![]() |
![]() |
อัญชา![]() |
...เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่ก้าวลงบนบันไดแต่ละขั้น ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัว เขาสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดเมื่อเสียงเดินหยุดที่หน้าห้องทำงาน...
9.นักดนตรีหนุ่มนิรนามมาถึงที่ร้านอาหารกึ่งผับตอนสามทุ่ม นักดนตรีร่วมวงที่มีอาวุโสกว่าเขาเดินเข้ามาทักทายชายหนุ่ม
"รบกวนหน่อยนะครับ อีกสองวันเองครับ เดี๋ยวเจ้ากรก็กลับมาแล้ว"
ชายวัยกลางคน ผู้มีตำแหน่งเป็นมือกีต้าร์ของวงออกปากอย่างสุภาพ
"ไม่รบกวนหรอกครับ นาน ๆ ได้ทำอะไรแบบนี้สักที ผมว่าสนุกดีออก"
หนุ่มนิรนามตอบกลับไป
"ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณสงสัยจะแย่ เจ้ากรก็ดันติดธุระกะทันหัน ผมก็หาใครมาเล่นแทนมันไม่ได้ โชคดีที่ได้คุณมาเล่นให้"
ชายคนเดิมบอกอย่างจริงใจ
ชายหนุ่มยิ้ม
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ยังไงเจ้ากรก็เป็นเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเหมือนกัน เรื่องมาเล่นแทนแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอกครับ ดีซะอีก ผมจะได้ทำอะไรที่อยากทำบ้าง ปกติผมมีโอกาสได้เล่นดนตรีแบบนี้ซะที่ไหน"
แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้แก่กัน เป็นรอยยิ้มแห่งไมตรีอย่างแท้จริง มิตรภาพของดนตรีมิได้มีวงจำกัดอยู่แค่ระหว่างคนคุ้นเคยเท่านั้น หากแต่ภาษาดนตรี ยังเป็นภาษาสากลที่คนดนตรีด้วยกันสามารถสื่อสารถึงกันได้
"ใกล้เวลาแล้ว เราไปเตรียมตัวกันดีกว่านะครับ"
ชายผู้อาวุโสกว่าเอ่ยปาก
"ครับ" แล้วทั้งสองก็เดินหายเข้าไปในร้าน
กุหลาบสีขาวช่อใหญ่หุ้มห่อด้วยพลาสติกใส แซมด้วยดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวที่มีชื่อเรียกว่ายิบโซนับร้อยดอก เพิ่มความอ่อนหวานให้กับกุหลาบขาวดอกใหญ่นับสิบดอกที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม โบผ้าสีฟ้าอ่อนทิ้งชายอย่างสวยงามแช่มช้อย วศินใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขากำลังรอการมาถึงของหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับเขาในเวลานี้
วันนี้มาลาตีสวมในชุดเสื้อกระโปรงทำงานสีขาวสะอ้าน ตัวกระโปรงยาวถึงเข่า สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวอีกชั้นหนึ่ง ดูราวกับกลีบดอกมะลิขาวพิศุทธิ์เหมือนกับชื่อของเธอ หญิงสาวมาถึงที่ทำงานในเวลาปกติ เธอถือนิยายที่จะให้เป็นของที่ระลึกแก่สินีติดมือมาด้วย
เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่ก้าวลงบนบันไดแต่ละขั้น ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัว เขาสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดเมื่อเสียงเดินหยุดที่หน้าห้องทำงาน
ประตูกระจกสีขาวขุ่นถูกผลักช้า ๆ เงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น ความสง่างามของมาลาตีทำให้วศินตกตะลึงไปชั่วครู่ มาลาตีชะงักอยู่กับที่เมื่อเห็นวศินพร้อมดอกกุหลาบช่อโต
ทั้งสองสบตา ต่างคนต่างอยู่ในอาการนิ่งงันด้วยกันทั้งคู่ เมื่อตั้งสติได้ วศินจึงชิงเอ่ยทักมาลาตีก่อน
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณมาลาตี"
วศินเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มจนหัวใจของมาลาตีสั่นไหว
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวศิน" เธอทักตอบทั้งที่ยังอยู่ในอาการประหม่า
วศินถือโอกาสเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว
"ดอกไม้ช่อนี้ ผมให้คุณครับ"
ถ้อยคำง่าย ๆ แสนจะธรรมดาแต่แทบจะทำให้หัวใจของมาลาตีละลายอยู่ตรงนั้น
"ถ้าไม่รังเกียจ.. กรุณารับดอกไม้ช่อนี้ไปด้วยนะครับ.."
วศินรุกเข้ามายืนอยู่ตรงหน้ามาลาตี ทั้งสองยืนห่างกันแค่คืบ
"ขอบคุณค่ะ"
พวงแก้มขาวนวลของมาลาตีกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เธอเอื้อมมือไปรับดอกไม้ช่อนั้นจากมือของวศิน ซึ่งเขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ฉวยโอกาสจับมือเธอ ณ ตอนนั้น
"เนื่องในโอกาสอะไรคะนี่?"
เธอแสร้งถามเพื่อปกปิดอาการเขินอายที่สะท้อนอยู่บนใบหน้าของเธอ
"ไม่มีโอกาสอะไรหรอกครับ ผมให้คุณเพราะผมอยากให้..." เขา
ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาชวนเคลิบเคลิ้ม จนมาลาตีสะเทิ้นอายไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม
"ขอบคุณ..นะคะ..."
เป็นครั้งแรกที่มาลาตีทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาวศิน แววแห่งความปรารถนาดีฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น ทั้งสองยืนสบตากันนิ่ง วศินค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้แก้มนวลของมาลาตี ลมหายใจอุ่นอยู่ห่างจากพวงแก้มของเธอไปแค่ไม่ถึงปลายนิ้ว...
"กริ๊ง...กริ๊ง..."
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่โต๊ะทำงานของวศิน ทั้งคู่ผละห่างจากกันโดยอัตโนมัติ วศินรีบเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดัง
มาลาตีถอนหายใจเฮือก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้คล้ายคนไม่มีแรง
"..เกือบไปแล้ว.." หญิงสาวรำพึงกับตัวเองเบา ๆ
กุหลาบสีขาวช่อใหญ่ในมือกำลังแย้มกลีบงาม มาลาตีสูดดมกลิ่นหอมนั้นด้วยความชื่นใจ เธอมองดูกุหลาบในมือด้วยความพิสมัย ราคาค่างวดของดอกไม้ไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญสำหรับเธอ มาลาตีเคยได้รับดอกไม้ช่อโตและราคาแพงกว่านี้หลายเท่านัก แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับกุหลาบแม้เพียงดอกเดียวที่เธอได้รับจากวศิน
ของที่ได้รับจากคนที่เรากำลังรู้สึก "รัก" แม้จะมีราคาเพียงน้อยนิด แต่ก็มีคุณค่ามากกว่าสินค้ายี่ห้อดังราคาแพงหลายเท่านัก เพราะคุณค่าของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ที่ราคา หากแต่ "ค่า" กลับอยู่ที่ตัวผู้มอบให้ต่างหาก...
"คุณมาลาตีครับ..." เสียงเรียกของวศินทำให้มาลาตีตื่นจากภวังค์
"คะ?"
"วันนี้รบกวนคุณมาลาตีไปที่ห้องของคุณมาสะกับผมหน่อยนะครับ"
"ได้ค่ะ"
"คือคุณมาสะเพิ่งจะโทร.มาหาผมเมื่อครู่นี้ คุณมาสะได้รับคำสั่งด่วนจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นน่ะครับ และคงต้องย้ายออกภายในสองอาทิตย์นี้ คุณมาสะก็เลยโทร.มาแจ้งให้ผมทราบ และนัดให้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยของห้องในช่วงบ่ายวันนี้ครับ"
"ค่ะ" มาลาตีรับคำเสียงเบา
"คงต้องรบกวนให้คุณมาลาตีช่วยผมดูด้วยนะครับ เผื่อมีอะไรรอดหูรอดตาไป จะได้ตรวจให้เรียบร้อยไปเลยทีเดียว"
"ได้ค่ะ"
บ่ายวันนั้น วศินและมาลาตีจึงเข้าไปตรวจความเรียบร้อยภายในห้องพักของคุณมาสะที่ชั้น 6 ทางปีกขวาของอาคาร ท้องฟ้าและเมฆขาวสะท้อนภาพลงในสระว่ายน้ำ ระลอกคลื่นน้อย ๆ ที่เกิดจากระบบน้ำวนในสระ ทำให้ภาพนั้นพลิ้วตัวไปมา
ทั้งสองยืนรออยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง มาสะจึงออกมาต้อนรับและเชื้อเชิญทั้งคู่ให้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อย คำสั่งเรียกตัวกลับญี่ปุ่นอย่างกะทันหัน ทำให้มาสะแทบจะไม่มีเวลาเตรียมตัว แต่สำหรับวศินแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่เขาพบอยู่แทบทุกปีอยู่แล้ว คำสั่งย้ายด่วนจากบริษัทแม่ ทำให้ลูกค้าของเขาไม่น้อยกว่าสองรายต้องย้ายออกทั้ง ๆ ที่พวกเขาและครอบครัวยังไม่อยากจากเมืองไทยไปไหน
ความสะดวกสบายและอัธยาศัยไมตรี ทำให้ชาวต่างชาติหลงรักเมืองไทยนักต่อนัก ยิ่งถ้าไม่มีเหตุจำเป็นด้วยแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาต่างสมัครใจที่จะต่อสัญญาเช่าไปเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ
มาสะปล่อยให้วศินและมาลาตีตรวจดูความเรียบร้อยตามสบาย ส่วนตัวเขาเองนั้นกำลังวุ่นวายอยู่กับการติดต่อนัดหมายกับบริษัทรับจ้างขนย้ายสิ่งของ อีกทั้งเขายังต้องติดต่อประสานงานไปยังบริษัทแม่เรื่องกำหนดวันเดินทางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกด้วย
"เท่าที่ผมดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรมากนะครับ ผมรบกวนคุณมาลาตีช่วยทำรายการเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นของเราด้วยนะครับ จะได้เช็คอีกครั้งหลังจากที่คุณมาสะแพ็คของเรียบร้อยแล้วน่ะครับ"
วศินหันมาสั่งงานเลขาฯ สาว หลังจากเดินตรวจดูสภาพห้องเรียบร้อยแล้ว
"ค่ะ" มาลาตีรับคำ แล้วจึงทำรายการข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของบริษัท
วศินเดินไปคุยกับมาสะที่ห้องรับแขก เขาชี้แจงเรื่องรายละเอียดของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะมีใบแจ้งหนี้มาหลังจากที่มาสะย้ายออกไปแล้ว
มาลาตีจดรายการเฟอร์นิเจอร์แยกรายการตามห้องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีเตียงนอน ตู้วางของข้างเตียงและตู้เซฟขนาดเล็กหนึ่งใบ ส่วนในห้องทำงานที่อยู่ถัดไป มีโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เป็นทรัพย์สินของอาคาร ส่วนตู้ไม้และชั้นหนังสือที่วางอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของลูกค้าที่เจ้าตัวจัดหามาภายหลัง
"เป็นยังไงบ้างครับ?" เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างหู
มาลาตีสะดุ้ง เมื่อหันไปมาลาตีก็พบวศินยืนอยู่ใกล้จนเกือบจะชิดลำตัวของเธอ ลมหายใจอุ่นของเขากระทบแก้มเนียนจนหญิงสาวจิตใจอ่อนไหว
เธอรีบขยับตัวออกห่างจากเขา ด้วยเกรงว่าหากมีใครเห็นเข้าจะเกิดข้อครหา
"เรียบร้อยดีค่ะ"
มาลาตีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบสะกดความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในใจ นายจ้างหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นอาการเขินอายของเลขาฯสาว
"ถ้าอย่างนั้นรบกวนพิมพ์ให้ผมด้วยนะครับ"
วศินพูดยิ้ม ๆ เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้มาลาตี จนเธอต้องถอยหนีอีกครั้ง
"ได้ค่ะ เดี๋ยวมาลาตีจะรีบจัดการให้เลยนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"ถ้าอย่างนั้น มาลาตีขอตัวก่อนนะคะ"
ว่าแล้วเธอก็รีบผละจากวศินอย่างรวดเร็ว
"ตามสบายครับ"
วศินพูดตามร่างของมาลาตีที่เดินแกมวิ่งออกจากห้องนั้นไปแล้ว
"ค่ะ" หญิงสาวรับคำโดยไม่หันมามอง
วศินหัวเราะในลำคอ "ผู้หญิงเวลาเขินนี่ น่ารักเหมือนกันนะ.."
มาลาตีรีบกลับเข้ามาในห้องทำงาน ใบหน้าของหญิงสาวแดงซ่าน กุหลาบช่องามบนโต๊ะทำให้เธอนึกถึงคนให้
"ร้ายนักนะ คุณวศิน" มาลาตีสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
รายการเฟอร์นิเจอร์ในห้องพักของมาสะที่จดลงในสมุดจดงานเมื่อครู่ กำลังถูกบันทึกลงเป็นตัวอักษรลงในคอมพิวเตอร์ผ่านทางแป้นคีย์บอร์ด แล้วใบหน้าของนักดนตรีนิรนามก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความคิดของมาลาตี เธอยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกคุ้นหน้านักดนตรีนิรนามคนนั้นนัก
ครู่ต่อมา วศินก็ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน เขาหันมาส่งยิ้มให้มาลาตีก่อนจะเดินเลยเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
"ก๊อก ๆ " เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ที่หน้าห้องของวศิน
"เข้ามาได้เลยครับ" วศินร้องบอก
ประตูห้องเปิดออก มาลาตีส่งเอกสารที่บันทึกรายการเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องพักของมาสะให้วศิน ชายหนุ่มเอื้อมมือรับโดยไม่ทันระวังมืออีกข้างหนึ่งของเขาจึงเผลอไปปัดแก้วบนโต๊ะหล่นแตกกระจายโดยไม่ตั้งใจ
"ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บเอง"
วศินร้องห้าม เมื่อมาลาตีปราดเข้ามาทำท่าจะก้มเก็บเศษแก้วนั้น ชายหนุ่มก้มลงเก็บเศษแก้วที่ตกอยู่ข้างโต๊ะทำงานของตัว แล้วมือเขาก็บังเอิญไปโดนเศษแก้วอีกชิ้นหนึ่งบาดเข้า
"โอ๊ย!" วศินร้องออกมาเมื่อโดนเศษแก้วบาดที่นิ้วก้อยข้างขวา
"อุ๊ย! เลือดออกใหญ่แล้วค่ะคุณวศิน เดี๋ยวตีห้ามเลือดให้นะคะ"
แล้วมาลาตีก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของวศิน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลที่หยิบมาจากตู้เก็บของใกล้โต๊ะทำงานของเธอ
"ผมนี่ไม่ไหวเลย ซุ่มซ่ามชะมัด"
"เจ็บมากไหมคะ? เดี๋ยวตีทำแผลให้นะคะ"
มาลาตีถามด้วยความห่วงใย แววตาอ่อนโยนของหญิงสาวที่จ้องมองเขา ทำให้วศินปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า เขาหลงรักเจ้าของดวงตาคู่นี้มากแค่ไหน
"คุณวศินนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ" มาลาตีประคองมือพาวศินนั่งบนลงโซฟายาวที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา
มาลาตีช้อนมือของวศินไว้ในอุ้งมือตัวเอง เธอค่อย ๆ ใช้กรรไกรตัดเล็บอันเล็กบรรจงคีบเศษแก้วที่คาอยู่ในนิ้วของวศินอย่างเบามือที่สุด เลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางยาว หญิงสาวหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์แตะเบา ๆ ที่แผล
"แสบหน่อยนะคะ" เธอบอกเขาโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองชายหนุ่ม
วศินทำหน้าเหยเกเมื่อมาลาตีแตะก้อนสำลีลงบนแผลของเขา ความอุ่นจากมือนุ่มของหญิงสาว ทำให้เขาแทบจะลืมความเจ็บปวดจากบาดแผล
เมื่อทำความสะอาดแผลเสร็จแล้ว มาลาตีก็ใช้สำลีอีกก้อนหนึ่งชุบยาแดงในขวดมาแตะลงบนแผลของเขาอีกครั้ง แล้วปิดปากแผลด้วยแผ่นพลาสเตอร์ยา
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" มาลาตียิ้มให้วศิน
เป็นเวลาเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่า เธอกับวศินนั่งอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงปลายก้อย
"ขอบคุณมากนะครับ" วศินพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ
มาลาตีทำท่าจะถอนมือของตัวเองออกจากอุ้งมือของชายหนุ่ม แต่ทว่าวศินใช้มือทั้งสองข้างของเขาเกาะกุมมือของเธอเอาไว้เสียแล้ว
เมื่อวันที่ : 13 เม.ย. 2548, 11.44 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...