![]() |
![]() |
อัญชา![]() |
...วศินเฝ้าดูอากัปกิริยาของมาลาตีจากภายในห้องของเขาที่ชั้น 8 ม่านโปร่งเนื้อบาง บดบังเขาจากสายตาของหญิงสาว แต่ภาพของเธอหาได้รอดพ้นจากสายตาของเขาไม่
กาแฟร้อนในแก้วแทบจะหมดความหมาย เมื่อเขาค้นพบว่าภาพความงามที่เห็นนั้นมีค่าต่อเขาเพียงใด
...
4.กาแฟร้อนในแก้วแทบจะหมดความหมาย เมื่อเขาค้นพบว่าภาพความงามที่เห็นนั้นมีค่าต่อเขาเพียงใด
...
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับอากาศที่สดใส มาลาตีไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติ เมื่อถึงห้องทำงานแล้ว เธอจึงออกมาเดินเล่นตรงระเบียงด้านนอก ลั่นทมสีขาวส่งกลิ่นหอมทักทายสายลม หญิงสาวเอื้อมมือไปโน้มกิ่งลั่นทมที่มีพวงดอกห้อยระย้ามาใกล้ตัวและสูดดมกลิ่นหอม
วศินเฝ้าดูอากัปกิริยาของมาลาตีจากภายในห้องของเขาที่ชั้น 8 ม่านโปร่งเนื้อบาง บดบังเขาจากสายตาของหญิงสาว แต่ภาพของเธอหาได้รอดพ้นจากสายตาของเขาไม่
กาแฟร้อนในแก้วแทบจะหมดความหมาย เมื่อเขาค้นพบว่าภาพความงามที่เห็นนั้นมีค่าต่อเขาเพียงใด
หัวใจที่คล้ายจะว่างเปล่าของเขาเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
มาลาตีเดินกลับเข้าห้องทำงานเมื่อรู้สึกสัมผัสได้ถึงความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เริ่มแผดเผา เธอหยิบแฟ้มงานต่าง ๆ ขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อย ไม่นานนักมาลาตีก็ได้รับโทรศัพท์จากเกรซ
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณมาลาตี นี่เกรซเองนะคะ"
สาวมั่นส่งเสียงทักทายมาตามสาย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเกรซ ชื่นใจจังเลยค่ะ นาน ๆ จะมีคนพูดอรุณสวัสดิ์กับมาลาตีแบบนี้"
"อ้าว เลยกลายเป็นของแปลกไปเลยแหม ปกติเกรซก็พูดแบบนี้แหละค่ะ เกรซชอบนี้นะคะ เพราะดีออก ฟังเข้าท่าเข้าทางกว่าสวัสดีครับ สวัสดีค่ะเป็นไหนๆ"
นอกจากบุคลิกมาดมั่นแบบผู้หญิงทำงานแล้ว แม้แต่คำพูดที่ใช้ ก็ยังบ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองของเกรซได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่มาลาตีเองก็แอบนิยมชมชอบอยู่ไม่น้อย
"จริงของคุณเกรซค่ะ คำว่าอรุณสวัสดิ์ฟังดูเพราะกว่าการพูดสวัสดีเยอะเลย คุณเกรซทำให้เช้านี้ของตีมีความหมายแต่เช้าเลยนะคะ"
มาลาตีกระเซ้าคู่สนทนา อีกฝ่ายหัวเราะขำเล็กน้อย
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณมาลาตีล่ะก็ ชมไปเรื่อยเลยเชียว"
"ตีพูดจากใจจริงค่ะ ตีแค่รู้สึกว่า เดี๋ยวนี้คนทั่วไปให้ความสำคัญกับคำทักทายน้อยลง ดูเหมือนจะพูดกันแค่พอเป็นมารยาทด้วยซ้ำ พอตีได้ยินคำนี้ก็เลยรู้สึกดีน่ะค่ะ" มาลาตีพูดออกไปตามที่รู้สึกจริง
"ขอบคุณมากค่ะคุณมาลาตี ดูคุณมาลาตีจะเป็นคนช่างสังเกตเอามาก ๆ เลยนะคะ แล้วใจอ่อนหรืออ่อนไหวไปกับอะไรใกล้ ๆ ตัวไปบ้างหรือเปล่าคะนี่?"
เกรซซ่อนความหมายเป็นนัยไว้กับข้อความท้ายประโยค แม้จะดูไม่จงใจ แต่มาลาตีก็เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี
"อ่อนไหวอะไรกันคะ มาลาตีมีงานทำตั้งเยอะแยะ ไม่มีเวลาไปอ่อนไหวกับอะไรหรอกค่ะ"
"อื้ม ไม่อ่อนก็ไม่อ่อน เกรซก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่ดูท่าตาโอ๊ตนี่จะใช้งานคุณมาลาตีมากเกินควรนะคะ ดูสิ ทำเอาคุณมาลาตีไม่มีเวลาไปคิดถึงใครเลย"
"คุณเกรซก็.."
"อ้อ แหม ๆ ขอโทษทีค่ะคุณมาลาตี เกรซก็มัวแต่พูดเล่นอยู่ได้ ดูสิ ลืมไปเลยว่าจะโทร.มาคุยธุระ คือเกรซจะโทร.มาบอกคุณมาลาตีว่า บ่ายวันนี้ เกรซจะพาคุณสตีเฟ่นลูกค้าของเกรซเข้าไปดูห้องนะคะ เกรซรบกวนคุณมาลาตีบอกตาโอ๊ตด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะคุณเกรซ แล้วตีจะบอกคุณวศินให้ค่ะ"
"อย่าลืมนะคะ บอกให้ได้นะ อย่าลืมนะคะ ต้องบอกกับเข้าตัวเค้าเลยนะคะ อย่าฝากใครนะ"
เกรซพยายามสร้างโอกาสให้เพื่อนอย่างเต็มที่ เพราะเธอเองก็พอจะรู้ว่า วศินเองก็ชอบมาลาตีอยู่มากเหมือนกัน
"ได้สิคะคุณเกรซ มาลาตีไม่ลืมแน่ ๆ ค่ะ"
มาลาตีอดขำกับอาการเชียร์จนออกนอกหน้าของนายหน้าสาวไม่ได้ เมื่อวางสายแล้วมาลาตีจึงนั่งหัวเราะกับตัวเอง
"อรุณสวัสดิ์ครับ อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะครับ"
คำทักทายที่ดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทำให้มาลาตีรู้สึกราวกับว่ามีอณูของความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านอยู่ในใจ
"เอ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวศิน" มาลาตีพูดติดขัด เธอนึกขัดเคืองความเปิ่นของตัวเอง
ดอกไม้สีขาวที่แอบอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มถูกยื่นให้กับหญิงสาว เธอเองยังประหลาดใจ
"เมื่อเช้าผมเห็นคุณตรงระเบียงน่ะครับ คิดว่าคุณคงชอบดอกลั่นทมมาก ผมเลยเก็บมาฝาก"
มาลาตีเผลอทำหน้าเหรอหราด้วยไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อตั้งสติได้ เธอก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับช่อลั่นทมนั้นมาถือไว้
"ขอบคุณมากค่ะ" หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะส่งเสียงดังจนเธอกลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยิน
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณตีชอบ ผมจะหามาปลูกเพิ่มอีกสักหน่อย..."
คำพูดของวศินทำให้หัวใจของมาลาตีพองโต
"...ด้านหลังห้องทำงานผมมีอีกหลายต้นเลยครับ ดีเหมือนกันครับ ผมคิดว่าลูกค้าคงจะชอบกลิ่นหอม ๆ ของลั่นทม รู้สึกจะเป็นที่นิยมในกิจการสปาด้วย ถ้าอพาร์ทเม้นท์ของเราจะหามาปลูกเพิ่มอีกสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย"
หัวใจที่พองโตเมื่อครู่เหี่ยวแฟ่บลงในทันใด
..ที่แท้ก็ทำเพื่องาน ไม่ได้ทำให้เราจริง ๆ สักหน่อย แล้วจะมาพูดให้ดีใจทำไม.. หญิงสาวนึกตัดพ้อในใจ
"เช้านี้มีอะไรพิเศษมั้ยครับ?"
"คุณเกรซฝากให้เรียนคุณวศินว่า บ่ายนี้เธอจะพาลูกค้ามาดูห้องค่ะ"
"ขอบคุณครับ" ว่าแล้ววศินก็เดินหมุนตัวกลับเข้าห้องไป
มาลาตีจ้องประตูห้องทำงานเจ้านายตาเขม็งพลางนับหนึ่งถึงสามในใจ ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง เลขาฯสาวยิ้มรับรอฟังคำสั่งของวศิน
"เอ่อ คือ คุณมาลาตีครับ ถ้าคุณเกรซมาถึง ช่วยบอกให้ผมทราบด้วยนะครับ"
วศินพูดเขิน ๆ เมื่อกิริยาของเขา ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากการคาดเดาของมาลาตี
"ได้ค่ะ" มาลาตีรับคำอย่างอารมณ์ดี
รอยยิ้มกว้างของเธอ สะกิดต่อมความรู้สึกของวศินให้ทำงานอีกครั้ง
"ขอบคุณครับ" แล้ววศินก็รีบหายตัวเข้าไปในห้องทำงานของเขาอีกครั้ง "เสียฟอร์มอีกแล้วเรา" เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
บ่ายวันนั้น เกรซพาลูกค้าชาวอเมริกันผู้มีนามว่า สตีเฟ่นมาดูห้องพักตามที่ได้นัดหมายกับมาลาตีไว้
"ไงโอ๊ต เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ปล่อยให้คุณมาลาตีออกมาต้อนรับลูกค้าคนเดียวหลายหนแล้วนะนายน่ะ"
"อะไรกันมาถึงก็ต่อว่ากันก่อนเลยนะยายแก่"
วศินแหย่เพื่อนสาวจึงโดนอีกฝ่ายทุบหลังเข้าให้
"นี่แน่ะ ปากดีนักเชียว"
"มือหนักเหมือนเดิมเลยนะเธอนี่" วศินโอดครวญ
มาลาตีมองทั้งคู่แล้วนึกขำจนแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
"ดูสิ คุณมาลาตีเลยหัวเราะใหญ่เลย ไม่เอาละ ชั้นไม่เล่นกับเธอละนายโอ๊ต ชั้นมาคุยกับคุณมาลาตีดีกว่า เดี๋ยวพอมิสเตอร์สตีเฟ่นมา นายก็พาไปดูห้องเองแล้วกันนะ เราจะกับคุณมาลาตีจะนั่งคุยกันอยู่แถวนี้แหละ"
"อ้าว ๆ กินแรงกันเห็น ๆ ได้ไง ๆ ถ้าแกทำอย่างนั้น ชั้นก็ไม่จ่ายค่านายหน้านะจะบอกให้"
วศินงัดไม้ตายขึ้นมาขู่เกรซ จนนายหน้าสาวต้องเลิกต่อปากต่อคำ
"หนอย ๆ มีหักค่านายหน้า เดี๋ยวเถอะ ไม่มีเกรซแล้วจะรู้สึก หรือถือว่ามีเลขาฯเก่งแล้วไม่ต้องง้อเพื่อนยะ"
เกรซยังไม่วายแขวะเพื่อนหนุ่มให้กระทบไปถึงมาลาตีจนหญิงสาวแทบจะยืนไม่ติด ด้วยไม่รู้อารมณ์ของเกรซว่าแค่พูดเล่นหรือตั้งใจ
"นี่ เธอมีหน้าที่เป็นนายหน้าก็ทำงานไปนะ นายหาลูกค้ามาให้เรา เราก็จ่ายเงิน โอเคมั้ย?"
วศินเริ่มอ่อนข้อ เกรซหัวเราะชอบใจ
"แน่สิยะ รับรองว่าชั้นจะหาลูกค้ามารีดเงินในกระเป๋านายให้ได้ทั้งปีเลยคอยดูสิ"
เกรซพูดด้วยความมั่นใจ ประสบการณ์ในสายงานทำให้เธอมั่นใจและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองอยู่มาก ไม่เคยมีครั้งไหนที่เกรซจะทำงานได้ไม่บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
รถแท๊กซี่สีเขียวคาดเหลืองเคลื่อนตัวเข้ามาจอดสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าคนทั้งสาม พนักงานดูแลความปลอดภัยของอาคารรีบปราดเข้ามาเปิดประตูให้ผู้โดยสารในรถ ชายวัยกลางคนชาวอเมริกันค่อย ๆ ขยับตัวออกจากที่นั่ง
"Hi, Stephen."
"Hi, Grace"
"This is Mr. Vasin, the landloard and Miss Malati, his secretary"
เกรซแนะนำทุกคนให้รู้จักกัน วศินเดินตรงเข้าไปจับมือกับอาคันตุกะโดยมีมาลาตียืนอยู่ข้าง ๆ
"Nice to meet you, Khun Stephen"
วศินทักทายอย่างคล่องแคล่วแล้วเขาก็เดินนำมิสเตอร์สตีเฟ่นขึ้นไปชมห้องพักโดยมีมาลาตีและเกรซตามหลัง
มิสเตอร์สตีเฟ่นเดินชมห้องพักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหยุดพุดคุยในเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ กับวศินอีกครั้ง ชายวัยกลางคนให้ความสนใจกับเครื่องอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ที่ทางอพาร์ทเม้นท์จะสามารถจัดหาให้กับเขาได้ สิ่งที่ถูกใจเขามาก คือความเป็นสัดส่วนของห้องพักที่ไม่แออัดจนเกินไป และยังสามารถเสริมภาพลักษณ์ให้เหมาะกับตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาได้ ดังนั้น เรื่องราคาค่าเช่าจึงไม่ใช่ปัญหา
การขอดูตัวสัญญาเช่าและการนัดหมายวันเวลาสำหรับการเข้าพักจึงถูกพูดถึงอย่างคร่าว ๆ มาลาตีและเกรซยืนฟังบทสนทนาของเจ้าของอพาร์ทเม้นท์และลูกค้าอยู่ห่าง ๆ
สายตาของมาลาตีจับจ้องที่วศินด้วยความชื่นชม เขามีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งการวางตัวและบุคลิกท่วงท่าที่สง่างามนั้น สามารถสะกดสายตาหญิงสาวให้เผลอมองจนลืมตัว
"คุณมาลาตีคะ" คนถูกเรียกสะดุ้งนิด ๆ เมื่อรู้สึกตัว
"คะ คุณเกรซ" เธอพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
เกรซนึกขำท่าทางของหญิงสาว
"นั่นแน่ เกรซเห็นนะ ไหนว่าไม่อ่อนไหวไงคะ?"
เกรซกระซิบกระซาบกับมาลาตีด้วยรู้ดีว่า หากเพื่อนหนุ่มของเธอได้ยิน มาลาตีคงจะเขินอายอย่างมากเป็นแน่
"คุณเกรซล่ะก็" มาลาตีได้แต่ยิ้ม เป็นยิ้มที่เกรซเองก็ประทับใจ
รอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากการเสแสร้ง หากแต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากความรู้สึกของหญิงสาว
เมื่อวันที่ : 23 ม.ค. 2548, 23.25 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...