![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ความสุขใจหวนกลับมาหาฉันอีกครั้ง บางทีรักครั้งนี้ของฉันอาจจะเป็นรักแท้ก็ได้ รักที่มีแต่ความเต็มใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ ฉันดีใจที่เรากลับมารักกันอีกครั้ง...
ความสุขใจหวนกลับมาหาฉันอีกครั้ง บางทีรักครั้งนี้ของฉันอาจจะเป็นรักแท้ก็ได้ รักที่มีแต่ความเต็มใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ ฉันดีใจที่เรากลับมารักกันอีกครั้ง อ้นเอาใจใส่ฉันมากขึ้น อาจจะมากกว่าแต่ก่อนซะด้วยซ้ำ"มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ" ฉันได้แต่คิด และก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นตลอดไป
วันแห่งความสุขอีกวันของฉันมาถึงแล้ว วันที่ฉันจะได้เข้าพิธีประสาทปริญญาบัตรเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตของฉัน ฉันจำเป็นจะต้องตื่นเช้ามาก เพื่อไปเตรียมตัวแต่งหน้าทำผม อ้นก็ต้องตื่นแต่เช้าเช่นกันเพื่อมารับฉัน และเขาก็มาแล้วก่อนเวลาด้วยซ้ำ มาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่สีสันสวยงาม
"ยินดีด้วยนะครับ คนเก่งของผม.." อ้นพูดพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้ฉัน
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มตอบเขาอย่างภาคภูมิใจ
วันนี้เป็นวันที่ฉันอิ่มเอมใจที่สุด ในที่สุดฉันก็ทำมันได้สำเร็จ ปริญญาโทที่ฉันเฝ้ารอคอย กว่าจะจบ มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง ๆ
ฉันง่วนกับการถ่ายรูปกับครอบครัว และเพื่อน ๆ..คุณพ่อของฉันลงทุนจ้างช่างกล้องเพื่อมาถ่ายรูปฉันโดยเฉพาะ เหนื่อยเหมือนกัน ร้อนด้วย แต่มันก็เป็นสุขใจ...
ฉันมองหาอ้นอยากให้เขามาถ่ายรูปด้วยกัน แต่ฉันหาเขาไม่เจอ อ้นไม่ได้อยู่บริเวณนั้น ถามใครก็ไม่มีใครเห็น ฉันเริ่มไม่สนุกแล้วสิ..เริ่มกังวล อยากจะตามหา แต่ไม่สามารถปลีกตัวไปได้เลย ฉันพยายามโทรหาเขา แต่เขาก็ปิดเครื่อง เขาหายไปไหนนะ วันสำคัญของฉัน แต่เขากลับไม่อยู่ ฉันเริ่มไม่สบอารมณ์ แต่ก็จำเป็นต้องฝืนยิ้ม ถ่ายรูป ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
ถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องประชุมแล้ว แต่อ้นก็ยังไม่ปรากฏตัว ฉันเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา..เขาไปไหน ทำไมไม่บอกฉัน ฉันทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ...
พิธีประสาทปริญญาบัตรเสร็จสิ้น ฉันเป็นบัณฑิตเต็มตัวแล้ว ฉันและครอบครัวไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในงานจะมีเพียงญาติสนิท และเพื่อนที่สนิทจริง ๆ เท่านั้น แน่นอนในนั้นจะต้องมีใยจอยกับน้อตด้วย ทุกคนมาครบกันหมดแล้ว แต่อ้นก็ยังไม่มา ฉันพยายามโทรหาเขา แต่มันไม่มีประโยชน์ ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับ หรือว่าเขารู้ว่าฉันจะต้องโทรไปตามเขาแน่ ๆ เขาเลยปิดเครื่อง ฉันเริ่มระแวง ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ฉันมักจะเชื่อใจเขาเสมอ แต่ครั้งนี้ทำไมฉันถึงร้อนรน ไม่แน่ใจในตัวเขา..ฉันเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา..
"อร..เป็นอะไรรึเปล่า? ดูซึม ๆ ตั้งแต่เย็นแล้ว" ใยจอยเพื่อนรักถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไรหรอกจอย อรเหนื่อยน่ะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน" ฉันบอก
ใยจอยมองหน้าฉัน พร้อมกับพยักหน้า และก็คะยั้นคะยอให้ฉันทานเยอะ ๆ...แต่มันทานไม่ลง ในใจมันร้อนรน กระวนกระวาย อ้นหายไปไหน ทำไมเขาไม่บอกฉันว่าเขาจะไปไหน ทำไมถึงหายไปแบบนี้
"เอ่อ จอย..ในงานเห็นอ้นบ้างไม๊??" ฉันถาม
"จริงสิ..อ้นหายไปไหน ทำไมไม่มา" ใยจอยหันกลับมาถามฉัน
มันทำให้ฉันนิ่งเงียบ ไม่รู้จะตอบว่าอะไร จนใยจอยหันไปสะกิดถามน้อตที่กำลังทานอาหารอยู่อย่างเอร็ดอร่อย
"เห็นอยู่นะ เห็นยืนโทรศัพท์อยู่ แล้วพอหันไปอีกทีก็หายไปแล้ว" น้อตบอก
โทรศัพท์เหรอ?? อ้นคุยกับใคร แล้วทำไมต้องไปด้วย จะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าฉันในวันที่สำคัญแบบนี้...มันยิ่งทำให้ฉันคิดมากขึ้นไปอีก ฉันจะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง...
ฉันตัดสินใจโทรไปหาเขาที่บ้าน เผื่อเขาจะกลับบ้าน
"สวัสดีค่ะ" ปลายสายทักทาย พี่เอมนั่นเอง ฉันจำเสียงได้
"สวัสดีค่ะ นี่อรนะคะ พี่เอม"
"อ้าวอรเองเหรอ? ยินดีด้วยนะจ๊ะ บัณฑิตใหม่ เป็นไงเหนื่อยไม๊"
"ก็นิดหน่อยค่ะ เอ่อ พี่เอมคะ อ้นอยู่บ้านไม๊คะ" ฉันถาม
"เอ..ก็เห็นออกไปหาอร ตั้งแต่เช้า ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ? พอดีพี่ก็เพิ่งกลับมา..เดี๋ยวนะจ๊ะ"
ฉันได้ยินเสียงพี่เอมตะโกนถามคุณแม่ว่าอ้นอยู่รึเปล่า...สักพักพี่เอมก็มารับสาย..
"อ้นไม่อยู่นะจ๊ะ..เห็นคุณแม่บอกว่าออกไปหาอรตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับมาเลย..มีอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ?" พี่เอมถาม
"ไม่มีอะไรค่ะ..งั้นขอบคุณมากนะคะ.." ฉันรีบวางสายทันที
ฉันโกรธ โกรธมาก เขาหายไปโดยที่ไม่บอกฉันว่าไปไหน แล้วเขาคุยกับใครเมื่อเช้า
ถ้ามีธุระสำคัญจริง ๆ ทำไมเขาไม่บอกฉัน เล่นหายไปเฉย ๆ แบบนี้ บ้านก็ยังไม่กลับอีกจนป่านนี้
คืนนั้นหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยง ฉันนอนร้องไห้ ร้อง ร้อง ร้องมันอยู่อย่างนั้น เสียใจในสิ่งที่เขาทำ เหมือนเขาไม่แคร์ฉันเลย ทั้งเสียใจทั้งโกรธ เขาไม่รักฉันแล้วเหรอ..ทำไม..คิดวกวนอยู่อย่างนั้นจนหลับ
"อร..ตื่นรึยังลูก..อ้นมารับแล้วนะ..ไม่ไปทำงานหรือไง"
ฉันได้ยินเสียงแม่เคาะประตูเรียก ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที นี่ฉันตื่นสายขนาดนี้เชียวเหรอ..
"เดี๋ยวนะคะแม่ แป๊บนึงนะคะ" พูดไปพร้อมกับจัดการธุระให้เสร็จโดยเร็ว
ฉันเดินลงไปข้างล่าง เห็นอ้นนั่งคอยอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน ฉันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ไม่อยากมองหน้าเขา ไม่อยากจะนั่งรถออกไปกับเขา..อ้นหันมายิ้มทักทายฉัน แต่ฉันไม่ตอบ เดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้าน ใส่รองเท้า แล้วก็เดินออกไปเลย..
"อร..จะไปไหน..นี่รถอยู่นี่" เขาพูดพร้อมกับดึงแขนฉันไว้
"ต่อไปนี้อ้นไม่ต้องมารับอรแล้วนะ เราเลิกกันตั้งแต่วันนี้" ฉันบอกเขา
"ไม่เอาน่าอร..อย่าทำแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะครับ"
ฉันไม่ตอบ มองหน้าเขาแล้วก็สะบัดแขนออกอย่างแรง
ฉันกึ่งเดิน กึ่งวิ่ง ออกไปหน้าปากซอย โบกรถแท๊กซี่ แล้วก็รีบไป ไปให้ไกลจากตรงนั้น ไม่อยากเห็นหน้าเขา เสียงโทรศัพท์ดังตลอดทาง ฉันรู้ว่าต้องเป็นเขา แต่ฉันไม่รับปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น น้ำตามันเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว ไหลออกมาไม่ขาดสาย ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้อีก ฉันเบื่อที่จะต้องร้องไห้แล้ว
ถึงที่ทำงานแล้ว ระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอลิฟท์ อ้นวิ่งมาจับแขนฉันไว้ ฉันอยากจะสะบัดแขนแล้วก็วิ่งหนีไป อยากจะต่อว่าเขา แต่ก็ไม่กล้า คนเยอะแยะกำลังยืนรอลิฟท์ ฉันอาย
"เราต้องคุยกันนะ อรจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ" เขาพูด
"ปล่อยอรนะ..เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว" ฉันพูดเบา ๆ พร้อมกับพยายามดึงแขนออก
"อ้นไม่ปล่อย จนกว่าอรจะเลิกดื้อ" เขาพูด
ฉันมองหน้าเขา รู้ว่าเขาเอาจริงแน่ ฉันเลยยอมไปนั่งคุยกับเขาที่ร้านกาแฟ แถว ๆ นั้น
"มีอะไรก็ว่ามา...อรจะรีบไปทำงาน" ฉันบอกเขา
"อร กำลังเข้าใจอ้นผิดนะ"
"เข้าใจผิดเหรอ..แล้วเมื่อวานอ้นหายไปไหนมา วันสำคัญของอร แต่อ้นกลับหายไปกับคนอื่น อ้นนึกว่าอรโง่นักเหรอ..อ้นไปกับผู้หญิงคนนั้นใช่ไม๊" ฉันต่อว่าเขายกใหญ่
"อ้นเห็นอรเป็นอะไร..ทำไมต้องหลอกกันด้วย"
ฉันพูดออกไปโดยที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้แต่พูดออกไปตามความรู้สึกที่คิด ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
"ใช่..อ้นไปหาเขามา..แต่มันไม่ใช่อย่างที่อรคิดนะ"
มันช่างเป็นคำตอบที่ทิ่มแทงใจ..ในที่สุดเขาก็ยอมรับ...
"งั้นเราก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันแล้ว" ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้น
"เดี๋ยวก่อน อร..อ้นไปบอกเลิกเขา อ้นบอกเขาว่าอ้นรักอร อ้นไม่ได้รักเขา" อ้นรีบพูดขึ้นมา
นั่นทำให้ฉันถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ..
"อ้นรักอร เราแต่งงานกันนะ นะครับ..ผมพร้อมแล้ว..เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป"
นี่เขากำลังขอฉันแต่งงานเหรอเนี่ย..เขาแน่ใจแล้วเหรอ?? ฉันงงไปหมดแล้ว นี่มันอะไรกัน
วันนี้ฉันทำงานไม่รู้เรื่องอีกแล้ว มันไม่มีสมาธิ ได้แต่คิดวกไปวนมากับสิ่งที่เขาพูด ใจนึงก็ดีใจที่เขาบอกว่าเขารักฉัน อยากแต่งงานกับฉัน แต่อีกใจก็รู้สึกลังเล นี่เขาอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือว่าฉันกดดันเขามากเกินไป เขาเลยจำเป็นต้องพูดออกมาเพื่อเอาใจฉัน ฉันสับสนไปหมดแล้ว ฉันควรจะเชื่อเขาดีหรือเปล่า
เลิกงานแล้ว แต่ฉันก็ยังทำงานไม่ถึงไหน พอดีมีงานด่วนเข้ามา ฉันเลยต้องอยู่ทำให้เสร็จ อีกสักพักอ้นคงจะมารับฉันแล้วล่ะ แต่เขาคงต้องรอ..อ้นรอฉันจนเกือบ 2 ทุ่ม เป็นครั้งแรกที่อ้นต้องรอฉันนานขนาดนี้
พอเสร็จงานฉันรีบออกไปทันที ฉันไปหาเขาที่ลานจอดรถ เขานอนหลับรอฉันอยู่ในรถ เขาคงเหนื่อยมาทั้งวัน เหนื่อยค้างตั้งแต่เมื่อวาน ต้องตื่นแต่เช้ามาพาฉันไปทำผม แต่งหน้า ไหนวันนี้จะต้องมารอฉันนาน ๆ อีก
ฉันเข้าไปนั่งข้าง ๆ เขา อย่างเบาที่สุด ไม่อยากให้เขาตื่น นั่งมองหน้าเขาอยู่นาน พลางคิดว่าผู้ชายคนนี้หรือที่จะเป็นคู่ชีวิตของฉัน ถึงแม้ฉันจะรักเขามาก แต่การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันจริงจังเกินกว่าที่จะตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ฉันก็รักเขาเหลือเกิน รักเกินกว่าที่จะปฏิเสธใจของตัวเอง ใช่..ฉันอยากแต่งงานกับเขา อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขา...
อ้นคงใกล้ตื่นแล้ว ฉันเห็นเขาขยับตัว..
"อ้าวอร มาแล้วเหรอครับ ทำไมไม่ปลุกล่ะ" อ้นถาม
"ไม่เป็นไร อรไม่อยากกวน" ฉันบอก
"หิวไม๊ครับ ไปเดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกันนะ"
อ้นอ่อนโยนกับฉันเสมอ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย อาจจะมีบ้างที่เรารู้สึกเหมือนห่างเหินกัน แต่ในที่สุดเราก็เข้าใจกันได้เหมือนเดิม
เราไปหาอะไรทานกันที่ตลาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ถึงแม้มันจะไม่ใช่สถานที่หรูหรา แต่มันก็เป็นสถานที่ที่ฉันโปรดปราน เพราะมีอาหารให้เลือกเยอะแยะ รสชาดก็อร่อยถูกปาก..
พอทานเสร็จอ้นพาฉันไปที่มหาวิทยาลัย เราไปนั่งเล่นกันที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เราเจอกัน แสงจันทร์ส่องกับพื้นน้ำจนเห็นเป็นเงาจันทร์สีนวลตา อากาศรอบตัวเย็นสบาย ฉันรู้สึกสุขใจทุกครั้งเวลาที่มาที่นี่
"อ้นพาอรมาที่นี่มีอะไรรึเปล่าคะ" ฉันถามเขา
อ้นยิ้มพร้อมกับหยิบสิ่งของชิ้นนึงออกมา มันคือแหวนเพชร ถึงแม้มันจะเป็นแหวนที่มีเพชรเล็ก ๆ เพียงเม็ดเดียว แต่ฉันคิดว่ามันช่างเป็นแหวนที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา อ้นหยิบแหวนมาสวมให้ฉัน ที่นิ้วนางข้างซ้าย
"แต่งงานกับผมนะครับ อร" เขาพูดพร้อมกับหอมแก้มฉันเบา ๆ
ฉันอายจนพูดอะไรไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าตอบรับคำขอจากเขา เราสองคนกอดกันแน่น ฉันสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีให้ฉันอย่างเปี่ยมล้น เขารักฉันจริง ๆ มันเป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดในโลก...อ้นบอกว่าเขาจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอฉันอาทิตย์หน้า ต้องรอให้คุณแม่ของเขาไปดูฤกษ์ ดูยามก่อน
เขาขอฉันแต่งงาน นี่ฉันกำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวแล้วเหรอเนี่ย ฉันคงไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
เมื่อวันที่ : 26 พ.ย. 2547, 16.53 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...