![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ถึงตอนนี้แล้วอ้นคงจะเปลี่ยนใจ เขาคงจะเบื่อกับการหนีปัญหา อยากทำให้มันถูกต้องซะที เขาคงจะทำใจได้เร็วกว่าฉัน เพราะเขามีอีกคนที่คอยอยู่แล้วที่พร้อมจะแทนที่ฉัน ฉันต่างหากที่มันยังไม่ยอมลืม ยังคงเจ็บ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันถึงจะหายดี
...
งานเลิกแล้ว แขกเหรื่อในงานต่างทยอยกันกลับ อ้นอาสาไปส่งฉันที่บ้าน แต่ฉันปฏิเสธ ไม่อยากทำให้เรื่องราวมันแย่ไปกว่านี้ และที่สำคัญฉันกลัวว่าฉันจะใจอ่อนกับเขาอีก แค่สายตาที่เขามองฉันมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะกลับไปหาเขา โดยที่เขาไม่ต้องพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ...
ทำไมนะความรักมันถึงได้มีอิทธิพลกับฉันมากมายถึงเพียงนี้ ฉันยังคงรักเขา แคร์เขา อยากรู้ความเป็นไปของเขา มันเจ็บทุกครั้งที่คิดว่าเขาอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ทั้ง ๆ ที่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะกลับมาคบกันเหมือนเดิม
อ้นไม่เซ้าซี้ฉันเหมือนเคย ครั้งนี้เขาตามใจฉัน มันคงจะน่าเบื่อเกินไปที่จะต้องคอยตามเอาใจ ตามงอนง้อ เขาพยายามมามากพอแล้ว และครั้งนี้เขาคงไม่อยากที่จะทำแบบเดิมอีก
ฉันออกจากงานเป็นคนสุดท้าย อยากจะอวยพรเพื่อนรักให้นาน ๆ
วันนี้เป็นวันสำคัญของพวกเขา...เพื่อนรักทั้งสองของฉัน...
"อรขอให้จอยมีความสุขมาก ๆ รักกันตลอดไปจนแก่จนเฒ่าเลยนะ...น้อตก็เหมือนกัน ดูแลจอยให้ดี ๆ ด้วยล่ะ...ฉันก็ไม่รู้จะอวยพรอะไรมากมาย...เอาเป็นว่ามีหลานให้ฉันเร็วๆ แล้วกันนะจ๊ะ" ฉันพูดติดตลก
จอยตีฉันเบา ๆ หน้าเธอแดงเพราะความเขิน
"ไปแล้วดีกว่า...อย่าลืมที่ฉันพูดล่ะ" ฉันย้ำอีกครั้งเพื่อเย้าจอย
"แล้วกลับยังไงอ่ะ..อร" น้อตถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... เดี๋ยวเรียกแท๊กซี่ข้างหน้าเนี่ย" ฉันพูด
"กลับได้แน่นะอร...ให้ฉันไปส่งไม๊" ใยจอยถาม
"จะบ้าเหรอยะ...เธอจะต้องไปส่งตัวนะ...ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า...ฉันดูแลตัวเองได้" ฉันบอกกับเธอ พร้อมกับโบกมือลา
ฉันช่างโชคดีที่มีเพื่อนที่ดีอย่างจอยกับน้อต..แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าฉันไม่ต้องมีปัญหาอย่างที่เป็นอยู่นี่ แต่อย่างว่าล่ะไม่มีใครที่จะโชคดีไปซะทุกเรื่องหรอก ฉันคงต้องทำใจ
ฉันเดินปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เรียกแท๊กซี่อย่างที่บอกกับน้อต มันยังไม่อยากกลับบ้าน อยากเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ฉันเดินผ่านร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ฉันยังจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วอ้นยังพาฉันมาเลี้ยงวันเกิดที่ร้านนี้อยู่เลย ในวันนั้นเราทั้งสองคนยังรักกันดี ไม่มีวี่แววเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ฉันเดินเข้าไปในร้าน นั่งที่โต๊ะมุมเดิม ที่เราเคยนั่งเมื่อครั้งนั้น...
บรรยากาศในร้านค่อย ๆ เปลี่ยนไป ไฟเริ่มสลัวลง มันคงจะถึงเวลาที่จะเปลี่ยนจากร้านอาหารธรรมดา เป็นกึ่งผับ
นักดนตรีเดินเข้าไปประจำที่ เพลงเริ่มบรรเลง...เป็นเพลงช้า ๆ ฟังสบาย ๆ
คู่รักหลายคู่เดินออกไปเต้นรำกัน ดูพวกเขาช่างมีความสุข อิ่มเอมในความรัก ช่างต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง
"ไม่ทราบจะรับอะไรดีครับ...คุณผู้หญิง" บริกรถามฉัน
"ขอน้ำส้มแก้วนึงแล้วกันค่ะ" ฉันสั่งแค่นั้น
พลางนั่งคิดอะไรไปเรื่อยตามประสาคนอกหักอย่างฉัน...อกหักเหรอ...แบบนี้เขาเรียกว่าอกหักหรือเปล่า...ฉันยังงงกับคำนิยาม...ฉันควรจะเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไรดีนะ ไม่สมหวัง อาการของคนไม่สมหวัง ฟังดูแม่ง ๆ ชอบกล อกหักน่ะแหล่ะดีแล้วเข้าใจง่ายดี
อีกไม่กี่วัน...ก็จะถึงงานแต่งของอ้น กับผู้หญิงคนนั้น...คิดแล้วก็ใจหาย...มันเร็วเหลือเกิน...
ถึงตอนนี้แล้วอ้นคงจะเปลี่ยนใจ เขาคงจะเบื่อกับการหนีปัญหา อยากทำให้มันถูกต้องซะที เขาคงจะทำใจได้เร็วกว่าฉัน เพราะเขามีอีกคนที่คอยอยู่แล้วที่พร้อมจะแทนที่ฉัน ฉันต่างหากที่มันยังไม่ยอมลืม ยังคงเจ็บ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันถึงจะหายดี
น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว ในที่สุดฉันก็ทำมันไม่สำเร็จ อุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วเชียวว่าวันนี้จะไม่ร้องไห้...แต่มันคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไม่ได้ร้องในงานซะหน่อย
ดนตรีบรรเลงเพลงเศร้าลงเรื่อย ๆ เหมือนนักดนตรีจะรู้ว่ามีคนอกหักนั่งอยู่ตรงนี้ ถึงได้ตอกย้ำเล่นแต่เพลงเศร้าแทงใจให้ฉันยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก...
"น้ำส้มครับ" บริกรนำน้ำส้มมาส่งให้ที่โต๊ะ...
"ขอบคุณค่ะ" ฉันเอ่ยคำขอบคุณ โดยไม่เงยหน้าไปมอง ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันกำลังร้องไห้
คนเดิมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฉัน....มันทำให้ฉันแปลกใจ จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
แต่ก็ต้องตกใจ.....
อ้นนั่นเอง นี่เขาตามฉันมาหรือนี่...
"ขอนั่งด้วยคนได้ไม๊ครับ คุณผู้หญิง" เขาเย้าฉัน
ฉันยิ้มทั้งน้ำตา...พยักหน้าตอบเขาโดยไม่พูดอะไร...
เรานั่งอยู่อย่างนั้น....นานพอสมควร....ปราศจากคำพูดใด ๆ....
ฉันนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา....
อ้นเอ่ยปากชวนฉันไปเต้นรำกับเขา...ฉันตอบรับแบบเสียไม่ได้...
"อร เดินเร็วจังเลย...ผมเดินตามหาตั้งนานกว่าจะเจอ" เขากระซิบบอกฉัน
"แล้วใครใช้ให้เดินตามล่ะ" ฉันตอบแบบกวน ๆ
"ถ้าไม่ตามมา จะรู้เหรอว่ามีคนร้องไห้ คิดถึงผมอยู่" เขาเย้าฉัน มันทำให้ฉันหน้าแดงขึ้นมาทันที
"ใครเค้าร้องไห้ คิดถึงตัวเองล่ะ...อย่ามาตู่นะ" ฉันแก้ตัว พร้อมกับทำท่าจะผละหนี
"จ้า...ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึง อย่าโกรธนะครับคนดี" อ้นดึงฉันเข้าไปใกล้มากขึ้น จนฉันรู้สึกเขิน แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนเขาได้
อ้นดึงฉันเข้าไปกอด พร้อมกับกระซิบข้างหูฉันว่า "คิดถึงอรจัง...อ้นยังรักอรเหมือนเดิมนะ"
มันเป็นคำพูดที่เรียบง่าย ฟังมาก็หลายครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้ คำนี้มันช่างมีความหมายมากมายเหลือเกินสำหรับฉัน...
ฉันรักเขามาก แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน ฉันรักเขามากขึ้นกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเก็บมันไว้นานเกินไป ฉันพยายามบอกกับตัวเองว่าฉันจะต้องลืมเขาให้ได้ บังคับใจตัวเองมาตลอด แต่คราวนี้ความรักมันเกินล้นใจจนไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป
อยากอยู่แบบนี้ในอ้อมกอดของเขาตลอดไป...อยากให้วันและเวลาหยุดอยู่กับที่ เวลาที่มีแต่เราแค่สองคน...
ยิ่งคิดว่าถึงยังไงเราก็ต้องจากกัน ยิ่งทำให้ฉันโหยหาความรักจากเขามากขึ้นกว่าเก่า
ฉันจะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด แต่ฉันไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้
มันทรมานเหลือเกินที่จะต้องหักห้ามใจไม่ให้รักเขา
"แล้วอรล่ะ...ยังรักอ้นอยู่หรือเปล่า" เขาถามฉัน
ฉันผละออกมาจากอ้อมกอดของเขาทันที เดินออกมาจากฟลอร์เต้นรำ
อ้นตามมาดึงมือฉันไว้
"อ้นขอโทษนะ...ถ้ามันทำให้อรไม่สบายใจ" น้ำเสียงเขาอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด
"อรจะกลับบ้านแล้วล่ะ...ขอตัวนะ" ฉันพูด โดยไม่มองหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเห็นแววตาที่ปวดร้าว
"อร ทำแบบนี้ทำไม...อ้นรู้นะว่าอรยังรักอ้นอยู่...เรารักกันนะอร...อย่าทำแบบนี้ได้ไม๊"
ฉันไม่ตอบ แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เดินไปที่โต๊ะ หยิบกระเป๋า วางเงินค่าน้ำส้มไว้ และก็เดินออกไปนอกร้านทันที
อ้นเดินตามฉันออกมา เขากอดฉันไว้ ไม่ยอมให้ฉันไปไหน...
"อ้น ปล่อยอรนะ อย่าทำแบบนี้ได้ไม๊" ฉันบอกเขา
"ไม่ปล่อยจนกว่าอรจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อน" เขาบอก
"คนมองกันใหญ่แล้วนะ...ปล่อยอรเถอะ อรอาย" ฉันพยายามบอกเขา
"ช่างคนอื่นปะไร...อรต้องรับปากมาก่อนว่าจะคุยกันดี ๆ" เขาพูด
"ปล่อยอรเดี่ยวนี้นะ" ฉันพยายามดิ้นให้หลุด แต่เขายิ่งรัดฉันแน่นขึ้น
"ไม่ปล่อย...อรต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่หนีไปไหนอีก"
ฉันพยักหน้ารับปากเขา มันอายที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น ๆ และฉันก็กลัวว่าอ้นจะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี...
เขาค่อย ๆ คลายมือออก จูงมือฉันไปที่รถของเขา แต่ฉันไม่ยอมเข้าไปนั่งในรถ
"มีอะไรก็ว่ามา...อรจะรีบกลับบ้าน มันดึกมากแล้ว" ฉันบอกเขา
"ขึ้นรถก่อนสิ เดี๋ยวผมไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ อรกลับเองได้"
"อย่าดื้อได้ไม๊ครับ ผมขอร้องนะ คนดีของผม" เขาขอร้องฉัน
"ขึ้นรถเถอะครับ" เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูรถให้ฉัน
ใจจริงฉันไม่อยากนั่งรถไปกับเขาหรอก แต่มันก็ไม่อยากทำตัวเรื่องมาก ฉันเลยนั่งรถไปกับเขา ยอมให้เขาไปส่งฉันที่บ้าน...เพราะฉันรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้ฉันกลับบ้านเองแน่ ๆ...
ฉันนับถือในความพยายามของเขาจริง ๆ มันทำให้ฉันอดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เขาคงจะรักฉันจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะทำแบบนี้ทำไม ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ถ้าเขารักฉันจริง ๆ เขาก็ไม่ควรที่จะให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น มันเหมือนเขาเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเองโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของคนอื่น
"ปอเป็นไงมั่งคะ..สบายดีหรือเปล่า" ฉันเอ่ยถามขึ้นก่อนระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ
อ้นไม่ตอบได้แต่พยักหน้าแทนคำพูด
"งานแต่งงานไปถึงไหนแล้วคะ...อีกไม่กี่วันแล้วนี่เนอะ...ไหนล่ะคะการ์ดแต่งงาน...อย่าบอกนะว่าจะไม่เชิญ...อรไม่ยอมจริง ๆ ด้วยนะ" ฉันพูดไปเรื่อย ๆ
"ไปถ่ายรูปที่ Studio มารึยังคะ...ไหนขออรดูบ้างสิ..."
"พอซะทีเถอะอร หยุดทำแบบนี้ซะที ผมไม่เข้าใจอรเลยจริง ๆ" เขาพูดอย่างอารมณ์เสีย
ฉันเงียบทันที เงียบสนิท ไม่พอใจที่เขามาทำขึ้นเสียงกับฉัน
"ผมรู้ว่าคุณยังรักผมอยู่...อย่าทรมานตัวเองอีกเลยอร...ผมรักคุณนะ"
ฉันยังคงเงียบ ไม่พูดอะไร
"บอกผมมาสิว่าคุณไม่รักผมแล้ว...ถ้าคุณคิดว่ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น"
"แล้วอ้นจะให้อรทำยังไง...ยอมรับมันงั้นเหรอ...อ้นเห็นแก่ตัว ไม่เคยนึกถึงใจอรเลย" ฉันพูดออกมาด้วยความอัดอั้น ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
"อรจะกลัวอะไรอีก ในเมื่ออ้นก็รักอร เรารักกันไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นความรักของเราได้" เขาพยายามพูด
ฉันส่ายหัว พร้อมกับร้องไห้...
"ไม่ได้หรอกอ้น มันเป็นไปไม่ได้ เรารักกันไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...นอกเสียจากว่าคุณไม่รักผมแล้ว"
"ลูกไงอ้น...ลูกของอ้นกับปอ...อ้นจะทำให้เขามีปัญหาตั้งแต่เกิดมาเลยหรือ"
ฉันพูดออกไปคำพูดที่แม้แต่ตัวฉันเองยังรู้สึกเสียใจ
อ้นถึงกับเงียบไปทันที สักพักฉันเห็นน้ำตาของเขาค่อย ๆ ไหลออกมา
"อ้นจะต้องเสียอรไปจริง ๆ เหรอ...อรบอกอ้นหน่อยสิ" เขาถามฉัน
"มันคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วล่ะอ้น" ฉันพูดเสียงเครือ
เขาจอดรถข้างทาง หน้าของเขาซบกับพวงมาลัยรถ ถึงแม้จะไม่มีเสียงร้องไห้ออกมา แต่ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังร้องไห้ สังเกตุจากตัวเขาที่กำลังสั่นเทา
"อ้นไม่อยากเสียอรไป...อ้นรักอร" เขาพูดไปสะอื้นไป
"อ้นไม่ได้เสียอรไปซะหน่อย เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะอ้น" ฉันพยายามปลอบใจเขา ทั้ง ๆ ที่สภาพของฉันตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากเขาเท่าไหร่
กี่ครั้งแล้วนะที่เราร้องไห้ด้วยกันแบบนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เคยมีครั้งไหนที่เราไม่มีน้ำตาเลย การจากมันทรมานอย่างนี้นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นการจากเป็นหรือจากตาย มันไม่ต่างกันเลย...
"ถึงแม้ว่าผมจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอรไม่ได้ แต่ผมจะรักอรตลอดไปไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหน"
"อย่าพูดแบบนี้เลยอ้น...อย่าทำให้อรต้องลำบากใจเลย" ฉันพูดไปร้องไห้ไป
ฉันจับมือเขา เอานิ้วก้อยของเราสองคนมาเกี่ยวกันไว้
"เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันดีกว่า ว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป" ฉันบอกกับเขา
อ้นยิ้มให้ฉันทั้งน้ำตา เราทั้งสองคนยิ้มให้กัน...นิ้วก้อยเกี่ยวกันอยู่อย่างนั้น
ฉันหวังว่ามันคงจะเป็นการจากกันด้วยความเข้าใจ หวังว่ามันคงจะไม่ต้องทุกข์ทรมานอีก
ฉันก็คงได้แต่หวัง ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นยังไง มันอาจจะเจ็บเจียนตาย หรือผ่านไปอย่างง่ายดายราวกับขึ้นสวรรค์ ถึงยังไงฉันก็คงต้องเผชิญกับมันต่อไป
เมื่อวันที่ : 27 ม.ค. 2548, 18.47 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...