครัวของแม่มาด้วย เขาเอาท่อน้ำพลาสติกมาลนไฟแล้วกดทับให้แบน ทำเป็นฝักกันมีดบาด เอามันผูกห้อยไว้ที่เอวเพราะทาร์ซานต้องมีมีดพก ! และวันนั้นแม่ของทาร์ซานก็จะหัวเสีย มีดทำกับข้าวของเธอหายไป ต้นไม้หลายต้นใกล้ก้ามปูใหญ่ มีบาดแผลเต็มไปหมดเพราะทาร์ซานซ้อมขว้างมีด

หมาในหมู่บ้านหรือที่วัด ซึ่งบังเอิญหลงเข้ามาวิ่งอยู่ในป่าดอยอินทนนท์ อาจจะถูกหนังสติ๊กยิงร้องเอ๋ง นั่น ! มันแปลว่ามีคนยิงเสือตายไปแล้วหนึ่งตัว ตามกติกาของ "เกมล่าเสือ"

บางวันพวกเด็กๆจะสมมติตัวเป็นพรานป่าที่กำลังดั้นด้นหาสมบัติตามลายแทง และสำหรับยายสา ยายของทุกคนในหมู่บ้าน พวกเขาให้ตำแหน่งแกเป็น "แม่มด" แห่งดอยอินทนนท์

พวกเด็กๆจะเห็นยายสาก่อนเสมอ เพราะมีคนหนึ่งนั่งดูต้นทางอยู่บนคบไม้สูงริมบึง คอยดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างในป่านี้ เขาจะคอยดู "เสือ" ที่จะหลงเข้ามาให้พรานยิง คอยดูแม่มด และถ้าเขาเห็นก็จะส่งสัญญาณ "แม่มดมาแล้ว" ให้คนอื่นรู้ ทุกคนต้องรีบหลบซ่อนตัว เพราะถ้าแม่มดเห็นใครเข้าก็มักจะไปบอก "แม่จริง" ของพวกเขาว่าวันนี้เห็นใครไปเล่นซุกซนในป่านั้นบ้าง และพรานป่าใจกล้าที่ขัดคำสั่งแม่ แอบหนีมาเล่นที่นี่อาจถูกไม้เรียวได้เมื่อกลับไปถึงบ้าน

แต่การปรากฎตัวของยายสา กลับเพิ่มรสชาติในการผจญภัยที่ป่าดอย อินทนนท์ของพวกเด็กๆได้มากทีเดียว แกเป็นตัวสำคัญคนหนึ่งของ "เกมค้นหาสมบัติ

"เฮ้ย ! วันนี้เล่นเป็นป่าไม้นะโว้ย" ใครคนหนึ่งเสนอขึ้น ต่อจากนั้นพวกเด็กๆก็จะสมมติตัวว่าเป็นพนักงานป่าไม้ที่ดอยอินทนนท์ กำลังลาดตระเวนดูคนที่ลอบเข้ามาจับสัตว์ พวกเขาจะซุ่มดูที่ตาข่ายของพวกดักนก พอมีนกมาติดก็คลานลัดเลาะเข้าไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ดูจนแน่ใจว่าพวกดักนกยังเฝ้าที่ตาข่ายอันอื่นอยู่ จึงแก้นกออกจากตาข่าย ปล่อยมันไป !

พวกเขาจะแอบดูคนดักนกที่หัวเสีย เมื่อกลับมาเห็นขนนกที่ติดตาข่ายแต่ตัวมันหนีหลุดไปได้ เกมนี้ก็สนุก ต้องมีคนดูต้นทางและส่งสัญญาณอันตรายให้รู้ ถ้าพวกดักนกเดินกลับมา

ยังมีเกมอื่นๆอีกมากที่เด็กจอมซนอาศัยป่าชุมชนแห่งนี้เป็นฉากในการเล่น พวกเขาไม่สนใจเกมคอมพิวเตอร์อย่างที่เพื่อนร่วมห้องเรียนหลายคนชอบ มันเทียบกันไม่ได้เลยกับเกมสดในป่าดอยอินทนนท์ที่เขาสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง

แล้วเช้าวันหนึ่ง ผู้ที่เคยเข้าไปใช้ประโยชน์ในป่าชุมชนก็ยืนออกันอยู่หน้าโครงการครบทุกกลุ่ม พวกยิงปลาถือปืนอัดลมยืนเก้กัง พวกดักนกจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้หน้าประตู ยังไม่ขนตาข่ายกับกรงนกต่อลงจากรถ ยายสาถือตะกร้ายืนมองกลุ่มเด็กๆ ที่เคยรังแกหมาแก วันนี้แกรู้แล้วว่ามีใครบ้าง

ที่หน้าประตู ยามจากในเมืองแต่งเครื่องแบบขึงขังยืนขวางทางเข้าอยู่สองคน ป้าย "ทรัพย์ธนาคาร" หายไปแต่กลับมีป้ายอันใหม่เขียนว่า "ห้ามเข้า-เขตก่อสร้าง" ติดไว้แทน ในป่าชุมชนมีรถแทรกเตอร์หลายคันกำลังทำงานอยู่ เสียงของมันดังกระหึ่ม รถบางคันไถดงไมยราบและดงหญ้าสาบเสือ อีกสองสามคันพรวนขุดทุ่งหญ้าคาขึ้นมาตาก โครงการที่จัดสรรกำลังคืนชีพอีกครั้ง !

พวกที่ยืนออกันหน้าประตูรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่าชุมชนของเขา พวกดักนกเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ ขี่มันออกไปหาแหล่งดักใหม่ พวกยิงปลาแบกปืนอัดลมกลับบ้าน ยายสาเดินไปที่ริมรั้วโครงการเก็บตำลึงตามริมรั้วที่ยังพอมี เด็กๆยืนมองดอยอินทนนท์ที่กำลังถูกบุกรุกแผ้วถางด้วยความเสียดาย

"เฮ้ย ! กูนึกเรื่องเล่นได้แล้ว ไปเข้าข้างหลัง" เจ้าหัวโจกร้องบอกเพื่อน จอมซน

แล้วพวกเด็กๆ ก็วิ่งเลาะรั้วโครงการไปข้างหลัง ตรงนั้นคือทางลับเข้าป่าดอย อินทนนท์ซึ่งยามใหม่ยังไม่รู้จัก และป่าตรงนั้นก็เป็นส่วนที่อยู่ติดบึงซึ่งยังไม่ถูกบุกรุกในตอนนี้

ในป่าริมบึงใหญ่ พวกเด็กๆซุ่มดูรถแทรกเตอร์หลายคันซึ่งกำลังแปรขบวนไถปรับที่เสียงดังกระหึ่ม คนงานจุดไฟเผากองหญ้าสาบเสือและวัชพืชต่างๆที่รถแทรคเตอร์ไถไปรวมกันไว้

"มึงดูสิ ! รถถังอเมริกันกำลังบุกอิรัก เราเล่นเป็นทหารอิรักโว้ย ! ตรงนี้เป็นกองบัญชาการ" เจ้าหัวโจกจอมซนหาทางออกให้เพื่อนจนได้

"เห็นมั๊ยมันกำลังเผาบ่อน้ำมันของเรา" เขาชี้ไปที่กองไฟซึ่งคนงานกำลังเผาหญ้าอยู่ควันโขมง

ทุกคนตื่นเต้นไปกับเกมใหม่เอี่ยมวันนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจจะเปิดสงครามศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะเกิดความแตกแยกกันในระหว่างทหารอิรัก พวกเขาตกลงกันไม่ได้ว่าใครควรจะได้เป็นซัดดัม...O

เมื่อวันที่ : 24 เม.ย. 2548, 07.09 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...