![]() |
![]() |
อัญชา![]() |
..."ผมกับมาลาตีเป็นคู่รักกันครับ เรากำลังจะแต่งงานกัน"
คำพูดของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับชลนิลและมาลาตี เธอคล้ายจะไม่เชื่อ ส่วนชลนิลเริ่มมีสีหน้าไม่มั่นใจ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่วศินพูดนั้นเป็นความจริงหรือว่าแค่แกล้งเขากันแน่...
12.คำพูดของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับชลนิลและมาลาตี เธอคล้ายจะไม่เชื่อ ส่วนชลนิลเริ่มมีสีหน้าไม่มั่นใจ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่วศินพูดนั้นเป็นความจริงหรือว่าแค่แกล้งเขากันแน่...
"อะแฮ่ม หัวเราะอะไรกันคะ คุณเจ้านายกับคุณเลขาฯ"
เกรซส่งเสียงทักทายมาจากประตูบานที่เปิดออกสู่ลานดาดฟ้า
"มาได้ยังไงล่ะเธอ เล่นมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำยังกับแมวขโมย"
"ขืนส่งเสียงดังจะรู้เหรอว่าเจ้านายพาคุณเลขาฯ มายืนชี้นกชมไม้ตรงนี้น่ะ"
"ชี้นกบ้านเธอสิ แดดร้อนอย่างนี้ ใครจะมามีอารมณ์ชี้นกชมไม้ เราพาคุณมาลาตีมาดูสถานที่จัดงานต่างหากล่ะ เธอนี่ คิดไปถึงไหน"
เขาทำเสียงเข้มเป็นงานเป็นการจนมาลาตีนึกขำ
"เออ ๆ ใม่ชี้ก็ไม่ชี้ แล้วนี่จะเข้ามาได้หรือยังล่ะ เราแวะมารับสัญญาเช่าไปให้คุณสตีเฟ่นน่ะ"
"สัญญาเหรอ ๆ ได้ ๆ เราให้คุณมาลาตีเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ"
"เดี๋ยวมาลาตีหยิบให้ค่ะ"
เธอยิ้มให้เกรซพลางเดินเข้าไปทางด้านในโดยมีทั้งสองเดินตามหลัง เธอเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เกรซ สาวร่างบางรับไปพร้อมกับกล่าวขอบคุณ เกรซตรวจดูความเรียบร้อยของสัญญาแล้วเก็บใส่ซองตามเดิม
"เมื่อกี้ได้ยินว่าจะจัดงานเหรอ? มีงานอะไรกันล่ะ?"
"ครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งอพาร์ทเม้นท์น่ะ ศุกร์หน้าเธอว่างไหมล่ะ ถ้าว่างก็แวะมานะ"
"อ๋อ แน่นอนจ้ะ ไม่พลาดแน่ เสร็จธุระแล้ว เราขอตัวก่อนนะ จะรีบเอาสัญญาไปให้คุณสตีเฟ่นเซ็นน่ะ พรุ่งนี้จะได้รีบเอามาให้แต่เช้า"
"โอเค"
"ไปก่อนนะคะคุณมาลาตี แล้วเจอกันค่ะ"
"ค่ะ คุณเกรซ แล้วเจอกันนะคะ"
ร่างบางของเกรซหมุนตัวลับออกจากห้องไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะของมาลาตีก็ดังขึ้น
"สวัสดีค่ะ"
"พี่ตีคะ มีคนมาขอพบพี่ค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ด้านล่างค่ะ"
ประชาสัมพันธ์สาวบอก
"ได้บอกชื่อมั้ยจ๊ะ ว่าชื่ออะไร แล้วคนที่มาหาพี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจ๊ะ?"
"ผู้ชายค่ะ บอกว่าชื่อชลนิล"
มาลาตีตะลึงงัน ไม่น่าเป็นไปได้ที่ชลนิลจะรู้ว่าเธอทำงานที่นี่ แล้วนี่เขารู้ได้อย่างไรกัน
"มีใครมาหาหรือครับ?"
วศินถามมาลาตีเมื่อเห็นเธอนิ่งไป หญิงสาวอึกอักก่อนจะตอบว่า
"เพื่อนเก่าน่ะค่ะ"
เธอพูดออกไปได้แค่นั้นก่อนจะขอตัวลงไปพบคนที่กำลังรออยู่ที่ชั้นล่าง วศินมองตามหลังเธอด้วยความกังวล
ความรู้สึกหลากอย่างแล่นขึ้นมาจุกตรงอก เธอตอบตัวเองไม่ถูกว่ากลัววศินเข้าใจผิด หรือกลัวว่าชลนิลจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอกันแน่ เพราะถึงอย่างไรมาลาตีก็ไม่มีวันหวนกลับไปคืนดีกับเขา วันนี้เธอคงต้องพูดกับชลนิลให้ชัดเจน
เสียงเรียกดังขึ้นทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก
"ตี"
ชลนิลถลาเข้ามาเกือบจะถึงตัวหญิงสาว แต่ดีที่เธอหลบทันเสียก่อน ชลนิลจึงคว้าได้แต่มวลอากาศอันว่างเปล่า
"สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรคะ?"
มาลาตีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางหลบมายืนด้านข้างเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
"แหม ทำไมทำตัวห่างเหินแบบนั้นล่ะ ก็เรา..."
ชลนิลพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ครั้งก่อนกับมาลาตี แต่เธอไม่สนใจ
"เรื่องนั้นมันจบลงไปนานแล้วนะคะนิล ตีไม่อยากพูดถึงมันอีก"
มาลาตีตัดบท ชลนิลทำตาละห้อย
"โธ่ อย่าทำแบบนี้กับผมสิตี ผมอุตส่าห์มาหาคุณถึงที่นี่ ใจคอคุณจะไม่ให้ผมได้พูดอะไรบ้างเลยเหรอ?"
ชลนิลพยายามอ้อนวอน แต่มาลาตีไม่ยอมใจอ่อน ชลนิลปราดเข้าไปยืนประชิดตัวเธอโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานประชาสัมพันธ์ที่กำลังมองคนทั้งคู่อยู่
"ปล่อยตีเดี๋ยวนี้นะนิล แล้วก็กลับไปซะ ตีไม่มีอะไรจะพูดกับนิล เรื่องของนิลกับตีมันจบไปนานแล้ว"
มาลาตีสะบัดตัวหนีจากการเกาะกุมของชลนิล แต่เขาก็ยังไม่ยอมลดละ มาลาตีหลบมือไม้ที่พยายามปัดป่ายเธอเป็นพัลวัน มีเสียงกระแอมดังขึ้นเบื้องหลังคนทั้งสอง ชลนิลหยุดชะงัก ส่วนมาลาตีรีบถอยไปอยู่อีกทางหนึ่ง
"เอ่อ ขอโทษนะครับ ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล ไม่อนุญาตให้ใครมาทำรุ่มร่ามในนี้นะครับ"
เป็นวศินนั่นเองที่เข้ามาขวางไว้ มาลาตีรีบเข้าไปหลบด้านหลังของเขาทันที ชลนิลทำท่าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
"คุยอะไรกันอยู่หรือครับ เสียงดังเชียว...อ้อ ขอโทษครับ นี่ผมเข้ามาขัดจังหวะคุณสองคนหรือเปล่า?"
วศินตีหน้าซื่อ
"ก็ไม่เชิง สวัสดีครับ ผมชลนิล เป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษของมาลาตี"
ชลนิลชิงแนะนำตัวก่อนที่มาลาตีจะทันโต้แย้ง วศินชะงักไปเล็กน้อย มองไปทางมาลาตีสีหน้าของเธอบ่งบอกอาการปฏิเสธคำพูดชลนิลอย่างเห็นได้ชัด วศินไม่รีรอที่จะเดินตามเกมของตัวเอง
"อ้าว อย่างนั้นหรอกหรือครับ เอ คุณมาลาตีไม่ยักเคยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังเลย"
วศินยั่วอีกฝ่าย ชลนิลหน้าเข้ม
"ผมไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่มาลาตีต้องเล่าเรื่องผมให้คุณฟังเลยนี่ครับ"
"เอ คุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไงล่ะมาลาตี เพื่อนสนิทของคุณทั้งคน ใจคอจะไม่เล่าเรื่องของเค้าให้ผมฟังบ้างหรือครับ?"
วศินยิ้มในหน้า มาลาตียังตามความคิดของชายหนุ่มไม่ทัน โดยไม่ทันตั้งตัว อยู่ ๆ วศินก็เอื้อมมือมาโอบรอบไหล่ของเธอ
"ถ้าอย่างนั้น มาลาตีก็คงยังไม่ได้บอกคุณเรื่องผมสิครับ?"
วศินยิ้มเจ้าเล่ห์ ชลนิลมองตาขวาง
"เรื่องของคุณ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณที่ผมยังไม่รู้อีกเหรอตี?"
เวลานี้หญิงสาวงุนงงเป็นที่สุด คำพูดของวศินทำให้เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะใช้ไม้ไหนกับชลนิล แต่เธอก็นึกดีใจที่เขาช่วยกันเธอให้ห่างจากชลนิลได้
"ผมกับมาลาตีเป็นคู่รักกันครับ เรากำลังจะแต่งงานกัน"
คำพูดของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับชลนิลและมาลาตี เธอคล้ายจะไม่เชื่อ ส่วนชลนิลเริ่มมีสีหน้าไม่มั่นใจ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่วศินพูดนั้นเป็นความจริงหรือว่าแค่แกล้งเขากันแน่ แต่เมื่อมาลาตีไม่ปฏิเสธเขาก็ยิ่งนึกหวั่น
"เอ๊ะ ตี ตอนที่เราเจอกันเมื่อคืนก่อน คุณไม่เห็นบอกผมเลยว่ากำลังจะแต่งงาน"
ชลนิลหยั่งเชิง เขากำลังพยายามทำสงครามประสาทกับวศินด้วยการใช้คำที่เน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเขากับมาลาตี วศินหัวเราะร่วน
"เธอจะบอกคุณได้ยังไงกันล่ะครับ ก็ผมกำลังจะขอเธอแต่งงาน ก็พอดีคุณมาขอพบเธอเสียก่อน ผมก็เลยยังไม่ได้คุยเรื่องนี้เป็นการ-ส่ ว น ตั ว"
วศินไหลไปตามน้ำ เขาหันมาทำสงครามประสาทกับชลนิลบ้าง อีกฝ่ายถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นท่าว่าวศินจะพูดจริง
"หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหมครับ? ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวพาว่าที่เจ้าสาวของผมไปก่อนนะครับ"
วศินหันมาประคองมาลาตีเข้าไปยังลิฟท์โดยสาร
"เดินระวังหน่อยนะที่รัก โอ๊ะ ๆ ระวังหน่อยสิครับ"
เขาหยอกมาลาตี เมื่อเธอเดินสะดุดพรมจนร่างเซมาชนกับแผ่นอกกว้างของเขา แล้วเขาก็แสร้งทำเป็นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
"อ้อ ขอโทษทีครับ คนรักกันก็แบบนี้แหละครับต้องดูแลเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วเจอกันตอนงานแต่งงานของผมกับมาลาตีนะครับคุณชลนิล"
วศินตะโกนเสียงดังไล่หลังชลนิลที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง รีบขึ้นรถปิดประตูรถเสียงดังปึงปังก่อนจะออกรถไปอย่างรวดเร็ว
สงครามประสาทจบลงแล้ว วศินมองร่างที่อยู่ในวงแขนของเขาอย่างทะนุถนอม มาลาตีพยายามผละตัวออกห่างจากเขา แต่วศินไม่ยอมปล่อยเขายังคงโอบกระชับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน ประตูลิฟท์เคลื่อนตัวปิดลงอย่างเชื่องช้า
ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของคนทั้งสอง นอกเสียจากเสียงลมหายใจ ความรู้สึกภายในที่ถูกถ่ายทอดทางสัมผัส ห้วงเวลาราวกับหยุดลงชั่วขณะ
เวลาแห่งความสุขมักทำให้เรารู้สึกราวกับหยุดหายใจ
ประตูลิฟท์เปิดออก วศินคลายวงแขนที่โอบกระชับร่างระหงอย่างแผ่วเบา เขาพาตัวเองออกมายืนหน้าลิฟท์ มาลาตีลังเลที่จะเดินตามออกมา เขายื่นมือออกไปให้เธอ หญิงสาวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินเอื้อมมือไปวางบนฝ่ามือนั้นอย่างนุ่มนวล ทั้งสองมอบรอยยิ้มให้แก่กันโดยปราศจากคำพูดใด ๆ
เมื่อวันที่ : 20 เม.ย. 2548, 09.25 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...