![]() |
![]() |
อิซารุ![]() |
...หึ..หึ...นินทาหมอแล้ว มาเล่าเรื่องของตัวเอง สมัยเป็นนักศึกษาให้ฟังบ้างดีกว่า จะได้ไม่หาว่าเราเอาเปรียบหมอ สมัยเรียนนั้น อาจารย์มักย้ำอยู่เสมอว่า การสอนหรือการแนะนำคนไข้นั้น เราต้องพูด ต้องอธิบายให้ชัดเจน...
วันนี้เป็นวันอาทิตย์... เมื่อคืนฝนตก... เช้านี้อากาศจึงเย็นสบายน่านอนเหลือเกิน ... .....แต่ทำไมหนอ...ฉันต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้า ในวันหยุดแบบนี้ด้วย...
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
...หา..! ยี่สิบห้านาที.... ฉันต้องใช้เวลาในการอาบน้ำ.. แปรงฟัน.. แต่งหน้าแต่งตัว เกล้าผม ใส่หมวก... ขับมอเตอร์ไซด์.. หาที่จอดมอเตอร์ไซต์... วิ่งไปที่ลิฟต์... รอลิฟต์.. ขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่ 8... แล้ววิ่งไปที่สมุดเซ็นต์ชื่อ ภายในยี่สิบห้านาทีข้างหน้า....!
......พริบตานั้น... ประโยคที่ว่า
"ชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา (เอ..เอามาจากไหนหว่า..)" ก็เป็นแบบนี้นี่เอง..!
......แต่คุณๆไม่ต้องเป็นห่วงร้อก....
ฉันทำได้... ซำบายมาก ฮิฮิ... ทำมาจนช่ำชองชำนาญแล้ว.....
...และเช้าวันนี้ ฉันก้อมาถึงที่วอร์ด ภายในเจ็ดโมงสี่สิบจนได้ !
.....วันนี้เข้าเวรเช้าด้วยกันกับเจ้าแก้วอีกแล้ว.... ไม่รู้เป็นไง ฉันกับแก้ว ในชีวิตจริงสนิทกันมาก แต่ในชีวิตการทำงานแล้ว มันเหมือนมีอาถรรพ์ วันไหนเข้าเวรตรงกัน มันต้องเกิดอะไรขึ้นสักเรื่อง ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง บางเวรจะยุ่ง จนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต วิ่งจนขาพันกันทั้งเวร บางเวรคนไข้เหมือนรอเราอยู่ พอพวกเราสองคนมาโคจรเจอกัน ก็เกิดอาการท้อแท้ ขี้เกียจหายใจไปดื้อๆ มีพี่พีเอ็น (PN = ผู้ช่วยพยาบาล) บางคน รีบหาทางแลกเวรซะเลย ไม่กล้าเข้าเวร ร่วมกับพวกเราสองคน เพราะเชื่อว่า เราทั้งสองคือ คู่อาถรรพ์ประจำวอร์ด
.....วันนี้คนไข้ห้องสี่วุ่นวายมากเลย เวรดึกส่งเวรมาว่า เมื่อคืนไม่ยอมนอน ขนาดได้ยา Hadol แล้วนะก็แค่สงบไปไม่ถึงชั่วโมง ก็ลุกขึ้นมานั่งทำท่าขยุกขยิก อยู่บนเตียงต่อ ฉันเข้าไปถามแกว่า " คุณลุงคะ...นั่นทำอะไรน่ะ..."
....." อ๋อ...ถอนหญ้าน่ะ..หญ้ามันรก "
......ถึงแม้ลุงบุญมีแกจะสับสน แต่ดีที่แกไม่ก้าวร้าว ความเพี้ยนของแก จึงทำให้เราแอบอมยิ้มอยู่หลายครั้ง ลุงบุญมีถูกญาติพามาโรงพยาบาล ด้วยอาการหลงลืมจำญาติไม่ได้ และก็พูดคุยสับสน ผลการเจาะเลือด VDRL positive แพทย์วินิจฉัยว่า เป็นนิวโรซิฟิลิส ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อจะฉีดยา
แกอายุมากแล้ว เจ็ดสิบกว่าแล้วล่ะ ลูกๆก้อโตมีครอบครัว มีงานทำยุ่งไม่ค่อยมีเวลามาเฝ้า คนที่อยู่เฝ้าจึงเป็นป้าทอง ภรรยาวัยเจ็ดสิบของลุงแกเพียงคนเดียว แต่ป้าทองก็ดูแข็งแรง ตามแบบฉบับของหญิงชาวนาชาวสวน ที่แม้จะแก่ชราแล้ว แต่ก็ยังทะมัดทะแมง
....ประการสำคัญ ป้าแกอารมณ์ดี (ดีแบบไม่ได้เพี้ยน)
....ลุงบุญมีคงถอนหญ้าจนหมดแล้วกระมัง ความที่แกเป็นคนขยัน แกจึงลงจากเตียงมากรีดยางต่อ (ฉันคิดในใจว่าคงเป็นแบบนั้นนะ เพราะแกเดินเลียบที่ผนังห้อง แล้วโก้งโค้งทำไม้ทำมือ ทำท่าเหมือนคนกรีดยาง)
ส่วนป้าทองนั่งตำหมากไปพลาง ยิ้มปากแดงอยู่ที่เก้าอี้โซฟายาวของญาติ ป้าแกก้อคงจะตามจับ จนเหนื่อยแล้ว สุดท้ายได้แต่ปล่อย ให้ลุงแกวุ่นวายไป ตามสบายของแก
.....ฉันได้แต่ถอนใจ เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ ยกโทรศัพท์โทรไปหา Extern เวรให้มาช่วยดูอาการลุงแกหน่อย (เผื่อจะได้สั่งยา ให้แกได้ลดความวุ่นวายลงมั่ง)
.... Extern เวรวันนี้เป็น Extern หนุ่มท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส คุยเก่ง อารมณ์ดี (ดี...อีกคน) หลังจากเข้ามาในห้อง ยืนมองอาการของลุง แล้วค่อยเดินมา นั่งลงบนเก้าอี้โซฟายาวข้างๆป้าทอง ซักถามเรื่องของลุงบุญมีจากป้า ป้าแกคุยไปยิ้มไป ปากแดงน่าเอ็นดู Extern ก็ช่างชวนคุย อย่างสนิทสนมเป็นกันเอง เหมือนลูกเหมือนหลาน
.... คุณป้าครับ... คุณลุงเป็นแบบนี้มานานหรือยัง... เมื่อคืนคุณลุงได้นอนมั่งมั้ย... คุณป้าคงเหนื่อยสินะครับ...ฯลฯ
.....คงมีแต่ฉัน ที่เริ่มเห็นอาการไม่ค่อยชอบมาพากล ของลุงบุญมีที่ยืนนิ่ง จ้องมอง Extern เวรตาเขม็ง ท่าทางไม่ค่อยพอใจ จึงสะกิดบอก Extern
"....อ้าวคุณลุง.. เป็นไงมั่งครับ.. ตะกี้ทำอะไรอยู่ ? " Extern หันไปยิ้มทักทายลุง
"...ทำอะไร.. ก็ควรจะทำให้มันถูกมันต้อง..." ลุงบุญมีพูดพลาง เดินไปนั่งที่บนเตียง ไม่มีท่าทางบ่งบอก แววเพี้ยนหรือสับสนอีก
.....พวกเราฟังแล้วงง ...แล้วอะไรที่ลุงแกคิดว่า ไม่ถูกไม่ต้องเหรอ
"....ฉันน่ะไม่ถือสาก็ได้ จะยกให้ก้อได้ ...แต่ว่า.. หาผู้หลักผู้ใหญ่มา... พูดคุยเจรจาให้ถูกต้องตามประเพณี... ว่าไง..เมื่อไหร่จะจัดการ.."
Extern กระพริบตาทำหน้างุนงง ส่วนฉันพริบตานั้นพลันเข้าใจ รู้สึกอึดอัดอย่างสุดกลั้น รีบเดินออกมาจากห้องนั้นในทันใด พอหลุดพ้นนอกห้องก็ต้องยกมือ อุดปากตนเองหัวเราะก๊ากออกมา
....โอย...มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
.....ฮ่ะ..ฮ่ะ..ลุงแกคงคิดว่า Extern มาจีบป้าทอง ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดถือสาเอาความ แถมจะยกภรรยาวัยเจ็ดสิบให้ซะอีก...
..ใจดีจริงจิ๊ง..ลุงบุญมีของเรา...!
คล้อยหลังฉันไม่นาน Extern ก็เดินยิ้มออกมาอีกคน หัวเราะหึหึบอกฉัน
"..ผมผิดไปแล้วพี่.."
" ...แล้ว Extern จะเอาไงเหรอ..."
"...เอาไงเนี่ย...หมายความว่าไง... เหอะ..เหอะ... อย่าบอกให้ผมหา ผู้ใหญ่ไปขอป้าแกนา..."
" ...ม่ายช่าย... พี่หมายความว่า Extern จะให้ยาอะไรรึเปล่า..."
" ....คงไม่ต้องหรอกพี่ ขอ observe ต่อดีกว่า แกเพี้ยนสับสน จากโรคของแก แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายเป็นอันตราย เดี๋ยวพอแกเหนื่อยแกก็คงหลับไปเอง แต่ถ้าวุ่นวายมากกว่านี้ พี่ค่อยตามผมใหม่แล้วกันนะ..."
...ความเพี้ยนของลุงบุญมี ทำให้ฉันลืมง่วงไปเลย และก้อหายง่วงแทบปลิดทิ้ง เมื่อมีเคสรับใหม่ เป็นโรคแผลเรื้อรัง ที่หลังเท้าขวา ซึ่งกินลึก จนเห็นกระดูกโคนนิ้วนางเท้า ขอบแผลเป็นเนื้อตาย รอบแผลบวมแดง อักเสบจนถึงข้อเท้า นิ้วนางเท้าขวา สีคล้ำจนออกดำ แสดงถึงเส้นเลือด ที่ไปเลี้ยงนิ้วๆนั้น ถูกอุดตันเสียแล้ว
....คนไข้เป็นชายจีนอายุแปดสิบแล้วมั้ง แพทย์เวรมารับ case หลังจากตรวจคนไข้ แล้วหันมาทางพยาบาล ขออุปกรณ์สำหรับตรวจหลายอย่าง
ซึ่งแต่ละอย่าง ล้วนหาได้มีบนวอร์ดพิเศษแห่งนี้ไม่
พวกเราต้องโทรยืมกันวุ่นวาย ทั้งเครื่องฟังเสียงชีพจรบนหลังเท้า เพื่อจะดูว่า เส้นเลือดที่มาเลี้ยงขาขวานั้น ถูกอุดตันด้วยรึเปล่า ยังมีขอเครื่องวัด pulse oxymeter ขอเครื่อง run EKG สามอันแรกเนี่ย พวกเราพอคุ้นหู เคยใช้อยู่บ่อยๆก็เลยพอหาได้ แต่ประการสุดท้ายน่ะสิ แพทย์หันมาบอกฉัน ที่เหลือยืนอยู่คนเดียวในห้อง (เพราะคนอื่นออกไปโทรยืมของ)
"...ฝากขอยืมไดนาแม็ปที่ไอซียูให้หน่อยนะครับ..."
...ฉันจึงรีบออกไปนอกห้อง เห็นเจ้าแก้วกำลังโทรยืมของอยู่พอดี จึงร้องบอกแก้ว
" แก้ว..โทรไปไอซียูอยู่ใช่มั้ย ...ขอยืมเครื่องไดนาแม็ปด้วยนะ..."
....เจ้าแก้วได้ยินแว่วๆ ฟังด้วยความงงๆ ประสาเด็กใหม่ ยังไม่ค่อยคุ้นกับอุปกรณ์บางอย่าง จึงบอกพี่พยาบาลไอซียูที่รับสาย
"...พี่คะ...ไม่ทราบว่า... เครื่องไดนาไมท์ว่างมั้ยคะ... จะขอยืมด้วยค่ะ.."
...รุ่นพี่พยาบาลที่รับสาย หัวเราะก๊าก "..เฮ้ย..น้อง...เครื่องไดนาไมท์น่ะ มันระเบิดนะน้อง ....น้องจะเอาไปถล่มใครเหรอ..? "
...อันที่จริงมันต้องเรียกไดนาแม็ปน่ะแก้ว เป็นเครื่องวัดความดันชนิดหนึ่งนะน้อง... หึหึหึ
...........................................................................................................
.....อันเรื่องการฟังเพี้ยนเนี่ย ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องขำขันอีกเรื่องหนึ่ง มีรุ่นพี่เค้าเล่ากัน ให้ฟังอีกต่อหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า มีคนไข้คนหนึ่ง มาด้วยเรื่องท้องอืด แพทย์จึงนัดส่องกล้องทางหลอดอาหาร โดยให้คนไข้งดน้ำงดอาหาร มาตั้งแต่หลังเที่ยงคืน พอมาตอนเช้าอาจารย์แพทย์ ก็พานักศึกษาแพทย์มาตรวจเยี่ยมคนไข้ โดยให้นักศึกษาแพทย์ ที่เป็นเจ้าของ case รายงานเกี่ยวกับประวัติ และอาการคนไข้ให้อาจารย์ฟัง
.....ทั้งหมดในกลุ่ม ต่างก็พูดจาภาษาหมอกัน แต่ตัวคนไข้ ก็พยายามฟังนะ และพยายามจะเข้าใจด้วย อันอื่นฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แต่อันสุดท้ายเนี่ย ลุงแกก็พอฟังออก ได้ยินอาจารย์แพทย์ถาม นักศึกษาเจ้าของ case ว่า
...." ตกลง case นี้ Diag อะไร ? " (หมอเค้าจะพูดสั้นๆว่า ได-แอ็ก... มาจาก Diagnosis เขียนย่อได้เป็น Dx แปลว่า..การวินิจฉัย)
นักศึกษาแพทย์อึกอักเล็กน้อย คงตอบไม่ถูก หรือไม่ก็คงกลัวตอบผิด คนไข้จึงรีบตอบให้แทน
"....ยังไม่ได้..แ..ด..ก....อะไรตั้งแต่เมื่อคืนเลยหมอ... นางยาบาล(ภาษาใต้เรียกพยาบาลว่านางยาบาล) บอกว่าวันนี้จะพาไปส่องกล้อง "
(.....จ๊าก..ก...ก พูดจาไม่สุภาพแล้วเรา ขอโทษด้วย จะโดนเซ็นต์เซ่อร์มั้ยเนี่ย... อันนี้ ปล. จากผู้เขียน)
....ไหนๆก็เล่าเรื่อง นักศึกษากับอาจารย์แพทย์แล้ว มาเล่าอีกเรื่องหนึ่งดีกว่า อันนี้ก็เป็นเรื่องจริง (หรือไม่จริงก็ไม่รู้) มีหมอคนหนึ่ง ถูกเพื่อนหมอเอามาเผา เล่าเรื่องสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ให้พวกเราฟัง ตอนนั้นอาจารย์หมอสอนนักศึกษา เกี่ยวกับเรื่องการทำแผล และมีการประยุกต์ใช้สมุนไพรประจำบ้าน ในการทำแผล โดยการใส่น้ำผึ้งรวงในแผล
... คุณหมอ (สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์) เธอเป็นคนช่างสงสัย พอฟังอาจารย์สอนจบ ก็โพล่งถามไป ด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายเควสชั่นมาร์ค
"...เอ...อาจารย์ค้าบ... แล้วถ้าเกิดไม่มีน้ำผึ้งรวง.. ผมจะใส่นมข้นหวานแทน จะได้มั้ยคร้าบ..? "
....เอิ๊ก...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้น จะเกิดอะไรต่อ ?????
.....หึ..หึ...นินทาหมอแล้ว มาเล่าเรื่องของตัวเอง สมัยเป็นนักศึกษาให้ฟังบ้างดีกว่า จะได้ไม่หาว่า เราเอาเปรียบหมอ สมัยเรียนนั้น อาจารย์มักย้ำอยู่เสมอว่า การสอนหรือการแนะนำคนไข้นั้น เราต้องพูด ต้องอธิบายให้ชัดเจน เพราะภาษา มันสามารถเพี้ยน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้
อาจารย์อุปมา เล่าเรื่องที่เจ้าหน้าที่อนามัยคนหนึ่ง ไปสอนวิธีการใช้ถุงยางอนามัย กับชาวบ้าน โดยสาธิตให้ดู ด้วยการเอาถุงยาง มาใส่ที่นิ้วหัวแม่มือของตนเอง ปรากฏว่าไม่กี่เดือนจากนั้น เจ้าหน้าที่อนามัยคนนั้น ก็ถูกชาวบ้านคนหนึ่งมาต่อว่า ถุงยางอนามัยนี้ไม่ดี ไม่เห็นใช้คุมกำเนิดได้ตรงไหน เจ้าหน้าที่คนนั้น จึงถามว่า " แล้วคุณสวมยังไงล่ะ "
....ชายคนนั้น ก็หยิบถุงยางอันหนึ่ง มาสวมที่นิ้วหัวแม่มือของตน
" ...เวลานอนกับเมีย ผมก็สวมไว้ตรงนี้ทุกครั้ง เหมือนที่หมอทำให้ดูเลยนะ..."
...และแล้ว..วันหนึ่ง เรื่องมันก็เกิดกับฉันขึ้นจนได้ ตอนนั้น ฉันฝึกงานอยู่ที่โอพีดี (OPD = แผนกผู้ป่วยนอก) ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง หลังจากช่วยหมอตรวจคนไข้รายหนึ่งแล้ว หมอก็ให้คนไข้ไปตรวจปัสสาวะ ฉันเขียนใบส่งตรวจ ยื่นให้คนไข้คนนั้นพร้อมทั้งอธิบาย
" ....นี่เป็นใบส่งตรวจปัสสาวะนะคะ.... ห้องส่งตรวจปัสสาวะอยู่สุดทาง แล้วเลี้ยวขวา ให้คุณเดินตรงไป ตามเส้นสีแดงบนพื้นนะคะ ก็จะเป็นห้องตรวจค่ะ ...หลังจากส่งปัสสาวะไปตรวจแล้ว คุณกลับมาที่นี่อีกครั้งนะคะ...."
...คนไข้คนนั้นหายไปครู่ใหญ่ ก็กลับมา ฉันเงยหน้าขึ้นถาม " เป็นไงคะ... ส่งตรวจปัสสาวะเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย..."
"...ยังเลยหมอ..." คนไข้มักเรียกพวกเราว่าหมอ " ...ป้าขอใบส่งตรวจใหม่ ที่มันแข็งกว่านั้นได้มั้ย ใบที่หมอให้ตะกี้มันรั่วเปื่อยหมดเลย..."
"...อะไรนะคะ ? " ฉันถามด้วยความงุนงง พอซักถามรายละเอียด จึงค่อยรู้ว่า ...ที่แท้...ฉันลืมบอกป้าแกไปอย่างนึงว่า ให้ไปรับกระปุกเก็บปัสสาวะ ที่ห้องตรวจปัสสาวะ ป้าแกไม่รู้ว่าจะเก็บยังไง ก็เลยเอาใบส่งตรวจ มาห่อเป็นกรวยแล้วฉี่ใส่ กว่าจะเดินถึงห้องส่งตรวจ มันก็รั่วหมดน่ะสิ ดังนั้นแกจึงมาขอใบส่งตรวจใหม่
....เฮ้อ...ดีนะที่ฉันไม่บอกให้คนไข้ ไปส่งตรวจอุจจาระ ไม่งั้นมีหวังหึ่งกันไปทั้ง OPD ป้าแกคงเอาใบส่งตรวจ ไปห่ออุจจาระส่งตรวจชัวร์เลย
..." พี่เจน....ใจลอยคิดอะไรอยู่..."
เสียงเจ้าแก้วร้องเรียก "..อย่าหลับในสิพี่...เที่ยงแล้วนะ พี่จะลงไปทานข้าวก่อน รึว่าจะให้แก้วลงก่อน ? "
ฉันสะดุ้งแล้วหัวเราะหึหึ งั้นขอตัวไปทานข้าวล่ะนะ ไว้ว่างๆจะเขียนมาเล่าให้ฟังอีก....บาย...
เมื่อวันที่ : 21 เม.ย. 2546, 06.27 น.
ชอบลุงที่แกนั่งถอนหญ้าบนเตียงน่ะ แกขยันดี